คิมจองอูก็เป็นแบบนี้ตลอด ซ่อนบาดแผลบนใบหน้าไว้ภายใต้เส้นผม มันก็เพียงเท่านั้น แต่ทว่าก็ไม่ยอมให้ใครได้เห็นมือข้างซ้ายอย่างง่ายๆ เช่นกัน เช่นเดียวกับที่ไม่เปิดเผยใบหน้า แม้รู้ดีว่าเพราะเป็นฮันซองจูจึงสามารถจับมือนี้ไว้ได้ หากซองจูก็ยังคงรู้สึกไม่เพียงพอ ทุกครั้งที่อีกคนปิดบังสายตาหรือมือนั้นตอนอยู่ต่อหน้าเขา มันทำให้เขารู้สึกเหมือนยังไม่ได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างของอีกคนจนกระวนกระวาย เขาค่อยๆ ดึงมือซ้ายที่เกี่ยวกระชับกันไว้เข้ามา
“อื้ม”
เมื่อประทับจูบอย่างช้าๆ ลงบนหลังมือที่ถูกดึงเข้ามาชิดใบหน้า เสียงครางสั้นๆ ก็หลุดออกมาจากปากของจองอู แม้ได้ยินแต่ก็แกล้งไม่รับรู้ ซองจูค่อยๆ แลบลิ้นออกมา แตะปลายลิ้นลงไป และเริ่มไล้เลียไปบนหลังมือของจองอู
ทุกครั้งที่ออกแรงกดปลายลิ้นอุ่นลงไปบนมือใหญ่และแห้งกร้านจนปรากฏเป็นเส้นเลือดปูดนูนชัดขึ้นมานั้น ทำให้รู้สึกได้ว่าช่วงล่างที่สัมผัสกันอยู่ พลันเกิดแรงปรารถนาปะทุขึ้นมาจนแทบทะลัก เรียวลิ้นที่ขยับเคลื่อนช้าๆ ไปตามแนวเส้นเลือดที่ปูดนูนขึ้นมา ทุกครั้งที่มันไปบรรจบตรงโคนนิ้ว กล้ามเนื้อของจองอูก็ถึงกับเกร็งกระตุกขึ้นมา มือข้างที่เหลือไต่ขึ้นไปตามช่วงเอวของซองจู พร้อมกับลมหายใจที่หอบถี่ขึ้นทีละนิด เคลื่อนผ่านไปที่ท้ายทอย แล้วจึงขยับขึ้นไปขยุ้มกลุ่มผมเปียกชื้นเล็กน้อยนั้นไว้
“ฮึก!”
ด้วยแรงดึงที่เส้นผมจึงทำให้คอถูกดึงรั้งขึ้นมาด้วย หากซองจูเพียงส่งเสียงครางแผ่วออกมา แล้วจึงกลับไปสนใจกับมือของจองอูเช่นเดิม เริ่มจากนิ้วโป้ง ไปนิ้วชี้ ลามไปยังนิ้วกลาง ดูดดึงเรียวนิ้วยาวอย่างรักใคร่ กดปลายลิ้นลงไปตรงช่องระหว่างนิ้ว เกี่ยวกระหวัดเรียวนิ้วอีกครั้ง และเลียขึ้นไป ทำซ้ำๆ อย่างนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายก็ใส่เข้าไปในปากแล้วดูดกลืนเข้าไปจนสุด การดูดรัดซ้ำๆ ราวกับสัมผัสที่ส่วนนั้นอยู่ ค่อยๆ เคลื่อนผ่านไปทีละนิ้ว จนมาถึงสุดท้าย
มันถูกกำหนดไว้ให้เป็นที่สุดท้ายอยู่เสมอ ต่อจากการสัมผัสนิ้วกลาง ซองจูก็ค่อยๆ แตะเรียวลิ้นลากผ่านไปตามสันมือข้างซ้ายของจองอูอย่างอ่อนโยน ทุกครั้งที่เรียวลิ้นอุ่นและฉ่ำชื้นลากผ่านไปมา ลมหายใจที่ติดขัดกับกล้ามเนื้อที่กระตุกเกร็งนั้น ยังคงส่งผ่านมาถึงร่างกายของซองจูที่แนบชิดติดกันอยู่ ช่วงสะโพกที่เหมือนก้อนหินสองก้อนถ่วงอยู่ตรงกลางหว่างขา ส่วนกลางระหว่างนั้นที่ร้อนขึ้นอย่างชัดเจนจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของจองอู มันแข็งเกร็งขึ้นราวกับจะระเบิดออกเสียเดี๋ยวนั้น ด้วยไม่อาจเอาชนะความต้องการที่ท้วมท้น และช่วงสะโพกที่สั่นสะท้าน กับมืออีกข้างที่ยังคงกำขยุ้มกลุ่มผมของซองจูเอาไว้จนกล้ามเนื้อเกร็งชัดขึ้นมา เป็นสัญญาณให้รู้ว่าตอนนี้จองอูนั้นคึกคักมากขนาดไหน ถึงกระนั้นซองจูก็ยังไม่ยอมหยุด
ท้ายของท้ายที่สุด เจ้าตัวประทับจูบลงบนนิ้วมือที่ยังคงผิดรูปเช่นเดิมเสมอ ซองจูไม่ได้ใส่นิ้วนั้นเข้าไปในปาก กลับประทับจูบกว่าสิบครั้งลงไปบนนิ้วผิดรูปที่เล็บไม่ยาวออกมาอีกแล้วซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น ดวงตาทั้งคู่ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ปรารถนาเปิดปรืออยู่เช่นนั้น พร้อมกับหยาดน้ำลายสีใสที่ไหลออกมาจากริมฝีปากที่เผยอค้าง หยดเหงื่อรินไหลผ่านพวงแก้มที่ขึ้นสีแดงจัด น้ำรักที่ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัวนั้นกำลังร้องตะโกนว่าไม่สามารถทนรอได้อีกต่อไป จองอูที่ไม่อาจทนกับการกระหน่ำจูบบนเรียวนิ้วของตัวเองได้อีกต่อไป จึงดึงร่างของซองจูขึ้นมาด้านบน
“ฮึก!”
เสียงตุ้บกับความเจ็บปวดที่แล่นขึ้นมา ในตอนนั้นเองร่างของซองจูก็ขึ้นมาคร่อมอยู่บนร่างของจองอู
“อ้อนกันขนาดนี้…พร้อมแล้วสินะ”
แลบเลียเรียวลิ้นลงบนริมฝีปากคู่นั้น พร้อมกับยกยิ้มลามกออกมา ทำให้ความต้องแล่นพล่านขึ้นมาที่ท้ายทอยของซองจู ด้วยแววตาที่พร่ามัว ซองจูก็พยักหน้ารับกับคำถามนั้น
“ฮึก! อื้อ! อึก!”
แทบจะในทันที่ตอบรับออกไป จองอูก็ทาบริมฝีปากของตนเองลงบนริมฝีปากของซองจู มอบจูบแนบแน่นจนเสียงครางใดก็ไม่อาจหลุดลอดออกมาได้
พลิกตัวให้ร่างของซองจูกลับมาอยู่ใต้ร่างเขา แล้วจึงส่งมือข้างขวากดแทรกเข้าไปในช่องทางรักของซองจู
“อื้อ ไม่เอา อันอื่น อ๊ะ! ไม่เอา อันนี้…สะ ใส่มาหน่อย ได้โปรด ฮึก!”
คำพูดอ้อนวอนที่หลุดลอดออกมาจากปากอย่างยากลำบาก และท่าทางส่ายหน้าอย่างหมดหนทาง ตอนที่ใบหน้านั้นค่อยๆ เชิดขึ้นไปด้านหลัง ในตอนนั้นเองที่เรียวนิ้วของจองอูถูกดึงออกมา ช่องทางที่ตอดรัดกันครั้งแล้วครั้งเล่า แม้หลังจากที่เขาปลดปล่อยความต้องการออกไปแล้ว มืออีกข้างที่เกี่ยวกระชับกันอยู่นั้นก็ยังไม่คลายออกจากกันเลย คนทั้งคู่บดเบียดร่างกายเข้าหากันซ้ำๆ จนฟ้าสาง โดยที่ไม่มีใครยอมปล่อยมือที่กระชับเกี่ยวกันไว้ออกจากกันเลย
* * *
“ตอนนี้ค่อยๆ ทำงานไปแบบสบายๆ ได้แล้วไม่ใช่หรือไง ทำไมยังยุ่งอยู่ล่ะ”
“ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเวลาให้นายอยู่นะ”
“ไม่ใช่ว่าทำเพราะเลี่ยงไม่ได้ใช่ไหม อะไรกัน ถ้านายเป็นแบบนี้บ่อยๆ ฉันจะทิ้งนายไปถ่ายหนังที่ต่างประเทศเลยคอยดู”
“โธ่ กลัวแล้วเนี่ย”
ท่าทางที่ดูไม่ได้หวาดกลัวเลยสักนิดนั่นทำให้ซองจูอดแสดงท่าทางโมโหออกมาไม่ได้ เขาส่งเสียงจิ๊ออกมา ก่อนจะโยนหนังสือที่ถืออยู่ในมือลงไปบนโต๊ะ
วันหนึ่งของเดือนมิถุนายน ซองจูที่เบื่อหน่ายกับการอยู่คนเดียวในบ้านมาตั้งแต่เช้า พอเข้ามาที่ห้องทำงานของจองอูที่อยู่บนชั้นสามของบ้านเขา งานทุกอย่างของจองอูก็เป็นอันหยุดชะงักในทันที
หลังจากใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ซองจูมักจะใช้วิธีนี้เข้ามาที่ห้องทำงานของจองอูโดยไม่สนเวลาล่ำเวลา แล้วก็ขัดขวางการทำงานของอีกฝ่ายอย่างหน้าไม่อาย เวลาแบบนั้นจองอูก็มักจะทำใจกว้าง ปล่อยผ่านกับการก่อกวนแบบนั้นอยู่เสมอ อย่างไรก็ตามตอนที่มีงานสำคัญ ซองจูก็จะไม่เข้ามายุ่งหรือไม่ก็หลบมุมทำงานของตัวไป การจะรับมือกับท่าทางในตอนนี้ก็คือการพูดคุยอย่างเปิดใจ จองอูก้มมองซองจูที่หนุนศีรษะลงบนตักของเขา
“วันนี้หัวร้อนเรื่องอะไรมาอีกล่ะ”
“ก็แค่คิดว่าออกไปข้างนอกรับแสงแดดแล้วก็กินข้าวกันบ้างก็คงดี”
“ไม่ชอบหลบสายตาคนอื่นไม่ใช่เหรอ”
“ก็นานๆ ทีไง”
“งั้นออกไปตอนนี้เลยไหม”
“…ช่างเถอะ”
บทสนทนาที่พูดออกมาทันทีโดยไม่รั้งรอนั้น ทำให้ปากของซองจูถึงกับเบะออกมา
ถึงจะเป็นพวกเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรก็ตาม แต่พอทำแบบนี้แล้ว จองอูก็ยังแสดงท่าทางว่าไม่ใส่ใจ นั้นก็ยิ่งทำให้งอนเข้าไปอีก เพราะอยากออกไปโดยไม่วุ่นวาย ไม่ใช่แบบนี้ ที่ไหนก็ได้ เขาแค่อยากลองทำอะไรอื่นๆ ร่วมกับจองอูสักครั้งเท่านั้น ผู้ชายที่เพิ่งทลายกำแพงของเขาได้ไม่นานเท่าไหร่คนนี้ยังไม่ยอมเปิดใจทั้งหมดให้แก่เขา
‘แค่ไม่หนีไป แล้วก็อยู่แบบนี้ก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์มากแล้ว’
ซองจูยอมแพ้กับทุกอย่างทันที แล้วพึมพำอยู่ในใจ
ทุกคนที่รู้จักเขากับจองอู ขนาดน้องชายแท้ๆ ก็ไม่คิดว่าพวกเขาสองคนจะคบกันมานานขนาดนี้ได้ ซองจูสัมผัสได้ว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงไปทีละนิด
สำหรับเขาการเดตกับคนอื่นๆ มันคือการออกไปแสดงตัวในสถานที่หนึ่ง ใช้เวลาร่วมกัน แล้วก็ไปดื่มที่บาร์สักแก้วสองแก้ว หลังจากนั้นก็ไปมีเซ็กซ์กันที่โรงแรม แล้วแยกทาง เป็นแบบนั้นมาเรื่อยๆ ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะทุกคนล้วนแต่รู้จักหน้าค่าตาเขาจึงไม่สามารถไปพวกโรงหนังหรือสถานที่ที่จัดการแสดงต่างๆ ได้ พวกร้านค้าที่วัยรุ่นชอบไปหรือย่านต่างๆ ก็ไม่สามารถไปได้เหมือนกัน ไม่สามารถเดินจับมือกันไป ทำตัวติดกัน กระซิบกระซาบบอกรักแบบนั้นได้ ไม่ว่าจะคบกับผู้หญิงหรือว่าคบกับผู้ชายก็เหมือนกัน ข้อจำกัดของคนที่ใช้หน้าตาทำมาหากินนั้นมากมายเหลือเกิน แม้ส่วนใหญ่จะบอกว่าเข้าใจ แต่การเข้าใจด้วยสมองกับการเข้าใจด้วยหัวใจนั้นมันต่างกัน ไม่ว่าใครต่างก็คิดว่าชีวิตแบบนี้มันน่าเบื่อสิ้นดี
แต่ทว่าเมื่ออยู่กับคิมจองอู สถานการณ์มันกลับกลายเป็นตรงกันข้ามกัน
จองอูที่ไม่เก่งในการปรับตัวเข้ากับสังคมจึงใช้ชีวิตอยู่กับบ้านตลอดเวลา งานก็ทำที่บ้าน ใช้ชีวิตแค่ในบ้าน การออกไปข้างนอก ก็คือไปจ่ายตลาด หรือไม่ก็ออกไปธนาคารบ้างบางครั้ง ซองจูที่ถูกจำกัดการออกไปข้างนอกเพราะงานที่ทำอยู่ จึงไม่ต่างจากการใช้ชีวิตแบบตัวติดกันตลอดเวลา หากคนที่กระวนกระวายกลับกลายเป็นซองจู
นั่นเพราะเขาอยากทำหลายๆ อย่างร่วมกัน ยิ่งจองอูซ่อนตัวตนเอาไว้ก็ยิ่งกระวนกระวายใจ หากได้ทำหลายอย่างร่วมกันก็ยิ่งเพิ่มความทรงจำระหว่างกัน พอได้ใช้ชีวิตแบบเดิมตลอดเวลา ก็กลับปรารถนาชีวิตในแบบอื่น ซองจูคิดว่าตัวเองเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
“จะนาย หรือฉัน…ช่างเป็นพวกพิลึกจริงๆ เลย”
ซองจูบ่นพึมพำแบบนั้นออกมา แล้วจึงยื่นมือออกไปลูบไล้ปลายคางของจองอู
“อยู่ๆ ก็พูดอะไรออกมาก็ไม่รู้”
จองอูกล่าวเช่นนั้น ก่อนจะคว้ามือของซองจูไว้ แล้วดึงให้ลุกขึ้น
“หืม…”
พอถูกดึงให้ลุกขึ้นมา จองอูก็ประกบปิดริมฝีปากนั้นทันที ใบหน้าที่เบียดชิดจนไม่มีช่องว่างและตามทาบปิดอย่างเร่งรีบทำให้ริมฝีปากเผยอรับเรียวลิ้นชื้นของอีกคน พอเรียวลิ้นอุ่นชื้นแทรกผ่านระหว่างฟันเข้าไปสัมผัสที่เพดานปากของเขา ร่างกายนั้นก็ถึงกลับเอนไปด้านหลังอย่างนึกหวั่นในทันที ปลายเท้าที่ขยับออกไปนั้นกระตุกเกร็ง แล้วหยุดชะงักไป สิ่งที่ปรากฏในสายตาทำให้จองอูยกยิ้มไปถึงดวงตา พร้อมกับผละริมฝีปากออก
“ขึ้นข้างบนไหม”
“หือ แต่ว่า…”
“ที่นี่คงไม่ดี อาจจะมีใครเข้ามาก็ได้”
เอ่ยออกมาแบบนั้นพร้อมกับเสียงจุ๊บที่ดังขึ้นเมื่อริมฝีปากนั้นประทับจูบลงไปอีกครั้ง ซองจูยกแขนขึ้นคล้องคอของจองอูไว้
“งั้นเราขึ้นข้างบนกันไหม”
ในตอนนั้นเองประตูก็ถูกเปิดออกโดยแรงอย่างกะทันหัน
“นี่! จองอู! ข่าวใหญ่!”
เสียงปังดังสนั่นออกมา กระดิ่งที่แขวนอยู่บนประตูก็สั่นไหว พร้อมกับส่งเสียงกังวานแทรกเข้ามาในบรรยากาศที่เงียบสงัด สองคนที่ยังอยู่ในท่าทางล่อแหลมหันไปมองทางประตูด้วยความตกใจ แล้วคนคนหนึ่งที่ชะงักค้างราวกลับกลายเป็นหินไปแล้วนั้นก็จ้องมองไปยังคนทั้งคู่ด้วยสายตากระอักกระอ่วน ทั้งหมดสบสายตากันไปมา