(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท – ตอนพิเศษ 2-4 ปลายนิ้ว

ตอนพิเศษ 2-4 ปลายนิ้ว

 

 

 

ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง

 

 

“มาแล้ว!”

 

 

พอได้ยินเสียงกริ่งที่หน้าประตูใหญ่ เซจุนที่เหยียดกายอยู่บนโซฟาก็กระเด้งตัวลุกขึ้นมาทันที เจ้าตัววิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ขยับตัวอย่างเร่งรีบราวกับว่าห้องทำงานนี้เป็นของตัวเอง

 

 

“นี่ อะไรเนี่ย ทำไมมาช้านัก คนเขารออยู่เนี่ย”

 

 

“ฉันเอาของที่นายลืมมาให้ ทำไมต้องมาโดนบ่นด้วย ไอ้เจ้านี่”

 

 

“ถึงงั้นก็เถอะ ว่าแต่ทำไมนายก็มากับเขาด้วยล่ะ ฝากจีฮยอนมาให้ก็ได้”

 

 

“ก็มีที่อธิบายตกหล่นไปเมื่อกี้ด้วย ก็เลยมาทีเดียวเลย ว่าแต่ที่นี่คือ?”

 

 

“อ้า จริงด้วย แป๊บนะ!”

 

 

บทสนทนาที่เป็นกันเองตามประสาคนที่สนิทสนมคุ้นเคยกันนั้น ดังมาให้ได้ยินถึงข้างใน เซจุนตัดบทสนทนาไปกะทันหัน แล้วจึงวิ่งกลับเข้าไปในห้องทำงาน

 

 

“เลซี่! มีเวลาสักแป๊บไหม”

 

 

“เวลาเหรอครับ”

 

 

คำถามที่ถามมากะทันหัน ทำให้จองอูตอบกลับไปอย่างงุนงง คงมาโน้มน้าวให้ไปช่วยกันฟังเรื่องที่จะมาอธิบายอะไรนั่นสินะ เจ้าตัวคิดเช่นนั้นก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา

 

 

“กลับขึ้นไปอยู่ข้างบนไหม”

 

 

“ฉันเหรอ ทำไม จะอยู่นี่แหละ”

 

 

“จะไม่อึดอัดเหรอ”

 

 

“ช่างเถอะ ฉันจัดการเองได้น่า ไม่ต้องห่วง ฉันจะอยู่นี่แหละ”

 

 

ถามออกไปด้วยคิดว่าบางทีอาจจะอยากกลับขึ้นไป แต่ก็ไม่สะทกสะท้าน จองอูยอมแพ้กับการเกลี้ยกล่อมซองจู แล้วจึงหันไปหาเซจุน

 

 

“ให้เข้ามาได้เลยครับ”

 

 

เซจุนจึงวิ่งกลับไปทางประตูอีกครั้ง เมื่อได้รับคำอนุญาต

 

 

“เออ รบกวนด้วยนะครับ ได้มาเจอกันแบบนี้ยินดีมากๆ เลยครับ ผมซอนจองวอนจากเอ็นเคมิวสิคครับ”

 

 

หนึ่งในสองคนที่เดินตามหลังเซจุนเข้ามาทางประตูนั้น มีผู้ชายที่มีท่าทางสุภาพและตัวสูงกว่าเล็กน้อยโค้งทักทายอย่างนอบน้อม จองอูจึงลุกขึ้นจากที่นั่งทันที ก่อนจะโค้งกลับไปอย่างเงอะงะ แล้วผู้ชายคนนั้นก็ยื่นนามบัตรที่อยู่ในเสื้อสูทส่งมาให้จองอู ในนามบัตรนั้นระบุว่าอีกคนเป็นรองหัวหน้าแผนกวางแผน

 

 

“เออ…สวัสดีครับ ผมชองจีฮยอนจากเอ็นเคมิวสิคครับ ยินดีที่ได้พบนะครับ เป็นเกียรติอย่างมากเลย”

 

 

จากนั้นผู้ชายที่ยืนเยื้องไปด้านหลังซึ่งดูเด็กกว่าและบอบบางกว่าเล็กน้อย จึงได้ยื่นนามบัตรมาให้ด้วยท่าทางประหม่า เจ้าตัวรับนามบัตรที่ระบุว่าชื่อชองจีฮยอน เป็นหัวหน้าทีมการจัดการ แต่ทว่าจองอูนั้นรู้จักกับอีกฝ่ายดีอยู่แล้ว ชายคนนั้นก็คือคนรักของเซจุนที่ทำเอาจองอูหัวหมุนอยู่ก่อนหน้านี้

 

 

“ผมได้ยินเรื่องของพวกคุณมาเยอะเลยละครับ ยินดีที่ได้พบกันนะครับ เชิญนั่งทางนี้ก่อนครับ”

 

 

เขาส่งยิ้มไปให้ทั้งสองเล็กน้อย ก่อนจะเชิญไปนั่ง

 

 

บรรดาแขกที่ไม่คาดคิดเดินตามจองอูเข้ามาด้านใน ในตอนนั้นเอง จู่ๆ น้ำเสียงอุทานจนเกือบจะเป็นการโห่ร้องก็ดังออกมาจากปากของรองหัวหน้าซอนจองวอน

 

 

“เฮ้ย!”

 

 

เมื่อจองอูหันไปมองด้านหลังด้วยอยากรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ภาพที่ปรากฏก็เป็นใบหน้าของจองวอนที่ตาเบิกโพลงขึ้น

 

 

“นักแสดงฮันซองจู?”

 

 

จองวอนเอ่ยออกมาพร้อมกับมองซองจู จองอู และเซจุนสลับไปมา

 

 

“อ้า คือว่า…”

 

 

“คงรู้จักกันสินะครับ นี่ นายต้องบอกฉันก่อนสิว่าคุณนักแสดงเขาก็อยู่ด้วยน่ะ เลยกลายเป็นว่ามารบกวนเลยเนี่ย”

 

 

“อ้อ ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องห่วงผมหรอกนะครับ”

 

 

ซองจูยกยิ้มอย่างคนที่สุภาพเรียบร้อย แล้วจึงกล่าวกับจองวอน โล่งอกที่วันนี้ฮันซองจูนั้นแสดงสีหน้าของคนสุภาพเรียบร้อยออกมาได้อย่างไร้ที่ติ

 

 

“ไม่เป็นไรจริงๆ ใช่ไหมครับ อาจจะช้าไปสักหน่อย ผมซองจองวอนจากเอ็นเคมิวสิคครับ บริษัทของเราทำกิจการด้านเว็บไซต์เกี่ยวกับความหลากหลายทางวัฒนธรรมและการจัดโครงการต่างๆ ครับ หวังว่าหากมีโอกาส เราจะได้ร่วมงานกันสักครั้งนะครับ”

 

 

จองวอนกล่าวเช่นนั้นพร้อมกับยื่นนามบัตรให้ซองจู ท่าทางจริงจังและนอบน้อมอย่างมากนั้นเป็นที่พอใจของซองจู เจ้าตัวจึงได้ยกยิ้มเล็กน้อยและพูดกับจองวอน

 

 

“ผมเองก็ไม่ใช่เจ้าของบ้าน พูดไปอาจจะแปลกสักหน่อย แต่ก็เชิญทำตัวตามสบายเลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ”

 

 

“ไม่เป็นไรเลยครับ ได้มาเจอกันแบบนี้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากเลยครับ”

 

 

จองวอนกล่าวเช่นนั้นออกมา ก่อนจะนั่งลงตรงโต๊ะสำหรับประชุมที่ถูกจัดวางไว้ตรงมุมหนึ่งของห้องทำงาน จีฮยอนที่เฝ้ามองคนทั้งสองอยู่จึงได้ขยับเข้าไปใกล้ซองจู ก่อนจะยื่นนามบัตรให้

 

 

“ผมชองจีวอนครับ ฝากตัวด้วยนะครับ”

 

 

เจ้าเด็กนี่คือคนรักของเจ้าเซจุนสินะ คำทักทายสั้นๆ และนามบัตรที่ส่งมานั้นทำให้ซองจูยกยิ้มสดใสให้กับอีกคน

 

 

“ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

 

 

ไม่รู้ว่าการให้นามบัตรนั้นเป็นมารยาททางการหรืออย่างไร หรือเพราะเจ้านายอย่างจองวอนคอยพร่ำบ่นกรอกหู จีฮยอนจึงโค้งศีรษะให้เขาอีกครั้ง ก่อนจะเดินจ้ำอย่างรวดเร็วตามไปนั่งที่ข้างๆ จองวอน ตลอดเวลาที่คนทั้งสองและเซจุนวุ่นวายกับการเตรียมการประชุม จองอูก็เตรียมของว่างเพื่อมาต้อนรับแขกที่ไม่คาดคิด

 

 

“พี่ครับ ถ้าเบื่อมานั่งด้วยกันตรงนี้ไหมครับ”

 

 

เซจุนที่มีท่าทางชอบอกชอบใจกับการได้นั่งข้างจีฮยอนเอ่ยถามซองจูอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ ซองจูที่นั่งเอียงตัวบนโซฟา เตรียมที่จะอ่านหนังสือ จึงได้หันไปมองทางโต๊ะประชุม

 

 

“ฉัน? จะไม่รบกวนเหรอ”

 

 

“มีอะไรให้รบกวนล่ะครับ แต่ถ้าสบายใจจะอยู่ตรงนั้นคนเดียว ก็แล้วแต่นะครับ”

 

 

ซองจูที่มองหน้าเซจุนที่กำลังพูดอะไรประหลาดออกมาๆ ตัดสินหยิบหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเล่มหนึ่ง ก่อนจะลุกจากที่นั่ง

 

 

“ก็ถ้าพูดขนาดนั้น จะไม่ปฏิเสธแล้วกันนะ”

 

 

กล่าวออกมาแบบนั้น แล้วซองจูก็เดินไปทางโต๊ะประชุมอย่างเนิบๆ

 

 

ดึงเก้าอี้ตัวที่อยู่ข้างๆ เก้าอี้ที่มีโทรศัพท์ของจองอูวางอยู่ออกมาแล้วนั่งลงทันที จองวอนที่ดวงตาเป็นประกายก็มองสลับไปมาระหว่างซองจูและเซจุน

 

 

“ว่าแต่ว่า รู้จักกันได้ยังไงเหรอ”

 

 

ใบหน้าที่หันมาถามเซจุนนั้นเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ เซจุนจึงตอบคำถามนั้นออกมาอย่างเบื่อหน่าย

 

 

“ไม่รู้หรือไง เนี่ยพี่ชายแท้ๆ ของซองฮี”

 

 

“หา จริงเหรอ ไม่เห็นรู้เลย!”

 

 

ดวงตาของจองวอนผู้ไม่รู้อะไรเลยเบิกกว้างขึ้น มีเพียงจีฮยอนที่รู้จักชื่อเสียงของซองจูผ่านทางเซจุนเท่านั้นที่ยังคงมีสีหน้าไม่รู้สึกรู้สาอะไร จองวอนสะกิดเข้าที่เท้าของจีฮยอนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา ก่อนจะกระซิบกระซาบถาม

 

 

“นี่ ทำหน้าแบบนี้แสดงว่านายรู้อยู่แล้วงั้นเหรอ แล้วทำไมไม่บอกกันก่อนล่ะ”

 

 

“มันดังออกจะตาย พี่น่ะตกข่าวเองแท้ๆ ทำไมมาโทษผมล่ะ”

 

 

“ในเมื่อบอกว่าฉันตกข่าวเอง ก็ไม่มีอะไรจะแก้ตัวแล้ว อันที่จริงข้อมูลพวกนี้มันก็ไม่ได้สำคัญสักหน่อยนี่”

 

 

คำพูดนั้นทำให้ซองจูปรายตามอง

 

 

“ถ้างั้นอะไรที่สำคัญล่ะครับ”

 

 

“นั่นมันก็เห็นชัดๆ อยู่แล้วนี่ครับ เรื่องสำคัญยังไงก็ต้องเป็นเรื่องการแสดงสิครับ นักแสดงสื่อสารกับผู้คนผ่านการแสดงไม่ใช่เหรอครับ นักดนตรีก็ใช้ดนตรีเป็นสื่อ นักแสดงก็ใช้การแสดง พวกเราก็สื่อสารกันผ่านบทเพลงที่ไพเราะ”

 

 

ซองจูให้ความสนใจจองวอนที่พูดออกมาแบบนั้นเป็นอย่างมาก ท่าทางสุภาพนอบน้อม ดูสดใส แล้วยังมีมารยาทอีกด้วย ความคิดก็ถูกใจเขามากด้วย ทั้งนี้การเป็นคนรู้จักของคิมเซจุนซึ่งเป็นคนที่เขาเชื่อถือที่สุดในบรรดาเพื่อนๆ ของซองฮี ก็เป็นเหตุผลที่พอให้ยอมรับได้แล้ว ซองจูยกยิ้มขำ ก่อนจะกล่าวกับจองวอน

 

 

“สนิทกับเซจุนเหรอครับ”

 

 

“ครับ?”

 

 

“เป็นเพื่อนเจ้านี่เหรอ”

 

 

จองวอนพยักหน้ารับคำพูดนั้น

 

 

“ครับ ไม่กี่ปีก่อนได้ร่วมงานกันก็เลยสนิทกันน่ะครับ”

 

 

“อ้อ อย่างนี้นี่เอง พูดสบายๆ เถอะครับ ถ้าเป็นเพื่อนเซจุน ก็เป็นเพื่อนของซองฮีด้วย เรียกคุณนักแสดงแบบนั้นมันก็ออกจะแปลกอยู่นะครับ”

 

 

เซจุนกับจีฮยอนถึงกับทำสีหน้าฉงนกับคำพูดและรอยยิ้มสดใสแบบนั้น พวกนั้นจ้องมองไปยังคนทั้งคู่ด้วยความรู้สึกเหมือนเฝ้าจับตามองระเบิดเวลา

 

 

“เออ แต่ว่าจู่ๆ จะให้ทำแบบนั้นเลยมันก็…”

 

 

“ก็นะ เราคงได้เจอกันอีกบ่อยๆ อยู่แล้ว ค่อยๆ ปรับไปก็แล้วกันนะ ก่อนอื่นจะให้เรียกยังไงดีนะ คุณนักแสดงมันดูเกินไปหน่อย เอาเป็นเรียกพี่ก็พอ จริงสิ ฉันเริ่มพูดธรรมดาๆ ก่อนแบบนี้ โอเคใช่ไหม”

 

 

“ครับ? อ้า ครับ…ไม่มีปัญหาครับ”

 

 

สุดท้าย ด้วยความงุนงงทำให้ซองจูจัดการเรื่องคำเรียกให้จองวอนเป็นที่เรียบร้อย พอเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับใบหน้าของเซจุนที่มองมาด้วยสายตากระดากใจ แต่แล้วเซจุนก็หลบสายตาของเขาที่มองกลับราวกับถามถึงเหตุผล เขาจึงได้แต่คันยุบยิบในใจ ตอนนั้นเองแก้วที่บรรจุไอซ์อเมริกาโน่อยู่เต็มเปี่ยมก็ถูกวางลงตรงหน้าเขา

 

 

“อากาศร้อนแบบนี้ ต้องมาถึงที่นี่คงลำบากแย่ ดื่มนี่ก่อนแล้วค่อยๆ คุยกันไปแล้วกันนะครับ”

 

 

“อ้า ขอบคุณครับ”

 

 

เพราะจองอูที่เข้ามาจัดการจบสถานการณ์ตรงหน้าในตอนท้าย บรรยากาศจึงไม่ได้กระอักกระอ่วนอีกต่อไป จองอูวางแก้วกาแฟลงตรงหน้าคนที่นั่งรวมกันอยู่ที่โต๊ะ ก่อนจะวางแก้วกาแฟที่มีน้ำแข็งอยู่เต็มแก้วไปตรงหน้าซองจูเป็นคนสุดท้าย

 

 

“อย่าให้มันเกินไปนักสิ”

 

 

เจ้าตัวลูบลงไปบนกลุ่มผมของซองจูแผ่วเบา ก่อนจะนั่งลง จองวอนที่มองท่าทางของคนทั้งสองอย่างสนอกสนใจนั้น เคาะฝ่ามือเบาๆ ลงบนโต๊ะ

 

 

“เอาล่ะ งั้นรีบๆ เริ่มประชุมกันเลยดีกว่าครับ คุณเลซี่เองก็ต้องมาหยุดทำงานเพราะพวกเราที่เข้ามากะทันหันแบบนี้ด้วย”

 

 

“ไม่เป็นครับ แล้วก็ผมคิมจองอู เรียกผมด้วยชื่อก็ได้ครับ”

 

 

“เอางั้นเหรอ เอาเป็นว่ามาประชุมกันเถอะครับ”

 

 

เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นนัก กับการที่บอกให้เรียกตัวเองด้วยชื่อคิมจองอูแบบนั้นตั้งแต่เจอกันครั้งแรก ดูอย่างไรซอนจองวอนก็ดูจะได้คะแนนอย่างท่วมท้นในการเจอกันครั้งแรกกับจองอูและคู่รักของเจ้าตัว เซจุนส่งแผนงานที่จองวอนนำมาให้กับจองอูด้วยหนึ่งฉบับ

 

 

ในแผนงานนั้นไม่ได้มีข้อมูลที่ซับซ้อนอะไรเลย จองอูมองดูแผ่นกระดาษที่ในนั้นเพียงอธิบายสถานที่แสดง จุดประสงค์ รูปแบบที่ทางบริษัทต้องการเอาไว้เพียงคร่าวๆ ก่อนจะวางมันลง แล้วกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ

 

 

“เรื่องอื่นก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ในแผนงานนี้ระบุว่ามีการแสดงแบบอะคูสติกกับแบบปกติมาด้วย แบบนี้คือให้มาเป็นตัวเลือกที่ทางเราจะตัดสินใจหรือเปล่าครับ”

 

 

“อ้า ก็อย่างที่พูดมาแหละครับ ทางเราอยากให้เป็นการแสดงแบบอะคูสติก แต่ว่าตอนประชุมเมื่อกี้ เซจุนบอกว่าไม่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้เองคนเดียวได้ ก็เลยทำมาให้เลือกแบบนี้ครับ”

 

 

พอได้ฟังคำพูดของจองวอน สายตาของจองอูก็เหลือบมองไปทางเซจุนทันที แต่ทว่าสีหน้าของเซจุนที่ทำเป็นไม่รับรู้กับสายตาที่บอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินอะไรแบบนี้กลับเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย จองอูเคาะปากกาที่ถืออยู่ในมือลงบนโต๊ะ ก่อนจะกล่าวออกมา

 

 

“ผมคิดว่าแสดงแบบปกติดีกว่านะครับ”

 

 

สีหน้าของเซจุนที่ได้ยินคำพูดนั้นเคร่งเครียดขึ้นทันที

 

 

“ผมคิดว่าตัดความหลากหลายออกไป แล้วก็เล่นแบบอะคูสติกอย่างเดียวจะดีที่สุดนะครับ เวลาการแสดงทั้งหมดมีประมาณหกสิบนาที รวมช่วงอังกอร์ด้วยแล้วคงสักเก้าสิบนาที กับเวลาขนาดนี้ ถ้าเราทำการแสดงให้มันออกมาผ่อนคลายมากกว่าแสดงแบบใส่พลังจัดเต็มอย่างที่เคยทำทุกที มันจะไม่ดีกว่าเหรอครับ”

 

 

“การแสดงอะคูสติก เมื่อก่อนก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยทำนี่ครับ ประมาณสองปีก่อน ถ้าผมจำไม่ผิด มันเป็นการแสดงที่ทางเอ็นเคมิวสิคจัดขึ้นด้วยนะครับ”

 

 

“นั่นมีแค่วงคราฟท์นี่ครับ พวกเราอยากเห็นคุณจองอูมาร่วมเล่นแบบอะคูสติกด้วยไงครับ”

 

 

“ไม่รู้สิครับ…”

(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท

(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท

ตอนที่ 1 – 5.5 (ตอนพิเศษ) อ่านนิยาย (จบ) ฮันซองจูนักแสดงหนุ่มชื่อดังโดนคู่หมั้นสาวถอนหมั้นอย่างไร้เยื่อใย แต่แล้ววันหนึ่งเจ้าของต้นสังกัดก็ส่งคิมจองอู ชายหนุ่มแปลกหน้าให้มาพักกับเขา จากที่คิดว่าอีกคนคงจะทนไม่ได้แล้วจากไป แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก้าวเข้ามามีอิทธิพลต่อหัวใจฮันซองจูมากกว่าที่คิด ทำไมแค่มีอีกคนอยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็รู้สึกดีขึ้นมาได้ ใครคนหนึ่งได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงให้เขามี ‘ชีวิต’ ขึ้นมา แล้วแขกไม่ได้รับเชิญที่ชื่อคิมจองอู ก็ไม่ใช่แค่คนแปลกหน้าอีกต่อไป แสดงเพิ่มเติม

Options

not work with dark mode
Reset