(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท – ตอนพิเศษ 2-9 ปลายนิ้ว

ตอนพิเศษ 2-9 ปลายนิ้ว

 

 

 

 

“สามล้านวอน เท่านั้นก็พอ” 

 

 

“ว่าไงนะครับ สามล้านวอนเลยเหรอครับ เงินจำนวนขนาดนั้นพูดเหมือนมันจะหล่นลงมาจากฟ้าเองได้ยังงั้นแหละครับ” 

 

 

“ถึงยังไง นั่นก็ลดให้แล้ว หรืออยากจะให้ห้าล้านวอน” 

 

 

“แม่ครับ!” 

 

 

ผ่านมานานแล้วที่การพูดคุยด้วยอารมณ์คุกรุ่นดำเนินมา หลังปลดประจำการได้ไม่นาน คนที่บ้านก็โทรมาหา แม้เขาจะหนีออกจากบ้านมา แต่ก็เป็นพ่อแม่ที่ให้กำเนิดเขา จองอูจึงโทรกลับไปถามไถ่ความเป็นอยู่บ้างนานๆ ครั้ง 

 

 

ทุกครั้งไม่เคยมีใครยินดีต้อนรับเขาเลย ตาและยายที่คิดว่าจองอูคือตัวซวยของตระกูล หากได้รับโทรศัพท์จากเขาก็จะวางสายทันทีโดยไม่พูดคุยอะไร พ่อที่ออกไปเล่นการพนันในตลาด จึงไม่เคยอยู่ที่บ้าน เหลือเพียงแม่คนเดียวที่ยังสนใจรับสายจองอูอยู่ แต่ว่าบทสนทนาทั้งหมดก็เพียงร้องขอเรื่องเงินเท่านั้น 

 

 

เพราะตาป่วยบ้าง จะเอาไปใช้หนี้พนันพ่อบ้าง แม่สุขภาพไม่ดี ทำงานในไร่ไม่ได้บ้าง เหตุผลนั้นมีอยู่มากมาย แต่สรุปแล้วก็คือเรื่องเงินนั่นเอง ก่อนที่เขาจะเข้ากรม ถึงเขาจะได้รับความลำบากจากสิ่งที่ถูกกระทำมาตลอด ก็ยังคงส่งเงินไม่กี่แสนวอนไปให้อยู่บ้าง แต่ว่าจู่ๆ ก็มาขอสามล้านวอนเนี่ยนะ จองอูได้แต่พูดไม่ออก 

 

 

“ทำไมจู่ๆ ก็อยากได้เงินมากมายขนาดนั้นล่ะครับ” 

 

 

“ค่ารักษาพ่อแกที่ป่วยอยู่” 

 

 

คำพูดนั้นยิ่งทำเอาจองอูพูดไม่ออกเขาไปใหญ่ 

 

 

“เป็นอะไรเหรอครับ” 

 

 

“ไม่รู้” 

 

 

ไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไร แต่เพราะแม่ต้องจ่ายค่ารักษาก็เลยมาขอเงิน ถึงจะสงสัยอยู่ว่าป่วยจริงหรือไม่ แต่เพราะจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยร้องขอเงินมากมายขนาดนั้น หากถึงขนาดมาขอเงินกับลูกชายที่เพิ่งจะออกจากกรมมาได้ไม่นานแบบนี้ก็คงจะขัดสนจริงๆ จองอูกัดริมฝีปากแน่น 

 

 

“ต้องการเมื่อไหร่ครับ” 

 

 

“ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ได้เงินแล้วก็โทรมา” 

 

 

เมื่อแม่พูดคำนั้นจบ ก็วางสายไปทันที ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ไม่ใช่การพูดคุยแบบแม่ลูกเลยสักนิด 

 

 

ด้วยงานบาริสต้าที่เคยทำอยู่คงไม่สามารถหาเงินมากขนาดนั้นมาได้ทันที และถึงอย่างนั้นให้ไปสมัครงานบริษัท เขาก็ยังขาดคุณสมบัติอีกมาก ถึงจะจบมัธยมปลาย แต่นั่นก็มาจากการสอบเทียบวุฒิเท่านั้น ใบประกาศหรือความสามารถอะไรก็ไม่มี ตำแหน่งผู้ช่วยที่มีอยู่มากมายก็ยังเป็นไม่ได้ สิ่งที่มีก็แค่ร่างกายที่แข็งแรงนี้เท่านั้น สิ่งที่จองอูสามารถทำได้คือไปทำงานก่อสร้าง หรือไม่ก็งานในโรงงานเท่านั้น 

 

 

 

 

 

“งานจะเริ่มตั้งแต่เก้าโมงนะครับ แต่ว่าก็ต้องไปสอบถามรายละเอียดตามแต่ละแผนกอีกที บางทีอาจจะต้องมาทำงานเช้ากว่านั้น ส่วนเวลาเลิกงานคือหกโมง แต่แค่วันแรกเท่านั้นที่ให้กลับบ้านได้เลย ส่วนวันต่อมาถ้าไม่มีธุระด่วนอะไร อยู่ทำงานล่วงเวลาต่อก็จะยิ่งดีครับ วันนี้จะพาไปสัมภาษณ์ แล้วผลก็จะออกมาตอนบ่ายเลย หลังจากนั้นก็จะติดต่อเรื่องวันเวลาเริ่มงานที่แน่นอนไปอีกทีนะครับ” 

 

 

“ถ้าตกสัมภาษณ์จะทำยังไงล่ะครับ” 

 

 

“เราจะได้เจอกันอีกเมื่อถึงเวลาครับ ที่นี่ขาดคนอยู่ตลอด เลยมีคนมาสัมภาษณ์อยู่ทุกวัน ใช่คนที่เคยสอบตกมาก่อนหรือเปล่า ผมก็ไม่รู้หรอกครับ” 

 

 

เมื่อขึ้นมาบนรถของนายหน้าหาคนงานที่พูดไม่หยุดจนกลัวว่าเส้นเสียงจะพังเสียก่อน รถก็มุ่งหน้าไปยังสถานซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน ภายในรถคับแคบ มีจองอูรวมกับคนอื่นๆ อีกสี่คนนั่งมาด้วยกัน ทุกคนเป็นคนที่กำลังไปสัมภาษณ์ที่บริษัทเดียวกัน แต่ทว่าไม่ใช่แค่นายหน้าหาคนเท่านั้น คนอื่นๆ ก็ด้วย จองอูรู้สึกว่าทั้งหมดนั้นต่างกำลังแอบมองเขา พอเขาเห็นรูปร่างที่ดูสะดุดตาของตัวเองผ่านทางกระจกมองหลัง ก็ได้แต่กลั้นขำเอาไว้ 

 

 

ทรงผมเกรียนทั้งหัวเพราะเพิ่งออกจากกรมมาได้ไม่นาน รอยแผลตะปุ่มตะป่ำที่พาดยาวจากหน้าผากมาจนถึงหางตา บุคลิกเย็นชา และใบหน้าไร้อารมณ์ ไม่ว่าใครได้เห็นก็ต้องตกใจราวกับถูกคุกคาม เพราะแบบนี้จึงทำให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในกรมได้อย่างสบายใจ แต่ว่าก็ไม่ได้ยินดีกับสายตาของผู้คนที่มองมาเหมือนเขาเป็นพวกนักเลงอันธพาลแบบนั้นนัก ทว่าเพราะรูปลักษณ์แบบนี้จึงทำให้ไม่มีใครกล้ารังแกเขา ดังนั้นจองอูจึงได้ไม่พูดอะไรที่ไร้ประโยชน์ออกไป 

 

 

บ้านเกิดในชนบทและค่ายทหาร แล้วก็โซลที่เป็นบ้านของดงฮยอน สำหรับจองอูที่ไม่เคยได้ออกไปไหนไกลจากที่เหล่านั้น อินชอนจึงเป็นสถานที่ที่น่าตื่นเต้นอย่างมาก เมื่อตัดสถานที่ที่ต้องใช้ร่างกายทำงานจนกระดูกลั่นไปทั้งตัวอย่างไซต์ก่อสร้างออกแล้ว ก็มีเพียงไม่กี่เมืองที่เขาสามารถไปทำงานได้ งานส่งของก็ไม่ต่างจากงานก่อสร้าง สุดท้ายจึงเหลือแค่งานโรงงานเท่านั้น ถึงอย่างนั้นที่ที่มีงานให้ทำเยอะก็คืออินชอนหรืออันซัน ไม่ก็ต่างจังหวัด 

 

 

เพราะคิดจะพักอยู่ใกล้ๆ ดงฮยอน การไปต่างจังหวัดจึงเป็นไปไม่ได้ สุดท้ายแล้วในบรรดาทางเลือกที่มีไม่มากนักนั้น จองอูก็เลือกที่อินชอน 

 

 

ถึงดงฮยอนจะห้ามเขาครั้งแล้วครั้งเล่า และบอกว่าจะให้เขายืมเงิน เขาจะได้ไม่ต้องไปทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนั้น แต่ว่าพอออกจากกรมมาแล้ว เขาก็ไม่คิดอยากจะติดหนี้บุญคุณเพิ่มไปอีก เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของเขาด้วยซ้ำ การจะยืมเงินในจำนวนที่ครอบครัวร้องขอนั้นจากดงฮยอน มันยิ่งเป็นการกระทำที่ไร้สำนึกอย่างมาก สุดท้ายหลังจากสัญญาไปว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นมาก็จะเลิกทำทันที จองอูจึงสามารถขึ้นรถไฟมาที่อินชอนได้ 

 

 

หลังจากเข้าไปในเว็บไซต์หางาน เขาก็เลือกที่ที่มีหอพักให้แล้วลองโทรไป หลังจากนั้นก็มีการติดต่อกลับมาให้ไปลองสัมภาษณ์จากหลายๆ ที่ ในบรรดาทั้งหมดนั้น เขาลองไปที่ที่ติดต่อกลับมาเป็นที่แรก แล้วก็พบคนที่มีสถานภาพเดียวกันกับเขากำลังรออยู่เช่นกัน 

 

 

เมื่อกรอกใบสมัคร ใช้รูปที่สแกนจากบัตรประชาชนแปะลงไปแทนรูปถ่ายเพื่อยืนยันตัวตน ก็ถูกพาไปยังสถานที่สัมภาษณ์ ผ่านเส้นทางที่ก็ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน จนมาถึงที่โรงงานแห่งหนึ่ง มีคนมากมายเกินร้อยคนมารวมตัวกันอยู่ 

 

 

“เอาล่ะ เราต้องรู้ก่อนว่าตัวเองจะได้ทำงานที่ไหน ฉะนั้นผมจะพาไปดูงานคร่าวๆ ก่อนนะครับ เชิญตามมาเลยครับ” 

 

 

นายหน้าหาคนงานที่คุ้นเคยกับเรื่องนี้ดี เริ่มพาคนมากมายเดินดูรอบๆ ตัวอาคาร ในขณะที่มองผ่านหน้าต่างเข้าไป ดูคนที่กำลังขะมักเขม้นทำงานต่างๆ ที่เขาก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร จองอูก็ยังไม่รู้สึกว่ามันคือเรื่องจริง เขาเพียงต้องการมาหาเงินเท่านั้น เพื่อสิ่งนั้นเขาถึงต้องมาไกลขนาดนี้ หลังจากจองอูส่งเงินสามล้านวอนที่แม่ขอไปให้ได้แล้ว เขากำลังคิดว่าจะเก็บเงินเพื่อซื้อเครื่องดนตรี 

 

 

“…งั้นเชิญไปที่โรงอาหารชั้นห้าเลยนะครับ เราจะไปสัมภาษณ์กันที่นั่น” 

 

 

นายหน้าที่ลากพาไปนู่นมานี่อยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็ปิดปากลงได้ เมื่อออกจากบริเวณทางเดินที่เต็มไปด้วยเสียงเครื่องจักรกำลังทำงานมาแล้ว ตลอดเวลาที่เดินขึ้นบันได จองอูก็ได้แต่สงสัยว่าจะสามารถทำงานที่นี่ได้จริงหรือ 

 

 

“คุณคิมจองอู มาทำงานโรงงานครั้งแรกสินะ ก่อนหน้านี้ทำงานอะไรเหรอครับ” 

 

 

“ผมเพิ่งออกจากกรมครับ” 

 

 

“แล้วก่อนหน้านั้นอีกล่ะครับ” 

 

 

“ทำงานบาริสต้าครับ” 

 

 

“…สอบเทียบวุฒิมอปลายมาสินะครับ” 

 

 

“ครับ ที่บ้านไม่มีเงินน่ะครับ” 

 

 

จองอูพูดโกหกไป ถึงอย่างไรหากไม่หนีออกมาก็คงไม่ส่งเรียนต่อมัธยมอยู่ดี จะว่าเป็นคำโกหกก็ไม่ใช่เสียทีเดียว คนสัมภาษณ์เหลือบมองมาที่จองอู ก่อนจะเอ่ยถามออกมาคำหนึ่ง 

 

 

“ตรงนั้น” 

 

 

“ครับ?” 

 

 

“ตรงนั้นทำไมถึงได้เป็นแบบนั้นล่ะครับ” 

 

 

มือของอีกคนชี้มาที่หน้าผากของเขา ในตอนนั้นจองอูจึงได้จับไปที่รอยแผลเป็นตรงหน้าผากที่ชวนให้ตื่นตกใจนั่น 

 

 

“อ๋อ นี่เป็นแผลที่เกิดเพราะตอนเด็กถูกของหนักตกใส่ตัวน่ะครับ” 

 

 

ถึงจะพูดแบบนั้นออกไปก็ตาม แต่คนสัมภาษณ์ก็ยังคงจ้องเขม็งมาที่จองอู ความตื่นเต้นที่ล้นทะลัก ทำให้ฝ่ามือนั้นเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อที่ไหลซึมออกมา ในตอนนั้นเองที่อีกคนเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง 

 

 

“ลำบากแย่เลยนะครับ สัมภาษณ์เสร็จแล้วครับ ทำได้ดีมากครับ” 

 

 

จองอูลุกขึ้นจากที่นั่งเมื่อคำพูดถูกกล่าวออกมา และในระหว่างที่กลับไปยังบ้านของดงฮยอน จองอูก็ได้รับข้อความว่าผ่านการสัมภาษณ์แล้ว 

 

 

“งานของพวกเราเหนื่อยกว่าที่คิดนะ ทนได้ใช่ไหม เหมือนจะไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อนเลยนะ” 

 

 

“ไม่เคยครับ แต่ผมทำได้ครับ” 

 

 

“ก่อนหน้านี้ทำงานอะไรมาล่ะ” 

 

 

“เป็น…บาริสต้าครับ” 

 

 

“ทำพวกกาแฟน่ะเหรอ” 

 

 

“ครับ” 

 

 

ผ่านการสัมภาษณ์มาได้แล้วครั้งหนึ่ง ก็ต้องมาเจอสัมภาษณ์อีกครั้ง จองอูนั่งอยู่ในสถานที่ซึ่งส่องสว่างไปด้วยแสงไฟสีเหลือง ขณะกำลังถูกสัมภาษณ์อีกเป็นครั้งที่สอง 

 

 

หลังจากได้รับข้อความว่าผ่านเข้าทำงานได้ไม่กี่วัน จองอูก็สามารถเข้ามาทำงานได้แล้ว เขาได้มาทำงานตามที่นายหน้าเป็นคนจัดส่งให้ เช่นเดียวกับวันสัมภาษณ์ ผู้คนนับสิบคนมารวมตัวกันในห้องรับรองและเซ็นสัญญาจ้างงาน แล้วมายืนต่อแถวตรงประตูทางเข้าออก เพื่อบันทึกลายนิ้วมือในการยืนยันเวลาเข้างานและเลิกงาน เมื่อมาถึงห้องแต่งตัว ทุกคนก็จะได้รู้ว่าตัวเองได้ถูกจัดไปอยู่ในแผนกไหน หลังจากจองอูได้รับชุดที่ปกปิดมิดชิดราวกับชุดนักบินอวกาศกับรองเท้าที่เหมือนทำด้วยไม้มาแล้ว เขาก็เดินตามหลังเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งมาที่ฝ่ายที่เรียกว่า D/F 

 

 

“รู้หรือเปล่าว่าแผนกเราทำงานเกี่ยวกับอะไร” 

 

 

ชายผู้มีดวงตาเป็นประกายเอ่ยถามขึ้น ชายคนนั้นคือคนที่เป็นหัวหน้าของแผนกนี้ การพูดคุยด้วยภาษาไม่เป็นทางการแบบนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ถึงจะไม่ค่อยพอใจนัก แต่พอออกจากรมมาแล้วก็พอรู้ว่าบางที่ก็ยังใช้วินัยทหารแบบนี้อยู่ จองอูจึงมองสบไปที่ดวงตาคู่นั้น ก่อนจะเอ่ยตอบ 

 

 

“ไม่ทราบครับ” 

 

 

“บริษัทของเราคือบริษัท fpcb เป็นบริษัทที่ทำแผงวงจร ส่วนใหญ่ก็ผลิตชิ้นส่วนที่ใส่ในพวกโทรศัพท์มือถือนั่นละ แผนก D/F มีหน้าที่ขึ้นรูปแผงวงจร ถ้าเกิดความผิดพลาดในส่วนงานของเรา สินค้าก็จะเสียหายเยอะแยะ ดังนั้นต้องระวังให้มาก แล้วก็มีเรื่องที่ต้องคอยระวังเยอะด้วย อาจจะเกินความสามารถของมือใหม่ก็ได้” 

 

 

“ไม่เป็นไรครับ ไม่ว่าที่ไหน ก็ไม่มีงานที่ทำได้ง่ายๆ อยู่แล้วครับ” 

 

 

จองอูตอบกลับไปเช่นนั้น อย่างไรเขาก็มาเพื่อหาเงิน ถึงจะเหนื่อยแต่ถ้าได้เงินเยอะ มันก็เพียงพออย่างที่สุดแล้ว หัวหน้าที่มองท่าทางเช่นนั้นของจองอูแล้ว จึงค่อยๆ พยักหน้า 

 

 

“อายุยี่สิบสองใช่ไหม เข้ากรมเรียบร้อยแล้ว?” 

 

 

“เพิ่งปลดประจำการได้สองอาทิตย์ครับ” 

 

 

“งั้นก็ปรับตัวได้ไม่ยาก กฎของแผนกเรามีสองข้อ นายไปกับฉัน เข้าไปข้างในแล้วจะบอกรายละเอียดให้ฟัง” 

 

 

พอหัวหน้าพูดเช่นนั้นแล้วก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง 

 

 

“ล็อกเกอร์ใช้ตู้นี้ ชุดนั้นคือชุดป้องกัน ต้องเอามาเติมใส่ไว้ในนี้ ไม่ใช่ในตู้ล็อกเกอร์ สวมชุดนั้นแล้วห้ามนั่งบนพื้นเด็ดขาด แล้วก็ห้ามออกไปข้างนอกด้วย ชุดป้องกันต้องใส่ไว้ในที่เก็บ หรือไม่ก็ใส่แค่ตอนอยู่ในกรีนรูมเท่านั้น” 

 

 

“กรีนรูมคืออะไรเหรอครับ” 

 

 

คำถามของจองอูทำให้หัวหน้าชะงักไปครู่หนึ่ง 

 

 

“ที่ทำงานของเราเรียกว่ากรีนรูม” 

 

 

หัวหน้าชี้มือผ่านประตูกลาง ถัดไปทางด้านในที่มีแสงไฟสีเหลืองส่องสว่างอยู่แล้วเอ่ยต่อ โดยไม่ทันรู้ตัวอีกคนก็เปลี่ยนมาสวมชุดป้องกันที่เหมือนชุดนักบินอวกาศนั่นเช่นเดียวกัน จองอูทำตามอีกคนและหยิบจับนู่นนี่ด้วยท่าทางที่ยังไม่คุ้นเคยกับชุดที่ใส่อยู่นัก 

 

 

แล้วก็จบวันแรกในโรงงานไปเช่นนั้น 

(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท

(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท

ตอนที่ 1 – 5.5 (ตอนพิเศษ) อ่านนิยาย (จบ) ฮันซองจูนักแสดงหนุ่มชื่อดังโดนคู่หมั้นสาวถอนหมั้นอย่างไร้เยื่อใย แต่แล้ววันหนึ่งเจ้าของต้นสังกัดก็ส่งคิมจองอู ชายหนุ่มแปลกหน้าให้มาพักกับเขา จากที่คิดว่าอีกคนคงจะทนไม่ได้แล้วจากไป แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก้าวเข้ามามีอิทธิพลต่อหัวใจฮันซองจูมากกว่าที่คิด ทำไมแค่มีอีกคนอยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็รู้สึกดีขึ้นมาได้ ใครคนหนึ่งได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงให้เขามี ‘ชีวิต’ ขึ้นมา แล้วแขกไม่ได้รับเชิญที่ชื่อคิมจองอู ก็ไม่ใช่แค่คนแปลกหน้าอีกต่อไป แสดงเพิ่มเติม

Options

not work with dark mode
Reset