หลังจากวันนั้น จองอูก็คุ้นเคยกับฝ่าย D/F ได้อย่างรวดเร็ว
หน้าที่ที่ได้รับคือการประกอบแผงวงจร เป็นงานที่เอาแผ่นดรายฟิล์มซึ่งไวต่อแสงมาปิดทับลงบนแผ่นทองแดงที่ถูกตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยม เนื้องานนั้นดูง่าย แต่เพราะต้องติดแผ่นดรายฟิล์มลงบนแผ่นทองแดงที่ออกมาจากเครื่องรีดอุณภูมิสูง แล้วยังต้องตัดส่วนเกินเล็กๆ น้อยๆ ออก จึงต้องคอยระวังอย่างมากในทุกขั้นตอน
จองอูที่ค่อนข้างคุ้นมือกับงานแล้ว เข้าไปทำงานได้เพียงสี่วันก็เริ่มตัดด้วยตัวเองได้แล้ว เมื่อได้ยินว่าตัวเขาทำงานได้ค่อนข้างเร็ว ก็ทำให้มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นมาอีกนิด เพราะเป็นงานที่ทำคนเดียว จึงดูจากปริมาณงานที่ทำเท่านั้น หากไม่ทำเสียหายก็เป็นงานที่ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับใคร
ดังนั้นเพียงแค่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานหนึ่งเดือนก็หาเงินมาได้ตั้งสามล้านวอน เงินนั้นไม่ได้รวมกับค่าหอพักในแต่ละเดือน ดังนั้นจึงเป็นครั้งแรกที่จองอูได้จับเงินจำนวนมากขนาดนั้น
เขาส่งเงินนั้นไปให้แม่ แม้จะวางสายไปโดยที่ไม่ถามด้วยซ้ำว่าไปหาเงินนั้นมาจากไหน จองอูก็ยังรู้สึกดี แม้ทุกสองสัปดาห์จะต้องสลับกะ ระหว่างกะกลางวันและกะกลางคืน แต่ว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปแค่ปีเดียวก็คงจะเก็บเงินได้เป็นจำนวนมากอยู่ เขาจะเอาเงินนั้นไปซื้อเครื่องดนตรี แล้วก็คิดว่าจะหาห้องสตูดิโอที่พอสำหรับอยู่คนเดียว แต่ทว่าชีวิตมันไม่ได้ง่ายดายแบบนั้น มันไม่ได้เป็นไปตามแผนที่จองอูวาดไว้เลย
“ห้าล้าน”
“แม่!”
ไม่กี่เดือนแม่ก็โทรมาขอเงินที่มากกว่าเดิม จองอูไม่อาจอดกลั้นความโกรธได้อีกต่อไป จึงได้ตะโกนตอบกลับไปเช่นนั้น
“พูดมาตามตรงเถอะครับ ต้องการเงินมากมายขนาดนั้นไปทำไมกัน”
แม่ไม่ได้ตอบคำถามกลับมา
“พ่อไม่ได้ป่วยใช่ไหมครับ ต้องการเงินนั้นไปทำไมกันแน่ครับ!”
ถึงจะเป็นครั้งแรกที่ลูกชายแสดงความโกรธออกมาเช่นนี้ แต่ก็ยังไม่คิดจะปริปากบอกออกมาเลยแม้แต่นิด
จองอูสิ้นหวังเหลือเกิน พ่อแม่ที่ไม่ได้ใส่ใจจะเลี้ยงดูอย่างคนอื่นเขา พอโตเป็นผู้ใหญ่ก็มาร้องขอเงินทอง ถึงจะไม่ได้มีชีวิตอย่างคนอื่น แต่ก็หวังว่าจะพอมีจิตสำนึกบ้าง แต่ทั้งหมดก็เป็นเพียงความหวังเลื่อนลอย เขาได้แต่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะเอ่ยถามแม่อีกครั้ง
“พ่อติดพนันอีกแล้วใช่ไหมครับ”
“…ไม่มีก็ช่าง”
แม่พูดทิ้งไว้แค่นั้น ก่อนจะวางสายไป จองอูยอมรับบาปนั้น แต่ว่าถึงโทรกลับไปอีกครั้ง มันก็ไม่ได้ช่วยแก้ไขอะไร เขารู้ดียิ่งกว่าใคร สุดท้ายแล้วก็ได้แต่ออกไปทำงานกะดึกทั้งที่ยังไม่ได้นอนสักงีบ
จองอูกลับมายุ่งอีกครั้ง วันหนึ่งที่วัตถุดิบในการทำงานหมด ทำให้ตลอดสิบสองชั่วโมงเขาไม่ได้นั่งพักเลย ต้องคอยทำความสะอาดเครื่องจักรอยู่อย่างนั้น ในวันหนึ่งที่ยุ่งแทบตายเพราะต้องตัดงานจนแขนแทบหลุด แต่โดยรวมก็ยุ่งกันหมด
หากเป็นแผนกอื่น เมื่อไม่มีวัตถุดิบในการทำงาน ก็จะได้กลับบ้านไปพัก แต่แผนกของจองอูนั้น ต้องการคนคอยดูแลเครื่องจักร ดังนั้นไม่ว่าจะมีงานอะไรก็ต้องคอยนั่งเฝ้า เพราะแบบนั้นจึงทำให้ได้เงินเยอะ
แต่เพราะว่าไม่มีวันพักเลยสักวัน ทำงานสิบสองชั่วโมงตลอดวัน ไม่ว่าใครก็พลาดกันได้ทั้งนั้น แล้วเขาก็เข้ามาทำงานที่โรงงานนี้ได้หกเดือนกว่าแล้วโดยไม่ทันได้รู้ตัว ตอนนี้จองอูกำลังลำบากเพราะอาการพักผ่อนไม่เพียงพอเป็นเวลานาน
“จองอู แม่แบบมาแล้ว!”
หลังจากไปกินข้าวกลางวันกลับมา หัวหน้าก็เรียกหาจองอูทันที
หากแม่แบบมาแล้วก็ต้องหยุดงานที่ทำอยู่ แล้วก็ต้องไปจัดการกับตรงนั้นก่อน จองอูปิดเครื่องจักรที่เปิดไว้ แล้วเตรียมพร้อมกับการเตรียมทำแม่แบบ
“นี่ ทำเป็นเรื่องใหญ่อะไรนักหนา ใช้เครื่องรีดมือ รีบๆ รีดซะก็เสร็จแล้ว แค่ยี่สิบอันเอง”
“หัวหน้าครับ ใช้เครื่องเบอร์หนึ่งรีดมือ มันจะไม่อันตรายเหรอครับ ปกติจะต้องใช้เครื่องเบอร์สองทำ…”
“ไอ้นี่ ตอนนี้เครื่องเบอร์สองมันใช้กับฟิล์มอื่นอยู่ แล้วเมื่อไหร่จะได้ทำล่ะ รีบๆ ใช้เครื่องรีดมือรีดซะก็จบ เดี๋ยวฉันตัดเอง”
เมื่อหัวหน้ากล่าวเช่นนั้น จองอูจึงหยิบมีดคัตเตอร์ที่เคยใช้ขึ้นมา จองอูจัดเตรียมเครื่องรีดมือตามคำพูดของอีกคน
จองอูที่ใช้เครื่องเบอร์เบอร์เป็นส่วนใหญ่ ตรงส่วนระหว่างสายพานกับแกนที่ใช้ในการรีดแผ่นดรายฟิล์มทับแผ่นทองแดงนั้นมีผนังเล็กๆ กั้นเอาไว้อยู่ เพราะต้องใส่แผ่นทองแดงเข้าไปตรงช่องนั้น การรีดด้วยมือจึงต้องระวังอย่างมาก หากไม่เช่นนั้นแล้ว อาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้
ดังนั้นงานทำแม่แบบที่ใช้ระบบทำมือนั้นจะใช้เครื่องเบอร์สองที่อยู่ข้างกัน แต่ว่าในวันนี้เครื่องเบอร์สองใช้กับฟิล์มคนละชนิดกับฟิล์มปกติ ตามคำสั่งของหัวหน้าแล้วจึงต้องรีดแม่แบบที่เครื่องเบอร์หนึ่งแทน จองอูถือแผ่นทองแดงออกมาด้วยความระมัดระวังก่อนจะใส่ลงไปตรงด้านหน้า
“หัวหน้าครับ ใส่เข้าไปแล้วนะครับ”
“รู้แล้ว ค่อยๆ ใส่มาช้าๆ ละ”
“ครับ”
ก้มตัวลงต่ำ แล้วเริ่มใส่แผ่นทองแดงทีละแผ่นเข้าไปในเครื่องจักรที่มีไอความร้อนกระจายออกมา
การสัมผัสด้วยมือเปล่าหรือถูกลมหายใจตกกระทบ แผ่นทองแดงก็จะเสียในทันที ถึงจะสวมถุงมือผ้าฝ้าย แต่ก็ยังเสียได้อยู่ดี ดังนั้นเวลาจับมัน จึงมีถุงมือเฉพาะให้ใช้อยู่ ปัญหาคือถุงมือนี้มันไม่พอดีกับขนาดมือ
ในวันนั้น ถุงมือที่จองอูใส่มันใหญ่เกินไป อีกทั้งก่อนหน้านี้ที่อดหลับอดนอนมา พอมาเจอความร้อนที่พุ่งออกมาจากแกนรีด ตาของจองอูก็คอยแต่จะปิดลงอยู่เรื่อยๆ
“จองอู ช้ากว่านี้หน่อย ปรับให้ความเร็วอยู่ที่หนึ่งจุดห้านะ ช่วงระยะห่างมันสั้นไปหน่อย”
“…ครับ”
พอคืนสติจากอาการสะลึมสะลือมาได้ จองอูก็ตอบรับหัวหน้าออกไปอย่างยากเย็น ต้องระวังเอาไว้ เพราะเครื่องเบอร์หนึ่งอาจจะทำให้เกิดอุบัติขึ้นที่ไหนเมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้
ทีละแผ่น ทีละแผ่น ทุกครั้งที่ใส่แผ่นทองแดงลงไป ความร้อนก็จะพุ่งออกมาอย่างรุนแรง อุณหภูมิแกนรีดสูงสุดที่ประมาณแปดสิบองศา จะว่าร้อนก็ร้อน แต่มันมีแรงที่ทนต่อแรงดึงพอสมควร จึงนับได้ว่าเป็นอาวุธในการก่ออาชญากรรมได้เลย ตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงาน คำพูดที่ได้ยินอยู่ซ้ำๆ คือคำว่าระวัง คำพูดที่ได้ยินบ่อยจนรู้สึกเบื่อหน่าย แต่กลับไม่สามารถเอาชนะความง่วงที่เกิดขึ้นเรื่อยๆ ได้
“หัวหน้าครับ ใส่แผ่นสุดท้ายเข้าไปแล้วนะครับ”
จองอูเอ่ยบอกหัวหน้าว่าใส่แผ่นทองแดงอันสุดท้ายเข้าไปแล้ว พร้อมกับแขนที่ถูกดูดเข้าไประหว่างนั้นด้วย
เพียงใส่ชิ้นนี้เข้าไปมันก็จะเสร็จแล้ว เพราะแบบนั้นจึงได้วางใจหรืออย่างไร จองอูตกใจ พร้อมกับรู้สึกว่าสตินั้นกลับคืนมา ในตอนนั้นทั้งร่างเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส พร้อมกับริมฝีปากที่เปล่งเสียงร้องตะโกนคล้ายกับสัตว์ดังออกมา
“อ๊าก! อ๊ากกกกกกกกก!”
มันไม่ใช่เสียงของคนเลย ร่างกายบิดเกร็งไปทั้งตัว ดวงตาของจองอูที่แหกปากส่งเสียงร้องออกมานั้น พลิกกลับเป็นสีขาวโพลน ในช่วงเวลาแสนสั้นนั้น นิ้วมือของจองอูกำลังถูกดูดเข้าไปในแกนรีดอย่างรวดเร็ว
“นี่! หยุดเครื่อง! เร็วเข้า!”
พอได้ยินเสียงนั้น หัวหน้าที่รับรู้ถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นก็กดปุ่มฉุกเฉินหยุดการทำงานของเครื่องในทันที เขารีบเปิดเครื่องออกแล้วเอามือของจองอูออกจากแกนรีด แต่ทว่ากลิ่นเนื้อไหม้ผสมกับกลิ่นคาวเลือดลอยคลุ้งออกมาแล้ว
จองอูถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ดงฮยอนที่ได้รับการติดต่อก็รีบเร่งเดินทางมาที่อินชอนในทันที แล้วก็ต้องช็อกจนแทบหมดสติ เมื่อระหว่างที่มาจองอูนั้นถูกทิ้งไว้ในมุมหนึ่งของห้องฉุกเฉินอย่างคนไร้ญาติ
การผ่าตัดเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่ทว่านิ้วมือที่ผิดรูปไปนั้นก็ไม่อาจกลับคืนสู่สภาพเดิมได้อีกแล้ว ส่วนปลายนิ้วที่เสียหายทำให้เล็บมือนั้นหายไป แม้จะรักษากระดูกนิ้วที่ถูกบดเอาไว้ได้ แต่ก็ไม่อาจกลับคืนเป็นรูปร่างดังเดิมได้ การที่สามารถงอนิ้วได้แม้จะลำบากอยู่บ้าง และยังคงพอออกแรงได้อยู่นิดหน่อย เท่านี้เขาก็พอใจแล้ว
ตลอดเวลาที่พักรักษาตัวอยู่นั้น ไม่มีใครที่โรงงานมาเยี่ยมเขาเลยสักคนเดียว นายหน้าที่เคยหลอกจองอูก็ปิดกิจการหนีไปในทันที นอกจากเรื่องค่าตอบแทนจากการทำงาน ก็ไม่ได้ติดต่ออะไรมาอีก ถึงจะเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากการทำงาน หากพอส่งเรื่องไปที่สำนักงานใหญ่แล้ว พบว่าไม่สามารถขอรับค่าประกันชดเชยได้
แม้ดงฮยอนจะให้ยืมใช้อำนาจของครอบครัวไปต่อรอง แสดงท่าทีโมโหว่าเขาจะต้องได้รับค่าชดเชย แต่ทว่าจองอูกลับไม่ต้องการเช่นนั้น เขาอยากรีบลืมเรื่องราวทุกอย่างไปเสีย เพียงแค่นิ้วนิ้วเดียว แต่สิ่งที่สูญเสียไปมันกลับมีมากกว่านั้น
ความจริงที่ว่าเขาไม่สามารถเล่นดนตรีได้อย่างใจต้องการอีกต่อไปแล้ว ถึงไม่เป็นแบบนั้น รูปลักษณ์ภายนอกที่เหมือนพวกฆาตรกรโฉดก็ยังเป็นอีกหนึ่งมลทินอยู่ดี ก็แค่ขยับเข้ามาในขั้นของคนพิการอ่อนแอ งานที่จะทำได้ก็แคบลง ไม่ว่าตรงไหนก็ไม่เป็นที่พอใจเลยสักอย่าง
แต่ทว่าความจริงที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้น คือคนที่ร้องไห้เพื่อจองอูนั้น นอกจากดงฮยอนแล้วก็ไม่มีใครอีกเลย
หลังจากที่ร่างกายฟื้นตัวได้สักพัก จองอูก็โทรกลับไปหาแม่ แต่ว่าคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นครอบครัวนั้น หากได้ยินข่าวว่าเขาได้รับบาดเจ็บ คิดว่าแม่อาจจะร้องไห้ให้กับเขา ถึงไม่ร้องไห้ก็น่าจะเจ็บปวดไปด้วยกัน แต่ทว่าทั้งหมดนั่นเป็นเพียงสิ่งที่จองอูเข้าใจผิดไปเองเท่านั้น
“เงินล่ะ”
แม่กล่าวออกมาเช่นนั้น ไม่มีคำถามว่าเป็นอะไรหรือไม่ ถามหาแค่เงิน ไม่ใช่คำพูดจาเป็นห่วงเป็นใยลูกชายคนนี้ จองอูที่ไม่มีแรงกระทั่งจะตะโกนร้องออกไป ได้แต่พูดกับแม่อย่างแผ่วเบา
“ผมจะให้เงินที่ผมมีทั้งหมด แล้วก็อย่าติดต่อผมอีกเป็นครั้งที่สอง ต่อให้ตายก็ไม่ต้องติดต่อมา ให้ทำเหมือนไม่เคยมีตัวตนอยู่ แม่ก็ไม่เคยมีลูก ผมก็เป็นแค่เด็กกำพร้า จบกันแค่นี้นะครับ”
จบคำนั้น จองอูก็ไม่ได้รับการติดต่อจากแม่อีกเลย
ดงฮยอนจ่ายค่าผ่าตัดจำนวนมหาศาลนั่นให้ แต่ว่ามันยังไม่รวมค่ารักษาเล็กๆ น้อยๆ และค่ายา เพราะต้องจ่ายนู่นนี่นอกเหนือจากนั้น เงินที่จองอูเหลืออยู่นั้นก็เพียงแค่ไม่กี่ล้านวอนเท่านั้น เขารวบรวมเงินนั้นทั้งหมดโอนไปให้ในบัญชีของแม่
ดงฮยอนไปดูหอพักในอินชอนที่เขาเคยพักอยู่ ที่นั่นกลับมีคนอื่นเข้ามาอยู่แทนแล้ว เสื้อผ้าที่เพิ่งใช้ได้ไม่นานกับข้าวของมากมายถูกเอาไปทิ้งนานแล้ว ยังดีที่เขาฝากพวกโน้ตบุ๊กหรือสมุดบัญชีที่เป็นของมีค่าเอาไว้กับดงฮยอน
การใช้ชีวิตกว่าครึ่งปีที่อินชอน สิ่งที่หลงเหลืออยู่สำหรับจองอู มีเพียงบาดแผล ร่างกายที่ทรุดโทรม และบาดแผลในใจที่ลึกยิ่งกว่าเดิม และความเจ็บปวดทั้งหมดนั่นก็คงจะติดตัวเขาไปตลอดชีวิต
* * *