ท่ามกลางเสียงครางที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายขาวกระจ่างของซองจูก็โยกคลอนไปพร้อมกัน บิดเร่าไปมาด้วยเกินจะต้านทาน ร่างกายของอีกคนอ่อนปวกเปียกอย่างสิ้นแรง เมื่อถูกจู่โจมอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ซองจูจึงปล่อยร่างกายแนบสนิทไปกับร่างของจองอู แล้วขยับโยกไปพร้อมกัน
ส่วนกล้ามเนื้อที่แนบชิดยิ่งโหมกระพือความต้องการขึ้นเป็นเท่าตัว ต่างกัดกินส่วนยอดอกของกันและกัน ทำให้มันยิ่งขยายใหญ่มากขึ้น สีหน้าของจองอูที่เพิ่งได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่เกิดจากส่วนหน้าอกของตัวเองเป็นครั้งแรกนั้น มันเต็มไปด้วยความปรารถนาที่เอ่อล้น
“อึก…!”
“ฮึก!”
เมื่อโยกขยับช่วงเอวพร้อมกับครางออกมาสั้นๆ ร่างกายของซองจูก็กระตุกเกร็ง บนผิวขาวกระจ่างนั้นเริ่มปรากฏร่องรอยสีแดงและรอยฟันที่เด่นชัดขึ้นมา ร่องรอยที่ทำเอาไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน เพิ่งจะจางไปได้ไม่นานนัก แต่ว่ารอยที่สร้างขึ้นอีกครั้งนั้นจองอูรู้ดีว่ามันเป็นเครื่องประดับที่ผลิบานออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่เช่นนั้น
“ซองจู”
เจ้าตัวกระซิบเรียกชื่อของซองจูที่ข้างหู
“อือ…”
“ฮันซองจู”
เมื่อถูกเรียกชื่ออีกเป็นครั้งที่สอง ซองจูจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา จองอูเอ่ยขอร้องออกมาอย่างช้าๆ
“จับฉันเอาไว้นะ”
ซองจูไม่ได้ตอบรับคำพูดนั้น แต่กลับกระชับมือที่ยังคงจับกันอยู่เช่นเดิมนั้นแทนคำตอบ
“อย่าทิ้งกัน”
“…ไม่ทิ้งหรอก เจ้าทึ่ม นายเองก็ห้ามหนีไป”
น้ำเสียงที่แหบพร่าเพราะร้องครางพูดโพล่งออกมาเสียงดัง แล้วบนริมฝีปากของจองอูก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นทันที
นี่แหละฮันซองจู ไม่เคยอ้อนวอนและไม่ยึดติด ทั้งที่ยังร้องครางอยู่ก็ยังกัดฟันพูดขู่ออกมาได้ ดังนั้นจึงทำให้อีกคนมีเสน่ห์เกินต้านทาน และเป็นคนที่ไม่สามารถปล่อยให้หลุดมือไปได้ จองอูกระซิบกับซองจูอีกครั้ง
“สัญญาแล้วนะ”
ราวกับซองจูรอคอยคำนั้นอยู่ เจ้าตัวออกแรงกดนิ้วหัวแม่มือลงไปบนหลังมือของจองอู พร้อมกันนั้นจองอูก็เริ่มเร่งจังหวะที่พักไป
“ฮึก! อึก! อื้อ…!”
ร่างกายของซองจูที่โยกคลอนอย่างไม่หยุดยั้ง เริ่มอัดแน่นด้วยความต้องการที่พุ่งทะยานขึ้นมาทีละนิด ผิวขาวกระจ่างเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อ ใบหน้าแดงก่ำนั้นมีหยาดเหงื่อหยดย้อยลงมา ลมหายใจหอบกระเส่าถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากที่บวมเจ่อจากการถูกดูดนับครั้งไม่ถ้วน แล้วเสียงครางก็ถูกเปล่งตามออกมาจากริมฝีปากของซองจู
“อ้า…อ๊ะ! ได้โปรด อีก อีก…อีกนิด อีก”
ยิ่งคำพูดอ้อนวอนนั้นหลุดออมาจากปากของซองจู จองอูก็ยิ่งกระแทกเข้าไปในร่างกายอีกคนอย่างไม่หยุดพัก สอดลึกเข้า ลึกเข้าไปอีก ยิ่งขยับกาย เสียงอ้อนวอนจากปากของซองจูก็ยิ่งหลุดออกมา จองอูที่อยากได้ยินเสียงนั้นอีกสักหน่อยจึงได้โจมตีไม่ยั้ง ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้คนทั้งสองเร่าร้อนได้ถึงขนาดนี้ เมื่อไหร่ที่ได้แนบสนิท ก็ไม่คิดที่จะแยกจากกันอีก ต่างก็ปรารถนาในกันและกัน แม้เป็นเช่นนี้ เมื่อปลดปล่อยมันออกมาแล้ว ก็ยังคงรักษาความหวานที่สร้างขึ้นมาได้อีก แล้วก็แนบร่างกายจนชิดกันอีกครั้ง เช่นนั้นก็ไม่เป็นไรแล้ว
“ระ เร็ว…อีก อีกนิด อีก…”
“อึก กึก…”
ร่างกายที่ขยับโยกอย่างรุนแรงตามคำสั่งที่ได้รับมาอยู่เรื่อยๆ นั้นที่สุดก็ปลดปล่อยออกมา ส่วนที่คึกคักมาตลอดตั้งแต่เมื่อครู่กระตุกเกร็งเล็กน้อย ก่อนจะปลดปล่อยออกมาจนหมด ลมหายใจหอบถี่รุนแรงจนขึ้นมาถึงส่วนปลายคาง
“ฮึก อ้า!”
เสียงครางที่เริ่มผสมปนกันจนไม่อาจแยกได้ว่าเป็นของใคร เสียงเนื้อกระทบกันดังออกมา พร้อมกับร่างกายของทั้งคู่ที่โยกคลอนอย่างรุนแรง จุดที่เชื่อมกันอยู่นั้นเริ่มกระตุกเกร็ง
“กึก!”
“อื้อ อื้ม!”
ร่างกายที่กระตุกเกร็งแทบจะในเวลาเดียวกันนั้นแปดเปื้อนด้วยน้ำรักที่ล้นทะลักออกมา จากนั้นจองอูจึงประคองร่างของซองจูที่โถมเข้าสู่อ้อมกอดของเขา
“ฮือ…”
จองอูกอดร่างของซองจูที่สั่นสะท้านด้วยความต้องการที่เกินจะรับ ได้แต่หอบหายใจและไม่อาจทรงตัวอยู่ได้เอาไว้ ก่อนจะตบเบาๆ ลงบนแผ่นหลังของอีกคน จังหวะที่เหมือนเสียงจังหวะของหัวใจและความอบอุ่นที่แผ่ซ่านออกมา ซองจูจึงค่อยปรับลมหายใจกลับมาทีละนิด
“…ไม่เป็นไรนะ”
พอเสียงลมหายใจนั้นเริ่มสม่ำเสมอขึ้นมา จองอูจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ตัวตนของเขายังคงอยู่ในตัวของซองจู
“อื้อ”
คำตอบที่สั้นแต่ชัดเจนนั้นทำให้ร่างกายของจองอูคลายความกังวลลง
“เฮ้อ…”
“ถอนหายใจทำไม”
เสียงพึมพำที่แม้จะแผ่วเบาแต่ก็ชัดเจนนั้นทำให้เขาได้แต่หลุดส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมาเท่านั้น จองอูก้มลงมองซองจูที่เบะปากอยู่ในอ้อมกอดเขา ก่อนจะยิ้มกริ่ม
“ทั้งที่ทำท่าเหมือนจะตาย แต่ยังอยู่เหมือนเดิมสินะ”
“ฉันบอกตอนไหนว่าจะตาย อย่าคิดจะฆ่าคนเชียวนะ”
“เหรอ ผมผิดไปแล้วครับ”
หัวเราะออกมาพร้อมกับกล่าวคำนั้น ซองจูเงยหน้าขึ้นมาอย่างเงียบๆ
“รู้ตัวก็ดี นายน่ะแอบเข้าไปในบ้านคนอื่น แล้วก็มาขุดคุ้ยความรู้สึกของคนอื่นแล้วชิ่งหนีไป เพราะฉะนั้นก็จงใช้ชีวิตอย่างน่าอับอาย ทำแบบนั้นไถ่บาปไปตลอดชีวิตซะ”
ซองจูกล่าวเช่นนั้นออกมา พร้อมกับค่อยๆ หลับตาลง
“เพราะฉะนั้น อย่าคิดอะไรไร้สาระอีก แค่อยู่ข้างๆ ฉันก็พอ อย่าแกล้งทำเป็นว่าไม่เป็นไร ฉันน่ะไม่ว่านายจะทำอะไรก็ไม่เคยสบายใจอยู่แล้ว”
จองอูพยักหน้ารับคำพูดนั้นอย่างเงียบๆ อย่างไรเสียเขาก็ไม่มีที่ให้หนีไปอีกแล้ว คนที่ไม่ได้เรื่องนั้น ได้ตายจากเขาไปแล้ว
“จะทำตามนั้นนะ”
“ถึงจะพูดว่าไม่สบายใจ แต่ก็อย่าเก็บไปคิดมากล่ะ ไม่ทิ้งไปไหนหรอก อยู่ด้วยกันมันต้องมีเรื่องแบบนั้นบ้างแหละน่า นายเองก็…”
“ไม่หนีไปไหนแล้ว”
คำพูดของจองอูที่พูดดักทางอย่างรู้ดีว่าจะพูดอะไรนั้นทำให้ซองจูได้แต่อ้าปากค้าง ก่อนจะปิดลง เจ้าคนที่เหมือนหมาป่า ไม่สิเหมือนงูต่างหาก ตอนนี้ถึงขนาดคาดการณ์คำพูดของเขา จนทำให้เขาพูดไม่ออก
“ไอ้อ่อนเอ๊ย…”
ซองจูที่ไม่กล้าดุว่ารุนแรง ได้แต่บ่นพึมพำออกมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ จองอูเองก็ถึงกับยิ้มร่าออกมาอีกครั้ง
แม้จะพูดย้ำคำเดิมซ้ำๆ สักกี่ครั้ง ความไม่สบายใจที่ซุกตัวอยู่ในซอกหนึ่งของจิตใจก็ไม่เคยจางหายไปได้เลย ถึงอย่างนั้นหากเพียงมีความอบอุ่นที่สัมผัสได้จากมือที่จับกันไว้ มันก็คงไม่เป็นไร ทั้งคู่ต่างคิดเช่นนั้น พร้อมกับยกยิ้มออกมา สัมผัสจากมือที่ยังคงจับกันไว้นั้น พาให้ใจอบอุ่น ความสงบสุขที่ไม่เคยสัมผัสจนกระทั่งตอนนี้ ทั้งสองคนต่างหลับตาลงอย่างไม่อาจรู้ว่าใครเป็นคนเริ่ม
ไฟตรงโต๊ะหัวเตียงที่ยังไม่ได้ปิดกำลังคอยเฝ้าพิทักษ์เจ้าของที่หลับใหลอยู่บนเตียงนั้น
* * *
“วันนี้พวกคนไร้ประโยชน์จะมาอีกเหรอ”
“อื้อ ก็ยังเรียบเรียงเพลงไม่เสร็จ เลยจะมาช่วยกันตรวจน่ะ อีกเดี๋ยวก็มากันแล้ว”
“ไปทำที่ห้องซ้อมของเจ้าพวกนั้นไม่ได้เหรอ ห้องซ้อมตัวเองก็เตรียมไว้ซะดิบดี ทำไมต้องมาที่นี่ แล้วก็ทำลายชั่วโมงพักผ่อนกันด้วย”
“ยังไงซะ ถ้าเริ่มซ้อม ก็ลงไปซ้อมที่ชั้นสองอยู่แล้ว”
“เหรอ งั้นคงต้องลงไปสอดแนมที่ชั้นสองด้วยสินะ”
“พี่ซองฮีคงจะยอมหรอก”
“แล้วจะว่าอะไรได้ ถ้าฉันจะไปก็คือจะไป”
“อ้อ งั้นเหรอ”
ซองจูที่เสนอหน้าเข้ามาในห้องทำงานของจองอูตั้งนานแล้ว บ่นพึมพำออกมา ขณะที่ทิ้งตัวไปบนโซฟา
ร่างกายที่รู้สึกปวดเมื่อยจากศึกอันดุเดือดเมื่อคืนก่อน พอร่องรอยที่กระจายอยู่ทั่วตัวนั้นจางไป ก็เข้ามาที่นี่อย่างทุลักทุเล ทั้งที่ยังบ่นว่าร่างกายระบมจนแทบตายอยู่เป็นพักๆ ทั้งสองคนก็ยังผ่านค่ำคืนอันดุเดือดด้วยกันอีกครั้ง ซองจูขยับหมุนหัวไหล่ที่ปวดตึง ก่อนจะหาวออกมา
“หาว…ถ้าจะมาก็ให้รีบๆ มา เพลียจะแย่”
“ถ้าไม่ไหวก็ขึ้นไปนอน เสร็จแล้วจะตามไป”
“ไม่เอา จะอยู่นี่แหละ”
“มันวุ่นวายนะ”
“ช่างมัน ทำไมจู่ๆ ก็เอาแต่ไล่กันแบบนี้ คิดจะทำอะไรเหรอ”
แล้วเสียงติ๊ดจากประตูก็ดังแว่วมาให้คนทั้งสองที่ถกเถียงกันอย่างทุกทีได้ยิน
“จองอู มาแล้ว!”
หลังจากนั้น เซจุน ซองฮุนและซองฮีก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเสียงเอะอะโวยวาย เซจุนที่มีสีหน้าอิ่มอกอิ่มใจอยู่หน้าสุด หยุดยืนนิ่งเมื่อได้เห็นซองจูนั่งอยู่บนโซฟา กำลังมองมาที่พวกเขาด้วยสายที่ไม่ค่อยพอใจนัก
“วันนี้ก็อยู่ด้วยเหรอครับ พี่เตรียมย้ายมาอยู่นี่แล้วเหรอครับ”
เซจุนกล่าวออกไปเช่นนั้น พร้อมกับทักทายเล็กน้อย หากให้สาธยาย ถึงจะไม่ได้เห็นหน้ากันมาตั้งสี่วันแล้ว แต่ว่ากว่าครึ่งของสัปดาห์ซองจูก็มักจะมาขลุกอยู่ที่นี่ ที่พูดว่าเตรียมย้ายมาอยู่ก็ไม่ถือว่าผิดหรอก ซองจูกวาดสายตาเย็นชา มองเซจุนหัวจรดเท้า ก่อนจะปรับตัวมานั่งหลังตรง
“ที่อยู่ฉันน่ะ เตรียมไว้ชั้นบน”
คำพูดนั้นทำให้ทุกคนหุบปากเงียบยกเว้นซองจู
“พวกนายเนี่ยสิ ไม่คิดว่าขึ้นมาบ่อยเกินไปเหรอ”
“พวกเราขึ้นมาทำงานนะครับ”
ครั้งนี้เป็นซองฮุนที่ออกหน้า เจ้าตัวที่พกพาสีหน้าเย็นชา วางเครื่องดนตรีที่ถือมาลงตรงด้านข้างโซฟา
“พวกนายก็มีห้องซ้อมนี่ นั่นน่ะฉันทั้งลดค่ามัดจำแล้วก็ค่าเช่าให้แล้วไม่ใช่หรือไง”
ซองจูเท้าคางกับพนักพิงโซฟา พร้อมกับเอ่ยตอบกลับอย่างไม่พอใจ ซองฮีที่มองท่าทางเช่นนั้นของซองจูอยู่ถึงกับถอนหายใจออกมา ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา แน่นอนว่าไม่ใช่ข้างๆ ซองจู
“ตอนเซ็นสัญญาก็บอกแล้วว่าจะจ่ายค่ามัดจำ แต่นายบอกเองนี่ว่าไม่ต้อง แล้วก็บอกว่าจ่ายค่าเช่าแค่สามแสนวอนก็พอ ถ้ามันน้อยไปเพิ่มให้เอาไหม พวกเราไม่ใช่พวกขอทานสักหน่อย เงินแค่นั้นจ่ายได้สบายอยู่แล้วเถอะ”
เซจุนที่ตกใจกับคำพูดที่ออกจะรุนแรงไปสักหน่อยของซองฮี กำลังจะเอ่ยท้วง แต่ซองฮุนกลับยกมือขึ้นมาห้ามเซจุนเอาไว้ ซองฮุนส่ายหน้าอย่างหนักแน่นให้กับเซจุนที่ทำท่าอยากจะเอ่ยถาม ควรจะห้ามอีกคนไม่ใช่หรือ พร้อมพยักพเยิดปลายคาง ซองจูที่ได้ยินคำพูดนั้นกลับกำลังยิ้มแย้มออกมา
“คราวนี้น้องชายผู้น่ารักเกิดงอนเรื่องอะไรขึ้นมาอีกล่ะ”
“ไม่ได้งอน นายเองนั่นแหละที่พูดหมาๆ น่ะ”
“ฉันไปพูดหมาๆ ตอนไหน แค่บอกว่าเตรียมห้องซ้อมไว้ให้ใช้แล้ว แต่ก็ยังขึ้นมาที่นี่อยู่เรื่อยๆ ควรจะใช้ที่นั่นบ้างก็แค่นั้น ถ้าไม่พอใจก็ไปใช้ห้องซ้อมตัวเองสิ”