“เชิญเข้ามาเลยครับ รถคงจะติดสินะครับ”
“ไม่เลยครับ เพราะเราออกมาก่อนที่รถจะติดพอดี ก็เลยมาถึงได้เร็วกว่าที่คิดน่ะครับ ผมคิมเซจุนวงคราฟท์ครับ ยินดีที่ได้พบนะครับ”
“ครับ ยินดีที่ได้พบเช่นกันครับ ผมคิมจีฮุน คุณซองฮี ไม่เจอกันนานเลยนะครับ ไปฮันนีมูนมาเรียบร้อยดีใช่ไหมครับ กาแฟที่ส่งมาให้เป็นของขวัญนั่น รสชาติดีมากเลยครับ”
“ครับ เพราะคุณ เราก็เลยสบายมากเลยครับ ดีที่รสชาติถูกปากนะครับ”
พอมาถึงออฟฟิศของบริษัทโปรดักชั่นที่จะทำการถ่ายทำสารคดี ใบหน้าที่มองมาอย่างยินดีนั่นทำให้ร่างกายที่เคร่งเครียดของซองฮีผ่อนคลายขึ้นมา
สถานที่ที่เซจุนพามา คือบริษัทโปรดักชั่นของคนคุ้นเคยกับเขานั่นเอง เขาแสดงสีหน้าที่ดูเหมือนตกใจออกไป แล้วจึงได้เดินไปที่ห้องประชุมของบริษัทตามคำเชิญของประธานบริษัทอย่างจีฮุน และภายในนั้นเขาก็ได้พบกับใบหน้าที่ฉายความยินดีของคนอื่นด้วย
“โอ๊ะ ซองฮี”
“หือ? มุนเซจอง! ไม่เจอกันนานเลยนะ มาทำอะไรที่นี่ล่ะ”
การปรากฏตัวของเซจองที่มีใบหน้ายิ้มกว้างเช่นนั้น เป็นสิ่งที่ซองฮีไม่คาดคิดเลย
“วันนี้มีประชุมก็เลยถูกเรียกให้มาเตรียมชากับของว่างน่ะ แต่คงต้องไปแล้วละ”
“ไม่เห็นต้องเตรียมอะไรแบบนี้เลย ลำบากนายเปล่าๆ”
“อะไรเล่า นี่มันงานฉันนะ งั้นฉันไปก่อนนะ ไม่ได้เห็นหน้าตั้งนาน ได้เจอแบบนี้ดีใจมากเลย แต่ว่าฉันยังเป็นพนักงานกินเงินเดือนอยู่ คงทิ้งร้านนานๆ ไม่ได้ ไว้คราวหน้าชวนพี่ชายนายไปดื่มด้วยกันนะ”
“อื้อ กลับดีๆ ละ”
หลังจากเอ่ยลาสั้นๆ แล้ว ซองฮีที่เฝ้ามองภาพแผ่นหลังของเซจองที่ค่อยๆ หายไป จึงได้ยกยิ้มบางๆ ออกมา เซจุนเหมือนจะมีเรื่องบางอย่างต้องคุยกับจีฮุน เก้าอี้จึงยังว่างอยู่ ตัวเขาเองนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องประชุมลำพัง ก่อนเรื่องราวของเซจองที่เพิ่งเจอหน้ากันเมื่อครู่จะผุดขึ้นมาในห้วงความคิด
วันนั้นเป็นวันที่ฝนตกลงมาอย่างกับฟ้ารั่ว
ตอนนั้นเขายังอยู่ในวัยที่ต้องไปโรงเรียน พอเลิกเรียนปุ๊บ ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักก็ทำให้เขาตัวเปียกจนต้องรีบเร่งกลับมาที่บ้าน แล้วสายตาของซองฮีก็แสดงความสงสัยออกมา เมื่อที่ห้องนั่งเล่นของบ้านตัวเองมีคนหน้าสวยคนหนึ่งนั่งอยู่ที่นั่น
เขาเหม่อมองไปที่คนๆ นั้นด้วยความตกตะลึง แล้วอีกคนก็ยกยิ้มน้อยๆ กลับมา พร้อมกับค้อมศีรษะให้เขาเล็กน้อย เขาเผลอตัวค้อมศีรษะกลับไปให้ด้วยความงุนงง และแล้วน้ำเสียงแข็งกร้าวก็ดังมาให้ได้ยิน
“เซจอง ไม่ต้องอยู่ตรงนั้นแล้ว ขึ้นมาที่ห้องฉัน ไม่ต้องไปสนใจใครด้วย”
แล้วเขาก็ถูกทิ้งไว้ตรงนั้น ระหว่างที่เสียงเกรี้ยวกราดนั่นดังขึ้นมา คนหน้าสวยก็มีสีหน้ากระวนกระวาย ก่อนจะผุดลุกขึ้นจากที่นั่ง หันมาค้อมศีรษะให้เขาอีกครั้ง แล้วจึงก้าวเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองทางห้องของซองจู ภาพแผ่นหลังของอีกคนทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ในตอนนั้น มุนเซจองเป็นคนที่มีบรรยากาศน่าเวทนาอย่างยิ่ง
“นั่งเหม่อคิดอะไรอยู่เหรอ”
ซองฮีที่กำลังหวนนึกถึงเรื่องราวเมื่อหลายปีก่อน เรียกสติกลับคืมาทันที เป็นซองฮุนที่ตามมาทีหลังนั่นเอง ซองฮีเกิดสีหน้ากระดากอาย ก่อนจะถอนหายใจออกมาแผ่วเบา
“อ้าว มาแล้วเหรอ”
“อื้อ เซจุนล่ะ”
“ไปคุยกับประธานน่ะ”
“งั้นเหรอ”
ยิ่งกว่าซองฮีที่ดูบูดบึ้ง ก็ยังมีซองฮุนที่แข็งกระด้างยิ่งกว่า พอรับฟังแล้วอีกคนก็ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมาเป็นพิเศษ เพียงดึงเก้าอี้มานั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามเขา ใบหน้าที่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ดูดีตลอด แต่เพราะมีสีหน้าไร้อารมณ์เป็นพิเศษนั่น จึงทำให้มีบรรยากาศเย็นชาออกมาเสมอ
“ทำไมจู่ๆ ก็มาบอกว่าจะทำอันนี้ล่ะ”
ซองฮีเริ่มต้นพูดเรื่องที่เพิ่งคุยกับเซจุนจบไปก่อนหน้านี้อีกครั้ง
ถึงอีกคนจะรู้เรื่องว่าจะมีการถ่ายทำ แต่อย่างไรก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์อันดีกับพี่เขานัก ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือเรื่องอะไรที่ทำให้ทั้งคู่ไม่ลงรอยกัน ซองฮีได้แต่เบะปากออกมา พร้อมกับฟุบตัวลงไปบนโต๊ะ ซองฮุนที่มองท่าทางเช่นนั้นของซองฮีแล้ว จึงได้เอ่ยปากขึ้นมาเงียบๆ
“หลังนายแต่งงาน กิจกรรมของเราก็ลดลงไปด้วย”
“นี่ ถ้าพูดแบบนั้น แล้วฉันจะทำยังไงล่ะ…”
ใบหน้าของซองฮียับยู่ยี่เมื่อได้ยินคำพูดแทงใจดำ แต่ซองฮุนก็ยังคงไม่หยุดเท่านั้น
“เทียบกับเมื่อก่อนก็ดูเปลี่ยนไปอยู่บ้าง การเอาใจใส่เรื่องส่วนตัวมันก็ดี แต่ว่าวงก็ต้องทำกิจกรรมอะไรให้ได้เห็นบ้าง ถึงจะไม่ใช่การเล่นๆ ไปเฉยๆ แต่ถ้าเล่นให้ฟังสักเพลง มันก็เป็นการโปรโมทไปในตัวได้ด้วย เราไม่ค่อยได้เปิดเผยด้านปกติออกไป วิธีแบบนี้จะทำให้ได้เห็นด้านที่เป็นธรรมชาติ มันก็ไม่เลวนี่ ฉันคิดว่าไอเดียของท่านประธานก็โอเคนะ”
“ถ้าเราเปิดเผยด้านปกติออกไป มันจะไม่กลายเป็นติดลบหรือไง”
“เรื่องนั้นผู้เชี่ยวชาญเขาก็จัดการตัดออกให้เองแหละน่า ถึงฉันจะไม่ค่อยรู้อะไรเท่าไหร่ แต่พอได้ฟังที่ท่านประธานพูดแล้ว ประธานคนเมื่อกี้เป็นคนที่มีชื่อเสียงในด้านการทำสารคดีเกี่ยวกับมนุษย์เลยนี่”
“นั่นมันก็ใช่ ความสามารถดีด้วย…”
“แล้วปัญหาคืออะไรล่ะ”
คำถามแบบเดียวกับเซจุนของซองฮุนนั้น ทำให้ซองฮีได้แต่ปิดปากเงียบ ถึงจะพูดเหมือนกัน แต่วิธีการพูดของเซจุนกับซองฮุนนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“เอาละ รอนานไหม อ้าว อะไรเนี่ย ทำไมมีของอร่อยเต็มไปหมดเลยล่ะ”
เซจุนเข้ามาช่วยชีวิตซองฮีไว้ได้ทันพอดี อีกคนถือสำเนาเอกสารเข้ามาในห้องประชุมอย่างไม่รีบร้อน ข้างหลังก็เป็นจีฮุนที่ถือโน้ตบุ๊กตามเข้ามา ซองฮีพยายามทำเป็นไม่รับรู้ท่าทางยกยิ้มน้อยๆ พร้อมกับแอบมองมาที่เขาแบบนั้น
“จงซอบล่ะ”
เซจุนนั่งลงข้างซองฮีพร้อมกับเอ่ยถามหาผู้จัดการกับซองฮุน ซองฮุนเพียงยักไหล่ให้และตอบกลับมาแผ่วเบา
“พามาส่งที่นี่เสร็จแล้วก็ออกไปเลย เห็นว่ามีงานอื่น การประชุมก็ให้เราจัดการ แล้วค่อยไปบอกทีหลัง”
“แบบนั้นได้เหรอ คงไม่มาโมโหเอาทีหลังนะ”
“ไม่เกี่ยวอยู่แล้ว ยังไงซะการตัดสินเรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องของเราอยู่แล้วนี่”
“ก็นะ ก็ตามนั้น งั้นก็เริ่มเลยเถอะ ท่านประธานเราเริ่มประชุมกันเลยดีไหมครับ”
“ครับ ให้คนที่ไม่ค่อยมีเวลาว่างต้องมาเสียเวลานานๆ คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
“พวกเราไม่ได้ยุ่งอะไรหรอกครับ งั้นก็เริ่มกันเลยเถอะครับ”
เซจุนยกยิ้มออกมาพร้อมกับพยักหน้า จีฮุนก็เปิดฝาโน้ตบุ๊กออกเริ่มต้นการประชุมทันที
“งั้นสถานที่ถ่ายทำก็เป็นบ้านส่วนตัวของสมาชิกวง และห้องสตูดิโอประมาณนี้นะครับ ที่ตั้งของห้องสตูดิโอใช่ที่นี่หรือเปล่าครับ”
“อ้า ครับ ก็ตามนั้นแหละครับ แต่ว่าเพราะเรื่องห้องสตูดิโอนี้ ก็เลยมีบางอย่างอยากจะขอร้องนิดหน่อยน่ะครับ…”
“ครับ พูดมาได้เลยครับ”
หลังจากจัดการกับส่วนเนื้อหาที่จะถ่ายทำเรียบร้อย ก็ต้องมาคุยกันเรื่องของสถานที่ถ่ายทำ ในระหว่างนั้นเองเซจุนที่รับรู้ได้ถึงสีหน้าเคร่งเครียดของซองฮีจึงได้รีบเอ่ยปากขึ้นมาก่อน ซองฮุนที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไร ได้เห็นท่าทางที่มองกันไปมาแบบนั้นของทั้งสองคน ก็ทำให้พอจะเข้าใจสถานการณ์ขึ้นมาได้บ้าง
“ที่จริงแล้ว สมาชิกทุกคนในวงไม่ได้เห็นด้วยกับการถ่ายทำนี้ไปซะทั้งหมดน่ะครับ ตอนนี้มีคนรู้จักอาศัยอยู่กับสมาชิกเราด้วย จะที่ห้องสตูดิโอหรือที่บ้านของพวกเราเอง ถ้าไม่มีภาพภายนอกของตัวตึกออกมาด้วยก็จะดีมากเลยครับ”
เซจุนพูดออกมาอย่างใจเย็น แต่จีฮุนกลับรู้สึกได้ถึงความกังวลบางอย่าง เขายกนิ้วโป้งขึ้นมาลูบปลายคางอย่างครุ่นคิด ขณะมองไปที่ซองฮี
“มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนักหรอกนะครับ…แต่มีเหตุผลอะไรให้ต้องทำแบบนั้นครับ”
เป็นซองฮุนที่รู้สึกผิดปกติกับคำพูดที่ออกมานั้น
“ถึงไม่ได้บอกให้รู้ แต่ว่าก็เคยมีเรื่องสตอล์กเกอร์ที่ตามติดเรา แล้วก็เกิดปัญหาระหว่างการแสดงจนทำให้ทีมงานที่ทำงานด้วยกันได้รับบาดเจ็บน่ะครับ หากปิดบังส่วนที่จะทำให้สืบเจอที่อยู่ของสมาชิกเราได้ก็คงไม่เลวนัก”
จีฮุนที่ได้รับฟังคำพูดสมเหตุสมผลของเซจุน ก็ไม่มีสีหน้าที่ผิดแปลกไปจากเดิม อีกคนขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง คนที่ไม่ปล่อยให้เกิดช่องว่างไปโดยเปล่าประโยชน์คือซองฮีนั่นเอง ซองฮีที่เดี๋ยวอ้า เดี๋ยวหุบปากอย่างร้อนใจอยู่เช่นนั้น พอจีฮุนที่ได้เห็นท่าทางนั้น จึงได้เปิดปากพูดอีกครั้ง
“เหตุผลมีแค่นั้นเหรอครับ เท่าที่เห็นผมว่าไม่น่าจะมีแค่นั้นนะครับ”
คำพูดนั้นทำเอาเซจุนถึงกับขมวดคิ้วขึ้นมา
“ทำไมถึงได้คิดแบบนั้นล่ะครับ”
คำถามนั้นทำให้คิ้วของจีฮุนเลิกขึ้นเล็กน้อย
“ก็แค่ความรู้สึกน่ะครับ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ผิดนะครับ”
ถามออกมาเช่นนั้นพร้อมกับหันไปทางซองฮี
“พูดออกมาเถอะครับ อย่าปิดบังเลย เราไม่ใช่คนอื่นสักหน่อย คุณซองฮีกับผมก็เป็นคนรู้จักกันนี่ครับ”
ซองฮีถอนหายใจออกมากับคำพูดนั้น
“เฮ้อ…”
ในตอนนั้นก็รู้สึกได้ว่าสีหน้าของเซจุนเองก็เริ่มเคร่งเครียดขึ้นมา ซองฮุนที่ไม่รู้เรื่องราวที่ทำให้เกิดบรรยากาศไม่ปกติของเพื่อนๆ ก็พลอยมีสีหน้าเคร่งเครียดไปด้วย จีฮุนที่มองท่าทางของพวกเขาอยู่นั้นก็ขมวดคิ้วมุ่นเช่นกัน ซองฮีกวาดมองไปรอบๆ ก่อนจะเอ่ยปากขึ้น
“ห้องสตูดิโอที่พวกเราย้ายไปอยู่ มันไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของเราครับ”
คำพูดนั้นทำให้สีหน้าสุขุมของจีฮุนเริ่มมีรอยร้าว
“ชั้นสี่มีคนรู้จักอาศัยอยู่ ส่วนชั้นสามเป็นห้องสตูดิโอของโปรดิวเซอร์ของเรา ตอนถ่ายคงไม่ได้เจอทั้งสองคนที่พูดถึงนั่น แต่ว่าการเปิดเผยที่ตั้งของสถานที่ อาจทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถจะรับผิดชอบได้ไหวขึ้นมาก็ได้”
“นี่ เดี๋ยวสิ นายต้องทำถึงขนาดนั้น…”
“เข้าใจแล้วครับ ผมเข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นการถ่ายทำที่บ้านของสมาชิก และตึกที่เป็นห้องสตูดิโอก็จะพยายามถ่ายทำโดยไม่ให้เห็นด้านนอก ประตูหรือหน้าต่างเราจะถ่ายจากที่ที่เหมือนกันมาแทนได้ แล้วยังมีอะไรอีกไหมครับ”
ท่าทางก่อนหน้านี้ที่เหมือนจะไม่ยอมรับกับขอเรียกร้องที่บอกไป แต่จู่ๆ ก็เปลี่ยนท่าที เพราะจีฮุนที่เป็นแบบนั้น เลยกลายเป็นเซจุนกับซองฮุนที่ทำตัวไม่ถูกขึ้นมาแทน พวกเขาได้แต่มองด้วยสายตากังวลสลับไปมาระหว่างซองฮีกับจีฮุน
“ช่วยตัดบทที่ต้องพูดเกี่ยวกับคนที่อาศัยอยู่ด้วยกันออกด้วยนะครับ ไม่ใช่แค่พวกเราเท่านั้น แต่รวมไปถึงโปรดิวเซอร์ที่ทำงานกับเราด้วย”
“แบบนั้นมันไม่เกินไปหน่อยเหรอครับ”
“ถ้าไม่ได้เราก็ไม่ถ่ายครับ”
เพราะซองฮีที่แสดงท่าทางดื้อรั้นออกมาเกินกว่าที่คิด เซจุนที่ตั้งใจจะยื่นมือเข้ามายุ่งกลับถูกซองฮุนห้ามไว้ ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกจากที่นั่ง ใบหน้าของอีกคนยังคงเรียบเฉยเช่นเดิม แต่สายตากลับแข็งกร้าวจนน่ากลัว
“ฮันซองฮี”
“ทำไม”
สายตาของซองฮีที่มองกลับมาที่เขามันราวกลับมีคมมีดฝังอยู่ในนั้น ซองฮุนที่รู้สึกได้จึงทำมือให้เซจุนลุกขึ้นมาอย่างเงียบๆ
“ให้แค่สามสิบนาที จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยซะ ฉันเองก็ไม่อยากเปิดเผยเรื่องส่วนตัวจนทำให้จินซลต้องมาเดือดร้อนไปด้วย เซจุนเองก็เหมือนกัน ดังนั้นเงื่อนไขของนายคนส่วนใหญ่เห็นด้วยแล้ว นอกจากเรื่องนั้น นายเองดูมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องคุยกัน ฉะนั้นก็คุยกันให้จบซะ ถ้าเรากลับมาแล้วสถานการณ์ยังเหมือนเดิม ฉันจะไม่ปล่อยไว้เฉยๆ แน่”
ซองฮีไม่ได้ตอบรับคำพูดนั้น แต่ทว่าซองฮุนที่ไม่ได้คิดจะฟังคำตอบตั้งแต่แรกจึงได้พาเซจุนออกจากห้องไป