ในวันนั้น ด้วยเพราะห่วงจองอู จึงได้บุกไปถึงที่ห้องของอีกคน ซองจูที่โพล่งถามซองฮีกลับมาว่าเขาอยู่ข้างใครกันแน่ คำถามที่ทำให้ซองฮีถึงกับไปไม่เป็น จึงได้ถามกลับไปว่ามันสำคัญยังไงกัน ซองจูก็สวนกลับมาเพียงคำเดียว ในเมื่อเป็นห่วง ก็ควรจะห่วงทั้งคู่ แต่ดูแลแค่จองอูก็พอ ถึงอย่างนั้น ทั้งที่เป็นพี่น้องกัน หากกลับบอกว่าเป็นไปได้ก็ดูแลแค่จองอูเท่านั้น คำพูดนั้นเลยทำให้ซองฮีเปลี่ยนใจ ฮันซองจูที่พูดคำนั้นออกมาได้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง แล้วยังคำพูดสุดท้ายที่รู้ว่าอีกคนนั้นหวงคนรักของตัวเองยิ่งกว่าใคร และยังมีความรักแบบพี่น้องที่แฝงอยู่ในนั้นด้วย นั่นแหละที่เป็นสาเหตุของเรื่องนี้ ซองฮีนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ก่อนจะกล่าวออกมา
“ผมเองก็อายุมากขึ้นแล้ว มันก็คงเป็นความผูกพันทางสายเลือดอะไรแบบนั้นมั้งครับ”
“พูดอะไรของคุณน่ะ”
คำพูดที่เหมือนตั้งใจจะให้เขาพูดอะไรที่มันฟังรู้เรื่องหน่อยนั่น ทำให้ซองฮียกยิ้มขึ้นมา
“งั้นต้องให้พูดยังไงถึงจะเห็นด้วยล่ะครับ”
“พูดยังไงฉันก็คงจะเห็นด้วยไม่ได้หรอกนะ เมื่อก่อนถ้าพูดถึงพี่ชายก็ยังต้องกัดฟันเลย”
“ยังไงซะ พี่ก็คือพี่อยู่ดี เดี๋ยวนี้ก็พอดูเป็นผู้เป็นคนกับเขาขึ้นมาบ้าง อ้า ถ้าเจอกับท่านประธานแล้ว อาจจะจะเกิดเรื่องก็ได้นะครับ”
“แบบนั้นเรียกว่าเป็นผู้เป็นคนแล้วเหรอ”
“คนเราถ้ามีการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาสักครั้ง ตามหลักก็นับเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่เหรอครับ”
ซองฮีคิดว่าแสดงท่าทีหยอกเย้าอีกฝ่ายพอสมควรแล้ว เมื่อสีหน้าของจีฮุนบูดบึ้งขึ้นมาทันทีเช่นนั้น ไม่ว่าจะคิดอย่างไร สองพี่น้องก็เหมือนจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับจีฮุนอยู่ตลอด
ก๊อกๆ
ในเวลาที่บรรยากาศเริ่มจะดีขึ้น ใครบางคนก็มาเคาะที่ประตูห้องประชุม พอได้ยินจีฮุนกล่าวว่าให้เข้ามาได้ ประตูก็ถูกเปิดออกอย่างระมัดระวัง พร้อมกับเซจุนที่ชะโงกหน้าเข้ามา
“ตอนนี้พวกเราเข้าไปได้แล้วใช่ไหมครับ ถึงจะอยู่เฉยๆ ที่ห้องชงกาแฟ แต่พวกเราก็คอยจับสังเกตอยู่นะครับ”
“เข้ามาเถอะ คุยกันเรียบร้อยแล้ว”
เซจุนที่เห็นสายตาที่ซองฮีส่งมาทางเพื่อนๆ จึงได้ลากซองฮุนเข้ามาในห้องประชุมทันที
“แล้วตกลงกันได้ว่ายังไงบ้างครับ”
พอนั่งลงปุ๊บ ซองฮุนก็ถามออกมาอย่างตรงประเด็นในทันที จีฮุนจึงได้ค่อยๆ ขยับปากกล่าวตอบ
“เราจะตัดฉากที่จะสามารถทำให้สืบรู้ถึงตำแหน่งของห้องสตูดิโอแล้วก็ที่อยู่ของบรรดาสมาชิกออก ถ้าเป็นไปได้ก็จะตัดเรื่องการพูดคุยถึงเรื่องส่วนตัวออกด้วยครับ ในส่วนนี้จะมีบทหรือไกด์ไลน์อย่างง่ายมาให้ดูอยู่แล้ว ฉะนั้นพอดูแล้วก็ค่อยมาปรับเปลี่ยนกันอีกทีก็ได้ครับ”
“ส่วนของโปรดิวเซอร์ด้วยใช่ไหมครับ”
“ครับ เพราะคุณซองฮีน่าจะทำได้ดีกว่า ก็เลยขอให้เขาเป็นคนไปบอกกับฝ่ายนั้นให้ด้วยน่ะครับ”
“…ซองฮีเนี่ยนะครับ”
เซจุนกล่าวขึ้นด้วยสงสัยในคำพูดนั้นของจีฮุน อย่างไรเสียเมื่อไม่นานมานี้ซองฮีก็ดูจะอ่อนโยนกับซองจูขึ้นมาบ้าง แต่ให้เขาเป็นคนออกหน้าพูดให้จะไม่ดีกว่าหรือไงกัน แต่ทว่าการตอบรับของซองฮีกลับเกินคาด
“เดี๋ยวฉันเป็นคนบอกเอง”
“จะไม่เป็นไรงั้นเหรอ”
ซองฮุนเองก็รู้สึกกังวลอย่างมากเช่นกัน จึงได้ถามย้ำออกมาอีกครั้ง แต่ซองฮีก็ยังตอบออกมาเช่นเดิมว่าไม่เป็นไร สุดท้ายทั้งสองคนก็ไม่ได้ถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ได้แต่วิตกกังวลอย่างคนน้ำท่วมปากก็เท่านั้น เรื่องอื่นนั้นไม่รู้ หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับพี่ชายของอีกคนนั้น พวกเขารู้ดีกว่าใครเลยว่านิสัยของซองฮีนั้นมันชวนให้ต้องลุ้นระทึก
แต่ว่าเรื่องที่ทั้งสองคนหวาดกลัวมันก็ไม่ได้เกิดขึ้น เรื่องราวมันราบรื่นยิ่งกว่าที่คิดเสียด้วยซ้ำ
“อือ งั้นเหรอ ให้ทำไงได้ล่ะ”
ซองจูที่พอได้ฟังคำอธิบายคร่าวๆ ของซองฮี ก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่ายกับเรื่องที่ว่าในวันถ่ายทำนั้น ซองจูจะต้องไม่โผล่เข้าไปที่ห้องสตูดิโอของจองอู พอได้เห็นการตอบรับเหมือนกับว่ามันไม่มีอะไรเลยแบบนั้น จึงทำให้เขาเผลอส่งสายตาแสดงความสงสัยออกไป แต่ว่าเขาก็เพียงปล่อยผ่านไป เพราะเขามั่นใจว่าฮันซองจูคือคนที่ไม่ต้องการให้คนรอบข้างได้รับรู้เรื่องความสัมพันธ์กับจองอูมากกว่าใคร
ปัญหาก็คือจองอูนั่นแหละ
ซองฮีเรียกจองอูมาเพื่อบอกรายละเอียดเกี่ยวกับการถ่ายทำครั้งนี้ แต่มันกลับเป็นตัวเขาเองที่กำลังตื่นเต้นเสียยิ่งกว่า จองอูเปิดประตูห้องสตูดิโอของวงคราฟท์ที่อยู่ชั้นสองของตึกเข้ามา ตัวเขาที่ได้เห็นอีกคนเดินเข้ามาข้างใน ก็เผลอกำมือจนเหงื่อออกชุ่มไปหมด
“พี่เรียกผมมาเหรอครับ”
“อือ ไม่ยุ่งใช่ไหม นั่งก่อนสิ”
ใบหน้าของซองฮีที่มองมายังจองอูนั้น ฉายชัดถึงความตื่นตระหนกอย่างไม่สมกับเป็นอีกคน เหมือนกับกำลังปกปิดบางอย่างอยู่
“จู่ๆ ก็เรียกมามีเรื่องอะไรเหรอครับ ที่จริงขึ้นไปหาก็ได้”
“ให้ฉันขึ้นไปมันก็ยังไงๆ อยู่ เจ้านั่นน่ะ จะเข้ามาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
“อ้า นั่นสินะครับ”
ถึงจะพูดถึงซองจูออกมาเหมือนไม่มีอะไร แต่ซองฮีก็รู้สึกคลางแคลงใจเล็กน้อย เรื่องที่จะพูดในตอนนี้มันทำให้เขากังวลว่ามันอาจจะส่งผลที่ไม่ค่อยดีต่อตัวจองอูขึ้นมาก็ได้
ถึงเดี๋ยวนี้อีกคนจะดูนิ่งขึ้นมาก แต่จองอูก็ยังมีสภาพจิตใจที่ดูไม่ค่อยน่าไว้ใจอยู่ ถ้าหากว่าไปเผลอสะกิดถูกความรู้สึกที่ไม่ดีของอีกคนเข้าให้ แล้วจองอูหนีไปอีกละก็ ซองจูกับดงฮยอนคงไม่ปล่อยซองฮีไปเฉยๆ แน่ อย่างไรก็ตาม สภาพเขาตอนนี้ก็ไม่ต่างจากกำชนวนระเบิดเวลาเอาไว้ในมือเลย
ซองฮีจ้องมองไปยังจองอูที่นั่งตรงโซฟาด้านหน้าเขา ก่อนจะค่อยๆ กล่าวออกมา
“อืม จองอู”
“ครับ”
“ฉันมีอะไรจะบอก”
“ครับ”
“ครั้งนี้เราจะทำแฟนเซอร์วิสร่วมด้วย ก็เลยจะมีการถ่ายทำแนวสารคดีสั้น แล้วนายเองก็ต้องมาเข้าร่วมด้วย”
“อ้อ ผมได้ยินมาแล้วละครับ เพราะงั้นคนนั้นก็เลยมาบ่นเรื่องที่จะไม่ได้เข้ามาที่ห้องสตูดิโอสักสองสามวันอย่างนั้นเหรอครับ”
พอได้เห็นท่าทางตอบกลับที่ไม่ได้อะไรแบบนั้นของจองอู ซองฮีก็รู้สึกอ่อนแรงเสียดื้อๆ
“ช่วงนั้นมันก็อาจจะเสียเวลางานไปด้วย”
“ก็ทำไงได้ละครับ”
สีหน้าของจองอูประดับด้วยรอยยิ้มกว้าง ขณะมองดูท่าทางตอบรับอย่างหมดอารมณ์ของซองฮี
“นายนี่มันพิลึกคน”
“ผมก็ได้ยินแบบนั้นอยู่บ่อยๆ “
“…เอาเถอะ ยังไงก็ต้องถ่ายอยู่แล้ว อีกอย่างคือฉันมีอะไรต้องบอกให้นายรู้ด้วย ถึงได้เรียกให้นายมาหา”
“ผมเหรอ”
คำพูดที่ว่ามีเรื่องต้องบอกเขานั้น ทำเอาดวงตาของจองอูถึงกับเบิกโพลงขึ้น ซองฮีเห็นเช่นนั้นแล้วก็ได้แต่กัดริมฝีปากเอาไว้
“อืม ก็คืออย่างนี้นะ คนที่มาถ่ายสารคดีให้เราเป็นคนที่เรารู้จัก”
“คนรู้จักงั้นเหรอครับ”
“อือ แต่ว่าเขาคนนั้นน่ะ….”
ซองฮีไม่กล้ากล่าวต่อไป ส่วนจองอูก็เอาแต่ส่งสายตาใคร่รู้ไปที่อีกฝ่ายอยู่เรื่อยๆ สุดท้ายจึงเป็นจองอูที่ไม่อาจทนรอได้ และจัดการจู่โจมให้ซองฮีพูดส่วนที่เหลือออกมาเสียก่อน
“พี่จะพูดอะไรผมไม่รู้หรอกนะ แต่อย่าเงียบไปเฉยๆ แบบนี้เลย พูดออกมาเถอะครับ แบบนี้มันอึดอัดนะ”
“อ้า ก็ได้ ก็อย่างที่ว่านั่นแหละ คนนี้เขาไม่ค่อยลงรอยกับเจ้านั่นสักเท่าไหร่น่ะสิ”
“คนที่ไม่ค่อยถูกกับฮันซองจูน่ะ มีแค่คนสองคนที่ไหนกันละครับ”
การตอบรับเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญของจองอู ทำให้ซองฮีกลับดูหมดแรงเสียจนได้แต่พึมพำออกมาเสียงแผ่ว
“คือมันไม่ใช่ปัญหานั้น…แล้วก็นะ นายคิดว่าเจ้านั่นเป็นยังไงล่ะ”
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะได้เห็นท่าทางเหวี่ยงวีนแบบนั้น ในสายตาคนอื่น ฮันซองจูนับเป็นคนที่สุภาพเรียบร้อยอย่างที่สุด แต่สำหรับคนใกล้ชิดแบบพวกเขา มันคนละเรื่องกันเลย
“ก็…เป็นคนที่ทำอะไรตามความพอใจของตัวเอง”
“ทำอะไรตามความพอใจตัวเองแค่ครั้งเดียวก็พังความสัมพันธ์ที่มีกับคนใกล้ตัวจนเละน่ะสิ นายเองก็อย่าไปตามใจนัก เพราะแบบนั้นถึงได้ยิ่งเอาแต่ใจตัวเอง แล้วก็ทำแบบนั้นอยู่เรื่อยๆ ไม่สิ เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก ที่จะพูดก็คือ พีดีที่จะมาถ่ายทำสารคดีให้รอบนี้น่ะ เป็นคนที่กำลังคบอยู่กับคนรักเก่าของเจ้านั่น…”
พอได้พูดออกมาจนจบ ท่าทางของซองฮีที่มองตรงมาก็พลอยทำให้สีหน้าของจองอูนั้นเคร่งเครียดขึ้นมาในทันที
ในหัวของเขากำลังนึกถึงคนหน้าสวยที่ได้เห็นที่งานแต่งงานของซองฮีกับผู้ชายท่าทางสุขุม สวมแว่นตา และตัวสูงๆ ที่คอยยืนเฝ้าอยู่ข้างๆ คนนั้น หากจองอูคาดเดาไม่ผิด คนที่ซองฮีกำลังพูดถึง คงต้องเป็นผู้ชายตัวสูงที่สวมแว่นคนนั้นอย่างแน่นอน
“ใช่คนตัวสูงๆ สวมแว่น แล้วก็ท่าทางดูสุขุมคนนั้นหรือเปล่าครับ”
คำพูดของจองอูที่ยืนยันถึงลักษณะของจีฮุนได้อย่างถูกต้องนั้น ทำให้สีหน้าของซองฮียิ่งเครียดเข้าไปอีก
“เคยเจอแล้วเหรอ”
“ที่งานแต่งงานของพี่ เคยเห็นเขายืนคุยกันกับคนนั้นอยู่น่ะครับ”
“อ้อ อย่างงั้นเหรอ เคยเจอกันแล้วสินะ…”
ในเวลานั้น ซองฮีรู้สึกว่าตัวเองถึงกับหมดเรี่ยวหมดแรง เพราะเขาเองแต่กังวลว่าจะเผลอไปทำร้ายจิตใจของจองอูเข้าให้ หากแต่อีกคนกลับตอบรับด้วยท่าทางเหมือนมันแค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง นั่นทำเอาเขารู้สึกหมดเรี่ยวแรงไปเสียดื้อๆ ท่าทางของซองฮีที่พรูลมหายใจออกมาเล็กน้อย ทำให้จองอูที่ได้เห็นเช่นนั้น ยกยิ้มขึ้นมาน้อยๆ พร้อมกับเอ่ยออกมา
“อะไรกันครับ นี่เป็นห่วงผมอย่างนั้นเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ ไอ้เด็กเวร เกิดนายเข้าใจผิดขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ”
“ก็นะ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าฟังสักเท่าไหร่ คนนั้นกับคุณพีดีก็ดูไม่ค่อยจะลงรอยกันอย่างที่ว่าแหละครับ”
“อือ ใช่แล้วละ เพราะแบบนั้น ตอนถ่ายทำถึงได้บอกว่าห้ามไม่ให้เข้ามาเฉียดแถวนี้ด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะฟังกันหรือเปล่า
“เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น มันก็จะยิ่งวุ่นวาย ดังนั้นก็เลยบอกว่าจะอยู่บ้านเฉยๆ น่ะครับ”
“ว่างั้นเหรอ…”
ท่าทางของจองอูที่บอกว่าไม่เป็นไรอย่างง่ายดายนั้น ทำเอาซองฮีไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรต่อไป ที่แท้ก่อนหน้านี้ จองอูก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้วประมาณหนึ่ง แล้วเจ้าตัวก็ไม่ได้มีความรู้สึกว่าจะต้องพูดอะไรให้มันต่อความยาวสาวความยืดด้วย จองอูยิ้มกว้างราวกับเข้าใจความรู้สึกของซองฮี แล้วกล่าวขึ้นมาก่อน
“พี่”
“…อือ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงผมขนาดนั้นก็ได้ครับ ผมในตอนนี้น่ะ ไม่คิดจะหนีไปง่ายๆ แบบเมื่อก่อนแล้วนะครับ”
ซองฮีไม่ตอบรับอะไรกับคำพูดนั้น
ไม่รู้ว่าตัวเองควรต้องเข้าไปยุ่งในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้ถึงจุดไหน มันถึงจะถูกต้อง
แต่ว่าจะให้เข้าไปยุ่งแบบสุ่มสี่สุ่มห้ามันก็ไม่ได้อีก ถ้าเกิดว่าระหว่างที่ถ่ายทำอยู่ เกิดมีเรื่องอะไรไปสะกิดใจจองอูเข้าจนหนีหายไปหรือกลายเป็นว่าไปตอกย้ำความทุกข์ในใจ คนที่เจ็บปวดยิ่งกว่าใคร ในครั้งนี้ก็คงไม่พ้นเป็นซองจูนั่นแหละ เขาเองก็ไม่อยากเห็นอะไรแบบนั้น ซองฮีพรูลมหายใจน้อยๆ ออกมา
“เฮ้อ…จองอู”
“ครับ”
“ทำไมนายถึงได้ชอบเจ้านั่นได้ล่ะ”
ซองฮีถามจองอูอย่างตรงไปตรงมา