“ท่านช่วยดูแลข้าสินะขอรับ”
โซกังรู้ดีว่าตนควรต้องกล่าวคำขอบคุณ ทว่ามันกลับไม่มีคำขอบคุณใดออกมา แน่นอนว่าเป็นเพราะเขาไม่ได้รู้สึกขอบคุณ อีกฝ่ายควรปล่อยให้เขาตายไปเสียอย่างนั้น การจบสิ้นชีวิตนี้เป็นสิ่งที่เขาปรารถนาจากใจจริง
เมื่อองค์จักรพรรดิได้เห็นใบหน้าเปียกชื้นหม่นแสงลงยิ่งกว่าเดิมก็พลันรู้สึกไม่ดีขึ้นมาเล็กน้อย อุตส่าห์ช่วยชีวิตให้รอดพ้นจากความตายด้วยต้องพิษไข้ กระทั่งคำขอบคุณก็ยังไม่คิดเอื้อนเอ่ย
ทว่าตนก็ไม่คิดจะแสดงความโมโหกับคนป่วยเช่นนั้น หลังจากกดข่มอารมณ์เอาไว้แล้วจึงแตะมือลงบนแผ่นอกบางอีกครั้งและตรัสอย่างหนักแน่น
“อย่าคิดจะลุกขึ้นมาอีก เข้าใจหรือไม่”
“ขอรับ”
โซกังตอบรับอย่างนุ่มนวลกับท่าทางเข้มงวดเล็กน้อยของอีกฝ่าย จากนั้นร่างกายก็พลันไร้เรี่ยวแรง เพราะการขยับอย่างกะทันหันส่งผลให้รู้สึกชาและอ่อนเปลี้ยในทันที ทว่าขณะนั้นภาพเลือนรางก็ปรากฎให้เห็น
ร่างกายไม่ได้มีอาภรณ์ปกปิดแม้เพียงสักชิ้น พรูลมหายใจอุ่นร้อนนอนอยู่บนเตียง โดยมีใบหน้าของบุรุษผู้นั้นอยู่ตรงหว่างขา
“นี่มันอะไรกัน!”
“ทำไมหรือ”
“เปล่า เปล่าขอรับ ไม่มีอะไร”
พึมพำตอบคำถามด้วยปฏิเสธ แต่บนใบหน้างดงามกลับไม่ได้เป็นดั่งคำพูด
ทั้งโซยง ทั้งมูฮยอน ทั้งสหายคนอื่นๆ ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เมื่อโซกังคิดจะโกหก ใบหน้า ท่าทาง สายตา รวมถึงสีหน้าล้วนเปิดเผยออกมาหมด อีกฝ่ายจึงยกยิ้มหยอกล้อต่างจากก่อนหน้านี้พร้อมเอ่ยถาม
“คิดอะไรไร้สาระอยู่สินะ”
ก่อนจะกระเดาะลิ้นเล็กน้อยและกางขาเขาออกกว้างโดยไม่ลังเล จากนั้นก็สอดนิ้วผ่านช่องทางเข้าไปด้านในจนรู้สึกถึงความเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง ทว่าเรียวนิ้วที่ควานภายในอย่างอ่อนโยนยามนี้ มันช่างต่างกับที่ตนเคยถูกยํ่ายีตามอำเภอใจเป็นอย่างมาก ร่างบางเผลอร้องครางออกมาไม่รู้ตัว ส่วนอ่อนไหวกลางกายยังถึงกับตั้งชันขึ้น และหลังจากนั้นก็จดจำไม่ได้แล้วว่าเป็นอย่างไร
โซกังกำผ้าห่มแน่น อดกลั้นหยาดนํ้าตาแห่งความกระดากอายที่เอ่อล้นออกมา
เช่นนั้นสินะ ผู้ที่เคยกล่าวหาว่าตนเหมาะกับการใช้กลยุทธ์สาวงาม อย่างไรก็คงไม่มีทางทำเพียงแค่หันมองเฉยๆ โซกังมีท่าทางคล้ายสูญสิ้นความนึกคิด ต้องยอมโดนกระทำนั่นนี่ตามแต่ใจ ถูกใช้ให้เป็นที่บำเรอความต้องการของผู้อื่น ร่างกายที่ควรเปิดเปลือยก็สมควรเผยออกจนหมดสิ้น ทว่ากระทั่งตกอยู่ในสภาพไร้สตินึกคิด แต่กลับยังนึกรังเกียจการกระทำตามใจชอบของคนตรงหน้า
โซกังผิดหวังกับการถูกช่วยชีวิตจึงยิ่งจ้องมองด้วยความผิดหวัง เมื่ออีกฝ่ายแตะต้องร่างกายของเขาตามอำเภอใจ ซึ่งฝ่าบาทเองก็มองกลับ ประสานสบกับดวงตาแสนดึงดูดคู่สวย
“ใยถึงจ้องราวกับข้าเป็นคู่อาฆาตบิดามารดาเจ้าเช่นนั้นเล่า”
“ข้า ร่างกายข้า… ท่านทำสิ่งใดลงไป”
“ท่าทางจะนึกออกแล้วสินะ”
“ข้าถามว่าท่านทำสิ่งใดกับคนป่วยอยู่เช่นนี้!”
พลันตวาดขึ้นเสียงด้วยความโมโหเจ้าของรอยยิ้มพราย เจ้าตัวไม่อาจอดทนเลยพยายามลุกขึ้นพรวดขึ้นมา ทันใดนั้นบุรุษหน้าตายิ้มแย้มแปรเปลี่ยนเป็นเครียดขึงทันที
“ลืมที่ข้าพูดแล้วหรือ อย่าแม้แต่คิดจะลุกขึ้นมา”
“ทำเช่นนั้น อ๊ะ!”
แล้วโซกังก็ต้องร้องออกมาเมื่อเกิดการกระเทือนกับแผ่นหลังจนหลงลืมวาจาที่ต้องการกล่าว นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายผลักเขากลับลงบนเตียงอย่างรุนแรง น้ำหนักตัวของบุรุษกดทับลงมาบนร่างบอบบาง เขาดิ้นไปมาเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการ ทว่ามันกลับกลายเป็นการกระทำอันไร้ประโยชน์
ร่างกายโซกังผอมบางจนน่าตกใจ น่าสงสัยว่าสามารถถือสิ่งใดหนักกว่าแท่นฝนหมึกได้หรือไม่ อีกทั้งเมื่อกลายเป็นทาสและกลายเป็นสิ่งบำเรอกามของทาสคนอื่น ก็ยิ่งผ่ายผอม พละกำลังอ่อนแอลงยิ่งกว่าตอนนั้นเป็นอย่างมาก จึงไม่มีทางขัดขืนต่อสู้พละกำลังของนักรบแต่กำเนิดเฉกเช่นคนด้านบนได้
องค์จักรพรรดิกดน้ำหนักลงบนตัวโซกังอย่างกดดันพร้อมกับเอ่ยออกมาแผ่วเบา ปฏิกิริยาตัวสั่นระริกด้วยความเข้าใจผิดช่างน่าเอ็นดู ด้วยเหตุนั้นจึงไม่คิดมองข้ามความต่อต้านของอีกคนได้อีกต่อไป เพราะร่างบางแสดงความโมโหออกมาอย่างไร้เหตุผลจนตนก็รับมือไม่ถูก
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้านึกอะไรออก แต่ข้าไม่เคยกระทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนั้นต่อเจ้า เหมือนอย่างที่เจ้าคิด”
“เช่นนั้น ในตัวข้า ทำไม…”
“เครื่องนอนเปื้อนเลือดอยู่ตลอด ตรวจดูแล้วก็พบว่ามีบาดแผล เหมือนว่าเลือดนั่นไหลออกมาจากภายใน ข้าจึงตามหมอหลวงมา หมอกล่าวว่าหากผสมแพกคโยฮยัง[1]กับผงฮยอลกัล[2]ในน้ำแล้วทาลงไป จะทำให้ทุเลาลง ข้าก็แค่ทายาให้เจ้าเท่านั้น”
“ข้าจะเชื่อได้อย่างไร”
“ก็ลองจับดูเอาเองสิ อย่างไรก็มีคราบยาแห้งเป็นผงๆ อยู่แล้ว”
เมื่ออีกฝ่ายดึงผ้าคลุมตัวลงและดึงมือเขาให้ลองสัมผัสบริเวณนั้น โซกังจึงส่ายหน้าไปมาพลางยื้อดึงผ้าห่มเอาไว้เช่นเดิม
“ไม่ต้องแล้วขอรับ ข้าเชื่อแล้ว”
เนื่องจากเขาไม่อยากทำเรื่องน่าอายเช่นการสัมผัสส่วนนั้นต่อหน้าผู้อื่น ยามนีก็ไม่ได้มีความอึดอัดหรือไม่สบายตัวเหมือนที่เคยรู้สึกหลังจากได้รับนํ้ากามเหล่านั้น คำพูดขอบุรุษผู้นี้คงจะเป็นความจริง ฝ่าบาทขยับลุกขึ้นจากตัวโซกัง ก่อนจะช่วยจัดผ้าห่มยับย่นไม่เป็นท่าให้ใหม่อีกครั้ง
“หากยังรั้นลุกขึ้นมาอีก ข้าจะตีก้นให้”
“หา…”
โซกังเผลอหลุดเสียงอุทานออกมาพร้อมใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ เมื่ออีกคนยกยิ้มอ่อนโยนขัดกับวาจาขณะจ้องมองกัน
ตั้งแต่วันนั้น หลังจากตกเป็นที่บำเรอให้กับเหล่าทาส เขาก็ไม่เคยได้รับรอยยิ้มเช่นนี้จากผู้ใดอีกเลย แม้กระทั่งตัวเขาเองก็ยังรู้ว่ามันเป็นความคิดไร้เดียงสา ทว่าคนตรงหน้าก็ดูเหมือนจะไม่ได้โป้ปดจริงๆ เขาจึงอยากเชื่อว่าทุกอย่างเป็นเช่นนั้น
“ข้าคงจะเข้าใจผิดไปขอรับ”
“ไม่เป็นไร คงจะจำได้เพียงเลือนรางเพราะพิษไข้น่ะ”
และขณะนั้นเสียงของข้ารับใช้ก็ดังขึ้นจากด้านนอก
“หมอหลวงมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เข้ามาได้”
ประตูเปิดออกทันที่ผู้มีอำนาจสูงสุดตอบรับ หมอหลวงค้อมคำนับ ก่อนจะรับถ้วยยามาถือและเดินเข้ามาภายใน จากนั้นก็ถวายความเคารพแก่องค์จักรพรรดิอีกคราทั้งๆ ที่ยังถือถ้วยยาเอาไว้ พร้อมเอ่ยขอประทานอนุญาตสัมผัสร่างกายของโซกัง และเมื่อได้รับอนุญาตแล้ว หมอหลวงก็ขยับเข้ามาใกล้แท่นบรรทม วางถ้วยยาไว้ด้านหนึ่งและแสดงความเคารพต่อร่างบางเช่นกัน
“มามา ขอกระหม่อมตรวจชีพจรสักครู่”
“ขอรับ? มามาหรือ ไม่ใช่เช่นนั้น ข้าไม่บังอาจหรอกขอรับ ข้าเป็นเพียงทาสหลวงเท่านั้น เรียกว่าทาสจึงจะเหมาะสมกว่านะขอรับ”
“เป็นฝ่าบาทเป็นผู้พาตัวท่านมา อีกทั้งยังมีเพียงท่านเท่านั้นที่ได้พำนักอยู่ในตำหนักคอนรยุงเช่นนี้ กระหม่อมคงไม่อาจปฏิบัติต่อท่านเฉกเช่นทาสได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ”
โซกังตาเบิกโตขึ้นอย่างที่ไม่อาจโตได้มากกว่านี้ เขาไม่รู้ว่าเวลานี้ตนควรจะต้องตกใจกับสิ่งใดมากกว่ากัน
ตำหนักคอนรยุงอย่างนั้นหรือ
แค่หลับไปบนเสื่อฟางในเรือนนอนหน่วยสามของกรมฝ่ายใต้ ทว่าพอลืมตากลับมาอยู่ในตำหนักส่วนพระองค์ของจักรพรรดิเสียได้ สถานการณ์ราวกับเรื่องโกหกเช่นนี้ เขาไม่รู้เลยว่าจะต้องรับมืออย่างไรต่อ จึงทำได้เพียงปล่อยให้หมอหลวงตรวจดูชีพจรตรงข้อมือ
หมอหลวงตรวจชีพจรบริเวณข้อมือทั้งสองข้าง โดยมีผ้าแพรสีขาวคลุมทับอยู่ตลอดจนกระทั่งเสร็จสิ้น จึงลุกขึ้นค้อมศีรษะถวายรายงานแก่ฝ่าบาท
“หายจากอาการป่วยแล้ว ทว่าเดิมนั้นร่างกายอ่อนแอมากจึงจำเป็นต้องพักฟื้นพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท แผลภายในจะทรงให้กระหม่อมทำอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
คำถามของหมอหลวงนั้น เป็นเพราะยามโซกังไม่ได้สติ ฝ่าบาทไม่อนุญาตให้หมอหลวงรักษาภายใน แต่กลับตรวจดูด้วยพระองค์เอง และเพียงแค่บอกอาการคร่าวๆ แก่หมอหลวง จึงถือเป็นการรักษาเบื้องต้นเท่านั้น ไม่รู้เพราะเหตุใดถึงต้องไม่พอใจหากมีผู้อื่นมาแตะต้องส่วนที่ตนยังไม่ได้แตะต้อง
กระทั่งหมอหลวงกล่าวว่าเป็นบาดแผลที่เกิดจาก ‘การเสพสังวาสกับบุรุษ’ อย่างแน่นอน ความรู้สึกนั้นก็ไม่ได้แปรเปลี่ยนไปแต่อย่างใด พระองค์ตอบออกไปอย่างหนักแน่น
“เจ้าบอกมาว่าต้องทำอย่างไรบ้างก็พอ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
จากนั้นเขาขยับเข้าไปใกล้โซกัง สอดมือเข้าไปในผ้าห่มแล้วจับกางขาออก และเนื่องจากตอนนี้โซกังรู้แน่ชัดแล้วว่าบุรุษผู้นี้คือองค์จักรพรรดิ ร่างบางจึงไม่บังอาจขัดขืน ได้แต่ตัวสั่นงันงกอยู่เช่นนั้น
“ใยถึงทรงทำเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”
“คุกเข่าแล้วกางขาออกเสีย เพียงแค่ทายาไม่เจ็บมากหรอก”
โซกังขบริมฝีปากด้วยความกระดากอายจากความจริงที่เพิ่งได้รับรู้ พร้อมกันนั้นก็กวาดสายตามองโดยรอบอย่างรวดเร็ว ด้านในที่แห่งนี้มีเพียงฝ่าบาทกับหมอหลวงก็จริง ทว่าด้านนอกยังมีองครักษ์ที่มองเห็นเหตุการณ์อีกตั้งแปดคน การถูกสัมผัสภายในด้วยนิ้วมือต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ มันช่างเป็นความจริงที่น่าอับอายอย่างยิ่ง สู้ยํ่ายีเขาเฉกเช่นทาสเหล่านั้นยังจะดีเสียกว่า
[1] แพกคโยฮยัง (백교향 : 白膠香) ยางของต้นเมเปิ้ลหอม (Liquidambar formosana Hance) มีสรรพคุณในการห้ามเลือด มักจะใช้กับฝีหนองหรือโรคผิวหนัง
[2] ฮยอลกัล (혈갈 : 血竭) มากจากต้น Daemonorops draco Blume มีสรรพคุณในการห้ามเลือด