องค์จักรพรรดิไม่รับรู้ถึงความรู้สึกเช่นนั้นของโซกัง จึงจับให้อีกฝ่ายคุกเข่าแล้วกางขาเพื่อเปิดช่องทางออก หมอหลวงรวมถึงองครักษ์ทั้งหมดต่างหันหลังให้
“เดี๋ยวพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!”
“ก็แค่รักษาเท่านั้น ผ่อนคลายแล้วนอนเฉยๆ ก็พอ”
จากนั้นก็แตะอย่างแผ่วเบาตรงช่องทางระหว่างบั้นท้ายของผู้ที่กำลังตื่นตระหนก สอดเรียวนิ้วที่เคยใช้ตรวจอาการเข้าไปภายใน
“อะ อึก”
โซกังขมวดคิ้วแน่นเพราะรู้สึกถึงความเจ็บแปลบและความแสบร้อนในเวลาเดียวกัน อีกทั้งนิ้วของอีกฝ่ายยังรุกล้ำเข้ามาอย่างลื่นไหล บริเวณนั้นแม้จะทำการบำเรอความต้องการของใครต่อใครมามากกว่าหนึ่งปี ทว่ากลับไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย ไม่ใช่เพียงแค่เจ็บปวด แต่ตนไม่เคยได้ปลดปล่อยเลยสักครั้งด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับการถูกกระแทกด้วยแรงเหมือนจะฉีกทึ้งมากกว่าความลื่นไหลเช่นนี้ การถูกกระแทกกระทั้นยามนี้ไม่ได้สร้างเจ็บปวด สัมผัสภายในช่างแตกต่างและไม่คุ้นเคย
“หยุด อ๊ะ ตรงนั้น มะ…ฮึก อา!”
เรียวนิ้วสัมผัสผนังด้านในอย่างเชื่องช้า พอมันแทรกตัวถึงภายในก็ต้องหอบหายใจแรงออกมาอย่างไม่รู้ตัว ถึงจะตั้งใจอดกลั้น แต่ก็ทำไม่ได้ สุดท้ายจึงต้องดึงผ้าห่มขึ้นมากัดไว้
เป็นสภาพคล้ายกำลังแทบจะบ้าตาย ร่างกายของตน รวมถึงเสียงครางที่หลุดออกมา ล้วนน่าหวาดหวั่น รู้ดีว่าการเคลื่อนไหวของเรียวนิ้วภายในร่างกายไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกิน ทว่าเป็นตนที่รู้สึกเองเพียงลำพัง มันช่างยากเย็นกับการฝืนทนต่อความน่าอับอายเช่นนี้
อีกด้านหนึ่ง เมื่อฝ่าบาทเห็นร่างบางกัดผ้าห่มและกลั้นเสียงคราง ก็ยิ่งละเมียดละไมกับการสัมผัสยิ่งขึ้นไปอีก แม้ไม่เคยลิ้มลองการเสพสังวาสกับบุรุษด้วยกัน แต่ก็เคยร่ำเรียนเรื่องการร่วมหอจากฝ่ายในมาแล้วจึงทราบเป็นอย่างดี
เพื่อทายาท และเพื่อความพึงพอใจทางกามารมณ์ของจักรพรรดิ ความรู้เรื่องเพศจึงเป็นสิ่งสำคัญ เมื่ออายุได้สิบชันษา รัชทายาทจะได้เรียนรู้การร่วมหอจากฝ่ายในกับนางกำนัล ทั้งแบบชายกับหญิงและชายกับชาย ดังนั้นภายในกายของบุรุษเป็นเช่นไร หากแตะต้องแล้วจะตอบรับเช่นไร เขาล้วนรู้เป็นอย่างดี
สีหน้าผสมผสานความกระดากอาย ขบกัดริมฝีปากจนแดงก่ำ ยูโซกังกัดผ้าห่มแน่นด้วยความร้อนรุ่มเป็นอย่างมาก ความเศร้าและว่างเปล่า แต่เปี่ยมล้นด้วยเสน่ห์ไม่ใช่น้อยกำลังโอบล้อมรอบตัว ทว่านอกจากเสน่ห์แล้ว ยังมีความกระดากอายกับความละอายใจทาบทับ
เมื่อได้เห็นความรู้สึกนั้น เขาก็อยากทำให้อีกฝ่ายดิ้นพล่านด้วยความปรารถนาที่ไม่อาจอดกลั้น ไม่ได้รู้สึกไม่ดีที่โดนโอบรัดเรียวนิ้วเช่นนี้ เขาเป็นจักรพรรดิมิใช่หรือ จักรพรรดิผู้เป็นเจ้าชีวิตของทุกคนในวังหลวง จะลำบากใจได้อย่างไร
จากนั้นก็ควานหาจุดเล็กๆ ภายในช่องทางอย่างรอบคอบ กระทั่งค้นพบจึงกดแรงลงไป สะโพกและขาของโซกังพลันกระตุกเกร็งขึ้นทันที
“ฮึก!”
แม้จะกัดริมฝีปากเอาไว้ แต่เสียงครางก็หลุดเล็ดลอดออกมาอย่างไม่อาจกลั้น ร่างบางเผลอยกสะโพกขึ้นโดยไม่รู้ตัวทั้งๆ ที่กัดฟันแน่น ก่อนจะวางมันลงที่เดิม
ภายในช่องทางที่ถูกย่ำยีข่มเหงซ้ำๆ บางคราวหากบังเอิญแตะโดนจุดนั้น ความร้อนรุ่ม ความตื่นเต้น ความปรารถนาและความอับอาย ก็จะผสมรวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็นความทุกข์ทรมานอยู่เรื่อย ทว่าเรือนนอนหน่วยสาม เป็นความสัมพันธ์ที่ความปรารถนาของฝ่ายรุกรานสำคัญกว่า คนเหล่านั้นจึงไม่มีทางสัมผัสแตะต้องอย่างต่อเนื่อง บางทีอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีจุดนั้นอยู่
แน่นอนว่าโซกังเองก็ไม่รู้ตำแหน่ง หรือกระทั่งความรุนแรงของห้วงอารมณ์ เพียงแค่รู้สึกเหมือนมีฟ้าผ่า ความรู้สึกบางอย่างสะท้านตามแนวกระดูกสันหลัง และเวลานี้ฝ่าบาทก็กำลังทำให้เขาถูกสายฟ้าฟาดกระหน่ำ
เมื่อเรียวนิ้วของอีกฝ่ายสัมผัสบริเวณนั้นอย่างแรง สะโพกมนก็พลันโก่งโค้งขึ้น ริมฝีปากเผยอค้างจนคราบน้ำลายไหลย้อยเลอะเปรอะเปื้อนผ้าห่ม
“อ๊า! ทำ อะไร… ฮึก!”
“ข้าไม่ได้บอกไปแล้วหรือ แค่เพียงรักษาเท่านั้น อยู่นิ่งๆ”
น้ำเสียงเรียบเฉยเอ่ยตอบ โซกังก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ทั้งยังหอบหายใจอย่างหนักหน่วง ถึงอย่างนั้น องค์จักรพรรดิก็ยังคงสัมผัสภายในอย่างดื้อดึง เพราะอยากเห็นท่าทางร้อนรุ่มของอีกคนต่อไป หากเป็นไปได้ก็อยากให้ถึงกับปลดปล่อยออกมา กระทั่งใบหน้างดงามบูดบึ้งจนร้องไห้
ร่างสูงสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะผ่อนมันออกมา จากนั้นก็ถอนเรียวนิ้วออกจากร่างกายคนใต้ร่าง
ด้วยคิดว่าทุกอย่างคงจะจบลงแล้วจึงผ่อนคลายนอนกางขา ผ่อนลมหายใจสะดุดค้างในลำคอออกมา ทว่ามันยังไม่จบ เพราะบางอย่างที่ลื่นไหลยิ่งกว่านิ้วมือกลับสัมผัสช่องทางและสอดแทรกเข้ามาภายในจนร่างกายบิดเร้า มันสอดลึกเข้ามายิ่งกว่าก่อนหน้านี้และแตะจุดนั้นอย่างแม่นยำ โซกังกำเครื่องนอนแน่นพร้อมกับหลุดเสียงออดอ้อนออกมา
“อ๊ะ!! ฝ่าบาท ได้โปรด…! ฮึก!”
เมื่อได้ยินเสียงขอร้องของตัวเองกับหู ดวงตาคู่สวยก็มีน้ำตาคลอทันใด เขาไม่ได้หลงลืมว่าในที่แห่งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ตนกับฝ่าบาทเท่านั้น หากยังมีเหล่าองครักษ์และหมอหลวง ด้านนอกประตูก็ยังมีทหารหลวงกับนางกำนัลอยู่ด้วย ทว่าพระองค์กำลังข่มเหงตัวเขาท่ามกลางการรับรู้และการได้ยินของคนเหล่านั้นอย่างไม่สนใจอะไร กระทั่งในหน่วยสาม ตนยังไม่อาจขัดขืน แต่ยามนี้อีกฝ่ายเป็นถึงองค์จักรพรรดิ ยิ่งไม่ต้องฝันถึงเลย
“อ๊ะ! อ๊ะ! ฝ่าบาท ยะ หยุด ฮึก!”
โซกังขยับยกสะโพกขึ้นลง ร่างกายสั่นเทาอย่างแผ่วเบา และสุดท้ายก็ทนไม่ได้ทำผ้าห่มคลุมกายต้องแปดเปื้อนด้วยน้ำกาม เสียงออดอ้อนหลุดออกมาจนคล้ายจะกลายเป็นเสียงกรีดร้อง แผ่นหลังโก่งโค้งพร้อมกระตุกสั่นในเวลาเดียวกัน แกนกายขององค์จักรพรรดิปวดร้าวด้วยความปรารถนาขณะเฝ้ามองโซกังอ้อนวอนด้วยท่าทางแสนยั่วยวนเช่นนั้น
แม้จะเป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสความรู้สึกยามผ่านคืนวสันต์กับบุรุษด้วยกัน ทว่าเมื่อได้เห็นอีกฝ่ายถึงจุดสูงสุดกลับรู้สึกตื่นเต้น และไม่ใช่เพียงแค่ตื่นเต้นธรรมดา มันเป็นความตื่นเต้นเพราะอยากโหมกระแทกส่งตัวตนเข้าไปในนั้น
ความปรารถนารุนแรงเช่นนี้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ความปรารถนาผูกมัดร่างกายจนทำให้สัญชาตญาณบางอย่างกำลังสั่นคลอน ร่างสูงกัดฟันแน่นอยู่ชั่วครู่ด้วยความลังเลใจ แต่สุดท้ายก็เลือกคว้าสัญชาตญาณนั้นไว้
“หมอหลวงเจ้าออกไปก่อน หากมีอะไร ข้าจะเรียกเข้ามาอีกครั้ง”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
เมื่อคาดเดาได้ว่าฝ่าบาทจะทรงทำสิ่งใด หมอหลวงจึงรีบถอยออกจากห้องบรรทมโดยเร็ว เหล่าองครักษ์เองก็ค้อมคำนับแล้วถอยออกไปรอด้านนอกประตูแทน หลังจากผู้คนเหล่านั้นล่าถอยไปแล้ว เขาก็ผุดลุกขึ้นถอดอาภรณ์ของตน ก่อนจะดึงผ้าห่มคลุมตัวโซกังออกในคราเดียว จนหน้าท้องเปรอะเปื้อนหยาดวสันต์กับส่วนอ่อนไหวสิ้นแรงหลังปลดปล่อยก็ปรากฎสู่สายตา ร่างบางงอตัวเข้าหากันทันทีพร้อมจ้องมองด้วยแววตาตื่นตระหนกตกใจ
“ฝ่าบาท! เหตุใดถึงทรงทำเช่นนี้!”
“ถามเพราะไม่รู้จริงๆ หรืออย่างไร เจ้าเอ่ยคำออดอ้อน ทั้งยังยั่วยวนเช่นนี้ ข้าก็ควรต้องรับผิดชอบมิใช่หรือ”
“ผู้ที่ทำให้เป็นเช่นนั้น ก็คือฝ่าบาทมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
ใบหน้าแดงจัดและดวงตาเปียกชื้นฉ่ำวาวยิ่งทำให้ส่วนล่างตื่นตัวเสียจนรู้สึกได้ว่าริมฝีปากแห้งผาก ฝ่าบาทจึงใช้กำลังบังคับกระชากกางขาเรียวที่หุบเข้าหากันให้อ้ากว้าง
“อย่าทำเช่นนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ!”
“คราพบกันครั้งแรกเจ้ามีเสน่ห์ร้ายกาจจนถึงขนาดใช้มารยาได้ ทว่าเวลานี้กลับดูมากยิ่งกว่า”
“มิใช่เช่นนั้น ได้โปรดปล่อยกระหม่อมไปเถิด”
โซกังขอร้องให้ปล่อยอยู่หลายครั้ง ไม่สิ ออดอ้อนต่างหาก แต่นั่นกลับยิ่งทำให้อีกฝ่ายยิ่งพานมีโทสะขึ้นมา
จากการส่งคนไปสืบเรื่องราวจากภายในกรม ไม่เพียงแค่เรือนทาสหน่วยสามเท่านั้น แต่ยูโซกังยังเป็นที่บำเรอเหล่าทาสชายหน่วยอื่นอีกด้วย ทำตัวเป็นคณิกาแทนการใช้แรงงาน บรรยากาศน่าสงสารและว่างเปล่า บวกกับรูปร่างอันเย้ายวน แต่ภายในกลับซุกซ่อนมารยาเอาไว้มากมาย มันเป็นธรรมเนียมของราชวงศ์ว่าไม่ควรปล่อยผู้มากเล่ห์ไว้ข้างกาย ทว่าทั้งๆ ที่อีกฝ่ายเสแสร้งเช่นนี้ เขาก็ไม่คิดอยากส่งยูโซกังกลับเรือนทาสเลย
อันที่จริงกลับโล่งใจมากกว่าหลังได้ยินคำว่าของบำเรอ เพราะนึกว่าคงจะยอมปรนนิบัติกันอย่างง่ายดาย แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดในใจถึงวุ่นวายไปหมดเช่นนี้ ผ่านไปเพียงครู่ก็เข้าใจว่ามันมิใช่แค่ความหลุ่มหลง
ด้วยคิดว่าหากผ่านคืนวสันต์กับบุรุษที่เป็นดั่งของบำเรอ ก็คงจะช่วยปรนนิบัติให้ผ่อนคลายและปลดปล่อยความต้องการ คงไว้ซึ่งความคิดอันปลอดโปร่งได้
ทว่าเวลานี้กลับอารมณ์ขุ่นมัวยิ่งนัก อีกฝ่ายยอมปรนนิบัติผู้ใดก็ได้ในเรือนนอนแห่งนั้น แต่กลับบังอาจปฏิเสธการปรนนิบัติตน ผู้เป็นถึงจักรพรรดิ การอ้อนวอนให้ปล่อย เหมือนหมายถึงจะไม่ยอมใช้ร่างกายนี้ปรนนิบัติเขา ผู้ใดก็ตามในอาณาจักรนี้ล้วนดีกว่าตัวเขาทั้งสิ้น
ฝ่าบาทจับขาเรียวกางออกอย่างแรงแล้วจับจองพื้นที่ตรงนั้น ผู้เป็นบิดาของราษฎรรู้ดีว่านี่มิใช่การกระทำของผู้ปราดเปรื่อง แต่ก็ยังขยับร่างกายตามอำเภอใจ เพราะจิตใจด้านหนึ่งกระซิบว่า ‘คณิกาชายที่ทอดกายให้เหล่าทาสหลวง คงจะต้องการให้ปฏิบัติเฉกเช่นเดียวกับหญิงชาวบ้าน’
จากนั้นก็จุ่มมือลงในกระปุกน้ำมันหอม แล้วนำมือชุ่มโชกชโลมส่วนกลางกายอันแข็งขืน ปาดเช็ดของเหลวที่หลงเหลือในมือลงบริเวณช่องทางตรงหน้า ก่อนจะแกนกายไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม
โซกังรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวนั้น แต่ไม่ว่าจะอ้อนวอนอย่างไร อีกฝ่ายก็ไม่คิดจะใส่ใจเลย และสุดท้ายส่วนปลายของแท่งร้อนก็สัมผัสระหว่างบั้นท้าย ร่างบางจึงได้แต่กัดริมฝีปากแน่น