ท้ายที่สุดฝ่าบาทก็ขยับกายเข้าไปอยู่ระหว่างเรียวขาโซกังอีกหน แกนกายชโลมน้ำมันหอมเอาไว้จนชุ่ม รุกรานเข้าไปภายใน ช่องทางคับแคบยังคงเปียกแฉะด้วยหยาดวสันต์ ฉับพลันผนังด้านในก็ขมิบบีบฉุดดึงสิ่งแปลกปลอมที่ครูดผ่านเข้ามา
“อึก!”
จนต้องส่งเสียงร้องแผ่วเบา เพราะภายในของผู้สลบไสลกลับเคลื่อนไหวเป็นจังหวะเสียยิ่งกว่ายามมีสตินึกรู้ มันบีบรัดแน่นแล้วคลายตัวเปิดอ้าจนสามารถขยับเคลื่อนได้อย่างราบรื่น
เมื่อครั้นเรียนรู้บทการร่วมหอและฝึกฝนจากขันที กระทั่งล่วงผ่านจนเกือบถึงขั้นที่สาม แม้ว่าจะส่งตัวตนเข้าไปจนสุด ก็เพียงแค่รู้สึกอึดอัดเท่านั้น และด้วยรู้สึกเจ็บปวดแกนกาย ฝ่าบาทจึงได้หยุดการกระทำเพียงเท่านั้น เดิมทีมันก็ควรเป็นเช่นนั้น ต้องอึดอัดและไม่พึงพอใจจนไล่อีกฝ่ายออกไป ทว่าถึงจะน่าประหลาดใจ แต่ยูโซกังกลับทำให้ตนรู้สึกถึงความกระสันซ่านอันยอดเยี่ยมเท่านั้น
ร่างกายบอบบางยังคงขยับโยกเช่นตุ๊กตาผ้า ทว่าช่องทางด้านล่างกระตุกตอบรับอย่างดีหลังถูกเติมเต็มด้วยแกนกายของฝ่าบาท ขณะนั้นของเหลวเริ่มปริ่มออกมาส่วนอ่อนไหว แน่นอนว่าผ้าปูแท่นบรรทม ใบหน้าและร่างกายของโซกัง แม้กระทั่งพระวรกายขององค์จักรพรรดิยังแปดเปื้อนด้วยคราบกามารมณ์
แต่ฝ่าบาทไม่ได้ใส่พระทัยเลยสักนิด เพราะทุกคราที่รุกล้ำเข้าออกภายในตัวอีกฝ่าย ทั่วร่างก็พลันซาบซ่านด้วยความต้องการอย่างลึกซึ้ง การร่วมหอคือการสัมผัสถึงความกระสันที่เริ่มจากส่วนนั้นและจบลงด้วยส่วนนั้น ทว่าเวลานี้มันกลับไม่ใช่เช่นนั้นเลย ความปรารถนาส่งผลให้ความตื่นเต้นแล่นพล่านไปทั้งกาย อีกทั้งยังสั่นคลอนแม้กระทั่งความคิดทำให้จิตใจมัวเมา จนเขาไม่ต้องการจะใส่ใจว่าหยาดวสันต์ของโซกังจะสาดกระจายอย่างไร
ลมหายใจหอบแรงของร่างสูงดังก้องห้องบรรทมอย่างไม่มีสิ้นสุด
และขณะนั้นก็เริ่มมีเสียงครางดังออกมาจากปากโซกัง ก่อนดวงตาคู่สวยจะปรือขึ้นเพียงครึ่งหนึ่ง สติกลับคืนมาเพราะสิ่งที่กำลังรุกล้ำอย่างรุนแรงภายในร่างกาย แม้สติจะกลับคืนดังเดิม ทว่าก็ต้องร้องครางด้วยความกระสันซ่านแทบจะหมดสติอีกครั้ง
“ฮือ ฮึก อ๊ะ!”
“ฟื้นแล้วหรือ”
“อื้อ! ฝ่าบาท อ๊ะ! เหตุใดยัง… ฮึก! อ๊า!!”
“เจ้าหมดสติไปกลางคันน่ะสิ”
คำตอบนั้น ทำเอาโซกังตอบรับด้วยเสียงครางแทนพร้อมบิดเร้าร่างกาย ส่วนอ่อนไหวแข็งชันขึ้นใหม่ การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายส่งผลให้ตนต้องโยกคลอนขึ้นลงตามอย่างแรง
และในที่สุดฝ่าบาทก็ปลดปล่อยออกมาหลังจ้วงจู่โจมลึกเข้าไปในร่างบอบบาง โซกังสั่นสะท้านไปหมด แผ่นหลังแอ่นโค้ง กระทั่งแกนกายก็ยังมีของเหลวขาวขุ่นไหลเยิ้มออกมาเช่นกัน ร่างสูงคิดว่าช่องทางของอีกคนนั้นช่างคล้ายคลึงกับของสตรียิ่งนัก ก่อนจะทาบทับร่างกายของตนลงบนตัวโซกังโดยยังไม่ได้ถอนตัวออกมา
น้ำหนักตัวที่กดทับลงมาทำให้ต้องทอดถอนหายใจอย่างอึดอัด คนด้านบนซุกหน้าลงกับต้นคอและสูดดมกลิ่นกายที่ไม่ทำให้รู้สึกหงุดหงิดเลยสักนิด ทันใดนั้นเสียงแผ่วเบาไร้เรี่ยวแรงก็ดังขึ้น
“ฝ่าบาท หนักพ่ะย่ะค่ะ”
“เป็นบุรุษเหมือนกัน เท่านี้จะเป็นไร”
“ทีตอนนี้มากล่าวว่าเป็นบุรุษเหมือนกัน…”
โซกังบ่นพึมพำเสียงแผ่ว แต่อย่างไรก็ไม่สามารถโต้แย้งอีกฝ่ายได้อย่างใจ ด้วยรู้แก่ใจดีว่าตนมีฐานะเพียงทาสไม่อาจหาญทำเช่นนั้นได้ แค่บังอาจปฏิเสธองค์จักรพรรดิผู้มีพระกรุณาอย่างหาที่สุดไม่ได้ก็อาจจะถูกกริ้วเอาได้แล้ว ทว่าดูจากอารมณ์ของอีกฝ่ายในเวลานี้ บ่นเพียงเท่านี้ก็คงจะไม่เป็นอะไรนัก
และเป็นอย่างที่คาดคิด เพราะเสียงหัวเราะแผ่วเบาดังแว่วมาให้ได้ยิน สัมผัสถึงลมหายใจอุ่นร้อนตรงต้นคอ แถมยังรู้สึกเจ็บแปลบวาบขึ้นมาฉับพลันอีก
“ฮึก!”
เนื่องจากฝ่าบาทฝากฝังรอยเขี้ยว จนทำให้โซกังขมวดคิ้วมุ่นพลางดีดดิ้นไปมา และแน่นอนว่าดิ้นอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดรอดไปได้อยู่ดี
“ยูโซกัง โซกังอา ก็ฟังดูดีนะ เรียกเจ้าเช่นนี้แล้วกัน”
“ตามแต่พระทัยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
จากนั้นอีกฝ่ายก็ลุกขึ้นถอดถอนตัวตนออก กล้ามเนื้อบริเวณนั้นจึงหดตัวเข้าหากันเฉกเช่นเมื่อครู่ เขาชื่นชมของเหลวที่ไหลเยิ้มออกมา ก่อนจะฟาดฝ่ามือลงบนสะโพกของโซกังเมื่อเจ้าตัวทำท่าจะหุบเรียวขาลง
“อ๊ะ! ใยทรงทำเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”
“ต้องเอาสิ่งที่คั่งค้างอยู่ข้างในออกมิใช่หรือ คงไม่ใช่ว่าคณิกาเช่นเจ้าไม่รู้กระทั่งเรื่องพื้นฐานเหล่านี้กระมัง หากไม่จัดการให้สะอาด อาจเกิดปัญหาใหญ่ได้”
“กระหม่อมทราบดี แล้วก็กระหม่อม! ไม่ใช่คณิกา แต่เป็นเพียงทาสหลวง…”
“จะอะไรก็ช่างเถอะ อ้าขาไว้ล่ะ เจ้าคงไม่ชอบให้หมอหลวงมาทำความสะอาดใช่หรือไม่”
โดยปกติหากเสร็จสิ้นกิจ กรณีที่เป็นสตรี จะเป็นนางกำนัลของฝ่ายใน หรือหากเป็นบุรุษ ขันทีของฝ่ายในที่รอคอยเวลาอยู่ก็จะเข้ามาด้านใน เพื่อจัดการสถานการณ์หลังการร่วมหอขององค์จักรพรรดิ เมื่อนางกำนัลหน้าประตูทราบว่าการร่วมหอเสร็จสิ้นแล้วก็จะไปแจ้งแก่ฝ่ายในให้ส่งคนมา แรกเริ่มเดิมทีเป็นเช่นนี้มาตลอด ทว่าเขาไม่ต้องการให้ผู้ใดมาแตะต้องร่างกายของยูโซกังจึงเริ่มจัดการด้วยตนเอง
อย่างไรผ้าปูก็สกปรกเปรอะเปื้อนไปแล้ว ฝ่าบาทจึงจัดการทำความสะอาดภายในของอีกฝ่ายอย่างไม่ลังเลเสียบนแท่นบรรทมนั้น กระทั่งคราบคาวคั่งค้างค่อยๆ ไหลจากกายลงมาบนผ้าปู โซกังปิดหน้าตนด้วยสองมือ ทั้งยังขบริมฝีปากแน่นมีเพียงเสียงอึกอักหลุดออกมาเท่านั้น ร่างสูงเลยแกล้งหยอกเย้าทำเป็นพลาดไปสัมผัสถูกส่วนอ่อนไหวภายใน
“ฮึก! ฝ่าบาท”
เป็นเสียงครางที่อยากฟังอยู่เรื่อยๆ มันแหบแหลมอย่างน่าประหลาด แต่ถือเป็นน้ำเสียงมีเสน่ห์
ฝ่าบาทกวาดควานด้านในอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะถอนนิ้วออกด้วยความเสียดายแล้วปาดเช็ดกับผ้าปูเตียงจนพอใจ จากนั้นก็จัดการแต่งองค์สวมอาภรณ์ลำลองผูกปมด้านหน้าให้เรียบร้อย ส่วนคนนอนเปล่าเปลือยรีบควานหาข้างตัวเพราะนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายสะบัดผ้าห่มไปด้านข้าง
“จะทำอะไร แหวนดอกไม้หายหรืออย่างไร”
“ก็แค่หาผ้าห่มเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินคำตอบก็ยกยิ้มบางคล้ายสนุกสนานนักหนา ขณะเดียวกันก็ช่วยดึงผ้าห่มมาคลุมตัวให้
“ข้าสั่งให้เตรียมห้องอาบน้ำแล้ว รออยู่เช่นนี้เพียงครู่”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วข้าก็ลองคิดเรื่องตำแหน่งของเจ้าแล้ว”
“ตำแหน่งหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่ เจ้าเข้าหอกับข้าแล้ว ไม่นับว่าทาสหลวงหรือคนงานอีกต่อไป อันที่จริงก็ถือว่าเข้าวังมาแล้วด้วยซ้ำ ข้าไม่คิดจะปล่อยเจ้าไว้ในตำแหน่งนี้ไปเรื่อยๆ หรอกนะ”
ดวงตาของโซกังฉายแววตกใจขึ้นบางเบา ร่างกายเคยแปดเปื้อนด้วยเหล่าทาสหลวง นั่นเป็นเรื่องที่ตนรู้แก่ใจดีอยู่แล้ว แม้จะไม่เหลือศักดิ์ศรี แต่หากถูกเรียกว่าคณิกาก็ไม่สามารถทัดทานได้ ร่างกายที่ใช้ปรนเปรอให้ผู้นั้นทีผู้นี้ทีเช่นนี้ ช่างไม่ควรค่าให้ลุ่มหลงเสียเลย แต่คำกล่าวว่าไม่คิดปล่อยไว้ในตำแหน่งนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน
“ความหมายของพระองค์… กระหม่อมไม่อาจเข้าใจได้”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าใจหรอก แค่อย่าคิดจะออกไปนอกตำหนักคอนรยุงสักพัก”
ฝ่าบาทตอบคำถามเพียงสั้นๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปทางประตู
นับเป็นการกระทำที่ตนก็ไม่อาจเข้าใจ และไม่สามารถทำความเข้าใจได้ เพียงได้สบตาและรับความช่วยเหลือชั่วครู่ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดตนถึงต้องปฏิบัติกับคณิกาผู้หนึ่งถึงขนาดนี้
จนถึงตอนนี้จะยังไม่อาจรู้ว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นไร ก็มีสิ่งหนึ่งที่แน่ชัด แม้จะได้ครอบครองเพียงครั้งเดียว อีกฝ่ายก็ถือว่าเป็นคนของจักรพรรดิแล้ว เนื่องจากไม่มีใครบังอาจแตะต้องผู้ถวายการปรนนิบัติฝ่าบาท ถึงจะคงสถานะนี้และจัดเตรียมหนึ่งในบรรดาตำหนักมากมายของวังฮงจอง (ที่อยู่ของสนมขั้นต่ำจากบรรดาเหล่าสนมที่เข้าวังมา) ให้พำนักก็ไม่เป็นปัญหาใดๆ ทว่าไม่รู้ด้วยเหตุใดถึงไม่อาจปล่อยให้เป็นเช่นนั้น
และเนื่องจากสิ่งที่สงสัยไม่ได้มีเพียงแค่หนึ่งหรือสอง แน่นอนว่าที่สุดก็คือทะเบียนทาสอันว่างเปล่า มีการจัดทำทะเบียนทาสของผู้อื่นอย่างไม่รอบคอบอยู่อีกหรือไม่ หากมีเพียงแค่ทะเบียนทาสของโซกังผู้เดียวที่เป็นเช่นนั้น ก็คงต้องลองตรวจสอบดูจะได้กระจ่าง
ความเป็นจริงเมื่อเทียบกับทาสทั่วไปแล้ว คำพูดและการกระทำของอีกฝ่ายนับว่ามีความสง่างามเหนือกว่ามาก
หากเป็นบัณฑิตผู้ซื่อสัตย์ แต่ประสบความลำบากไร้ความสามารถจ่ายหนี้สินที่ตนหรือภรรยาก่อขึ้น อย่างไรก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นเพียงทาสในกรมทดแทนการชดใช้หนี้อยู่ดี แต่จะได้รับมอบหมายงานของกรม หรือทำการสอนตำราในสำนักบัณฑิต เช่นนั้นแล้วก็คงจะไม่ใช่บัณฑิตด้วยสินะ
พอคิดมาถึงตรงนี้ก็ต้องส่ายหน้าไปมา หากถูกหลอกจะทำอย่างไร….
จากนั้นก็ตระหนักได้ว่าตนกำลังแก้ตัวอย่างนั้นอย่างนี้จนนึกขัน สุดท้ายอาจจะเริ่มต้นสนใจจากความหมดหวังที่เกือบกลายเป็นความเศร้าหมองในแววตา และดวงตาคู่สวยที่แสดงออกว่ายอมแพ้ต่อชีวิตก็เป็นได้