ทันยองพลันตระหนักได้ว่าตนเผลอจมกับความคิดมากเกินไป อีกทั้งตระหนักอีกว่าหมอหญิงผู้ยืนอยู่ตรงหน้ากำลังมองด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“เป็นอะไรหรือเปล่า มีเรื่องอะไรหรือ”
“ปะ เปล่าเจ้าค่ะ”
เมื่อยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าถึงรู้ว่ากำลังร้องไห้ ทันยองตอบกลับอีกฝ่าย ก่อนจะตำหนิตนเองในใจว่าอย่าทำท่าทางเหม่อลอย หมอหญิงผู้นั้นเหลือบมองและผลักเขาให้ออกมาจากที่นั่น
“ไม่รู้ว่าเจ้ามีเรื่องอันใด แต่ไปสงบจิตสงบใจก่อนเถิด”
“…เจ้าค่ะ”
“ระหว่างนั้นก็เอากระเป๋าใบนี้ไปวางไว้ที่ศพแล้วค่อยกลับมาล่ะ”
“อา เจ้าค่ะ”
ร่างบางรับกระเป๋าใส่สมุนไพรสองสามชนิดจากหมอหญิงแล้วถอนหายใจ จากนั้นก็เดินออกมาด้านนอกสำนักหมอหลวง ยืนพิงตัวอยู่ตรงมุมเสา ไม่ว่าจะทำอย่างไร น้ำตาก็ไม่ยอมหยุดไหลเสียที ท่ามกลางการฝึกอย่างหนักหน่วงและยากลำบาก ก็ยังมีคนผู้นั้น การที่ตนไม่ถูกขายเป็นทาส ทั้งยังสามารถอยู่ในยาอึมด้วยฐานะมือสังหาร ก็เพราะคนผู้นั้นอีกเช่นกัน
‘ข้าต่างหากที่ตาย มิใช่เจ้าเสียหน่อย ไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นไรนะยองอา’
คล้ายได้ยินเสียงกระซิบของทันยอบ กระทั่งยามถูกก่นด่าว่าเป็นไอ้ตัวเล็กไร้ประโยชน์ ยามถูกรังแกจากเด็กๆ ยาอึมคนอื่นด้วยเหตุผลว่าอ่อนแอ อีกฝ่ายก็จะคอยช่วยห้ามปรามเสมอ
ด้วยความตัวเตี้ยและผอมบาง ดังนั้นจึงเป็นประโยชน์ต่อการปลอมตัวเป็นสตรี นั่นคือคำกล่าวที่ยอบใช้โน้มน้าวผู้อาวุโสทั้งหลายในยาอึม และกำจัดผู้จงใจกระทำการต่ำช้ากับเขาด้วยการเข่นฆ่าจนเป็นเหตุให้ได้รับโทษ ทว่าน่าขัน เพราะเรื่องนั้นกลับทำให้ผู้อาวุโสพึงพอใจทันยอบ ดังนั้นเมื่อถึงยามที่ต้องการดำเนินแผนการใหญ่ ยอบจึงเป็นผู้ที่ต้องออกไปทำงานในยามค่ำคืนบ่อยครั้งที่สุด
อย่างไรก็ตาม ตนมีชีวิตอยู่มาถึงทุกวันนี้ก็เป็นเพราะทันยอบ หากจะห้ามใจมิให้ชอบคนผู้นั้น มันก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรกแล้ว
‘ข้าชอบเจ้า ดังนั้น หากเจ้าไม่รังเกียจ… ช่วยกอดข้าที แม้เพียงสักครั้งก็ยังดี’
พลันนึกถึงเมื่อคราแรกที่อีกฝ่ายต้องแฝงตัวเข้ามาในวังหลวง มันเป็นวันที่เขาสารภาพออกไปด้วยคำว่าชอบ แต่ทันยอบกลับยิ้มและกล่าวว่าค่อยว่ากันหลังจากกลับมา
ยามนั้นโลกใบนี้ช่างงดงาม ทุกสิ่งที่มองเห็นล้วนเปล่งประกาย แต่ขณะเดียวกันทันยองก็เกิดความทุกข์ระทมจากการเข่นฆ่าผู้คน ด้วยเพราะคิดว่าผู้ที่ตายด้วยดาบของตน ย่อมต้องเป็นคนสำคัญของใครสักคนเช่นกัน ยอบจึงเป็นผู้เข้ามาช่วยจัดการในเรื่องพวกนั้นแทน
“เหตุใดถึงต้องตาย เพราะเหตุใดกัน”
ทันยองหลงลืมหน้าที่ หลงลืมว่าตรงนี้คือที่ใด เขาทรุดตัวนั่งกับพื้นและซบหน้าลงเข่า สะอึกสะอื้น ไม่มีความกล้าจะเข้าไปดูศพของอีกฝ่ายเลย ไม่มีความกล้าจะคว้าศพยอบไว้โดยไม่ร้องไห้คร่ำครวญ
ทว่างานก็คืองาน ด้วยเป็นงานที่นายท่านผู้มีตำแหน่งสูงกว่าเจ้าของร้านผ้าไหมเป็นผู้การสั่งโดยตรง ดังนั้นเขาจึงไม่อาจปฏิเสธได้
ร่างบางเช็ดน้ำตาและยันตัวลุกยืนด้วยขาสั่นเทา เรือนไม้หลังเล็กด้านข้างสำนักหมอหลวงเป็นที่พักศพ แม้จะไม่ใช่คนในวังหลวง ต่างก็ทราบถึงความจริงข้อนี้เป็นอย่างดี ทันยองปาดเช็ดใบหน้าให้หมดจดที่สุดและเติมชาดทาปาก จากนั้นก็ทอดถอนใจเฮือกใหญ่แล้วเดินไปยังสถานที่เก็บรักษาศพ ทหารที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้ามองเขาแล้วเอ่ยถาม
“มีเรื่องอันใดหรือขอรับ”
ด้วยมีนักฆ่าลอบเข้ามาในวังหลวง จึงมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดในทุกๆ บริเวณ ทันยองค้อมคำนับเล็กน้อยแล้วตอบกลับ
“ข้านำถุงสมุนไพรมาวางบนศพเจ้าค่ะ”
“เชิญเข้าไปได้ขอรับ”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
เขานำถุงสมุนไพรออกมาแล้วเดินผ่านประตูเข้าไป ด้านในเต็มไปด้วยกลิ่นโลหิตและกลิ่นของความตาย เมื่อเห็นเสื่อฟางทั้งสาม ทันยองก็สูดหายใจเข้าลึก
หลังจากเปิดเสื่อผืนฟางแรกออก ก็เปิดผืนที่สองต่อทันที หนึ่งคือสตรี หนึ่งคือท่านแม่ทัพผู้คุ้นหน้าคุ้นตา เขาลังเลและไม่กล้าเปิดเสื่อฟางผืนที่สาม แตะมือสัมผัสลงบนเสื้อฟางอยู่หลายครั้ง ก่อนจะค่อยๆ เปิดออกจนเผยให้เห็นใบหน้า
“ฮึก… โกหก ไม่มีทาง”
ทั้งน้ำเสียง มือ ขา ทุกส่วนของร่างกายทันยอง ไม่มีจุดใดไม่สั่นไหว
แม้ว่าจะไม่ใช่งานที่นายท่านสั่ง แต่เขาต้องรู้ให้ได้ว่าผู้ใดเป็นคนฆ่าทันยอบ แม้จะไม่ได้ตายพร้อมกัน ก็จะต้องแก้แค้นให้อีกฝ่ายให้ได้ ดังนั้นจึงต้องหาเบาะแสว่าผู้ใดเป็นผู้ลงมือ
ทันยองสำรวจร่างกายของทันยอบ และพบบาดแผลบนหลัง เป็นแผลถูกแทง เขารีบส่งนิ้วแทรกผ่านเข้าไปในบาดแผลอย่างไม่ลังเล ความลึกของบาดแผลไม่ถึงหนึ่งจา[1] เท่าความยาวของมีดสั้น มิใช่ว่าถูกคมมีดปักลงด้วยความเร็วหรอกหรือ
ทันยองลองคาดเดาสาเหตุ พลางสัมผัสของเมือกข้นสีแดงคล้ำที่เปื้อนมือแล้วลองดมกลิ่น มีกลิ่นหญ้าคุ้นเคยบางเบา ส่วนบาดแผลเริ่มเปื่อยยุ่ย ของเหลวสีดำนั่นย่อมเป็นพิษฮึกซาแฮไม่ผิดแน่
ฮึกซาแฮเป็นพิษที่ทันยอบทำขึ้นเอง โดยนำเอาพิษร้ายแรงจากพืชมาผสมกัน และสามารถหาได้จากทันยอบแห่งยาอึมผู้เดียวเท่านั้น แม้พิษจะเข้าสู่ร่างกายเพียงน้อยนิด ก็ทำให้เป็นอัมพาต จากนั้นก็จะเริ่มพรากสัญญาณชีพไปอย่างรวดเร็ว
ทันยองลูบแก้มของทันยอบหนึ่งครา ก่อนจะประทับจูบลงบนริมฝีปากเย็นชืด
เขาปิดเสื่อฟางทั้งหมดลง โค้งคำนับให้กับศพของท่านแม่ทัพและสตรีผู้นั้น แน่นอนว่าย่อมต้องกลับไปยังสำนักหมอหลวงอีกครั้ง ทว่าน่าแปลก จนกระทั่งเขาตรวจดูศพทั้งหมดสิ้นเสร็จแล้ว ก็ยังไม่มีหมอหญิงผู้อื่นเข้ามาสักคน
หลังจากตรวจสอบศพทั้งหมดก็นั่งลงบนพื้น ยามเห็นสภาพบากแผลบนศพของท่านแม่ทัพและสตรีผู้นั้น ก็พบว่าถูกฟันด้วยดาบสั้นที่มีใบมีดเช่นคมเลื่อย มิใช่ดาบทั่วๆ ไป และตนก็รู้จักผู้ใช้ดาบนั้นอยู่คนหนึ่ง
“พี่…ชังอุน”
ทันยองกัดฟันเอ่ยชื่อ หากชังอุนลงมือฆ่าสองคนนี้ ผู้ลงมือฆ่าทันยอบก็อาจจะเป็นคนผู้นั้น… เพราะยาอึมมักจะออกเคลื่อนไหวกันเป็นคู่
จากบรรดายาอึมทั้งหมด มีเพียงสองคู่เท่านั้นที่เป็นคู่หูและมีสกุลเดียวกัน หนึ่งในนั้นคือพวกเขา ทันยอบและทันยอง พวกเขาต่างคู่อื่นๆ ตรงที่อีกฝ่ายจะเข้ามาช่วยจัดการงานทั้งหมดที่ตนทำไม่ได้แทน ร่างบางปาดเช็ดน้ำตาที่ไหลรินลงมาอีกครา ก่อนจะออกมาจากเรือนพักศพ
“ข้าออกไปตามคำสั่งได้ไม่นานเท่าไร เหตุใดยามนี้สำนักหมอหลวงถึงได้ดูวุ่นวายนักหรือเจ้าคะ”
“เห็นศพด้านในแล้วใช่หรือไม่ขอรับ หนึ่งในนั้นเป็นศพของนักฆ่า คนผู้นั้นใช้ยาพิษกับพระสนมโซอี ทว่ากลับไม่มีร่องรอยอันใดเลย ท่านหมอหลวงจึงเป็นกังวลอย่างมากขอรับ”
“เช่นนั้นเอง ขอบคุณที่ช่วยชี้แนะเจ้าค่ะ”
ทันยองก้าวย่างอย่างเหม่อลอย ทันยอบได้รับคำสั่งให้มาฆ่าสนมขององค์จักรพรรดินั่นเอง
อีกฝ่ายเคยวางยาพิษจักรพรรดินีของจักรพรรดิองค์ก่อน แม้จะได้รับคำสั่งให้วางยาพิษองค์รัชทายาทด้วย ทว่ากลับทำล้มเหลวถึงสองครา และด้วยความล้มเหลวเมื่อครานั้น ยอบจึงถูกเฆี่ยนและถอดเล็บออกถึงสองนิ้วเป็นการลงโทษ
ผู้อาวุโสมีความปรารถนามากมายต่อเหล่าเชื้อพระวงศ์ ครานี้ก็คงสั่งให้วางยาพิษสนมของฝ่าบาทอีกเป็นแน่แท้ ทว่าองค์จักรพรรดิในยามนี้ ก็คือองค์รัชทายาทผู้ที่ทันยอบเคยล้มเหลวในการลอบฆ่านั่นเอง
ทันยองขบริมฝีปากแน่น แม้ตนจะเคยชักชวนให้อีกฝ่ายหนีไปด้วยกันอยู่หลายครา ทว่าทันยอบก็กล่าวว่าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ความจริงเขาเองก็รู้แก่ใจเป็นอย่างดี จึงไม่อาจเซ้าซี้ไปมากกว่านั้น เพราะตนคือภาระของอีกฝ่าย หากเป็นทันยอบผู้เดียว เป็นไปได้ว่าอาจจะสามารถหลบหนีโดยไม่ถูกจับได้
แม้จะตายก็ต้องหนีไป เนื่องจากใช้ชีวิตด้วยมือเปื้อนเลือดถึงเพียงนั้น นี่จึงคล้ายเป็นการชดใช้
ทันยอบสูญเสียลมหายใจด้วยพิษฮึกซาแฮที่คิดค้นขึ้นเอง และเขาก็สูญเสียอีกฝ่ายไปเช่นกัน
โดยไม่ทันตั้งตัว ทันยองก็คว้าตัวหมอหญิงผู้หนึ่งที่เดินผ่านระหว่างกลับไปยังสำนักหมอหลวง นำมีดสั้นที่ซ่อนไว้ในอกเสื้อออกมาจ่อลำคอของนาง เหล่าทหารที่ยืนคุ้มกันต่างชักดาบออกมา และภายในสำนักหมอหลวงก็เกิดความวุ่นวายด้วยเสียงหวีดร้องของเหล่าหมอหญิง แต่เขากลับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
“พาข้าไปพบฝ่าบาทด้วยเถิด ข้าจำต้องพบพระองค์”
คำขอร้องไม่น่าไว้ใจของทันยอง ทำให้ทหารผู้หนึ่งรีบเร่งไปเรียกองครักษ์ฮวังรยงที่เฝ้าอยู่แถวนั้น
เมื่อองครักษ์ฮวังรยงผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น ก็คล้ายจะวิ่งเข้าหาทันยองทันที เพราะคิดว่าตนจะสามารถจัดการกับผู้บุกรุกตัวเล็กเฉกเช่นหมอหญิงตัวประกัน ได้และยิ่งสวมอาภรณ์เยี่ยงหมอหญิงจึงไม่อาจแยกแยะว่าเป็นบุรุษหรือสตรีกันแน่
ทว่าทันยองกลับเบี่ยงหลบอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่ไม่ได้ปล่อยมือสตรีในวงแขน อีกทั้งเปลี่ยนวิธีจับมีดสั้น จู่โจมเข้าที่ข้อมือขององครักษ์ฮวังรยง และพลิกหมุนกลับมาจ่อลำคอของหมอหญิงอีกครา
แม้ไม่ใช่แผลลึก ทว่าด้วยทักษะของผู้บุกรุกทำให้องครักษ์ฮวังรยงขมวดคิ้วและกล่าวถามออกมา แม้จะเพราะเป็นความประมาทของตน แต่นั่นก็มิใช่ทักษะที่จะทำเมินเฉยได้
“เจ้าเป็นผู้ใดกัน”
“หากไม่ใช่ต่อหน้าฝ่าบาท ข้าคงไม่อาจเอ่ยอันใดได้”
องครักษ์ฮวังรยงสบตากับทันยอง จดจ้องเช่นนั้นอยู่ชั่วครู่ ร่างบางไม่หลบสายตาและจ้องตอบกลับ อีกฝ่ายจึงทอดถอนใจออกมาแผ่วเบาแล้วยื่นมือให้
“ข้าหัวหน้าองครักษ์ฮวังรยงหน่วยสาม อีโฮกิล จงเปิดเผยชื่อของเจ้าและวางมีดสั้นลงเสียเถิด ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่ลอบทำร้ายฝ่าบาท แต่อย่างน้อยก็ต้องลองกราบทูลชื่อเสียงเรียงนามให้ทรงทราบมิใช่หรือ”
“…ข้าชื่อยอง”
ไม่อาจรู้ได้ว่าจะมีใครบางคนซ่อนตัวอยู่ในเงา และนำไปบอกแก่นายท่านว่าเขาตั้งใจจะหักหลังยาอึมหรือไม่ แม้ว่าหากหักหลังจะต้องถูกสังหารโดยไม่มีข้อยกเว้น แต่เขาก็ตั้งใจจะเคลื่อนไหวเพื่อช่วยชีวิตผู้ที่ยอบได้รับคำสั่งให้มาจัดการ
ไม่รู้ว่ายามนี้พิษลุกลามถึงเพียงไหนแล้ว แต่ในเมื่อท่ามกลางผู้ถูกสังหาร มีคนผู้หนึ่งยังไม่หมดลมหายใจ อย่างน้อยยามยืนต่อหน้าของจักรพรรดิ ทันยองก็อยากจะขอโอกาสแก้ตัวเพื่อลดทอนความผิดบาปของยอบลง
“ข้าต้องเข้าพบฝ่าบาทเดี๋ยวนี้ หากชักช้าสนมผู้นั้นจะถึงแก่ความตาย”
พูดจบก็โยนมีดสั้นลงพื้น เอ่ยขออภัยต่อหมอหญิงที่ตนจับตัวมาและปล่อยนางไป
องครักษ์ฮวังรยงจึงส่งสัญญาณให้ทันยองติดตามมา ก่อนจะเริ่มก้าวอย่างเร่งรีบตรงไปยังตำหนักฮงฮวาที่ฝ่าบาททรงประทับอยู่
[1] จา หน่วยความยาวฟุต