(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย – ตอนที่ 1-6 ทาสหลวง

ตอนที่ 1-6 ทาสหลวง

 

ในยามเรือนนอนหน่วยสามเงียบสงบเป็นที่เรียบร้อย โซกังถึงค่อยๆ ฟื้นคืนสติขึ้นมา 

 

 

เขาควานไปตามพื้นเพื่อคว้ากางเกงและชั้นในของตน แม้จะอยู่เฉยๆ แต่ร่างกายไร้เรี่ยวแรงก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว โซกังคลานไปทางประตูที่มีแสงสว่างเลือนรางลอดผ่านเข้ามา ก้าวเดินอย่างระมัดระวังไปด้านนอกด้วยรองเท้าสานจากฟาง ก่อนจะสวมชั้นในกับกางเกงใต้แสงคบไฟ บนกางเกงมีเลือดติดอยู่ ใครบางคนเอากางเกงเขาไปเช็ดหลังเสร็จกิจ 

 

 

พอก้าวเดินก็รู้สึกร้อนวาบตรงช่องทางด้านหลัง ท่าทางคงจะฉีกขาด โซกังจัดการสวมเสื้อและกางเกงให้เรียบร้อย ใจจริงอยากจะล้มตัวนอนไปเสียเลยทั้งอย่างน ทว่าวันนี้ก่อนจะหมดสติ เขาถูกย่ำยีจากชายถึงห้าคน หากไม่รีบเอาออกและทำความสะอาด คงจะอักเสบถึงขั้นลมป่วยอย่างแน่นอน 

 

 

ส่วนนั้นน่าจะมีบาดแผลควรต้องไปที่โรงอาบน้ำ ด้วยภายในเรือนไม้หลังนั้นมียาช่วยรักษาอาการอับเสบและอาการบวมได้อย่างดีจัดเตรียมเอาไว้  

 

 

โซกังออกแรงก้าวเดินอย่างโซซัดโซเซไปทางโรงอาบน้ำ เมื่อเข้าไปถึง ทหารยามยืนเฝ้าด้านหน้าอยู่ก็ตะโกนถามออกมา 

 

 

“นั่นใคร!” 

 

 

“ข้าน้อยโซกัง มาล้างตัวขอรับ” 

 

 

“เฮ้อ ตกใจหมด ไปเถอะ” 

 

 

คำพูดนั้นทำให้เขายิ้มบางๆ อีกฝ่ายก็เป็นเพียงมนุษย์ผู้หนึ่ง ต้องมาอยู่ในสถานที่เช่นนี้ตามลำพังก็คงต้องกลัวบ้างเป็นธรรมดา นอกจากคบไฟตรงใกล้ๆ กับเรือนไม้แล้ว บริเวณอื่นของโรงอาบน้ำอื่นก็ไม่มีแสงไฟใดๆ แต่เมื่อนึกถึงความอัปยศของตนแล้ว ความมืดมิดยังดีเสียกว่า ร่างบางก้าวเดินอย่างเชื่องช้าและเปิดประตูเรือนไม้ออก 

 

 

ในถังไม้ยังคงบรรจุน้ำอุ่นมีไอน้ำลอยกรุ่นอยู่เสมอ โดยไม่เห็นหน้าค่าตาผู้ตระเตรียมเช่นเดิม ไอน้ำสีขาวขุ่นลอยอบอวลขึ้นมาราวกับกลุ่มหมอกช่วงเช้ามืดของฤดูร้อน โซกังเหม่อมองอยู่เช่นนั้น วันนี้ช่างเหนื่อยล้ายิ่งนัก 

 

 

หลังถอดเสื้อผ้ากองไว้ตรงมุมๆ หนึ่งก็ค่อยๆ ก้าวเข้าไปนั่งในถังน้ำ บริเวณที่สัมผัสกับน้ำอุ่นพลันปวดแสบขึ้นมา บาดแผลอวดครวญให้เห็นใจ เมื่อนึกว่าถึงบาดแผลจะหายหรือไม่หายดี อย่างไรก็ต้องถูกคนพวกนั้นย่ำยีซ้ำอยู่ดีแล้ว เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะขดตัวอิงศีรษะลงกับเข่า เหม่อมองเงากระเพื่อมไหวบนกระแสน้ำอย่างเลื่อนลอย 

 

 

คราแรกที่ได้เข้ามาในเรือนนอนหน่วยสาม แม้ว่ามันจะเป็นเมื่อหนึ่งปีก่อน สภาพของเขาก็ไม่ได้น่าสมเพชถึงเพียงนี้ 

 

 

เวลานั้นเมื่อได้เข้ามาแล้วก็ตั้งใจมาเพื่อใช้แรงงาน แน่นอนว่าแค่เพียงวันเดียว ตัวเขาที่ไม่เคยรู้จักการใช้แรงงานมาก่อนเลยก็เข้าใจมันทันที 

 

 

ถึงแม้จะสามารถอ่านออกเขียนได้ ทว่าไม่เคยผ่าฟืนเองสักท่อน 

 

 

การผ่าฟืน จุดไฟ เก็บกวาดมูลสัตว์เลี้ยง ทำความสะอาด รวมถึงงานอีกมากมายนอกเหนือจากนั้น ล้วนแล้วแต่ผ่านมือของพวกทาส กระทั่งเนื้อหมูหนึ่งชิ้นที่ขึ้นตั้งบนโต๊ะอาหาร โซกังเพิ่งได้เข้าใจเป็นครั้งแรกว่าชนชั้นทาสต้องทำงานมากมายถึงเพียงนั้น เพื่อให้ได้กินเนื้อสักชิ้นต้องผ่าฟืนถึงร้อยท่อน ถลกหนังสัตว์ เอาเครื่องในออกมา ผ่านขั้นตอนมากมาย 

 

 

ไหนยังจะเกี้ยวที่ใช้เดินทางเหล่านั้น เพิ่งได้รู้ว่ามันหนักมากเพียงใด ผู้ที่ต้องแบกมันคงจะต้องลำบากน่าดู และเขาเองก็แบกมันไม่ได้เลยสักนิด 

 

 

ตอนนั้นบรรดาทาสในเรือนนอนล้วนปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี ผู้คนในหน่วยสามนั้นไม่ใช่ทาสแต่กำเนิดอยู่แล้ว เพียงทำผิดเล็กๆ น้อยๆ พลาดพลั้งอะไรไปบ้างก็ไม่เป็นไร บรรยากาศเอาใจใส่กันและกัน 

 

 

ทว่าในวันหนึ่ง หลังชำระกายที่โรงอาบน้ำแล้วกลับมายังเรือนนอน ชายผู้หนึ่งที่เพิ่งเคยหน้าครั้งแรกก็เข้ามากระชากแก้มเขาพร้อมตะโกนออกมา 

 

 

‘เวรจริง ลูกไอ้คนทรยศยังมีชีวิตอยู่อีกงั้นรึ!’ 

 

 

โซกังไม่เคยพบหน้า แต่อีกฝ่ายกลับรู้จักเขา รู้ว่าเขาเป็นใครและรู้ว่าภายในลานไต่สวนบิดาของเขาทำสิ่งใดบ้างอย่างละเอียด หากโกรธเกรี้ยวถึงเพียงนี้ คงจะเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ติดตามของท่านมหาเสนาบดีที่ต้องกลายเป็นทาสด้วยเหตุนั้นเป็นแน่ 

 

 

เขาควรจะต้องแก้ตัวต่อคำพูดของชายผู้นี้ แต่อีกฝ่ายก็เริ่มลงไม้ลงมือ ระหว่างตกอยู่ในสถานการณ์ไม่อาจต้านทาน ถ้อยคำประณามหยามเหยียดอย่างรุนแรงก็ส่งผลให้สมองขาวโพลนจนไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาได้ 

 

 

‘สวะยูจินมยองโป้ปดมดเท็จ ข้าจะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้นๆ เสีย’ 

 

 

ยังคงหยาบคายเสมอต้นเสมอปลาย และเมื่อชื่อของท่านพ่อหลุดออกมาจากปาก บรรดาผู้คนทั้งหลายที่เคยติดตามท่านมหาเสนาบดีและต้องกลายเป็นทาสในที่แห่งนี้ด้วยเหตุการณ์นั้น ต่างก้มมองเขาโดยพร้อมเพรียงกัน 

 

 

‘ลูกคนทรยศ’ ใครบางคนเริ่มกระซิบกระซาบ จากนั้นคนเหล่านั้นก็ก้าวเข้ามาหา 

 

 

ตามด้วยฝ่าเท้านับไม่ถ้วนกระทืบลงมาขณะเขาขดตัวอยู่บนพื้น ทิ้งความเจ็บปวดไว้เสียจนคิดว่าตัวเองคงจะตายไปเสียอย่างนั้น ทว่าชั่วขณะที่คิดว่าความจริงแล้วตายๆ ไปเลยเสียยังดีกว่า ก็มีเสียงสะบัดแส้ดังขึ้น เป็นเสียงแส้ของผู้คุม เนื่องจากไม่อนุญาตให้ใช้ความรุนแรงภายในเรือนทาสแห่งนี้ บรรดาทาสหลวงที่พากันประโคมฝ่าเท้าใส่ทั้งหมดจึงถูกลากตัวออกไปด้านนอกและรับโทษด้วยการเฆี่ยนตี บนใบหน้าของทุกคนล้วนเปี่ยมความชิงชัง 

 

 

และหลังจากนั้นการรังแกก็เริ่มต้น คราแรกพวกเขาเอาหมามุ่ยมาโรยไว้บนฟางที่โซกังนอน ต่อมาก็โรยหินเอาไว้ในถ้วยน้ำเต้าใส่ข้าว 

 

 

ทว่ายิ่งทวีความหนักข้อเมื่อมีใครบางคนเริ่มปล่อยข่าวลือเป็นไปไม่ได้ออกมาว่าเขากับมูฮยอนมีความสัมพันธ์อันแนบชิดต่อกัน จนมันกระจายไปทั่วเรือนทาส 

 

 

‘เจ้านั่นมันเคยอุ่นเตียงกับคุณชายมูฮยอน’ 

 

 

พวกเขาสองคนอย่างไรก็ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นได้ นี่นับเป็นการทำลายเกียรติของมูฮยอนด้วย ตัวเขาไม่ได้หลบซ่อนความประหลาดใจ รวมถึงพยายามแก้ต่างแต่ก็ไม่มีผู้ใดยอมเชื่อ 

 

 

คนพวกนั้นเสนอให้โซกังเอาร่างกายชดใช้ความผิดของบิดา รวมถึงกล่าวว่าเขาสมควรต้องจำยอมมอบความสุขสมอดแทน คำพูดรุนแรงถูกพล่ามออกมาไม่หยุด ทั้งยังถามอีกว่าคิดหรือว่าเจ้าจะได้มีชีวิตสุขสบาย และท้ายที่สุด เขาก็ถูกบุรุษที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อนข่มเหงย่ำยี 

 

 

ครั้งแรกก็นับเป็นเรื่องยากลำบากมาก แม้จะกำเนิดในตระกูลของขุนนางกรมราชเลขาที่ไม่ได้มีตำแหน่งสูงส่งมากนัก แต่อย่างไรก็ถือเป็นชนชั้นสูง ต้องมากลายเป็นทาสหลวง และไม่นานก็กลายสภาพเป็นเพียงวัชพืชริมทางคอยรองรับความเคียดแค้นจากคนเหล่านั้น 

 

 

 

 

 

นั่นคือเหตุการณ์เมื่อหนึ่งปีก่อน 

 

 

เวลานี้สภาพเขายิ่งดูไม่ได้ ร่างกายโสมมยิ่งกว่าพวกขายตัวในมุมมืด เพราะเหล่าคณิกาชายอย่างน้อยก็ยังได้รับค่าตัว 

 

 

โซกังค่อยๆ ใช้มือลูบคลำช่วงล่าง ปวดแสบอย่างรุนแรงบริเวณที่ช้ำบวมออกมา ทุกครั้งที่แตะนิ้วลงไปมันส่งผลให้เจ็บแปลบเกินทน แต่เพื่อทำความสะอาดภายในจึงจำเป็นต้องสอดนิ้วเข้าไป ร่างบางกัดฟันแน่นขณะจัดการตามขั้นตอน 

 

 

“อึก อ๊ะ อา…” 

 

 

ขยับเพียงไม่กี่ครั้งก็คิดว่าตนไม่สามารถทำต่อได้อีกแล้ว มันเจ็บมากเหลือเกิน 

 

 

เขาจึงถอนนิ้วออกมาแล้วขดตัวอยู่ในน้ำ อดกลั้นเสียงร้องสะอื้นไห้ที่หลุดออกมา ถึงกระนั้น อย่างไรก็ไม่สามารถปล่อยคราบสกปรกเช่นนี้คั่งค้างในร่างกายได้ แม้บางส่วนมันจะไหลเยิ้มออกมาเองเพราะแช่ตัวในน้ำอุ่น แต่มันไม่เพียงพอ ภายในยังคงเปรอะเปื้อนด้วยคราบคาวของใครต่อใครบ้างก็ไม่รู้ 

 

 

โซกังจึงแตะมือลงบริเวณบั้นท้ายของตนอีกครั้ง เนื่องจากไม่อยากปล่อยเอาไว้ให้เกิดการอักเสบขึ้นมาเช่นเมื่อครั้งก่อน 

 

 

ทว่าขณะนั้น ภายนอกพลันเกิดเสียงเอะอะโวยวาย และทันใดนั้นประตูเรือนไม้ก็เปิดออก มีบุรุษชุดดำรูปร่างสูงใหญ่กระโดดพรวดเข้ามา ก่อนจะปิดประตูลงและหาห่วงมาคล้อง เมื่อเห็นเช่นนั้น ร่างบางถึงพึงระลึกได้ว่าตนไม่ได้คล้องประตูเอาไว้ 

 

 

“รบกวนสักครู่ พอจะมีที่ใดให้หลบซ่อนบ้างหรือไม่” 

 

 

“เอ่อ ตรง ตรงใต้นี้…” 

 

 

โซกังเผลอตัวชี้ไปที่ใต้ถังน้ำหลังได้ยินคำถามด้วยน้ำเสียงหนักของอีกฝ่าย ถังไม้นี้ถูกทำขึ้นเผื่อยามปล่อยน้ำออกให้มันสามารถไหลออกทางใต้ถังได้ ด้านล่างจึงมีช่องว่างอยู่พอสมควร 

 

 

ชายแปลกหน้าเข้ามาซ่อนตัวอยู่ในนั้น และผ่านไปไม่นานก็มีเสียงทุบประตูโครมคราม 

 

 

“มีใครอยู่ด้านในหรือไม่!” 

 

 

ร่างบางได้ยินน้ำเสียงดุดันของคนด้านนอกประตู ตระหนักได้ว่าควรจะต้องตอบกลับ ทว่ากลับเป็นกังวลถึงคำตอบ เนื่องจากตนซุกซ่อนคนผู้หนึ่งไว้ใต้ถังอาบน้ำจริงๆ ด้านนอกมีเสียงสั่นๆ ของทหารยามกำลังบอกกล่าวบางอย่างกับเจ้าของเสียงดุดัน แม้จะไม่ได้ยินชัดดังเข้ามาถึงข้างใน ทว่าปกติแล้วอีกฝ่ายมักจะเอื้อนเอ่ยทุกอย่างออกไปจนหมด 

(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย

(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย

ยูโซกัง บุตรชายเพียงคนเดียวของอดีตขุนนางกรมราชเลขา ชีวิตต้องพลิกผันจากทายาทขุนนางชั้นสูงกลายเป็นเพียงทาสผู้ต่ำต้อย หลังผู้เป็นบิดาได้รับการตัดสินโทษประหารด้วยข้อหากบฏ จำต้องอดทนอดกลั้นถูกเหล่าทาสข่มเหงรังแกทุกวี่ทุกวัน ทว่าวันหนึ่ง ขณะกำลังชำระล้างร่างกาย เขาบังเอิญช่วยชีวิตคนผู้นึงไว้ได้ โดยหารู้ไม่ว่าคนผู้นั้นคือองค์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรฮยอนวอน ยังจาฮอน ด้วยสาเหตุนั้นเอง ทำให้โซกังได้มีโอกาสเข้าวังหลวง จาฮอนตกหลุมรักโซกัง และพยายามรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ข้างกาย ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาคือบุตรชายของอดีตนักโทษประหารข้อหาร้ายแรงต่อแผ่นดิน ความรักต่างชนชั้นของทั้งคู่จะข้ามผ่านอุปสรรคและคำครหาทั้งหลายไปได้หรือไม่นะ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset