ในยามเรือนนอนหน่วยสามเงียบสงบเป็นที่เรียบร้อย โซกังถึงค่อยๆ ฟื้นคืนสติขึ้นมา
เขาควานไปตามพื้นเพื่อคว้ากางเกงและชั้นในของตน แม้จะอยู่เฉยๆ แต่ร่างกายไร้เรี่ยวแรงก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว โซกังคลานไปทางประตูที่มีแสงสว่างเลือนรางลอดผ่านเข้ามา ก้าวเดินอย่างระมัดระวังไปด้านนอกด้วยรองเท้าสานจากฟาง ก่อนจะสวมชั้นในกับกางเกงใต้แสงคบไฟ บนกางเกงมีเลือดติดอยู่ ใครบางคนเอากางเกงเขาไปเช็ดหลังเสร็จกิจ
พอก้าวเดินก็รู้สึกร้อนวาบตรงช่องทางด้านหลัง ท่าทางคงจะฉีกขาด โซกังจัดการสวมเสื้อและกางเกงให้เรียบร้อย ใจจริงอยากจะล้มตัวนอนไปเสียเลยทั้งอย่างน ทว่าวันนี้ก่อนจะหมดสติ เขาถูกย่ำยีจากชายถึงห้าคน หากไม่รีบเอาออกและทำความสะอาด คงจะอักเสบถึงขั้นลมป่วยอย่างแน่นอน
ส่วนนั้นน่าจะมีบาดแผลควรต้องไปที่โรงอาบน้ำ ด้วยภายในเรือนไม้หลังนั้นมียาช่วยรักษาอาการอับเสบและอาการบวมได้อย่างดีจัดเตรียมเอาไว้
โซกังออกแรงก้าวเดินอย่างโซซัดโซเซไปทางโรงอาบน้ำ เมื่อเข้าไปถึง ทหารยามยืนเฝ้าด้านหน้าอยู่ก็ตะโกนถามออกมา
“นั่นใคร!”
“ข้าน้อยโซกัง มาล้างตัวขอรับ”
“เฮ้อ ตกใจหมด ไปเถอะ”
คำพูดนั้นทำให้เขายิ้มบางๆ อีกฝ่ายก็เป็นเพียงมนุษย์ผู้หนึ่ง ต้องมาอยู่ในสถานที่เช่นนี้ตามลำพังก็คงต้องกลัวบ้างเป็นธรรมดา นอกจากคบไฟตรงใกล้ๆ กับเรือนไม้แล้ว บริเวณอื่นของโรงอาบน้ำอื่นก็ไม่มีแสงไฟใดๆ แต่เมื่อนึกถึงความอัปยศของตนแล้ว ความมืดมิดยังดีเสียกว่า ร่างบางก้าวเดินอย่างเชื่องช้าและเปิดประตูเรือนไม้ออก
ในถังไม้ยังคงบรรจุน้ำอุ่นมีไอน้ำลอยกรุ่นอยู่เสมอ โดยไม่เห็นหน้าค่าตาผู้ตระเตรียมเช่นเดิม ไอน้ำสีขาวขุ่นลอยอบอวลขึ้นมาราวกับกลุ่มหมอกช่วงเช้ามืดของฤดูร้อน โซกังเหม่อมองอยู่เช่นนั้น วันนี้ช่างเหนื่อยล้ายิ่งนัก
หลังถอดเสื้อผ้ากองไว้ตรงมุมๆ หนึ่งก็ค่อยๆ ก้าวเข้าไปนั่งในถังน้ำ บริเวณที่สัมผัสกับน้ำอุ่นพลันปวดแสบขึ้นมา บาดแผลอวดครวญให้เห็นใจ เมื่อนึกว่าถึงบาดแผลจะหายหรือไม่หายดี อย่างไรก็ต้องถูกคนพวกนั้นย่ำยีซ้ำอยู่ดีแล้ว เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะขดตัวอิงศีรษะลงกับเข่า เหม่อมองเงากระเพื่อมไหวบนกระแสน้ำอย่างเลื่อนลอย
คราแรกที่ได้เข้ามาในเรือนนอนหน่วยสาม แม้ว่ามันจะเป็นเมื่อหนึ่งปีก่อน สภาพของเขาก็ไม่ได้น่าสมเพชถึงเพียงนี้
เวลานั้นเมื่อได้เข้ามาแล้วก็ตั้งใจมาเพื่อใช้แรงงาน แน่นอนว่าแค่เพียงวันเดียว ตัวเขาที่ไม่เคยรู้จักการใช้แรงงานมาก่อนเลยก็เข้าใจมันทันที
ถึงแม้จะสามารถอ่านออกเขียนได้ ทว่าไม่เคยผ่าฟืนเองสักท่อน
การผ่าฟืน จุดไฟ เก็บกวาดมูลสัตว์เลี้ยง ทำความสะอาด รวมถึงงานอีกมากมายนอกเหนือจากนั้น ล้วนแล้วแต่ผ่านมือของพวกทาส กระทั่งเนื้อหมูหนึ่งชิ้นที่ขึ้นตั้งบนโต๊ะอาหาร โซกังเพิ่งได้เข้าใจเป็นครั้งแรกว่าชนชั้นทาสต้องทำงานมากมายถึงเพียงนั้น เพื่อให้ได้กินเนื้อสักชิ้นต้องผ่าฟืนถึงร้อยท่อน ถลกหนังสัตว์ เอาเครื่องในออกมา ผ่านขั้นตอนมากมาย
ไหนยังจะเกี้ยวที่ใช้เดินทางเหล่านั้น เพิ่งได้รู้ว่ามันหนักมากเพียงใด ผู้ที่ต้องแบกมันคงจะต้องลำบากน่าดู และเขาเองก็แบกมันไม่ได้เลยสักนิด
ตอนนั้นบรรดาทาสในเรือนนอนล้วนปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี ผู้คนในหน่วยสามนั้นไม่ใช่ทาสแต่กำเนิดอยู่แล้ว เพียงทำผิดเล็กๆ น้อยๆ พลาดพลั้งอะไรไปบ้างก็ไม่เป็นไร บรรยากาศเอาใจใส่กันและกัน
ทว่าในวันหนึ่ง หลังชำระกายที่โรงอาบน้ำแล้วกลับมายังเรือนนอน ชายผู้หนึ่งที่เพิ่งเคยหน้าครั้งแรกก็เข้ามากระชากแก้มเขาพร้อมตะโกนออกมา
‘เวรจริง ลูกไอ้คนทรยศยังมีชีวิตอยู่อีกงั้นรึ!’
โซกังไม่เคยพบหน้า แต่อีกฝ่ายกลับรู้จักเขา รู้ว่าเขาเป็นใครและรู้ว่าภายในลานไต่สวนบิดาของเขาทำสิ่งใดบ้างอย่างละเอียด หากโกรธเกรี้ยวถึงเพียงนี้ คงจะเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ติดตามของท่านมหาเสนาบดีที่ต้องกลายเป็นทาสด้วยเหตุนั้นเป็นแน่
เขาควรจะต้องแก้ตัวต่อคำพูดของชายผู้นี้ แต่อีกฝ่ายก็เริ่มลงไม้ลงมือ ระหว่างตกอยู่ในสถานการณ์ไม่อาจต้านทาน ถ้อยคำประณามหยามเหยียดอย่างรุนแรงก็ส่งผลให้สมองขาวโพลนจนไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาได้
‘สวะยูจินมยองโป้ปดมดเท็จ ข้าจะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้นๆ เสีย’
ยังคงหยาบคายเสมอต้นเสมอปลาย และเมื่อชื่อของท่านพ่อหลุดออกมาจากปาก บรรดาผู้คนทั้งหลายที่เคยติดตามท่านมหาเสนาบดีและต้องกลายเป็นทาสในที่แห่งนี้ด้วยเหตุการณ์นั้น ต่างก้มมองเขาโดยพร้อมเพรียงกัน
‘ลูกคนทรยศ’ ใครบางคนเริ่มกระซิบกระซาบ จากนั้นคนเหล่านั้นก็ก้าวเข้ามาหา
ตามด้วยฝ่าเท้านับไม่ถ้วนกระทืบลงมาขณะเขาขดตัวอยู่บนพื้น ทิ้งความเจ็บปวดไว้เสียจนคิดว่าตัวเองคงจะตายไปเสียอย่างนั้น ทว่าชั่วขณะที่คิดว่าความจริงแล้วตายๆ ไปเลยเสียยังดีกว่า ก็มีเสียงสะบัดแส้ดังขึ้น เป็นเสียงแส้ของผู้คุม เนื่องจากไม่อนุญาตให้ใช้ความรุนแรงภายในเรือนทาสแห่งนี้ บรรดาทาสหลวงที่พากันประโคมฝ่าเท้าใส่ทั้งหมดจึงถูกลากตัวออกไปด้านนอกและรับโทษด้วยการเฆี่ยนตี บนใบหน้าของทุกคนล้วนเปี่ยมความชิงชัง
และหลังจากนั้นการรังแกก็เริ่มต้น คราแรกพวกเขาเอาหมามุ่ยมาโรยไว้บนฟางที่โซกังนอน ต่อมาก็โรยหินเอาไว้ในถ้วยน้ำเต้าใส่ข้าว
ทว่ายิ่งทวีความหนักข้อเมื่อมีใครบางคนเริ่มปล่อยข่าวลือเป็นไปไม่ได้ออกมาว่าเขากับมูฮยอนมีความสัมพันธ์อันแนบชิดต่อกัน จนมันกระจายไปทั่วเรือนทาส
‘เจ้านั่นมันเคยอุ่นเตียงกับคุณชายมูฮยอน’
พวกเขาสองคนอย่างไรก็ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นได้ นี่นับเป็นการทำลายเกียรติของมูฮยอนด้วย ตัวเขาไม่ได้หลบซ่อนความประหลาดใจ รวมถึงพยายามแก้ต่างแต่ก็ไม่มีผู้ใดยอมเชื่อ
คนพวกนั้นเสนอให้โซกังเอาร่างกายชดใช้ความผิดของบิดา รวมถึงกล่าวว่าเขาสมควรต้องจำยอมมอบความสุขสมอดแทน คำพูดรุนแรงถูกพล่ามออกมาไม่หยุด ทั้งยังถามอีกว่าคิดหรือว่าเจ้าจะได้มีชีวิตสุขสบาย และท้ายที่สุด เขาก็ถูกบุรุษที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อนข่มเหงย่ำยี
ครั้งแรกก็นับเป็นเรื่องยากลำบากมาก แม้จะกำเนิดในตระกูลของขุนนางกรมราชเลขาที่ไม่ได้มีตำแหน่งสูงส่งมากนัก แต่อย่างไรก็ถือเป็นชนชั้นสูง ต้องมากลายเป็นทาสหลวง และไม่นานก็กลายสภาพเป็นเพียงวัชพืชริมทางคอยรองรับความเคียดแค้นจากคนเหล่านั้น
นั่นคือเหตุการณ์เมื่อหนึ่งปีก่อน
เวลานี้สภาพเขายิ่งดูไม่ได้ ร่างกายโสมมยิ่งกว่าพวกขายตัวในมุมมืด เพราะเหล่าคณิกาชายอย่างน้อยก็ยังได้รับค่าตัว
โซกังค่อยๆ ใช้มือลูบคลำช่วงล่าง ปวดแสบอย่างรุนแรงบริเวณที่ช้ำบวมออกมา ทุกครั้งที่แตะนิ้วลงไปมันส่งผลให้เจ็บแปลบเกินทน แต่เพื่อทำความสะอาดภายในจึงจำเป็นต้องสอดนิ้วเข้าไป ร่างบางกัดฟันแน่นขณะจัดการตามขั้นตอน
“อึก อ๊ะ อา…”
ขยับเพียงไม่กี่ครั้งก็คิดว่าตนไม่สามารถทำต่อได้อีกแล้ว มันเจ็บมากเหลือเกิน
เขาจึงถอนนิ้วออกมาแล้วขดตัวอยู่ในน้ำ อดกลั้นเสียงร้องสะอื้นไห้ที่หลุดออกมา ถึงกระนั้น อย่างไรก็ไม่สามารถปล่อยคราบสกปรกเช่นนี้คั่งค้างในร่างกายได้ แม้บางส่วนมันจะไหลเยิ้มออกมาเองเพราะแช่ตัวในน้ำอุ่น แต่มันไม่เพียงพอ ภายในยังคงเปรอะเปื้อนด้วยคราบคาวของใครต่อใครบ้างก็ไม่รู้
โซกังจึงแตะมือลงบริเวณบั้นท้ายของตนอีกครั้ง เนื่องจากไม่อยากปล่อยเอาไว้ให้เกิดการอักเสบขึ้นมาเช่นเมื่อครั้งก่อน
ทว่าขณะนั้น ภายนอกพลันเกิดเสียงเอะอะโวยวาย และทันใดนั้นประตูเรือนไม้ก็เปิดออก มีบุรุษชุดดำรูปร่างสูงใหญ่กระโดดพรวดเข้ามา ก่อนจะปิดประตูลงและหาห่วงมาคล้อง เมื่อเห็นเช่นนั้น ร่างบางถึงพึงระลึกได้ว่าตนไม่ได้คล้องประตูเอาไว้
“รบกวนสักครู่ พอจะมีที่ใดให้หลบซ่อนบ้างหรือไม่”
“เอ่อ ตรง ตรงใต้นี้…”
โซกังเผลอตัวชี้ไปที่ใต้ถังน้ำหลังได้ยินคำถามด้วยน้ำเสียงหนักของอีกฝ่าย ถังไม้นี้ถูกทำขึ้นเผื่อยามปล่อยน้ำออกให้มันสามารถไหลออกทางใต้ถังได้ ด้านล่างจึงมีช่องว่างอยู่พอสมควร
ชายแปลกหน้าเข้ามาซ่อนตัวอยู่ในนั้น และผ่านไปไม่นานก็มีเสียงทุบประตูโครมคราม
“มีใครอยู่ด้านในหรือไม่!”
ร่างบางได้ยินน้ำเสียงดุดันของคนด้านนอกประตู ตระหนักได้ว่าควรจะต้องตอบกลับ ทว่ากลับเป็นกังวลถึงคำตอบ เนื่องจากตนซุกซ่อนคนผู้หนึ่งไว้ใต้ถังอาบน้ำจริงๆ ด้านนอกมีเสียงสั่นๆ ของทหารยามกำลังบอกกล่าวบางอย่างกับเจ้าของเสียงดุดัน แม้จะไม่ได้ยินชัดดังเข้ามาถึงข้างใน ทว่าปกติแล้วอีกฝ่ายมักจะเอื้อนเอ่ยทุกอย่างออกไปจนหมด