“จะทรงทำสิ่งใดกัน”
“ข้ามอบมันเป็นของขวัญ หากจะทำให้มันเปื้อนหมึกเสียก่อนก็คงไม่ได้ ข้าจึงจะใช้เจ้าเป็นกระดาษเขียนอักษรแทน เจ้าก็จงทายให้ถูกว่าเป็นพู่กันชนิดใด”
ขณะเอ่ยอธิบาย แขนทั้งสองข้างของโซกังก็ถูกรวบยกขึ้นด้านบน จาฮอนมัดแขนสองข้างนั้นด้วยสายรัดเอว ร่างบางได้แต่มองอีกฝ่ายแหวกอาภรณ์ของตนเองออก ก่อนจะหยิบพู่กันด้ามหนึ่งขึ้นมา
“ลองทายดูดีๆ ล่ะ”
จบคำพูดของจาฮอน พู่กันก็สัมผัสลงมาบนแผ่นอกทันใด ไม่ใช่การทายตัวอักษร แต่เป็นการทายชนิดพู่กัน ดังนั้นโซกังจึงข่มความงุนงงและพยายามสัมผัสความรู้สึกของพู่กันยามถ่ายทอดลงมาบนแผ่นอก ทว่าดวงตากลับคอยขยับติดตามร่องรอย กระทั่งการเคลื่อนไหวของพู่กันพลันชะงักลง
“รู้แล้วหรือยังว่าเป็นแบบใด”
“ทรงเขียนอักษร ‘ยอ’ พ่ะย่ะค่ะ”
“มิใช่ให้ทายตัวอักษรเสียหน่อย”
เมื่อเผลอตัวทายตัวอักษรออกไป เจ้าตัวจึงกะพริบตาพร้อมวาดยิ้มขวยเขิน จาฮอนกดพู่กันลงบนแผ่นอกบางและเริ่มเขียนตัวอักษรใหม่ คราวนี้โซกังพยายามจดจ่อว่าความรู้สึกเป็นอย่างไร ทว่าเมื่อจดจ่อกลับไม่ได้สัมผัสถึงคุณภาพขนพู่กัน แต่รู้สึกจั๊กจี้เสียมากกว่า
“อื้อ”
ทันทีที่ปลายพู่กันสัมผัสยอดถัน โซกังก็หลุดร้องคราง ด้วยขนที่ทั้งอ่อนนุ่ม ทั้งมีพลังลากผ่านจึงกลายเป็นเช่นนั้น เนื่องจากเผลอส่งเสียงน่าอายออกมาโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้เขาจึงกัดปากแน่น ใบหน้าแดงซ่านไปหมด
ร่างสูงยกยิ้มพรายและสะกิดเน้นยอดอกด้วยพู่กันด้ามนั้น
“มิใช่ให้ทายว่าเป็นสัมผัสของพู่กันชนิดใดหรอกหรือ”
“อื้อ พู่กันที่ทรงถืออยู่ตอนนี้ เป็นพู่กันขนหางพังพอนพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากสัมผัสรอบยอดถันและลากผ่านผิวเนื้อจนรับรู้ความโค้งงอของขน เขาเลยเอ่ยคำตอบที่คิดได้จากขนาดของความยืดหยุ่น แม้จะอับอายที่หลุดเสียงคราง แต่ก็ไม่ได้ยอมแพ้ต่อการพนันในคราแรก
“ถูกต้อง เก่งกาจนัก”
จาฮอนวางพู่กันในมือลงบนโต๊ะ จากนั้นก็หยิบพู่กันด้ามใหม่ขึ้นมา
ก่อนจะเริ่มเขียนอักษรบนแผ่นอกโซกังอีกรอบ ครานี้ขนพู่กันอ่อนนุ่มกว่าขนหางพังพอนเมื่อครู่ มันขยับเคลื่อนให้รู้สึกจั๊กจี้บนผิว ปลายพู่กันมัดรวบอย่างเรียบร้อย ไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจของอีกฝ่ายหรือไม่ แต่มันสัมผัสลากผ่านยอดอกจนโซกังเผลอแอ่นหลังขึ้นและครวญคราง
“อื้อ”
“ไม่ได้การแล้วสินะ”
“อา…พ่ะย่ะค่ะ?”
“ข้าสั่งให้ทายว่าเป็นพู่กันชนิดใด เจ้ากลับเอาแต่ตอบรับสัมผัสที่มิใช่จากมือข้าโดยอยู่มิใช่หรือ”
ยิ่งเห็นจาฮอนกล่าวด้วยสีหน้าหยอกเย้า ใบหน้าหวานก็ยิ่งขึ้นสีแดงจัด แม้จะพยายามอดทน แต่ก็ไม่อาจจัดการกับเสียงครางที่หลุดออกมาโดยไม่ตั้งใจ อีกทั้งยังรู้สึกไวต่อสัมผัสเสียยิ่งกว่าตอนได้พบอีกฝ่ายครั้งแรก ร่วมหอกันมาเสียจนไม่อาจนับได้ว่าล่วงเลยมากี่ปีแล้ว หากไม่รู้สึกไวมากขึ้นก็คงเป็นสตรีตายด้าน ไม่ใช่สิ คงจะเป็นบุรุษตายด้านเสียแล้ว และตัวต้นเหตุก็คืออีกฝ่าย
“ทั้งหมดมิใช่เพราะท่านจาฮอนหรอกหรือ เอาแต่หยอกล้อตรงนั้นอยู่ทุกวัน ไม่คิดเบื่อหน่าย ยังจะมีหนทางใดไม่อ่อนไหวได้หรืออย่างไร”
คำบ่นน่าเอ็นดูทำให้จาฮอนหลุดหัวเราะ ก่อนจะก้มลงไล้เลียยอดอกตั้งชันด้วยลิ้น แผ่นหลังของโซกังพลันยกแอ่นขึ้นรับสัมผัสทันที ร่างกายสั่นสะท้าน
“อ๊ะ ฮื้อ”
“เจ้าส่งเสียงน่าเอ็นดูเช่นนี้ ข้าจะเบื่อหน่ายได้หรือ”
“ไม่รู้ด้วยแล้ว”
“หากเป็นเช่นนี้ข้าคงจะชนะพนันเป็นแน่”
“กระหม่อมจะชนะให้ได้ หากชนะจะได้พักสะโพกบ้าง”
“อย่างนั้นหรือ จะลองทำให้อ่อนไหวที่ใดอีกดีนะ หรือข้าจะช่วยให้เจ้าชนะพนันดี”
หากเป็นเช่นนั้น แค่กล่าวว่ายอมแพ้เสียก็สิ้นเรื่อง แต่โซกังก็ทราบดีว่าอีกฝ่ายจะไม่ทำเช่นนั้นแน่นอน เพราะชื่นชอบกายหยอกเย้าขณะสัมผัสส่วนนั้นส่วนนี้ของตนไปเรื่อย
โซกังลังเลใจกับคำถามอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า เมื่อเห็นเช่นนั้นริมฝีปากของจาฮอนก็ประดับด้วยรอยยิ้มลึกล้ำ
ความคิดที่ว่าคงไม่ใช่การตัดสินใจผิดพลาดพาดผ่านสำนึกรู้ ทว่ามันก็สายไปเสียแล้ว เพราะอีกฝ่ายฉีกชายอาภรณ์ออกโดยไม่รั้งรอ แล้วนำมาทาบปิดดวงตาคู่สวย โซกังจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงุนงง
“จะทรงทำอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เหตุผลที่คนตาบอดมีประสาทสัมผัสดีเยี่ยมก็เพราะมองไม่เห็นเบื้องหน้า ดังนั้นหากปิดตาไว้ ก็จะทำให้ประสาทสัมผัสของเจ้ารับรู้ได้ดียิ่งขึ้นมิใช่หรือ เอาล่ะ ข้าจะลองเขียนอีกครา”
จากนั้นเสียงกุกกักคล้ายกำลังทำบางสิ่งก็ดังขึ้น ตามด้วยสัมผัสชุ่มชื้นแตะลงบนผิวเนื้อ
กายของโซกังสะท้านไหวและสั่นเทา สัมผัสของพู่กันแห้งกับพู่กันเปียกชื้นแตกต่างกันอย่างยิ่ง รู้สึกราวกับถูกไล้เลียด้วยลิ้น ทว่ามันเป็นความรู้สึกที่อ่อนนุ่มยิ่งกว่านั้น อีกทั้งดวงตายังถูกปิดจึงไม่รู้เมื่อใดพู่กันนั้นจะสัมผัสลงมา ร่างกายก็ยิ่งตื่นเต้นจนรู้สึกถึงสัมผัสแจ่มชัดยิ่งขึ้น
พู่กันค่อยๆ ขยับวาดเส้น เคลื่อนไหวราวกับจะปัดป่ายไปทุกพื้นที่ วาดเป็นเส้นขวางเส้นขวาง พู่กันอ่อนนุ่มยิ่งขึ้นเมื่อชุ่มน้ำสร้างความจั๊กจี้บริเวณซี่โครง
“อ๊ะ!”
เสียงอุทานหลุดออกมาโดยไม่รู้ตัวทำให้โซกังขบริมฝีปาก ไม่รู้ว่าเป็นรูปวาดหรือตัวอักษรที่เขียนลงบนผิวกาย ทว่าความจั๊กจี้ของสัมผัสจากขนพู่กันก็คอยกระตุ้นอยู่เรื่อยๆ
หลังจากนั้นพู่กันก็ผละห่างจากกาย โซกังพรูลมหายใจออกมาช้าๆ ด้วยความโล่งอก ทว่าพู่กันชุ่มชื้นก็สัมผัสตรงปลายลิ้นปี่อีกครา ความเย็นชื้นทำให้เรียวคิ้วขมวดมุ่นและหลุดเสียงอุทานออกมาอีกหน
“อย่ามัวแต่จมกับสัมผัสแล้วก็ทายมาเสียที ข้ากำลังช่วยให้ชนะอยู่นะ เอาแต่ปล่อยสติล่องลอยไปที่อื่นเช่นนั้นได้อย่างไรกัน”
“ทรงช่วยอยู่จริงๆ อึก หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ก็แน่สิ หากเดาสัมผัสไม่ออก ก็ลองจดจ่อกับตัวอักษรที่ข้าเขียนดูสิ ไม่รู้หรือว่าข้าไม่ค่อยชอบถูกควบคุม ถึงยอมช่วยเจ้าเช่นนี้ ก็ต้องทายให้ถูกสิ”
เป็นเช่นนั้นเสมอ หากอยู่ในตำแหน่งผู้ควบคุม ไม่ว่าอย่างไรอำนาจการเป็นผู้นำในการเคลื่อนไหวย่อมเป็นของตน ทั้งการขย่มสะโพกขึ้นลง แต่หากอยู่ด้านล่างก็ไม่อาจย้ำไปมาอย่างรวดเร็วตามแต่ใจได้ ดังนั้นอีกฝ่ายจึงไม่ชอบถูกควบคุม
จาฮอนไม่ใช่คนพูดไร้สาระ โซกังเลยกัดฟันแน่นและจดจ่อกับตัวอักษรที่เขียนขึ้น ปลายพู่กันลากเส้นแนวขวางเหนือสะดือเล็กน้อย แล้วลากเส้นแนวตั้งผ่านสะดือไปจนถึงใต้สะดือ
“อื้อ”
รู้สึกจั๊กจี้ตรงสะดือไม่น้อย เสียงครางจึงหลุดออกจากปากอีกครา แต่ก็รู้แล้วว่าจาฮอนเขียนอักษรตัวใด เป็นอักษรคำว่า ‘กวาง’ ไม่ผิดแน่ ร่างบางหอบหายใจแล้วเอ่ยตอบ
“เป็นพู่กันขนกวาง[1]พ่ะย่ะค่ะ”
“ถูกต้อง เก่งมาก รู้จากตัวอักษรหรือรู้จากสัมผัสของขนพู่กัน”
“เดาจากตัวอักษรพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นเองสินะ ตอนนี้เหลืออีกสองด้าม รอเดี๋ยวล่ะ”
“ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
จบคำตอบของโซกัง เสียงเสียดสีของอาภรณ์ก็ดังขึ้นทันใด ตามด้วยเสียงฝีเท้าที่ได้ยินเลือนราง ทั้งรู้สึกถึงเสียงสะบัดพลิ้วและสายลม
จาฮอนลุกขึ้นปลดเปลื้องอาภรณ์อันเป็นเพียงสิ่งรุ่มร่ามออก ก่อนจะรวบผ้าเช็ดตัวที่มักจะแขวนอยู่ด้านหนึ่งเสมอติดมือมา ถือมันกลับมาแล้วเช็ดถูอย่างนุ่มนวลบนร่างกายบอบบาง เพราะก่อนหน้านี้จุ่มพู่กันกับน้ำสำหรับเติมถ้วยฝนหมึก ตัวของโซกังจึงเปียกชื้นเล็กน้อย
จากนั้นร่างสูงก็โยนผ้าเช็ดตัวไปยังด้านหนึ่งของแท่นบรรทมแล้วเอ่ยอย่างแผ่วเบา
“กางกระดาษใหม่แล้ว ดังนั้นข้าจะเริ่มเขียนอีกครา”
ถ้อยคำเช่นนั้นทำเอาโซกังหลุดเสียงหัวเราะแผ่วเบา รู้สึกเหมือนร่างกายของตนเป็นกระดาษเปียกชื้นด้วยน้ำหมึกจากตัวอักษรที่เขียนลงมา ทว่าเสียงหัวเราะนั้นก็เกิดขึ้นเพียงครู่เดียว
เพราะจาฮอนขยับปลายพู่กันจนเกือบสัมผัสผิวเนื้อ จนเผยความประหม่าให้เห็นในสายตา อีกฝ่ายหยุดนิ่งเช่นเดิมครู่หนึ่ง ก่อนจะลากพู่กันลงด้านล่างอย่างแผ่วเบา ทว่าไม่ใช่แผ่นอกหรือหน้าท้องดั่งเช่นก่อนหน้าแล้ว ขนพู่กันสัมผัสเหนือแผ่นอกฝั่งหนึ่งแล้วลากไล้ผ่านยอดอกลงไปด้านล่างจนถึงส่วนซี่โครง
“อ๊ะ! อื้อ”
“รู้หรือไม่ว่าเป็นพู่กันชนิดใด”
มองร่างกายบอบบางสั่นสะท้านขณะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจือหยอกล้อ ตั้งแต่เมื่อครู่แล้วที่โซกังหลุดเสียงครางออกมาอยู่เรื่อยๆ เขาจึงอยากใช้พู่กันหยอกเย้าด้วยให้มากขึ้นอีกนิด และหากการเย้าแหย่นั้นจะนำพาไปสู่การร่วมรัก ก็นับว่าดียิ่งขึ้นไปอีก
ตั้งใจเพียงแค่จะใช้พู่กันเขียนอักษรบนแผ่นอก ยิ่งได้เห็นพู่กันเคลื่อนไปมาบนผิวเนื้อขาวกระจ่างก็ยิ่งดี แต่ทันทีที่เห็นโซกังตอบรับอย่างอ่อนไหว ส่วนล่างก็พลันแข็งขืนต่างกับความตั้งใจในคราแรกโดยสิ้นเชิง
[1] พู่กันขนกวาง พู่กันที่ทำจากขนแผงอกด้านหน้าของกวาง