“ฮึก อื้อ ดียิ่ง”
เสียงครางหวานหูยิ่งทำให้จิตใจของจาฮอนร้อนรน อุตส่าห์ทำให้อีกฝ่ายปล่อยตัวยอมปลดเปลื้องอาภรณ์ในที่โล่งแจ้งเช่นนี้หลังจากขึ้นเป็นฮวังฮู เขาก็ไม่อยากทำมันพัง
จาฮอนรังแกยอดถันด้วยฟัน และใช้อีกมือนวดคลึงยอดอกอีกด้าน ส่วนอีกข้างก็ยังคงคลำบนผ้าปูพื้น
กระทั่งสัมผัสถูกบางอย่างแข็งๆ และเย็นเฉียบ จาฮอนดึงฝาปิดออก แต่ทุกอย่างกลับกลิ้งหลุดมือจนเกิดเสียงเคร้ง
“อ๊ะ! เสียงอะไร!”
โซกังร้อนรุ่มกว่าปกติ เมื่อคิดว่าตนกำลังถูกผู้เป็นที่รักโอบกอดใต้แสงดาราที่คล้ายจะร่วงลงมาในไม่ช้า ดวงจันทร์กระจ่างและสดใสเปล่งประกาย ความลุ่มหลงที่อีกฝ่ายมอบให้คล้ายฝนดาวตกร่วงหล่น ทุกคราที่กะพริบตา แสงดวงดาราก็กลายเป็นสายฝน สติรับรู้ยิ่งพร่ามัว
ทว่าเสียงนั่นก็พาสติกลับสู่ความเป็นจริงทันใด ความเสียวซ่านบนแผ่นอกจางหาย แทนที่ด้วยอากาศภายนอกสัมผัสตุ่มไตเปียกชื้น แม้นั่นจะทำให้เกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นอีกหน ทว่าเสียงดังนั้นกลับดึงดูดความสนใจได้มากกว่า
“อา นั่นมัน”
โซกังพบว่าจาฮอนละริมฝีปากจากหน้าอกของตนและจ้องมองพื้นด้านข้างด้วยสีหน้าเหมือนสิ้นหวัง เขาจึงมองตามสายตาของอีกฝ่ายกระทั่งหลุดหัวเราะออกมา
กลิ่นของน้ำมันหอมละม้ายคล้ายกล้วยไม้ปะทะปลายจมูกเป็นอันดับแรก ก่อนตัวกระปุกที่พลิกคว่ำจะปรากฏสู่สายตา สุดท้ายก็เห็นของเหลวหกลงบนผ้าปู โซกังเคลื่อนสายตากลับมาหาจาฮอน เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนเป็นเป็นแดงจัด ก็หลุดหัวเราะออกมาอีกครา จาฮอนเบือนสายตาไปด้านข้างพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเก้อเขิน
“อืม ดูท่าพื้นคงไม่เรียบเสมอกันเป็นแน่”
“ฝ่าบาท”
“อีกแล้ว”
“ท่านจาฮอน”
“ข้าเสียใจนะ ใยจึงเรียกเช่นนั้น”
“ท่านพี่”
“โซกัง”
“ไม่มีน้ำมันหอมแล้วทำไมหรือ หากข้าทำให้เปรอะชุ่มเสีย ก็อันเป็นใช้ได้แล้ว”
ว่าจบก็ดึงมือใหญ่เข้าหาแลบลิ้นไล้เลียตั้งแต่โคนจรดปลายนิ้วชี้ ลิ้นนุ่มและชื้นแฉะ เกี่ยวพันรอบก้านนิ้ว ก่อนจะส่งเข้าสู่โพรงปาก ทั้งยังยกมือใหญ่อีกข้างทาบทับหน้าอกของตน เอ่ยว่า ‘โปรดช่วยทำตรงนี้หน่อย’ อย่างไม่ชัดถ้อยชัดคำนักเพราะยังมีนิ้วอยู่ในปาก บังคับนิ้วอีกฝ่ายบดขยี้ยอดถัน
“ฮึก!”
ท่าทางแสนยั่วเย้าทำให้แววตาของจาฮอนเต็มไปด้วยความต้องการ ความใจเย็นเหือดหายเสียยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ ก้านนิ้วในโพรงปากของโซกังเริ่มกวาดควานภายใน ขณะเดียวกันก็ใช้ริมฝีปากตนครอบครองยอดถันของโซกัง
จาฮอนดูดดึงยอดอก ส่วนอีกมือยกบีบนวดบั้นท้ายนิ่ม
“อ๊ะ อื้อ!”
นิ้วอีกฝ่ายควานค้นโพรงปากจนน้ำลายเอ่อล้นแล้วไหลลงมาตามมุมปาก ทันทีที่เจ้าตัวดึงก้านนิ้วเปียกชื้นพอควรแล้วออก โซกังหอบหายใจด้วยความกระสันพร้อมบิดสะโพกเร่า
จาฮอนจุมพิตตามซี่โครงระหว่างส่งก้านนิ้วสอดผ่านช่องทาง
สานสัมพันธ์เฉกเช่นสามีภรรยาและใช้ชีวิตด้วยการสัมผัสแนบเนื้อกันมาหลายปี จนคุ้นเคยกันอย่างมาก ร่างกายรับรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นจึงเตรียมพร้อมรับมืออยู่แล้ว ช่องทางขมิบอ้ากว้างส่งผลให้นิ้วของจาฮอนรุกรานเข้าไปได้ไม่ยาก ทันทีที่ผ่านเข้ามาถึงภายในกาย ผนังก็ขมิบตอดรับดั่งจะกลืนกินนิ้วของอีกฝ่าย โซกังบิดสะโพกเร่าครางร้อง
“อา จาฮอน อ๊ะ อื้อ”
“รู้สึกหรือไม่ ตรงนั้นของเจ้ากลืนกินนิ้วข้าอย่างรู้งานเชียว”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น อา อื้อ ตรงนี้มิใช่ว่าเป็นของท่านพี่หรอกหรือ”
วันนี้โซกังทำตัวราวกับตั้งใจจะยั่วยวน เอาแต่เรียกหาว่าท่านพี่ไม่ขาดปากจนเขาไม่อาจควบคุมตนเอง ทั้งสัมผัสเค้นภายในอย่างเร่งร้อน ทั้งดูดดุนผิวเนื้อบริเวณสะดืออย่างแรง
แม้ว่าน้ำหนักตัวจะไม่เพิ่มขึ้น หน้าท้องยังคงแบนราบ มีส่วนสะโพกโค้งเว้างดงาม จาฮอนก็ไล้เลียและฝากร่องรอยสีแดงจัดมากมาย ก่อนจะสอดนิ้วเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งนิ้ว ขณะเดียวกันก็ครอบครองส่วนอ่อนไหวเอาไว้ในปาก เป็นการกระทำอันคุ้นเคยอย่างยิ่งทั้งฝ่ายรุกและฝ่ายรับ จาฮอนเพลิดเพลินกับการลิ้มรสชาติหอมหวานของคนรัก ส่วนโซกังแม้จะขลาดเขิน แต่ก็กระสับกระส่ายไปกับความกระสันอยาก
และวันนี้มันก็รุนแรงขึ้นกว่าเดิมอีกนิด
ค่ำคืนที่แสงจันทร์นวลผ่อง ณ ตำหนักยอฮยังที่ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจเข้ามารบกวน หากเกี่ยวกระหวัดด้วยกายเปลือยเปล่ากลางแจ้ง อย่างไรก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล
เดิมทีมิใช่ว่ายิ่งห้ามปรามก็ยิ่งทำให้ตื่นเต้นหรอกหรือ ร่างบางบังอาจยกสองขาขึ้นพาดเหนือช่วงไหล่ขององค์จักรพรรดิ อีกทั้งยังทำให้พระองค์ตกอยู่ในสภาพหอบคราง มันช่างน่าตื่นเต้นเร้าใจ ไหนจะเปิดเผยร่างเปล่าเปลือยกลางแจ้งอย่างไม่นึกอับอายอีก
“อ๊ะ! อึก!”
แกนกายของโซกังถูกโอบล้อมด้วยริมฝีปากร้อนไม่นาน สะโพกโยกขยับพลางเปล่งเสียงครางหวานสักพัก ของเหลวอุ่นร้อนก็พวยพุ่งเข้าสู่โพรงปากของจาฮอน ช่องทางที่ครอบครองก้านนิ้วก็ฉ่ำแฉะ ส่งสัญญาณบอกกล่าวว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกกระสันอยากถึงเพียงนี้
จาฮอนควานค้นช่องทางขมิบรัดให้เปิดอ้าออก ก่อนจะถอนนิ้วและยกเรียวขาสวยขึ้นดั่งเป็นเรื่องสมควรอย่างยิ่ง จากนั้นขยับปากเข้าหาช่องทางอุ่นร้อน ปลดปล่อยน้ำรักในปากให้ไหลลงมาทีละน้อย ทั้งไล้เลียรองยับย่นของช่องทางอย่างถ้วนทั่ว ทุกครั้งที่ลิ้นร้อนแตะสัมผัส สะโพกและเรียวขาของร่างบางพลันสะท้านไหว เมื่อช่องทางแฉะฉ่ำวาววับพอสมควรแล้ว จาฮอนกลืนน้ำรักส่วนที่เหลือลงคอและขยับหยัดกายตรงหว่างขาของอีกฝ่าย
ส่วนกลางกายแข็งขืนกดสัมผัสช่องทาง แล้วเริ่มรุกรานเข้าสู่ภายในอย่างรวดเร็ว จาฮอนดันสะโพกไปด้านหน้าอย่างช้าๆ และก้มตัวลงโดยที่มือทั้งสองข้างเกาะเกี่ยวกับมือคนรัก หลังมือแนบกดลงกับผ้าแพรปูพื้น กระทั่งส่งตัวตนบุกเข้ามาในตัวโซกังโดยสมบูรณ์ เส้นขนดกของส่วนลับบดเบียดบั้นท้ายนุ่ม
“ข้ารักเจ้า วันข้างหน้าข้าก็จะไม่เปลี่ยนใจ”
“กระหม่อมก็เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”
โซกังหอบหายใจเอ่ยตอบอย่างยากลำบาก และบทสนทนาก็จบลงตรงนั้น สะโพกของจาฮอนขยับเคลื่อน สะโพกของโซกังเองก็ขยับตอบรับ ท่อนเนื้ออวบอัดกดกระแทกส่วนอ่อนไหวด้านใน ก่อนจะล่าถอยออกมาแล้วโจนจ้วงลึกซ้ำ นิ้วของโซกังหดเกร็ง ปลายเท้าก็เกร็งค้างอย่างกระสันซ่าน
“อ๊า! อ๊ะ จาฮอน! อึก!”
ไม่รู้ว่าเป็นเสียงกรีดร้องหรือเสียงครางอ้อนดังสะท้อนท่ามกลางค่ำคืนเงียบสงัด ผนังด้านในขมิบรัดเต็มที่แล้วคลายออก วนเวียนซ้ำอยู่เช่นนั้นก่อนจะปลดปล่อยความต้องการออกมา เคลื่อนไหวราวกับบรรลุถึงจุดสุดยอดแล้ว
“อื้อ อา! อ๊ะ!!”
ร่างบางหอบหายใจหนักพร้อมกระตุกสั่น ส่วนอ่อนไหวยังคงสั่นระริกระหว่างกายของทั้งคู่
จาฮอนตอกตัวตนที่กำลังจะปลดปล่อยลึกเข้าในช่องทางขมิบถี่ ขณะนั้นน้ำรักก็ฉีดพ่นออกจากแกนกายของโซกัง เขาเองก็ปลดปล่อยน้ำรักเติมกายคนรักเช่นกัน
ร่างกายทาบทับพร้อมรอยยิ้มพึงใจประดับริมฝีปากโดยไม่รู้ว่าผู้ใดเริ่มก่อน จุมพิตของจาฮอนทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้ม แสงจันทร์สาดลงผ่านแววตาปรือๆ ทุกสิ่งล้วนน่าหลงใหลอย่างประหลาด
จาฮอนไม่คิดจะจบแค่หนเดียว แม้ไม่มีน้ำมันหอมก็รับรู้ได้ว่าสามารถสานสัมพันธ์ต่อกันได้อีกมากมายนับไม่ถ้วน
เขาจ้องมองโซกังด้วยแววตารักใคร่เอ็นดู สุดท้ายอีกฝ่ายก็ผล็อยหลับบนผ้าแพรหลังสูญเสียเรี่ยวแรงไปมาก ก่อนจะสวมอาภรณ์ให้และกางผ้าห่มที่นางกำลังวางเตรียมไว้ตรงมุมหนึ่ง ใช้มันห่อตัวแล้วอุ้มอีกฝ่ายขึ้น เพื่อพากลับตำหนัก
โดยไม่สนใจกระปุกน้ำมันหอมหกคว่ำ ผ้าปูยับย่น หรือร่องรอยที่หลงเหลืออยู่บนนั้นเลย
* * *
เช้าวันต่อมา ขันทีโชเข้าไปยังอุทยานหลวงของตำหนักยอฮยังเป็นคนแรกตามรับสั่งของฝ่าบาท จากนั้นก็สั่งข้ารับใช้ให้ไปเรียกคนของฝ่ายในมาจัดการเก็บกวาดอุทยานหลวง เสร็จเรียบร้อยแล้วคนพวกนั้นก็ออกจากเขตตำหนักอย่างเงียบๆ
ขันทีโชตรวจตราความเรียบร้อยของอุทยาน ก่อนจะข้ารับใช้แจ้งแก่เหล่าขันทีและนางกำนัลผู้ติดตามว่าให้เข้ามาได้ ส่วนตนก็เดินเข้าสู่ด้านในตำหนักยอฮยัง ผ่านประตูเข้ามาสองชั้นแล้วเอ่ยกับนางกำนัลที่เฝ้าอยู่หน้าประตูชั้นสุดท้าย
“ฝ่าบาททรงตื่นบรรทมหรือยัง”
“เจ้าค่ะ ทรงตื่นบรรทมก่อนหน้านี้ไม่นานเจ้าค่ะ”
“แจ้งว่าข้าเข้ามาแล้ว”
“ฝ่าบาท ขันทีโชมาถึงแล้วเพคะ”
“ให้เข้ามา”
“เพคะ”
ทันทีที่นางกำนัลเปิดประตูออก ขันทีโชก็เข้าไปยืนหลบอยู่ด้านหนึ่งพร้อมค้อมคำนับ ฝ่าบาทประทับอยู่บนแท่นบรรทม สวมอาภรณ์อย่างหลวมๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วรับชุดคลุมจากขันทีโชมาสวมทับ จากนั้นก็ออกว่าราชการ ณ ตำหนักฮวังรยง ด้วยมีเรื่องต้องเร่งตรวจสอบ
ได้ยินมีกลุ่มต่อต้านเกี่ยวกับการวางตัวฮายอบเป็นรัชทายาท ซึ่งจาฮอนก็สั่งให้องครักษ์ฮวังรยงไปตรวจสอบอย่างลับๆ
เหตุผลที่คัดค้านก็คือสายเลือดของราชวงศ์ แม้โซกังจะเป็นจักรพรรดินีมาถึงห้าปีแล้วก็ตาม ทว่าคนเหล่านั้นก็ยังคงคิดว่าโซกังใช้วิธีชั่วร้ายควบคุมตัวเขาอยู่ ขณะเดียวกันก็ยืนกรานขอให้ปลดฮวังฮูและเลือกสตรีที่คู่ควรมาเป็นฮวังฮูคนใหม่เพื่อให้กำเนิดรัชทายาท
ไม่ผิดที่จะคิดเช่นนั้น เพราะสำหรับตำแหน่งจักรพรรดิแล้ว อย่างไรเสีย ทายาทก็เป็นเรื่องสำคัญที่สุด
ทว่าด้วยเหตุนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการมีชีวิตเพื่อให้กำเนิดทายาท ไม่อาจได้รับในสิ่งที่ตนต้องการ แม้จะถูกกล่าวหาว่าเป็นทรราช แต่จาฮอนก็ตัดสินใจว่าจะทำตามใจตน แน่นอนว่าต้องขัดขวางมิให้เรื่องนี้ไปถึงหูโซกัง
“ยอดเยี่ยมนัก”
ในม้วนกระดาษนี้มีสิ่งที่สามารถทำให้คนเหล่านั้นจนมุมได้อยู่ เป็นผลลัพธ์ของการขวนขวายสืบค้นจากเหล่าองครักษ์ในสังกัดฮวังรยงที่แต่เดิมเป็นมือสังหารยาอึม จาฮอนจัดการอาภรณ์ของตนให้เรียบร้อยก่อนจะก้าวออกจากตำหนักยอฮยังพร้อมขันทีโช
และหลังจากวันนั้น ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยถึงตำแหน่งของจักรพรรดินีอีก
♡ ♡ ♡
– จบบริบูรณ์ –