ตอนพิเศษ 2 ตำแหน่งที่วางใจ
ฤดูหนาวเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งแล้ว คราวก่อนมันผ่านพ้นขณะปล่อยความคิดจนไม่ทันได้สัมผัสถึงเลย ทว่าสุดท้ายฤดูร้อนอันสดใสก็ผันเปลี่ยนตามกาลเวลาและเริ่มต้นฤดูหนาวใหม่อีกครั้ง
หลังจากดื่มชาที่วางอยู่บนโต๊ะหนึ่งอึก โซกังก็สัมผัสได้ถึงอากาศเย็นจากด้านนอกผ่านเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ เมื่อลองยื่นมือออกไปก็รู้สึกถึงสายลมเย็นพัดผ่านระหว่างนิ้ว จนเหมือนจะสามารถคว้าจับสายลมได้ รู้ดีว่าเป็นความคิดน่าขัน ทว่าตนก็รู้สึกเช่นนั้นจริงๆ
เมื่อการไต่สวนเสร็จสิ้นลงแล้ว จาฮอนก็จะประกาศแต่งตั้งโซกังขึ้นเป็นจักรพรรดินีทันที ขณะเดียวกันก็ประกาศต่อว่าในภายภาคหน้าก็จะไม่รับสนมอื่นเข้ามาอีกตลอดชีวิตนี้
เรื่องนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ทุกอย่างล้วนเป็นการจู่โจมแบบสายฟ้าแลบ การลงมืออย่างเด็ดขาดเกี่ยวกับการไต่สวนขององค์จักรพรรดิ ทำให้การคัดค้านจากเหล่าขุนนางเกิดขึ้นเพียงน้อยนิด ทว่าก็มิใช่จะไม่มีเลย เพราะหากยืนยันว่าจะไม่รับสนมอีกตลอดชีวิต ก็ต้องเกิดปัญหาเกี่ยวกับเรื่องรัชทายาท เหล่าขุนนางจึงไม่อาจนิ่งเฉย แต่จาฮอนก็ยังคงเป็นจาฮอน ไม่เคยยกเลิกความคิดแค่เพียงเพราะผู้อื่นไม่เห็นด้วย
อีกฝ่ายจัดเตรียมจัดพิธีแต่งตั้งและจัดการแต่งตั้งต่อโดยไม่รั้งรอ อีกทั้งในบันทึกเชื้อพระวงศ์ยังใส่ชื่อ ‘โซฮวา’ ซึ่งเป็นนามที่ตั้งให้เองด้วย หลังจากการแต่งตั้งตำแหน่งก็จัดพิธีร่วมหอ พร้อมสั่งการให้ย้ายตำหนักในทันทีด้วยเช่นกัน
ด้วยเหตุนั้นเวลานี้หลังจากกลายเป็น ‘ฮวังฮู[1]’ โซกังจึงย้ายออกจากตำหนักฮงฮวา มาพำนักในตำหนักยอฮยัง อันเป็นตำหนักที่ประทับของฮวังฮูมามา
เขากางมือออกสัมผัสสายลมเย็นเฉียบอีกครั้ง ก่อนจะบ่นพึมพำแผ่วเบา
“ผู้ใดจะคาดคิดว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้กัน”
ผู้ที่พาเขาไปทิ้งให้เกลือกกลิ้งในเรือนทาส ก็คงไม่คาดคิดว่าเขาจะกลายมาเป็นฮวังฮู แม้เรื่องจะจบลงแล้ว ก็ยังไม่ได้รับคำตอบชัดเจนว่าผู้ใดคือผู้สั่งการกันแน่ แม้จะไม่มีเหตุผลให้ขุดคุ้ยต่อ แต่ความจริงเขาก็ยังสงสัยในเหตุผลของอีกฝ่ายอยู่ ทำให้เขาตกต่ำในเรือนทาสเช่นนั้น แล้วจะได้ผลประโยชน์อันใดกัน
“ช่างเป็นความคิดไร้สาระเสียจริง”
โซกังส่ายหน้าไปมาพลางพึมพำ กล่อมให้จิตปล่อยวางความคิดไร้ประโยชน์เสีย นั่นเป็นเรื่องราวที่ผ่านมาระยะหนึ่งแล้ว ไม่มีประโยชน์จะต้องรับรู้
“จิตใจคนเรา…”
จิตใจคนเราผันเปลี่ยนไปมาไม่มีสิ้นสุด
ยามมีลมหายใจอันน่าขยะแขยง ราวกับตัวหนอนบนพื้นสุขาของเรือนทาส เขาอยากรู้แทบบ้าว่าผู้ใดพาตนมาทิ้ง ณ ที่แห่งนั้น ร่างกายสูญเสียไปแล้วก็ปล่อยมันไป อย่างไรก็ไม่สามารถหวนกลับไปยังความทุกข์ในอดีตได้อีก แต่ตอนนั้นก็ยังอยากรู้ เขาต้องการเป้าหมายในการมอบความเกลียดชังอย่างถึงที่สุดเท่านั้น
โซกังอังมือเย็นเฉียบกับความอบอุ่นของถ้วยชา ดูจากตนเองในเวลานี้กับความคิดว่าเรื่องราวที่ประสบในเรือนทาสมิได้เลวร้ายถึงเพียงนั้น คำกล่าวก็ย่อมถูกต้องแล้ว จิตใจคนเราผันเปลี่ยนไปมาไม่มีสิ้นสุดจริงๆ
หากคนผู้นั้นไม่พาตนมายังกรมฝ่ายใต้ ไม่ได้ข่มขู่ให้ใช้ชีวิตอันน่าอัปยศต่อไป เขาก็คงจบชีวิตตนเองในทันทีแล้วเพราะต้องกลายเป็นสิ่งบำเรอของเหล่าทาส หากช่องทางด้านหลังไม่เกิดปัญหา ทางนั้นก็คงจะไม่สร้างห้องอาบน้ำส่วนตัวให้ และหากไม่มีห้องอาบน้ำส่วนตัว ก็คงไม่ได้พบกับจาฮอน
“ชีวิตก็นับเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยากนัก”
เขาทอดถอนใจก่อนจะจัดการน้ำชาในถ้วยจนหมด จากนั้นถึงลุกขึ้นยืน ส่องสำรวจสีหน้าของตนหน้ากระจกบานใส ช่วงนี้สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีอย่างเห็นได้ชัดดั่งคำกล่าวของจาฮอน ซูบซีดจนดูไม่ได้ แม้จะทานอาหารทั้งสามมื้ออย่างสม่ำเสมอ กลับกลายเป็นว่าน้ำหนักลดลง ทั้งๆ ที่ได้มาอยู่ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นเบื้องล่างได้ถ้วนทั่วเว้นเพียงผู้เดียวที่อยู่เหนือหัว แต่ก็ได้รับความรักเต็มเปี่ยมจากคนผู้นั้น ทว่าไม่อาจเข้าใจความอึดอัดจนต้องถอนหายใจไปวันๆ เหมือนขาดอะไรบางอย่างได้เลย
ขณะนั้นพลันแว่วเสียงรายงานจากด้านนอกแต่ค่อนข้างห่าง โซกังจึงสำรวจใบหน้าตนเองอีกครา รวมถึงการแต่งกายด้วย เพราะถึงเวลาที่จาฮอนจะมาหาแล้ว และเมื่อระฆังแจ้งถึงยามชิน อีกฝ่ายถึงจะกลับไปจัดการราชกิจยามบ่าย ราวกับว่าหากไม่ได้พบหน้ากันระหว่างยามเช้าและยามค่ำ ก็จะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ทันทีที่เตรียมตัวเสร็จสิ้น เสียงของนางกำนัลก็ดังมาจากหน้าประตูห้องบรรทม
“ฮวังฮูมามา ฝ่าบาทเสด็จมาแล้วเพคะ”
“เชิญเสด็จเข้ามาด้านในเถิด”
“เพคะมามา”
จากนั้นประตูก็เปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของจาฮอน พอประตูปิดลง ผู้มาเยือนก็ดึงโซกังเข้าไปกอดทันทีโดยไม่ปล่อยให้ทำความเคารพ ก่อนจะสำรวจตั้งแต่สีหน้าลงมาด้วยความห่วงกังวล
“ดูไม่สู้ดีเสียยิ่งกว่าตอนเช้าอีก ช่วงสายเจ้าทำอันใดบ้าง”
“ทำตัวเกียจคร้าน อ่านตำราอยู่บนแท่นบรรทมพ่ะย่ะค่ะ”
“ทานมื้อกลางวันแล้วหรือ”
“ไม่อยากอาหารพ่ะย่ะค่ะ รู้สึกพะอืดพะอม กระหม่อมจึงไม่สามารถทานสำรับมื้อกลางวันที่จัดมาให้ได้ แต่สั่งให้นำอย่างอื่นมาทานรองท้องแทนแล้ว”
คำตอบนั้นทำเอาจาฮอนขมวดคิ้วจนเป็นปม ก่อนจะวางตะกร้าฝาปิดในมือลงกับพื้น
โซกังจึงรับรู้ถึงการมีอยู่ของสิ่งนั้นแล้วจ้องมองมัน ตะกร้าสานด้วยไม้ไผ่อย่างพิถีพิถันขยับกระดุกกระดิกไปมา นั่นก็เพียงพอให้เรียวคิ้วขมวดมุ่น
จาฮอนยังคงลูบไล้แก้มนุ่มด้วยสีหน้าห่วงกังวล ก่อนจะลองสัมผัสหน้าผากดู
“ไม่มีไข้ หมอหลวงก็บอกว่าไม่มีปัญหาใดๆ คงหาสาเหตุไม่พบจริงๆ ข้าเป็นคนรักของเจ้า ก็หารู้ไม่เช่นกัน”
“พ่ะย่ะค่ะ?”
“หมอหลวงว่าอาการเจ้าคล้ายสตรียามตั้งครรภ์น่ะสิ”
ร่างบางพลันมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกและหลุบสายตาไปทางด้านข้าง เพศสภาพของฮวังฮู ผู้ครอบครองวังหลังเพียงผู้เดียวอย่างตนคือข้อบกพร่องอันใหญ่หลวงที่สุด ทุกครั้งที่มีการกล่าวเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ กลายเป็นโซกังจะรู้สึกมีความผิด เพราะรู้แก่ใจดีว่าร่างกายบุรุษไม่สามารถให้กำเนิดทายาท ถูกเหล่าขุนนางกล่าวถึงลับหลังว่าหน้าหนาโลภตำแหน่ง
ทันทีที่เห็นใบหน้าหวานโศกเศร้าฉับพลัน ร่างสูงจึงลูบหลังอีกฝ่ายแล้วรีบเร่งกล่าว
“มิใช่บอกให้เจ้าเศร้าเสียหน่อย เพียงแค่อาการมันคล้ายคลึงก็เท่านั้นเอง ข้าสั่งให้เร่งหาสาเหตุแล้ว”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”
“ทำให้ข้าไม่พอใจอีกแล้วนะ”
“ขอบคุณ”
“ใช่ ต้องอย่างนี้สิ มานี่มา”
เมื่อจาฮอนได้ยินชื่อของตนจากปากโซกังก็ยิ้มออกมา ก่อนจะจับจูงอีกคนไปยังแท่นบรรทม จากนั้นก็วางตะกร้าลงบนนั้น ร่างบางเบิกตาโตทันทีเพราะอะไรบางอย่างที่อยู่ภายในกระดุกกระดิกไปมา
“ข้างในนี้มีอันใด เป็นงูหรือ ขะ ข้าไม่ชอบงู มันน่ากลัว”
คำกล่าวพร้อมถดกายถอยหลังด้วยสีหน้าหวาดกลัว ทำให้จาฮอนหัวเราะอย่างนึกเอ็นดูพร้อมกับกวักมือเรียก
“มานี่มา เร็วเข้า ข้าก็ไม่ชอบงูเช่นกัน มาเถิด”
“ไม่ใช่งูจริงๆ หรือ แต่อะไรเมือกๆ ลื่นๆ ข้าก็ไม่ชอบเช่นกัน ไม่ใช่เช่นนั้นใช่หรือไม่”
“ไม่ใช่หรอก”
จาฮอนคว้ามือคนที่ค่อยๆ ขยับเข้ามาหา แม้สายตาจะยังไม่ลบเลือนความระแวงสงสัย ดึงให้เข้ามานั่งข้างๆ กัน ก่อนจะเปิดฝาตะกร้าออกอย่างระมัดระวัง โซกังหรี่ดวงตาให้เรียวเล็กลอบมองด้านใน และเมื่อเห็นก้อนขนสีขาวและสีเหลืองสามตัว ดวงตาก็พลันเบิกโต เป็นลูกแมวสามตัว เขาจ้องมองเหล่าลูกแมวดุกดิกไปมาครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองจาฮอนแล้วเอ่ยถาม
“ลูกแมวหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“แม่แมวของตำหนักอุนฮยอนออกลูกน่ะ”
“เช่นนั้นเองหรือ”
โซกังพยักหน้ารับ เป็นเรื่องปกติที่ห้องเก็บตำราหรือห้องทรงอักษรจะเลี้ยงแมวเพื่อป้องกันไม่ให้หนูมากัดกินตำรา เหล่าลูกแมวในตะกร้ายังคงร้องเหมียวๆ ทั้งกระจุกตัวรวมกับพรรคพวกพากันข่วนขูดผนังตะกร้า
จาฮอนยกยิ้มน้อยๆ มองคนรักที่ไม่ละสายตาไปจากเหล่าแมวน้อย ช่วงนี้ได้เห็นอีกฝ่ายมักจะอ่อนแรง และเอาแต่เหม่อมองอากาศ ไม่ใช่แค่ห่วงกังวลเฉยๆ แต่เขาอยากจะทำให้ผ่อนคลาย จึงนำเหล่าแมวน้อยที่กำลังจะถูกส่งไปที่อื่นหลังหย่านมมาให้
“ข้าไม่ค่อยพอใจหากพวกมันจะถูกส่งตัวไปที่อื่น เจ้าก็ช่วยดูแลทีเถิด”
“พ่ะย่ะค่ะ”
โซกังยื่นมือเข้าไปในตะกร้าลูบสัมผัสเหล่าแมวน้อยพร้อมตอบกลับ จาฮอนจึงสั่งนางกำนัลหน้าประตูว่าให้นำอาหารแมวและเบาะเข้ามา
ขันทีสองคนก็นำเบาะและอาหารเข้ามาให้ตามรับสั่งทันใด พอเห็นว่าเหล่าขันทีลังเลตำแหน่งจัดวางเบาะ เขาจึงยกมือขึ้นโบกและกล่าวสั่งอีกครา
“ไม่ต้องหรอก วางไว้แล้วก็ออกไปได้”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
หลังจากพวกขันทีออกไปแล้ว จาฮอนก็ดันตัวโซกังให้นั่งลงแล้วจัดการพับเบาะลงครึ่งหนึ่งวางบนแท่นบรรทมด้านหนึ่งด้วยตนเอง เป็นตำแหน่งที่สัมผัสถึงความอบอุ่นของเตาอุ่นด้านใต้แท่นพอดี เมื่อจัดวางชามอาหารและน้ำเรียบร้อยแล้วถึงจะกวักมือเรียกโซกัง
“มานี่เถิด ที่นี่เป็นตำหนักของเจ้า เจ้าต้องเป็นคนดูแล ดังนั้น หากทำความสนิทสนมกับพวกมันเสียก่อนก็จะเป็นการดี”
“พ่ะย่ะค่ะ”
โซกังถือตะกร้ามานั่งใกล้ๆ ตามคำของจาฮอน ก่อนจะนำแมวน้อยออกมาวางบนเบาะทีละตัว
เหมียว เหมียว
เหล่าลูกแมวส่งเสียงร้องระแวดระวัง จากนั้นก็หลบเลี่ยงสถานที่ไม่คุ้นเคยด้วยการมุดเข้าใต้อาภรณ์ของโซกัง ร่างบางจึงหัวเราะและขยับตัวไปมาเพราะจั๊กจี้ จาฮอนชมชอบเสียงหัวเราะเช่นนี้ของโซกัง แต่คิ้วกลับกระตุกเพราะอาภรณ์ของคนรักเคลื่อนไหวดุกดิกบริเวณช่วงต้นขา
“เห็นทีจะต้องคิดใหม่เรื่องให้เจ้าดูแลพวกมันเสียแล้วสิ”
“บอกให้ข้าดูแล แล้วเหตุใดจู่ๆ กลับกล่าวเช่นนั้นเล่า”
“ก็มิใช่เจ้าพวกนั้นกำลังล่วงล้ำพื้นที่ที่มีแต่ข้าเข้าได้ผู้เดียวหรอกหรือ”
น้ำเสียงไม่พอใจทำให้โซกังหัวเราะร่า กำลังหึงหวงเจ้าแมวน้อยพวกนี้หรืออย่างไร ทว่านั่นกลับทำให้เขาอารมณ์ดี โซกังเลิกอาภรณ์ขึ้น
“ด้านในอาภรณ์แล้วอย่างไรเล่า ส่วนที่มีเพียงท่านก็ยังมีเพียงท่านเท่านั้น”
“กล่าวเช่นนั้น ไม่อยากให้ไปจัดการราชกิจยามบ่ายแล้วหรืออย่างไร”
จาฮอนขยับเข้าใกล้ร่างบางพลางลูบคลำแถวช่วงเอวคอด ทันใดนั้นอาภรณ์ผูกไว้ก็คลายออก เขาจึงรุกคืบขึ้นไปถึงแผ่นอกอีกฝ่าย โซกังหอบหายใจอ่อนแรงและลูบไล้เส้นผมยาวพอควรของคนตรงหน้า จาฮอนเริ่มจุมพิตผิวกายเนียนละเอียด
“อ๊ะ จาฮอน…”
“ชู่ เบาเสียงไว้ เพราะข้าชักอยากจะทิ้งงานแล้วมาก็อยู่กับเจ้าเช่นนี้แล้ว”
“อื้อ…”
“จริงๆ เลย พรุ่งนี้หลังจบประชุมขุนนางแล้วข้าอยากพาเจ้าไปที่ที่หนึ่ง เมื่อถึงยามเสียงระฆังกลางยามซาดังจงเตรียมตัวรอ”
“ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฮือ อึก”
จาฮอนไล้เลียแผ่นอกบางจนทั่ว ใช้ลิ้นรังแกยอดอกเล็กน้อย ทว่าไม่นานนักก็ได้ยินเสียงระฆังแจ้งเวลายามชินดังขึ้น เขารับฟังเสียงครางเล็กๆ เหนือศีรษะ ก่อนจะกระเดาะลิ้นอย่างนึกเสียดาย และดูดดุนยอดถันอย่างแรงส่งท้าย
“ฮื้อ!”
“คิดๆ ดูแล้ว เจ้างดงามเช่นนี้อยู่เสมอเลย รู้หรือไม่”
สัมผัสส่วนอ่อนไหวตื่นตัวอย่างอ่อนโยนขณะกระซิบแผ่ว จากนั้นก็ช่วยผูกอาภรณ์กลับคืน ยามนี้เหล่าแมวน้อยหลับสนิทโดยยึดพื้นที่ของชายอาภรณ์ด้านใน ร่างสูงลูบไล้ปรางแก้มและขยับตัวลุกขึ้นอย่างอิดออด เพราะไม่อยากจากไป
“เดี๋ยวข้ากลับมา”
“ขอประทานอภัยที่ไม่อาจลุกขึ้นส่งเสด็จ”
“ทำอย่างกับเป็นเรื่องแปลกใหม่ มีอยู่บ่อยครั้งไปที่เจ้านอนอยู่บนแท่นบรรทมเพราะไม่อาจลุกขึ้นมาได้”
จาฮอนยกยิ้มพรายเอ่ยหยอกเย้า ใบหน้าของโซกังพลันแดงซ่าน แต่เป็นดั่งเช่นคำกล่าว หากร่างกายร้อนรุ่มขึ้นมาเพียงนิด จนก็จะอ่อนแรงกว่าปกติ จนวันต่อมาตกอยู่ในสภาพเหนื่อยอ่อนแน่นิ่งอยู่บนแท่นบรรทมเกือบทั้งวัน
[1] ฮวังฮู [황후 (皇后)] ชื่อเรียกตำแหน่งของจักรพรรดินี หรือพระมเหสี เทียบเท่ากับฮองเฮาของราชวงศ์จีน