ตอนที่ 282 เลี้ยงไม่เชื่อง
“แล้วนายยังจะดีกับฉันเหรอ”
“เจียงมู่เฉิน” ซังจิ่งเอ่ยปากเรียกเขา แต่กลับลังเลใจไม่เบา เขาเงียบสักพัก สุดท้ายเสียงต่ำถึงได้เอ่ยออกมา “ผมจำเป็นต้องยอมรับ ผมต้องการให้คุณตอบรับผม…
…แต่ว่า ถึงแม้คุณจะไม่สามารถตอบรับผมได้ ผมก็ยังอยากจะดีกับคุณ”
ภายใต้แสงไฟสลัว เจียงมู่เฉินยกยิ้มมุมปากเบาๆ “ซังจิ่ง นายรู้ไหม บางคนก็เลี้ยงไม่เชื่อง ดีกับเขามาตั้งแต่แรกก็ไม่มีประโยชน์ สุดท้ายก็อาจจะกลับมาแว้งกัดนายได้เท่านั้น”
ก็เช่นเดียวกันกับเขา เขาทุ่มเททั้งใจทั้งกายให้ซือเหยี่ยนอย่างดี คนเย่อหยิ่งถือตัวอย่างเขา เขาไม่สนใจกฎเกณฑ์อยู่ร่ำไปเพื่อซือเหยี่ยน แต่ซือเหยี่ยน…
ยังคงหาแฟนใหม่อีกคนได้อย่างไม่ลังเล
ซังจิ่งเห็นเส้นผมของคนตรงหน้าใกล้จะทิ่มเข้าไปในดวงตา เขาจึงยื่นมือไปเกลี่ยออกเบาๆ “ผมเตรียมพร้อมเรื่องเลี้ยงไม่เชื่องเรียบร้อยแล้วล่ะ”
เจียงมู่เฉินนัยน์ตาวาบแสง ถอยหลังไปหนึ่งก้าว
เขาลุกยืนขึ้นเอ่ยกับซังจิ่ง “ขอบใจสำหรับมื้อค่ำของนายนะ ฉันขอตัวขึ้นไปก่อน”
ซังจิ่งเห็นเขาหลบเลี่ยงก็ยิ้มหัวเราะ “พรุ่งนี้ตอนเช้าต้องไปตรวจดูอาการซ้ำที่โรงพยาบาลอีกครั้ง เก้าโมงเช้าผมจะรอคุณอยู่ข้างล่าง”
เจียงมู่เฉินพยักหน้ารับ “ได้ รบกวนนายแล้ว”
เขาหันหลังเดินขึ้นชั้นบนไป
ซังจิ่งมองตามแผ่นหลังของเจียงมู่เฉินไปแล้วยกมุมปากขึ้น จัดการเก็บของที่เขากินไปเพียงครึ่งหนึ่งให้เรียบร้อย จากนั้นถึงได้ขึ้นไปชั้นบน
ในห้องซังจิ่งยืนตรงหน้าหน้าต่าง ในมือเขาคีบบุหรี่ติดไฟมวนหนึ่งอยู่
คอมพิวเตอร์ด้านข้างเปิดอยู่ในลักษณะกำลังทำการวิดีโอคอล
“ซังจิ่ง นายคิดจะพาเจียงมู่เฉินเข้าไปเมื่อไหร่” เซวียยางนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์จ้องมองใบหน้ามุมข้างของซังจิ่ง
“ฉันมีแผนจัดการของฉันอยู่”
“เขาอยากจะเจอเจียงมู่เฉินให้เร็วที่สุด” เซวียยางถ่ายทอดความหมายของคนคนนั้นออกมา
ซังจิ่งขมวดคิ้ว “ฉันรู้ ฉันมีแผนจัดการของฉันอยู่”
เซวียยางนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ สีหน้าดูหนักแน่น เพียงชั่วขณะเขาก็เอ่ยเสียงต่ำ “ซังจิ่งนายคงจะไม่ได้ชอบเจียงมู่เฉินเข้าแล้วจริงๆ หรอกใช่ไหม”
“ฉันมีแผนของฉัน ตอนนี้จังหวะเวลายังได้สุกงอมพอ รอได้โอกาสเหมาะ แล้วฉันก็จะพาเจียงมู่เฉินเข้าไปได้เอง”
สายตาเซวียยางจดจ่ออยู่ที่ใบหน้าของซังจิ่ง “เขาเป็นเป้าหมายของนาย ฉันขอแนะนำว่านายอย่าได้รู้สึกกับเขาจริงๆ”
ซังจิ่งไม่ได้พูดอะไรอีก กดตัดสายวิดีโอคอลไปเสียเดี๋ยวนั้น
บุหรี่ที่สูบไปได้แล้วครึ่งหนึ่ง ซังจิ่งเองก็ไม่ได้มีความคิดอยากจะสูบต่อ เขาโยนมันทิ้งลงที่เขี่ยบุหรี่ที่อยู่ข้างๆ มองดูมันค่อยๆ มอดดับลงไปทีละนิดๆ
หลงรักเป้าหมายในภารกิจ
‘ความผิดชั้นต่ำขนาดนี้ เขาไม่ทำผิดแบบนั้นได้หรอก’
……
เช้าวันต่อมา เมื่อเจียงมู่เฉินตื่นขึ้นมา ซังจิ่งก็รออยู่ข้างล่างอยู่ก่อนแล้ว เขาเงยหน้ามองเจียงมู่เฉินที่เดินออกมา “เช้าขนาดนี้ ผมยังคิดว่าคุณจะสายกว่านี้นิดหน่อย”
เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของเจียงมู่เฉินดูดีขึ้นกว่าเมื่อวานมาก
เขาลงบันไดมาอย่างช้าๆ “ฉันเจียงมู่เฉินเป็นคนดูไม่น่าเชื่อถือแบบนั้นเหรอ”
ซังจิ่งยิ้มหัวเราะ “คุณชายเจียงน่าเชื่อถืออยู่แล้ว” เขายกอาหารเช้าออกมา “เข้ามากินอาหารเช้าสักนิด เดี๋ยวสักพักจะได้ไปกัน”
เจียงมู่เฉินมองดูอาหารเช้านั้น “นายแน่ใจเหรอว่าไปตรวจดูอาการซ้ำอีกครั้งจะกินอาหารเช้าไปก่อนได้”
ซังจิ่งหลุดขำ โดนเจียงมู่เฉินแซวแล้ว “คิดไม่ถึงว่าคุณชายจะยังเป็นคนที่มีความรู้ทั่วไปขนาดนี้ได้”
เจียงมู่เฉินนั่งตรงข้ามกับซังจิ่ง “ยังมีอีกหนึ่งสัปดาห์ถึงจะได้กลับไป ช่วงเวลานี้นายคิดจะทำอะไรหรือเปล่า”
ซังจิ่งครุ่นคิด “ผมมีเพื่อนคนหนึ่งเข้ามาคฤหาสน์อยู่ใกล้ๆ แถวนี้ ผมคิดว่าจะเข้าไปพักอยู่สักสองวัน ไม่รู้ว่าคุณชายเจียงจะยอมให้เกียรติไปพักอยู่ด้วยกันกับผมสักสองวันได้หรือเปล่า”
“เพื่อนของนาย ให้ฉันไปคงไม่เหมาะเท่าไหร่หรอก” เขานั่งพิงเก้าอี้เอื่อยเฉื่อยอยู่ตรงนั้น “นายไปเองเถอะ”
ซังจิ่งมองเขา “ปกติเขาไม่อยู่ที่นั่นหรอก เป็นบ้านว่างๆ ผมไปคนเดียวน่าเบื่อออก ไม่สู้คุณชายเจียงไปด้วยกันกับผม?”
ตอนที่ 283 เสียสติ
เจียงมู่เฉินครุ่นคิด แล้วก็พยักหน้าตอบรับ “ช่างเถอะ งั้นฉันไปด้วยกันกับนายก็ได้”
ซังจิ่งเห็นเขารับปากแล้ว ยิ้มหัวเราะอย่างดีใจ “ในเมื่อเอาแบบนี้ งั้นก็ถือว่าตกลงกันแล้วนะ”
หลังจากทั้งสองคนกินข้าวเสร็จ ซังจิ่งก็ขับรถพาเจียงมู่เฉินไปโรงพยาบาล หลังจากตรวจดูอาการไปครั้งหนึ่งแล้ว หมอถึงได้พูดกับเจียงมู่เฉิน “ไม่มีปัญหาอะไรแล้วครับ พักผ่อนอีกสองวันก็หายเป็นปกติแล้วครับ”
เจียงมู่เฉินพยักหน้า เดินออกไปด้วยกันกับซังจิ่ง
ขณะที่เขาออกจากโรงพยาบาลก็เดินผ่านแผนกสมองและระบบประสาทพอดี เจียงมู่เฉินอดที่จะมองแล้วมองอีกไม่ได้ จึงพูดกับซังจิ่ง “นายรอฉันอยู่ตรงนี้สักพักนะ ฉันมีธุระนิดหน่อย”
ซังจิ่งอยากจะซักถาม แต่เจียงมู่เฉินไม่ได้คิดที่จะพูด เดินแยกจากตรงนั้นไปทันที
เขาเข้าไปสอบถามที่แผนกสมองถึงสภาพอาการของเขา สุดท้ายคำตอบที่ได้รับคือเวลาสมองประสบกับเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ เป็นสาเหตุให้เขาพอจะนึกช่วงเหตุการณ์ช่วงหนึ่งในอดีตได้
เจียงมู่เฉินถามอย่างร้อนใจ “มีวิธีอะไรที่จะฟื้นคืนกลับมาได้ทั้งหมดไหมครับ”
หมอเงียบงันสักพัก “นี่ก็พูดยากครับ เรื่องสูญเสียความทรงจำเรื่องทำนองนี้ บางคนอาจจะตลอดชีวิตไม่มีทางฟื้นความทรงจำขึ้นมาได้ แต่บางคนอาจจะปีสองปีก็ฟื้นความทรงจำขึ้นมาได้ ถ้าคุณอยากจะลองตามหาความทรงจำกลับคืน ก็ลองทำการรักษาได้ครับ”
หมอเอ่ยอย่างจริงจัง “แต่แบบนั้นก็มีความเสี่ยงเหมือนกัน อีกอย่างผมรับประกันไม่ได้ว่าคุณจะฟื้นความทรงจำกลับมาได้หมด”
เจียงมู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อก่อนก็ไม่ได้อะไร แต่ว่าในช่วงเวลานี้เขาอยากจะจำเรื่องราวในอดีตพวกนั้นให้ได้มากขึ้น
เหมือนเขารู้สึกมาเสมอว่าในความทรงจำเมื่อก่อนนั้น เขาได้ลืมเรื่องราวบางอย่างที่สำคัญมากๆ ไป
“ถ้าผมเข้ารับการรักษา ผลข้างเคียงที่เลวร้ายที่สุดคืออะไรครับ”
“คุณเจียงครับ ถ้าคุณเข้ารับการรักษา พวกเราจะทำการผ่าตัดกระตุ้นเซลล์ประสาทในส่วนของเปลือกสมองใหญ่ [1] ขณะที่เซลล์ประสาทส่วนหนึ่งในกลุ่มของเซลล์ประสาทถูกกระตุ้นอยู่นั้น กลุ่มของเซลล์ประสาททั้งหมดก็จะสามารถถูกกระตุ้นได้เช่นกัน ถึงตอนนั้นพวกเราก็จะสามารถดึงความทรงจำในส่วนที่ถูกกักเก็บเอาไว้กลับออกมา”
หมอกล่าวถึงครึ่งก็หยุดไปสักพัก “แต่ว่า บอกตามตรง ผมไม่อยากแนะนำให้คุณใช้วิธีนี้เลย”
เจียงมู่เฉินเอ่ยถามเสียงต่ำ “ทำไมเหรอครับ”
“หลังจากเซลล์ประสาทถูกกระตุ้น ใครก็รับประกันไม่ได้ว่าเส้นประสาทสมองของคุณจะรับได้หรือเปล่า” เขาเปลี่ยนวิธีการพูด “หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ ถ้าเส้นประสาทสมองของคุณรับไม่ไหว…แบบนั้นมีความเป็นไปได้มากที่คุณจะเกิดภาวะเสียสติ ถึงตอนนั้นความเสียหายของคุณคือการเรียกกลับคืนมาเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว”
ใจเจียงมู่เฉินจมดิ่งลงไป ถ้าบอกว่าสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือเสียสติ เช่นนั้นสำหรับเขาแล้วยิ่งไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด
ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะยังนึกย้อนเรื่องราวมากมายกลับมาไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับชีวิตเขา
แต่ถ้าเขาเกิดอาการที่กู้คืนมาให้เหมือนเดิมไม่ได้ เพียงเพื่อจะบังคับให้จำทุกอย่างทั้งหมดนี้ขึ้นมาได้ แบบนี้สำหรับเขาแล้วไม่ได้คุ้มค่าเลย
ในเวลาเพียงไม่กี่นาที เจียงมู่เฉินก็ยอมล้มเลิกแผนการนี้อย่างไม่รีรอแล้ว
เจียงมู่เฉินพยักหน้า “โอเคครับ ผมทราบแล้ว ขอบคุณมาก”
ออกมาจากห้องทำงานของหมอแล้ว เจียงมู่เฉินก็ถอนหายใจเล็กน้อย เขาหันกลับไปมองแวบหนึ่ง ช่วยอะไรไม่ค่อยได้เลย
ดูท่าว่าความทรงจำที่สูญเสียไปพวกนั้น จะลิขิตไว้ว่าตามกลับมาไม่ได้แล้ว
แต่ว่าเป็นแบบนี้ก็ดี ในเมื่อเรื่องที่ลืมไปแล้วระลึกขึ้นมาไม่ได้ ก็พูดได้แค่ว่าฟ้าลิขิตไม่อยากให้เขาจดจำมันขึ้นมาได้แล้ว
เขาถอนหายใจเตรียมจะไปหาซังจิ่งที่โถงใหญ่
เจียงมู่เฉินเข้าไปในลิฟต์เตรียมจะลงไปชั้นล่าง ทันใดนั้นก็มีคนวิ่งจากด้านข้างเข้ามา ประตูที่ใกล้จะปิดลงก็ถูกเปิดอีกครั้ง เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองชายชาวอเมริกันอยู่แวบหนึ่ง รูปร่างหน้าดูค่อนข้างองอาจผึ่งผายเลยทีเดียว
เขาเก็บสายตาลง ยืนพิงอยู่ด้านข้างตามสบาย คำพูดของหมอก่อนหน้านี้ดังก้องขึ้นมาในหัวอีกครั้ง
เขาหลับตาลงอยากกดเก็บคำพูดในหัวนี้ลงไป ดังนั้นจึงไม่ได้เห็นว่าดวงตาคู่หนึ่งของชายชาวอเมริกันคนนั้นกำลังจับจ้องมองใบหน้าของตัวเองโดยไม่ละสายตา
ชายชาวอเมริกันคนนั้นมองเจียงมู่เฉินอย่างแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
[1] เปลือกสมองใหญ่ เปลือกสมอง หรือ ส่วนนอกของสมองใหญ่ หรือ คอร์เทกซ์สมองใหญ่ หรือ เซรีบรัลคอร์เทกซ์ หรือบางครั้งเรียกสั้น ๆ เพียงแค่ว่า คอร์เทกซ์ (แต่คำว่า คอร์เทกซ์ สามารถหมายถึงส่วนย่อยส่วนหนึ่ง ๆ ในเปลือกสมองด้วย) (อังกฤษ: Cerebral cortex, cortex, CORTEX CEREBRI) เป็นชั้นเนื้อเยื่อเซลล์ประสาทชั้นนอกสุดของซีรีบรัม (หรือเรียกว่าเทเลนฟาลอน) ที่เป็นส่วนของสมองในสัตว์มีกระดูกสันหลังบางพวก เป็นส่วนที่ปกคลุมทั้งซีรีบรัมทั้งซีรีเบลลัม มีอยู่ทั้งซีกซ้ายซีกขวาของสมอง เปลือกสมองมีบทบาทสำคัญในระบบความจำ ความใส่ใจ ความตระหนัก (awareness) ความคิด ภาษา และการรับรู้ (consciousness) เปลือกสมองมี 6 ชั้น แต่ละชั้นประกอบด้วยเซลล์ประสาทต่าง ๆ กัน และการเชื่อมต่อกับสมองส่วนอื่น ๆ ที่ไม่เหมือนกัน เปลือกสมองของมนุษย์มีความหนา 2-4 มิลลิเมตร