ตอนที่ 290 ทำให้คนทุ่มเทความรักให้
ระหว่างทาง ซังจิ่งขับรถอย่างไม่ถือว่าเร็วจนเกินไป เจียงมู่เฉินเอนพิงเอนซบอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผล็อยหลับไป
รอจนกว่าจะตื่น รถก็ได้มาจอดหน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์แล้ว
ยามที่เจียงมู่เฉินหลับอยู่ ซังจิ่งมองเขาไปไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้ว ทุกครั้งนัยน์ตาก็จะมีแววการต่อสู้ดิ้นรนเสมอ
จนกระทั้งรถมาจอดที่ประตูหน้าทางเข้าคฤหาสน์ ซังจิ่งถึงได้ถอนหายใจเล็กน้อยเรียกปลุกเจียงมู่เฉิน
เจียงมู่เฉินกะพริบตาปริบๆ มองไปรอบทิศทาง คฤหาสน์ที่ใหญ่โตมโหฬาร มองไปคราวเดียวก็ยังมองได้ไม่หมด เขาถอนหายใจเงียบๆ เป็นผลงานชิ้นใหญ่เสียจริง สไตล์ราชวงศ์ผู้ดีชนชั้นสูง
“ถึงแล้ว ลงไปกันเถอะ”
ทั้งคฤหาสน์มีเพียงแค่คนรับใช้กลุ่มหนึ่งและพ่อบ้านหนึ่งคน
หลังจากพ่อบ้านเห็นเจียงมู่เฉินและซังจิ่งแล้วก็เข้ามาต้อนรับทันที “ก่อนหน้านี้คุณผู้ชายได้กำชับไว้แล้ว ว่าแขกคนสำคัญทั้งสองท่านจะมาถึง กระผมได้สั่งให้คนตระเตรียมห้องพักไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ”
ซังจิ่งยิ้มหัวเราะ “งั้นก็รบกวนพ่อบ้านฟู่แล้ว”
“คุณซังเกรงใจแล้วครับ”
พ่อบ้านพาเจียงมู่เฉินกับซังจิ่งไปยังห้องพัก เขาเอ่ยก่อนที่จะแยกตัวมาว่า “คุณผู้ชายติดธุระอยู่ข้างนอก เกรงว่าพรุ่งนี้ถึงจะกลับมาได้ครับ มีเรื่องอะไร สั่งกับกระผมตรงๆ ได้เลยนะครับ”
เจียงมู่เฉินพยักหน้ารับ “โอเค”
หลังจากพ่อบ้านฟู่จากไป เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองซังจิ่งแวบหนึ่ง “นี่เป็นคฤหาสน์ที่ไม่ค่อยได้ใช้งานหลังนั้นเหรอ”
ซังจิ่งลูบจมูกปอยๆ “ใช่แล้ว เขาพักอยู่ที่นี่น้อยมาก มีเพียงพ่อบ้านฟู่คนนี้อยู่ที่นี่”
เจียงมู่เฉินกุมขมับ สิ่งที่ได้รับกับสิ่งที่เขาจินตนาการไว้ไม่เหมือนกันสักนิดเลยโอเคไหม…
‘นี่มันใช่คฤหาสน์ที่ไหนกัน นี่มันปราสาทกลางอุทยานชัดๆ ตอนนี้ท้องฟ้ามืดเกินไป เขายังมองเห็นไม่ถนัด ถ้ารอมามองตอนฟ้าสว่าง น่าจะดูน่าตกใจกว่านี้อีกแน่นอน’
ถึงแม้ตระกูลเจียงพวกเขาจะมีเงิน แต่การสร้างคฤหาสน์พักตากอากาศหลังใหญ่ขนาดนี้มาตั้งไว้เฉยๆ ตามอำเภอใจ คงจะทำตัวสบายๆ ไม่ได้ถึงขนาดนั้น
จู่ๆ เขาก็สนใจคุณผู้ชายคนนั้นที่พ่อบ้านฟู่เอ่ยถึงขึ้นมาสักหน่อยแล้ว
……
คฤหาสน์หลังนี้ห่างไกลจากเขตเมือง จึงสงบเงียบมากอย่างยิ่ง เจียงมู่เฉินนอนหลับลึกไปคราวหนึ่ง จนถึงตอนเที่ยงถึงได้รู้สึกตัวตื่นขึ้น
เขาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว จึงลงไปชั้นล่าง
ที่ชั้นล่างมีคนรับใช้ไม่กี่คนอยู่ เมื่อเห็นเจียงมู่เฉินต่างก็ทักทายก่อนประโยคหนึ่ง แล้วถึงจัดการงานของตัวเองต่อ
เจียงมู่เฉินเดินออกไปจากคฤหาสน์อย่างช้าๆ ยืนอยู่ข้างนอก
เป็นอย่างที่คิดไว้พอฟ้าสว่างแล้ว ดูอลังการยิ่งใหญ่กว่ายามราตรีมากเหลือคณานับ จากที่เขามองไปแบบนี้ก็ยังมองได้ไม่หมด
เจียงมู่เฉินทำเสียงจิ๊จ๊ะเล็กน้อย ดูท่าว่าเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ คงจะไม่ใช่คนทั่วไป
“ไม่ทราบว่าคุณเจียงรู้สึกว่าที่นี่เป็นยังไงบ้าง”
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ด้านหลังเขามีคนคนหนึ่งเดินเข้ามา
เจียงมู่เฉินเอียงหน้ามอง มีผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาดูหนุ่มแน่นคนหนึ่งยืนอยู่ข้างกายเขา สวมใส่ชุดฮั่นฝู[1]หลวมๆ สบายๆ ดูมีมาดสูงส่งและเป็นสุภาพชน
เขาเลิกคิ้วเงียบๆ “นายคือ?”
“ผมชื่อฟู่เหยี่ยน เพื่อนของซังจิ่ง” รอยยิ้มเรียบๆ ปรากฏบนใบหน้าดูเหมือนอ่อนโยน แต่ในแววตาคมคายคู่นี้กลับแฝงความรุกรานอย่างเงียบเชียบอยู่
‘ดูท่าว่าคนคนนี้ก็คือคุณผู้ชายคนนั้นที่พ่อบ้านฟู่เอ่ยถึงนี่เอง’
เจียงมู่เฉินยิ้มหัวเราะ “คิดไม่ถึงว่าคุณฟู่จะยังหนุ่มขนาดนี้”
แต่ว่าก็ใช่อยู่ เพื่อนของซังจิ่ง อายุต้องไม่แก่กว่ามากอยู่แล้ว
แต่ยังหนุ่มขนาดนี้มีคฤหาสน์เช่นนี้ในครอบครองได้ ดูท่าว่าต่อหน้าคนคนนี้จะประมาทไม่ได้ง่ายๆ ทีเดียว
“คุณชายเจียงก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
เจียงมู่เฉินยิ้มหัวเราะ “ครั้งนี้ที่มา ก็ขอบคุณที่คุณฟู่ให้การต้อนรับ ยังหวังว่าคุณฟู่จะไม่ว่ากัน”
ฟู่เหยี่ยนยิ้มหัวเราะเล็กน้อย “ผมกลับรู้สึกว่า แขกคนสำคัญอย่างคุณชายเจียงมาอยู่ในบ้านผมได้ เป็นเกียรติของผม”
เจียงมู่เฉินพินิจมองสังเกตฟู่เหยี่ยนโดยละเอียดอย่างเงียบๆ ดูโตกว่าเขานิดหน่อย ดูเหมือนจะลึกล้ำและคาดเดาได้ยาก
ลางสังหรณ์บอกเขา คนคนนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนในความคิดขนาดนั้น
ฟู่เหยี่ยนหัวเราะเบาๆ “ตั้งแต่รู้เรื่องคุณชายเจียงจากซังจิ่ง พอวันนี้ได้มาเจอหน้ากัน ก็เหมือนอย่างที่ซังจิ่งว่าไม่มีผิดเลยจริงๆ”
เจียงมู่เฉินเลิกคิ้ว “แบบไหน?”
ฟู่เหยี่ยนยิ้มหัวเราะ เอ่ยคำต่อคำ “ทำให้คนทุ่มเทความรักให้…”
[1] ฮั่นฝู ชุดจีนโบราณ เป็นชุดประจำชนชาติฮั่น ชาวจีนแต่งกายด้วยชุดฮั่นฝูตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงสมัยราชวงศ์หมิงล่มสลาย
ตอนที่ 291 ได้สิ ฟู่เหยี่ยน
รอยยิ้มบนใบหน้าเจียงมู่เฉินหยุดชะงักไปหนึ่งวินาที เพียงแป๊บเดียวเขาก็ผ่อนคลายลง เขาหัวเราะตามใจ “คุณฟู่นี่ชอบล้อเล่นจริงๆ เลย”
ฟู่เหยี่ยนยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองไปทั่วทั้งคฤหาสน์ เห็นข้างหลังมีภูเขาก็ค่อนข้างรู้สึกแปลกๆ “ทำไมข้างหลังยังมีภูเขาลูกหนึ่งอยู่ด้วยล่ะ”
ภูเขาลูกนั้นเห็นได้ชัดว่าคือภูเขาที่คนสร้างขึ้น ไม่ควรจะใช่ที่มีอยู่แต่เดิม
ฟู่เหยี่ยนมองตามไปดู แล้วยิ้มหัวเราะ “ผมมีเพื่อนเก่าอยู่คนหนึ่ง เขาชอบภูเขามากๆ เพื่อเขาแล้ว ผมก็ไปหาคนมาบุกเบิกทำพื้นที่ที่แต่เดิมเป็นทุ่งหญ้าตั้งใจสร้างมันขึ้นมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ”
เจียงมู่เฉินทำเสียงจิ๊จ๊ะ “ดูท่าว่าเพื่อนเก่าคุณฟู่คนนี้ จะไม่ค่อยธรรมดาจริงๆ”
สายตาของฟู่เหยี่ยนจับจ้องมาที่เจียงมู่เฉิน พยักหน้าเล็กน้อย “เพียงแต่หน้าเสียดาย เขาไม่เหมือนคุณชายเจียงที่เข้าใจน้ำจิตน้ำใจนี้ของผม”
“อ่อ ดูท่าว่าคุณฟู่ก็แค่พูดปลอบใจตัวเองหรือเปล่า”
ฟู่เหยี่ยนพาเจียงมู่เฉินเดินไปข้างหน้าอีกไม่กี่ก้าว เขาเอียงหน้าถาม “ถ้าคุณชายเจียงเป็นผม คุณจะทำยังไง”
เจียงมู่เฉินไม่เข้าใจ “อะไรคือจะทำยังไง”
“คุณยกให้คนคนนั้นอยู่ในใจของคุณ แต่คนคนนั้นกลับมองคุณเป็นเพียงสิ่งของไร้ค่า แล้วยังคิดจะแทงข้างหลังคุณได้ทุกเมื่อ” ฟู่เหยี่ยนหรี่ตามองเจียงมู่เฉิน “ถ้าเป็นคุณ คุณจะทำยังไง”
“คิดๆ ดูแล้วระหว่างคุณฟู่กับคนคนนั้นไม่ค่อยเหมาะสมกันตั้งแต่แรกแล้ว” เจียงมู่เฉินยิ้มหัวเราะ “คุณฟู่ ที่จีนมีคำโบราณว่าแตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน[1] ในเมื่อเป็นคนที่ไม่เหมาะสม แล้วเหตุใดจะต้องบีบบังคับให้มาอยู่ด้วยกันอีก”
ฟู่เหยี่ยนนัยน์ตาฉายความลึกล้ำยากจะหยั่งลึกได้ขึ้นมาแวบหนึ่ง จู่ๆ เขาก็หยุดฝีเท้าลง มองเจียงมู่เฉินแล้วเอ่ย “ผมกลับคิดไม่เหมือนกับคุณ”
“หืม?”
“ถ้าเป็นผม ต่อให้บีบบังคับ คนที่ผมถูกใจ ยังไงก็ต้องจับให้มาได้อยู่ด้วยกันอยู่ดี”
นัยน์ตาไม่ปกปิดความเผด็จการเลยแม้แต่น้อย เจียงมู่เฉินมองดวงตาของเขา เพียงชั่วพริบตาเดียวนั้นคาดไม่ถึงว่าจะมีภาพลวงตาบางอย่าง คำพูดนี้ของฟู่เหยี่ยนเหมือนพูดกับเขาอย่างไรอย่างนั้น
เจียงมู่เฉินใจกระตุกวูบ ยิ้มหัวเราะกลบเกลื่อน “คุณฟู่มั่นคงแน่วแน่จริงๆ งั้นก็ทำได้เพียงขอให้คุณฟู่โชคดีก็แล้วกัน”
หน้าตาจริงจังของฟู่เหยี่ยนค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนอย่างช้าๆ แล้วกลับสู่สภาพเดิมเมื่อครู่นี้อีกครั้ง เขายิ้มมองเจียงมู่เฉิน “เมื่อกี้ทำให้คุณชายเจียงตกใจแล้วใช่ไหม”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ความคิดและทางเลือกระหว่างคนเราก็ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว”
“ขอบคุณคุณชายเจียงมากๆ ที่ยังพอเข้าใจกันได้”
ซังจิ่งเดินเข้ามาไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขายืนอยู่ด้านข้างของทั้งสองคน “ดูท่าว่าจะไม่ต้องแนะนำตัวกันแล้ว?”
เจียงมู่เฉินยกมุมปากขึ้นอย่างตามใจ “รอนายแนะนำ ดอกไม้จีนก็เย็นแล้ว[2]”
“ถึงผมไม่แนะนำ ทั้งสองคนก็รู้จักกันแล้วไม่ใช่เหรอ”
ฟู่เหยี่ยนยิ้มหัวเราะ “ไปกันเถอะ ไปกินข้าวกันก่อน ตอนบ่ายผมจะพาคุณชายเจียงไปเดินดูรอบๆ”
“ได้สิ งั้นก็รบกวนคุณฟู่แล้ว”
ทั้งสามคนเดินเคียงกันไป จู่ๆ ฟู่เหยี่ยนก็พูดขึ้นมากะทันหัน “ในเมื่อคุณชายเจียงก็นับว่าเป็นเพื่อนกันแล้ว ไม่ต้องเรียกผมว่าคุณฟู่หรอก เรียกผมว่าฟู่เหยี่ยนก็ได้”
นัยน์ตาดอกท้อของเจียงมู่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในใจคิดคะนึง เอ่ยรับปากด้วยความชื่นใจ “ได้สิ ฟู่เหยี่ยน”
มือฟู่เหยี่ยนที่ทิ้งลงข้างตัวกำขึ้นมาเล็กน้อย แววตาฉายสะท้อนความลึกล้ำยากจะหยั่งถึงได้
เขาสบตากับซังจิ่งแวบหนึ่ง แล้วรีบเบนหนีอย่างรวดเร็ว
……
หลังจากกินข้าวกันแล้ว เจียงมู่เฉินงีบหลับสักพัก หลังจากตื่นขึ้นมา แล้วลงมาชั้นล่าง คาดไม่ถึงว่าฟู่เหยี่ยนจะนั่งอยู่ในห้องรับแขก
เขาเห็นเจียงมู่เฉินลงมาก็ยิ้มเล็กน้อย ลุกยืนขึ้นมุ่งหน้าเดินไปทางเจียงมู่เฉิน
“พักอยู่ที่นี่เป็นยังไงบ้าง”
“ดีมากเลย” เจียงมู่เฉินออกมาตั้งนานแล้ว ก็ไม่เห็นซังจิ่งเลย จึงเอ่ยถามขึ้นมาทันที “ซังจิ่งล่ะ”
“เขามีธุระด่วนพอดี เดี๋ยวสักพักก็มา”
เจียงมู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าตั้งแต่ซังจิ่งเข้ามาที่คฤหาสน์นี้ ก็เอาแต่ยุ่งมากๆ ตลอด ก่อนจะมาเพราะว่ารู้สึกเบื่อ ถึงได้อยากมาเที่ยวพักผ่อนไม่ใช่หรือไง
[1] แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน เป็นสำนวนที่มีความหมายสื่อว่า การทำอะไรโดยฝืนมักได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดี
[2] ดอกไม้จีนก็เย็นแล้ว มาจากจีนสมัยโบราณที่ดอกไม้จีนจะเป็นอาหารที่ทำให้สร่างเมาจานสุดท้ายที่จะยกออกมาในงานเลี้ยงดื่มเหล้ากัน ดังนั้นถ้าแขกเพิ่งมาถึงเวลาที่อาหารจานสุดท้ายเย็นแล้ว ทุกคนจะตำหนิติติงเอาได้ จึงเป็นการสื่อถึงการมาช้าการมาสาย ไม่ทันเวลา