ตอนที่ 324 ในที่สุดก็ปล่อยวางได้แล้ว
เจียงมู่เฉินขมวดคิ้ว เพิ่งจะตื่นขึ้นมาก็รู้สึกเจ็บไปทั้งตัว เขาลืมตาขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ก็พบแสงสว่าง
ไม่ใช่ห้องสีดำเล็กๆ ห้องนั้นก่อนหน้านี้
เขาสังเกตมองไปรอบๆ อย่างง่ายๆ พบว่าตัวเองกำลังอยู่ในโรงพยาบาล
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ทุกอย่างกลับเข้ามาในหัว หัวใจเจียงมู่เฉินเจ็บชาๆ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขาถูกซังจิ่งช่วยชีวิตออกมา
แต่กลับกระอักเลือดจนเป็นลมต่อหน้าซือเหยี่ยน
เจียงมู่เฉินกำลังอยากจะยกมือขึ้นมากดที่หน้าผากของตัวเอง ประตูห้องพักผู้ป่วยก็ถูกเปิดออก ซังจิ่งเห็นเขาตื่นแล้ว แววตาก็แปรเปลี่ยนเป็นความดีใจในพริบตา
เขาเดินก้าวใหญ่เข้าไปหาเจียงมู่เฉิน เอ่ยถามอย่างรีบเร่ง “เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นไหม”
เจียงมู่เฉินอ้าปากพูด ก็พบว่าออกเสียงไม่ค่อยจะได้
“คุณอย่าพูดเลย ช่องคอของคุณได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นถึงกระตุ้นให้กระอักเลือดได้”
เจียงมู่เฉินพยักหน้า เอ่ยคำสองคำอย่างยากลำบาก “ขอบ…คุณ…”
ถ้าซังจิ่งไม่ปรากฏตัวพอดี เขาคงจะหนีจากความตายไปไม่ได้
ต่อให้เขาตายก็ไม่อยากตายอยู่ในที่ที่ของพวกเขาสองคน
ซังจิ่งจะเคยได้ยินเขาพูดแบบนี้เมื่อไหร่กัน เมื่อก่อนไม่พูดเหน็บแนมกับเขา ก็พูดลองใจ
เขายอมไม่อยากได้ยินไปตลอดชีวิต ประโยคกล่าวขอโทษอย่างจริงใจในวันนี้ของเจียงมู่เฉิน
“คุณอย่าคิดมาก พักผ่อนรักษาบาดแผลดีๆ บาดแผลที่เอวของคุณค่อนข้างอาการหนัก ตอนที่ส่งคุณมา แผลฉีกออกหมดเลย ตอนนี้เพิ่งจะเย็บเข้าไปดีๆ จำเป็นต้องพักผ่อนเงียบๆ…
…รอคุณหายดี ผมจะพาคุณกลับถานโจว”
อยู่ที่นี่เจอเรื่องสะเทือนใจขนาดนี้ เขาคิดว่าเจียงมู่เฉินคงจะไม่อยากอยู่ที่นี่อีก
เจียงมู่เฉินหลับตาลง เขาไม่อยากอยู่ที่นี่ก็จริงอยู่ แต่เขาไม่อยากกลับถานโจว
ตอนอยู่ที่ถานโจวเขาผ่านอะไรมามากมายกับซือเหยี่ยน ตอนนี้เขายังไม่มีความกล้าพอจะกลับไปถานโจวเผชิญกับพ่อแม่เขา
“ฉัน…ฉันอยากอยู่คนเดียวสักพัก”
ซังจิ่งเห็นเขาเงียบไม่พูดจา ก็พยักหน้ารับทราบ “ได้ ผมจะรอคุณข้างนอก”
เจียงมู่เฉินรอจนกว่าซังจิ่งจะออกไป ถึงได้ลืมตาขึ้น เขามองเพดานห้องอย่างทำอะไรไม่ได้ ถ้าเขาเป็นผู้หญิงบางทีอาจจะกรี๊ดกร๊าดโวยวายระบายอารมณ์ออกมาสักที
แต่เขาเป็นผู้ชาย ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นไม่ได้
เจียงมู่เฉินรู้สึกว่าตัวเองน่าขำ มีปมกับซือเหยี่ยนใหญ่ขนาดนี้ กลับทำได้เพียงค่อยๆ อดทนอดกลั้นอยู่คนเดียว
ได้ยินซือเหยี่ยนพูดแบบนั้นกับหูตัวเองครั้งแรก เขาก็หาเหตุผลที่ทำให้ตัวเองไม่ตัดใจไม่เจออีกแล้ว
ที่จริงเขาควรจะรู้ตั้งแต่แรก ถ้าซือเหยี่ยนชอบเขาจริงๆ แล้วทำไมถึงเลิกกับเขาได้ง่ายขนาดนั้น
แล้วทำไมเพิ่งจะเลิกกันก็ไปกับซูเตอร์ได้อีก
ก็แค่เขาหาเหตุผลแก้ตัวให้ซือเหยี่ยนตลอด คิดว่าซือเหยี่ยนมีความลำบากใจ
แต่ตอนนี้ เขาหาเหตุผลแก้ตัวให้ซือเหยี่ยนไม่เจออีกแล้ว
เจียงมู่เฉินหลุดขำ เสียงหัวเราะเล็ดลอดออกจากคอพังๆ เสียงชวนบาดหู เขาหัวเราะเสียงต่ำครั้งแล้วครั้งเล่า
นัยน์ตาดอกท้อปิดลงเล็กน้อย น้ำตาไหลจากหางตาพาดผ่านเรือนผมสีดำ…
‘ต้องขอบคุณซือเหยี่ยน ผ่านเรื่องเลวร้ายแบบนี้ ในที่สุดเขาก็ปล่อยวางได้แล้ว’
……
เจียงมู่เฉินพักฟื้นอยู่สองวัน บาดแผลบนร่างกายถึงได้ดีขึ้นมาประมาณหนึ่ง
ซังจิ่งถืออาหารเช้าผลักประตูเข้ามา เขานั่งต่อหน้าเจียงมู่เฉินอย่างคล่องแคล่ว “มา มากินอาหารเช้ากันก่อน”
เจียงมู่เฉินลุกขึ้นมานั่งบนเตียง เขาส่งมือไปรับอาหารเช้าในมือของซังจิ่งมา
“พรุ่งนี้กลับถานโจวไหม” ซังจิ่งถาม
เจียงมู่เฉินเงียบไม่พูดจาสักพัก ถึงค่อยเอ่ยปาก “ฉันยังไม่คิดจะไปตอนนี้”
ซังจิ่งชะงักงันไปครู่หนึ่ง “ทำไมกัน คุณยังอยากจะอยู่ที่นี่เหรอ”
“นายกลับไปก่อนเถอะ ฉันต้องจะไปที่ที่หนึ่ง”
เขาอยากไปดูคฤหาสน์พักตากอากาศหลังนั้นสักหน่อย
“ผมจะไปเป็นเพื่อนคุณ”
เจียงมู่เฉินส่ายหัว “ไม่ต้องหรอก ฉันไปเองก็ได้”
ตอนที่ 325 กลับสู่ลู่ทางที่ถูกต้อง
เขาไม่อยากจะให้ซังจิ่งเข้าไปเหยียบที่นั่นในตอนนี้
ซังจิ่งค่อนข้างเป็นห่วง “ถ้าหากว่าซูเตอร์…”
“เขาจะไม่ทำหรอก”
“ทำไมล่ะ”
“เขาบรรลุเป้าหมายแล้ว ไม่เก็บฉันมาใส่ใจอยู่แล้ว” เป้าหมายของซูเตอร์ตั้งแต่เริ่มก็คืออยากให้เขาแยกจากซือเหยี่ยน
‘ตอนนี้บรรลุเป้าหมายแล้ว เขาจะไม่มาหาเรื่องตัวเองได้อยู่แล้ว’
“แต่ว่า…” ซังจิ่งยังคงไม่วางใจ
เจียงมู่เฉินคิดสักพัก “เดี๋ยวฉันจะออกจากโรงพยาบาลก่อน พรุ่งนี้จะมารวมตัวกับนายเอง ถึงตอนนั้นก็กลับไปถานโจวด้วยกัน”
เขาเอ่ยเสนอมาแบบนี้ ซังจิ่งลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้รับคำ
“ได้ งั้นคุณต้องระวังตัวด้วย”
เจียงมู่เฉินพยักหน้า “วางใจเถอะ ฉันรู้แก่ใจดี”
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ เจียงมู่เฉินเปลี่ยนเสื้อผ้าออกจากโรงพยาบาล ซังจิ่งยังคงเป็นห่วงความปลอยภัยของเจียงมู่เฉิน แต่ว่าเจียงมู่เฉินตัดสินใจไปแล้ว ต้องเปลี่ยนไม่ได้ง่ายดายเป็นธรรมดา
เขาเองก็ทำได้เพียงอยู่ที่คฤหาสน์ รอเจียงมู่เฉินมารวมตัวกับเขาพรุ่งนี้
เจียงมู่เฉินเรียกรถคันหนึ่ง ให้ขับตรงมาส่งเขาไปยังคฤหาสน์ที่มาพักตากอากาศกับซือเหยี่ยน
คิดถึงตอนนั้น เขายังอยากซื้อที่นี่ไว้ วันหน้ามีเวลาจะได้มาเที่ยวพักผ่อนอยู่กับซือเหยี่ยน
แต่ตอนนี้…
ดูท่าว่าวันหน้าก็ไม่ได้ใช้แล้ว
เขาเองก็จะไม่มาอีกแล้วด้วย
ถือโอกาสก่อนจะกลับถานโจว มาดูอีกเป็นครั้งสุดท้าย
ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง รถจอดนิ่งอยู่หน้าประตูคฤหาสน์ เจียงมู่เฉินจ่ายเงินแล้วลงจากรถไป
เขายืนอยู่หน้าประตูบานใหญ่มองดูข้างใน ในใจพรั่งพรูอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างที่พูดออกมาไม่ได้
ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่เขามาที่นี่ กระตือรือร้นมีชีวิตชีวา ใจคิดอยากแต่จะจัดการซือเหยี่ยนให้ได้
จงใจหาเรื่องเขา จงใจเข้าใกล้เขา
ต่อให้เขาทำหน้าเย็นชา ก็ยังเข้าหาเกาะติดอยู่ข้างกายเขาไม่มีหยุดหย่อน
เจียงมู่เฉินยกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างน่าขัน เมื่อก่อนไม่รู้สึก ตอนนี้พอคิดถึงตัวเองที่เอาแต่พัวพันอยู่กับซือเหยี่ยนได้ทั้งวัน ช่างไม่รู้จักยางอายเกินไปแล้ว
แต่ก็โทษยาก เขามายุ่มย่ามกับซือเหยี่ยนจนหมดหนทาง เลยยอมตกลงจะเล่นกันกับเขา
เขาเดินถึงประตูบานใหญ่ มองรหัสด้านข้างแล้วกดเข้าไป
เดิมเจียงมู่เฉินคิดจะลองดู คิดไม่ถึงว่าหลังจากกดรหัสเข้าไปแล้ว ประตูจะเปิดจริงๆ
ประตูบานใหญ่ค่อยๆ เปิดอย่างช้าๆ ในใจเจียงมู่เฉินรู้สึกแปลกใจ ค่อยๆ เดินเข้าไป
ผ่านถนนเล็กๆ ด้านหน้า เดินอยู่ตั้งนานถึงเพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูคฤหาสน์
เจียงมู่เฉินไม่รีบร้อนเข้าไป แต่ยืนอยู่ตรงนั้นมองไปรอบๆ เขายิ่งเห็นยิ่งสับสน
เจียงมู่เฉินเดินตามทางเล็กๆ ไปถึงบริเวณข้างทะเลสาบ เขายังจำได้ตอนนั้นตัวเองเอวเคล็ด ตามซือเหยี่ยนให้พาเขาออกไปเดินเล่น
ผลปรากฏว่าได้เดินไปถึงตรงนี้ตรงที่ทั้งสองคนทะเลาะเบาะแว้งกันขึ้นมากะทันหัน
สุดท้ายซือเหยี่ยนก็อุ้มเขาไปยังเก้าอี้ด้านหลัง แล้วยังจูบเขาอีก
เจียงมู่เฉินยิ้มหัวเราะ เวลานั้นถูกซือเหยี่ยนจูบเข้าอย่างนี้ เขายังรู้สึกแปลก
ที่ยิ่งทำให้เขาทึ่งก็คือในความรู้สึกแปลกนั้นยังมีอาการใจเต้นอยู่ด้วย
และเริ่มตั้งแต่เวลานั้น เขาถึงพบว่าเหมือนตัวเองจะชอบซือเหยี่ยนเข้าแล้ว
ดังนั้นเขาจึงเริ่มลองทดสอบหยั่งเชิงซือเหยี่ยนโดยไม่ทิ้งร่องรอย
แต่ไม่ว่าเขาลองทดสอบหยั่งเชิงอย่างไร ปฏิกิริยาตอบสนองของซือเหยี่ยนไม่มีเลยสักนิด
รู้ว่าเขาวิ่งไปห้องซือเหยี่ยนกลางดึก นั่งลงข้างๆ ถามซือเหยี่ยนว่าอยากจะคบกับเขาไหม
ซือเหยี่ยนถึงได้เอ่ยเสียงต่ำตกลงรับปาก
ตอนนั้นเขารู้สึกว่าคนอย่างซือเหยี่ยนนี้ นิสัยดื้อรั้น ชอบเขาชัดๆ แต่กลับอายที่จะพูด
แต่พอตอนนี้คิดขึ้นมา เขาอายที่จะพูดที่ไหนกัน
‘เขาไม่รู้จะพูดยังไง และก็ไม่อยากพูดต่างหาก’
เจียงมู่เฉินยิ้มอย่างขมขื่น ลำบากเขาต้องมาคบกับตัวเองเป็นเวลาตั้งนานได้ขนาดนี้
เพียงแต่ว่า ตอนนี้ซือเหยี่ยนเองก็หลุดพ้นได้แล้ว เขาเองก็จะไม่เข้าไปยุ่มย่ามกับซือเหยี่ยนอีกต่อไป
ในโลกของเขาเจียงมู่เฉิน รักก็คือรัก ไม่รักก็คือไม่รัก ในเมื่อซือเหยี่ยนไม่ได้รักเขา เขาเองก็ไม่อยากดึงดันต่อไป
ให้ทุกอย่างกลับสู่ลู่ทางที่ถูกต้องดีแล้ว