ซือเหยี่ยนถูกเขาถามจนพูดไม่ออก แพรขนตาเขาตกลงมาเล็กน้อย ไม่พูดจาสักคำ
เจียงมู่เฉินพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ ก็รู้สึกขำขึ้นมา เขาเอียงหน้ากัดซือเหยี่ยนเข้าไป “นายว่า ถ้าฉันไม่ได้เป็นฝ่ายไปพัวพันกับนายเอง แล้วเมื่อไหร่นายถึงจะเป็นฝ่ายมาจีบฉันเหรอ”
เอ่ยถามประโยคนี้จบ ซือเหยี่ยนก็ยิ่งเงียบงันกว่าเดิม
รออยู่ตั้งนานก็ไม่ได้คำตอบจากซือเหยี่ยนสักที เจียงมู่เฉินทนไม่ไหวถอยหลังไปสักหน่อย เพิ่มระยะห่างกับซือเหยี่ยน ก็เห็นเพียงแค่ระยะห่างที่ติดลบ
“นายคงจะไม่แบบว่าทั้งชีวิตนี้จะไม่เป็นฝ่ายมาจีบฉันหรอกใช่ไหม”
ในสมองเจียงมู่เฉินมีความคิดนี้ลอยมา เขาเอ่ยออกมาอย่างไม่กล้าที่จะเชื่อได้
นัยน์ตาซือเหยี่ยนฉายสะท้อนความกังวล ใบหน้าเองก็ค่อนข้างจะมีความลำบากใจ ทันทีที่เจียงมู่เฉินเห็นท่าทีของเขาแบบนี้ ก็เข้าใจได้ในพริบตา
‘ซือเหยี่ยนเจ้าหมอนี่ ที่แท้ก็เตรียมจะทำแบบนี้จริงๆ’
เจียงมู่เฉินทนไม่ไหว มองบนใส่เขา “นายโง่ใช่ไหม หรือว่าตลอดห้าปีนี้แค่มองฉัน แต่กลับทำอะไรฉันไม่ได้ ในใจนายไม่ร้อนใจบ้างเหรอ”
‘ถ้ายึดตามดีกรีความร้อนแรงในการเปลี่ยนเป็นหมาป่าตั้งแต่เช้าจรดค่ำของซือเหยี่ยน ตลอดห้าปีนี้ไม่ได้ป๊าบๆๆ กับตัวเองเลย ก็ไม่รู้ว่าทนได้ยังไง’
ไม่รู้ว่าเขาคิดถึงอะไรขึ้นมา จู่ๆ ก็เอื้อมมือไปดึงตัวซือเหยี่ยนไว้ “ห้าปีมานี้ นายเคยได้หาใครมาแก้ปัญหาเรื่องความต้องการทางเพศของนายบ้างหรือเปล่า”
ซือเหยี่ยนได้ยินคำถามนี้ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เหมือนกำลังคิดทบทวนอยู่
พอเจียงมู่เฉินเห็นเขาเป็นแบบนี้ กลิ่นความหึงก็ตีขึ้นมาโดยฉับพลัน
“ยังไงกัน นี่นายยังฉวยโอกาสตอนที่ฉันไม่อยู่ เคยไปทำเรื่องอย่างว่ากับคนอื่นมาเหรอ”
ซือเหยี่ยนละมือจากเอวของเจียงมู่เฉิน มาลูบจมูกอย่างมีพิรุธ
เจียงมู่เฉินใจเต้น รู้สึกว่าเบื้องหลังต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆ
เขารีบพลิกตัวมากดซือเหยี่ยนไว้กับราวจับ “สารภาพโทษสถานเบา ปฏิเสธโทษสถานหนัก ถึงยังไงตอนนั้นฉันก็จำนายไม่ได้ ถ้านายไปกับคนอื่นจริงๆ ล่ะก็…”
เจียงมู่เฉินขบกรามแน่น เขาไม่อยากพูดประโยคต่อจากนั้น
“ไม่ใช่ว่าห้าปีมานี้ผมจะไม่เคยทำเรื่องอย่างว่าเลย…”
ระเบิดลงกลางหัวเจียงมู่เฉิน ห้าปีมานี้ที่เขาไม่ได้อยู่กับซือเหยี่ยน ซือเหยี่ยนไปทำเรื่องอย่างว่ามาอีก…
คนคนนั้นไม่ใช่แล้ว ก็เป็นได้แค่คนอื่นแล้ว
มือที่ยึดเอวซือเหยี่ยนไว้กำแน่นขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ พอคิดว่าถ้าซือเหยี่ยนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแบบนั้นกับคนอื่น ก็รู้สึกเหมือนโดนพายุหึงโหดกระหน่ำใส่จนทุกข์ทรมานถึงชีวิต
ซือเหยี่ยนอ้าปากพูดอย่างยากลำบาก เจียงมู่เฉินไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว จู่ๆ ก็ไม่ค่อยจะกล้ารับฟังต่อไปแล้ว
ความจริงบางอย่างน่ากลัวกว่ายิ่งกว่าคำโกหกเสียอีก
“ช่างเถอะ นายไม่ต้องบอกกับฉันแล้ว ฉันไม่เชื่อ”
สิ้นเสียงเขา ก็ปล่อยมือเตรียมจะเดินออกไป แต่กลับถูกซือเหยี่ยนคว้าตัวเอาไว้กะทันหัน
“คุณจำได้ไหม…สองปีก่อน…มีครั้งหนึ่งที่คุณเข้าร่วมงานปาร์ตี้นั่งดริงค์”
ซือเหยี่ยนเอ่ยติดๆ ขัดๆ ราวกับว่าประโยคนี้พูดออกมาได้ยากเสียเหลือเกิน
สองปีก่อน ในสมองของเจียงมู่เฉินฉายสะท้อนภาพภาพหนึ่งขึ้นมาทันที
เหมือนเขาจะจำได้ลางๆ สองปีก่อน เฉิงฉีจัดงานปาร์ตี้นั่งดริงค์ขึ้นมา วันนั้นมีคนมาอยู่ไม่น้อย เหมือนว่าซือเหยี่ยนเองก็อยู่ด้วย
ตอนนั้นพวกเขายังรู้สึกแปลก คนดีทุกกระเบียดนิ้วอย่างซือเหยี่ยนไม่เหมาะจะเป็นคนที่มาร่วมงานนั่งดริงค์โดยสิ้นเชิง คิดไม่ถึงว่าจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ด้วย
ตอนนั้นหนึ่งในคนที่เฉิงฉีเชิญมาเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับซือเหยี่ยน แค่ออกปากกับซือเหยี่ยน ไม่นึกเลยว่าซือเหยี่ยนจะยอมตกลง
ดังนั้นคืนนั้นถึงได้ปรากฏภาพแปลกๆ นั้นขึ้นมาได้
แต่เจียงมู่เฉินไม่ชอบหน้าซือเหยี่ยน ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจเขา พวกเขาสองคนไม่ถูกกันก็ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น
คนในงานปาร์ตี้นั่งดริงค์ต่างก็รู้กัน ดังนั้นก็เลยไม่ได้พูดอะไรมากมาย
งานปาร์ตี้นั่งดริงค์ครั้งนี้จัดที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งในเขตชานเมืองของถานโจว ห่างไกลจากเขตเมืองมาก ดังนั้นตามกำหนดการเดิมตอนกลางคืนจะค้างกันที่รีสอร์ทเป็นเวลาหนึ่งคืน เช้าวันต่อมาถึงค่อยกลับไปเขตเมืองของถานโจว
ตอนที่ 447 เมาเหล้าแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกคนจึงปลดปล่อย รินเทเหล้าอย่างไม่คิดชีวิต
เดิมทีเจียงมู่เฉินก็ปลดปล่อยอยู่แล้ว บวกกับบรรยากาศที่เข้ากันได้ดีในวันนี้ ก็ยิ่งปลดปล่อยได้อย่างเป็นธรรมชาติ
คนกลุ่มหนึ่งดื่มกันอยู่ไม่น้อย คึกคักสนุกสนานกันอย่างยิ่งทั้งโถงใหญ่
จะมีเพียงแค่ซือเหยี่ยนคนเดียวเท่านั้นที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกลนัก สายตาจดจ่อมายังเจียงมู่เฉินที่เด่นสะดุดตาอยู่ท่ามกลางคนในกลุ่ม
งานปาร์ตี้นั่งดริงค์ครั้งนี้ดื่มกันจนถึงเที่ยงคืน ทุกคนก็เมากันแล้ว บางคนไม่ไหว โซซัดโซเซประคองกันกลับห้องไป
เจียงมู่เฉินเข้าห้องน้ำ กว่าจะออกมาทั้งโถงใหญ่ก็เหลือแค่เขากับเฉิงฉีสองคน
แล้วก็ซือเหยี่ยนที่นั่งอยู่ตรงมุมตลอด
เจียงมู่เฉินยื่นมือไปผลักเฉิงฉีที่นอนฟุบอยู่บนโต๊ะ เฉิงฉีเมาจนไม่ไหวแล้ว ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยสักนิด
ผลักอยู่หลายครั้ง ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดใด
แอลกอฮอล์ทำให้สมองชาแล้ว ท่าทางของเจียงมู่เฉินเองก็เชื่องช้า เขาถือโอกาสนี้นอนฟุบอยู่บนโต๊ะ จากนั้นก็หลับลงไปทั้งอย่างนี้
ซือเหยี่ยนนั่งตัวตรงอยู่ตรงนั้นอยู่หลายนาที เห็นเจียงมู่เฉินหลับไปแล้ว เวลานี้เองถึงได้ลุกยืนขึ้นเดินมุ่งหน้าไปหาเจียงมู่เฉิน
เขายื่นมือเย็นเฉียบไปสะกิดเจียงมู่เฉิน “ตื่นๆ”
ก็เห็นเพียงแค่เจียงมู่เฉินปัดมือเขาออกด้วยความหงุดหงิด “อย่ามาสะกิดฉัน”
นิ้วมือของเจียงมู่เฉินชนเข้ากับนิ้วมือของซือเหยี่ยนพอดี ซือเหยี่ยนรู้สึกเพียงแค่หัวใจที่สั่นสะท้าน รออยู่ไม่กี่นาทีก็ส่งมือไปประคองเจียงมู่เฉินขึ้นมา
เจียงมู่เฉินเมามายจนไม่เหลือสติเลยสักนิด เห็นว่าข้างๆ อบอุ่น ก็แนบร่างเข้าไปใกล้ เขากอดซือเหยี่ยนแน่นไม่ปล่อยมือไปไหน
เขาทำท่าทางราวกับสนิทสนมกับอีกฝ่าย ทำให้ร่างกายซือเหยี่ยนแข็งทื่อขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ
ซือเหยี่ยนก้มหน้าลง เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม “คุณพักที่ไหน ผมจะไปส่งคุณ”
เจียงมู่เฉินที่ไม่รู้แม้กระทั่งว่าตัวเองชื่ออะไร มีหรือจะยังรู้ได้ว่าตัวเองพักอยู่ห้องไหน
เขาส่ายหัวไปมั่วซั่ว
ซือเหยี่ยนทำอะไรไม่ได้ จึงจำใจต้องพาเจียงมู่เฉินกลับไปยังห้องของตัวเองแทน
เขานิสัยถือตัวอย่างเขา ต้องอยู่ได้เพียงแค่คนเดียวเป็นธรรมดา ในที่นี้ไม่มีใครไม่รู้ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าจัดให้เขาไปพักกับคนอื่น
ซือเหยี่ยนกอดประคองพาเขากลับไป การกระทำอ่อนโยนเหมือนกำลังปฏิบัติกับของรักที่แตกง่ายอย่างไรอย่างนั้น
ทั้งสองคนเข้าไปในลิฟต์ เจียงมู่เฉินคลอเคลียกับใบหน้าของซือเหยี่ยน
คลอเคลียมาที ก็คลอเคลียจนหัวใจของซือเหยี่ยนมีเปลวไฟเล็กๆ ลุกลามขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว คนที่หักห้ามใจมานานตั้งหลายปีขนาดนี้ถูกเจียงมู่เฉินยั่วเย้านิดๆ หน่อยๆ ก็ปลุกปั่นจนไม่อาจจะยับยั้งได้แล้ว
เขาพยายามจะทำหน้าตึง พาคนเข้าไปในห้อง
ซือเหยี่ยนบรรจงวางเขาลงบนเตียงอย่างเบามือ เห็นทั้งตัวเขามีแต่กลิ่นเหล้า ก็หันหลังกลับไปหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นมาเช็ดใบหน้าที่แดงระเรื่อของเจียงมู่เฉิน
กลิ่นเหล้าตีขึ้นมา เจียงมู่เฉินดึงปกเสื้อโดยไม่รู้ตัว เหมือนจะไม่ค่อยจะสบายตัวเท่าไหร่นัก
ซือเหยี่ยนจนใจทำอะไรไม่ได้ นอกจากปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกให้เขาสองเม็ด
เวลานี้เจียงมู่เฉินรู้สึกสบายตัวขึ้นมาบ้างแล้ว ไม่ได้ขยับตัวอะไรอีก เขานอนหลับอยู่ตรงนั้นอย่างว่าง่าย
ใบหน้าเย่อหยิ่งในยามปกตินั้น ขณะนี้เมื่ออยู่ใต้แสงไฟดูท่าว่าจะน่าเอ็นดูเป็นพิเศษ
ซือเหยี่ยนจ้องมองใบหน้าของเจียงมู่เฉิน เขาอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปบีบคลึง
ได้บีบคลึงครั้งหนึ่ง ก็ตัดใจเอามือออกไม่ลงแล้ว
ซือเหยี่ยนมองดูใบหน้าที่ใกล้สายตาของเขา ในใจสับสนอย่างหนัก แต่เดิมที่เขาอยู่เคียงข้างเจียงมู่เฉินได้อย่างเปิดเผย จูบเขาได้ กอดเขาได้
แต่ตอนนี้กลับทำได้เพียงเป็นเหมือนโจร กล้ามองดูเขาได้เพียงแค่ยามที่เขาไม่มีสติเท่านั้น
เจียงมู่เฉินขยับตัวขึ้นมากะทันหัน นิ้วมือสัมผัสโดนข้อมือของซือเหยี่ยน ซือเหยี่ยนกำลังจะเตรียมชักมือออกมา ก็โดนเขากระชากจนล้มลงไป
เจียงมู่เฉินที่อยู่ในอาการเมากดทับร่างซือเหยี่ยนไว้ แล้วประกบปากเขาทันที
ซือเหยี่ยนเบิกตาโต ไม่ค่อยกล้าที่จะเชื่อเท่าไหร่นัก แต่ทักษะการจูบของเจียงมู่เฉินธรรมดาเหมือนหมาน้อยไม่มีผิด เลียริมฝีปากไปๆ มาๆ
ซือเหยี่ยนรู้สึกขำๆ ค่อยๆ เปลี่ยนไปกดทับร่างของเจียงมู่เฉินอย่างช้าๆ
เขาก้มหน้าลงจูบเจียงมู่เฉินอยู่หลายครั้ง แววตายิ่งปรากฏความอ่อนโยน