ตอนที่ 538 ไม่เป็นที่โปรดปรานแล้ว
ไป๋จิ่งถือแบตเตอรี่สำรองออกไปจากห้อง เมื่อครู่นี้เขาวิ่งออกไป อยากโทรขอคำปรึกษากับซือเหยี่ยน แต่พอหยิบมือถือออกมา ถึงได้พบว่ามือถือเขาปิดตัวเองไปตั้งแต่แรกแล้ว
เขาเอามือถือเสียบชาร์จกับแบตเตอรี่สำรอง ผ่านไปห้านาที ในที่สุดก็เปิดเครื่องแล้ว
ไป๋จิ่งยืนอยู่ชั้นหนึ่ง หาที่ที่คนน้อย กดโทรหาซือเหยี่ยน
เขายืนอยู่ตรงมุม ไม่สนว่าซือเหยี่ยนทางนั้นเวลากี่โมงแล้ว ถึงอย่างไรก็โทรออกไปก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที
……
ซือเหยี่ยนกำลังประชุมอยู่ที่บริษัท เห็นหน้าจอมือถือแสดงสายเรียกเข้าของไป๋จิ่ง เขาก็ยื่นมือไปกดตัดสายทันที
ไป๋จิ่งมองมือถือตัวเองด้วยสีหน้างุนงงและตะลึงงัน
‘อะไรกัน หรือว่าช่วงนี้ตัวเองไม่ได้ไปปรากฏตัวต่อหน้าซือเหยี่ยน เขาก็เลยไม่เป็นที่โปรดปรานแล้วเหรอ’
อีกอย่างไม่เป็นที่โปรดปรานถึงขนาดที่แม้แต่สายของเขาก็ไม่รับแล้ว
ไป๋จิ่งไม่เชื่อ กดโทรออกอีกครั้ง
ครั้งนี้ไม่ทันได้ยินเสียง ก็ตัดสายไปอย่างไร้เยื่อใยทันที
ไป๋จิ่งหมดอาลัยตายอยาก โดนมั่วไป๋ปฏิเสธว่าน่าอนาถใจพอแล้ว ตอนนี้ยังถูกซือเหยี่ยนเหยียดหยามอีก นี่จะไม่เหลือทางรอดให้เขาเลยสินะ
ไป๋จิ่งครุ่นคิด ตัดสินใจไปก่อกวนเจียงมู่เฉิน
ถึงอย่างไรเจียงมู่เฉินเทียบกับซือเหยี่ยนแล้ว เป็นคนที่มีความคิดเป็นผู้เป็นคนมากกว่าโดยพื้นฐาน
เพราะแบบนี้ ไป๋จิ่งเมื่อคิดได้เช่นนี้ ก็กดสายโทรหาเจียงมู่เฉิน
เจียงมู่เฉินกลับมีมโนธรรมมากกว่าซือเหยี่ยน
ถึงแม้เขาจะรับสายช้า แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังรับสายอยู่
เหมือนเขาจะพึ่งตื่นนอนเอ้อระเหยอยู่ ไป๋จิ่งเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย อดจะคิดไม่ได้ว่า เมื่อกี้ซือเหยี่ยนไม่รับสาย เจียงมู่เฉินก็เอื่อยเฉื่อย
‘หรือว่าเมื่อกี้ทั้งสองคนกำลังทำการบ้านกันอยู่’
‘ไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง ตอนนี้ที่ถานโจวยังไม่ถึงตอนเที่ยงด้วยซ้ำ เช้าขนาดนี้ทำการบ้านกัน จะรีบร้อนเกินไปหน่อยไหม’
คิดได้เช่นนี้ ใจที่อยากเผือกของไป๋จิ่งก็เด้งขึ้นมาในพริบตา
เขาทำสีหน้าชั่วร้าย “ฉันคงจะไม่ได้รบกวนตอนที่พวกนายยุ่งอยู่หรอกใช่ไหม”
เจียงมู่เฉินขดตัวอยู่บนโซฟา ได้ยินคำพูดนี้ของไป๋จิ่ง เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยในทันใด อ้าปากก่นด่าอย่างไม่มีความเกรงใจเลยสักนิด “ฉันว่าในสมองคนอย่างนายมีแต่อะไรวุ่นวายมั่วซั่วไปหมดเลยสินะ…
…นายอย่าไปกวนใจมั่วไป๋อีกเลย ไสหัวกลับมาเถอะ”
เจียงมู่เฉินเอ่ยปากมาที ไม่อ่อนโยนแม้สักประโยค
ไป๋จิ่งเลิกคิ้วเงียบๆ “ต้องหัวร้อนขนาดนี้เชียว”
“หึ” เจียงมู่เฉินทำเสียงพ่นลมหายใจ “พูดกับเดนคนอย่างนาย ไม่หัวร้อนได้หรือไง”
ไป๋จิ่งผู้ที่โดนด่าว่า ‘เดนคน’ อีกครั้ง ทำไขสือลูบจมูกปอยๆ
ต่อให้เมื่อก่อนเขาจะเป็นเดนคนบ้าง แต่ว่าตอนนี้เขาก็เปลี่ยนตัวเองแล้ว ไม่เป็นเดนคนเลยสักนิด
เมื่อก่อนโดนเจียงมู่เฉินต่อว่าก็ช่างเถอะ ตอนนี้ยังโดนเจียงมู่เฉินดุด่าอีก ไป๋จิ่งแสดงตัวเป็นผู้บริสุทธิ์
“ตอนนี้ฉันเป็นเดนคนที่ไหนกัน” ไป๋จิ่งตัดสินใจโต้แย้งเงียบๆ
“หึ” เจียงมู่เฉินนั่งพิงโซฟาทำเสียงพ่นลมหายใจ “ความเป็นเดนคนของนายทะลุออกมาจากในกระดูก ไม่เกี่ยวกับตอนนี้หรือเมื่อก่อน”
พอนึกถึงมั่วไป๋ในตอนนั้น เขาแทบอยากจะจับไป๋จิ่งเจ้าหมอนี่แก้ผ้า แขวนบนเสาไฟ ตากแดดสักสามวัน
ถ้าไม่ใช่ว่าเห็นแก่มั่วไป๋ที่ชอบไป๋จิ่ง เขาจะให้คนกากเดนแบบนี้ไปตามหามั่วไป๋ได้อย่างไรกัน
“มั่วไป๋ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”
ช่วงเวลานี้เขาเอาแต่ยุ่งเรื่องบริษัท ไม่มีเวลาจะคุยกับมั่วไป๋เลย
ไม่รู้ว่าผู้ชายกากเดนอยู่ที่นั่นแล้วจะทำให้มั่วไป๋เศร้าใจหรือเปล่า
ได้ยินเจียงมู่เฉินถามถึงมั่วไป๋ ความมั่นใจของไป๋จิ่งเมื่อครู่นี้ก็หายไปในพริบตา เพราะเขาเองก็ไม่รู้ถึงสถานการณ์ของตัวเองกับมั่วไป๋ตอนนี้ว่าเป็นอะไรกัน
มั่วไป๋บอกว่าเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง แต่ท่าทีที่มีต่อเขาก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากมาย
ด้วยเหตุนี้พอคิดได้เช่นนี้ ไป๋จิ่งจึงบอกเจียงมู่เฉินไปตามตรง
เจียงมู่เฉินได้ฟังคำพูดของเขาจบ พร้อมทำเสียงพ่นลมหายใจประชด “สมน้ำหน้า ทุกอย่างนายเป็นคนก่อเองรับเอง นี่เพราะมั่วไป๋เป็นคนจิตใจดีงาม นิสัยดี ถึงให้อภัยผู้ชายกากเดนอย่างนายได้ ถ้าสลับมาเป็นฉันนะ เล่นงานนายตายไปแล้ว”
ตอนที่ 539 หักเงินเขา
ไป๋จิ่งกุมขมับ โดนเจียงมู่เฉินดุด่าอย่างถึงพริกถึงขิง เขาก็ไม่กล้าจะยอกย้อนกลับ
ภาพนั้นเหมือนภาพที่เหยียนอวี้ดุด่าไป๋จิ่งไม่มีผิด ต่อหน้าพวกเขาสองคนจะว่าง่ายจนผิดแผกจากเดิม
ถึงอย่างไรก็ทำอะไรไม่ได้ เจียงมู่เฉินกับเหยียนอวี้ต่างก็เป็นคนที่ช่วยชีวิตมั่วไป๋เอาไว้ อย่าว่าแต่ดุด่าเลย ต่อให้บุกมาตีเขา เขาก็จะไม่ตอบโต้เด็ดขาด
เมื่อก่อนเขาแค่เพียงรู้สึกว่าคุณชายน้อยตระกูลเจียงเย่อหยิ่งเป็นที่สุด โมโหง่าย ทำอะไรก็หัวร้อน
แต่พอได้ยินสิ่งที่เจียงมู่เฉินทำให้มั่วไป๋ ไป๋จิ่งซาบซึ้งในน้ำใจของเจียงมู่เฉินจากก้นบึ้งหัวใจของเขา ถ้าไม่ได้เจียงมู่เฉินคอยอยู่เคียงข้างมั่วไป๋เรื่อยๆ บางทีตลอดชีวิตนี้ของเขาก็คงจะไม่มีโอกาสให้ตัวเองได้ชดเชยความผิดพลาดในตอนนั้น
คิดถึงตรงนี้ ไป๋จิ่งก็เอ่ยเสียงต่ำขอบคุณ
เจียงมู่เฉินตะลึงงัน ในใจคิด เจ้าหมอนี่คงจะไม่เป็นพวกชอบโดนกระทำหรอกใช่ไหม ตัวเองดุด่าเขาอยู่ตั้งนาน เชายังพูดขอบคุณตัวเองอีก
“นายเพี้ยนแล้วใช่ไหม คุณชายกำลังดุด่านายอยู่ นายยังจะมาขอบคุณคุณชายอีก”
“ฉันอยากขอบคุณนายที่นายเอาใจใส่มั่วไป๋ในตอนนั้น”
เจียงมู่เฉินชะงักงันอยู่ตั้งนานกว่าจะมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาได้ “คุณ คุณชายเป็นเพื่อนของมั่วไป๋แบบสนิทที่สุด คุณชายก็ต้องดีกับเขาอยู่แล้ว ต้องให้นายมาขอบคุณหรือไง”
“อืม” ไป๋จิ่งเอ่ยรับ “ฉันรู้ แต่ฉันก็ยังอยากจะขอบคุณนายอยู่ดี”
อาจจะเป็นครั้งแรกที่เจียงมู่เฉินได้ยินไป๋จิ่งพูดขอบคุณกับตัวเอง ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองไปชั่วขณะหนึ่ง
ลังเลใจอยู่หลายนาที ถึงค่อยเอ่ยเสียงแข็งอย่างดุดัน “ต่อไปถ้านายรังแกมั่วไป๋อีก คุณชายรับประกันจะตีนายตายแน่”
เขาคุณชายน้อยตระกูลเจียงพูดคำไหนคำนั้นมาโดยตลอด
ไป๋จิ่งยิ้มหัวเราะเบาๆ เอ่ยรับปากทันที “ได้”
หลังจากวางสายไป เจียงมู่เฉินนั่งครุ่นคิดอยู่บนโซฟา สุดท้ายก็โทรหาซือเหยี่ยน
ซือเหยี่ยนยังประชุมอยู่ที่บริษัท เดิมคิดว่ายังเป็นสายของไป๋จิ่ง กำลังจะกดตัดสาย
ผลปรากฏว่าพอเห็นว่าเป็นเฉินเฉินของเขา เขาก็กดรับสายทันทีโดยไม่คิดเลยสักนิด
เขาลุกขึ้นยืนถือมือถือเดินไปยังหน้าต่างที่อยู่ข้างๆ “อืม มีอะไรหรือเปล่า”
เสียงซือเหยี่ยนทุ้มต่ำ เพราะประชุมเป็นสาเหตุ จึงพยายามกดเสียงต่ำ เสียงเขามีความเซ็กซี่อย่างบอกไม่ถูก
คนทั้งห้องประชุมได้ยินเสียงอ่อนโยนผิดปกติของซือเหยี่ยนต่างก็สบตากัน ทั้งยังมีชื่อคนคนหนึ่งลอยขึ้นมาในหัวพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายอีกด้วย
‘เจียงมู่เฉิน’
ถึงอย่างไรความรักของพวกเขาก็เปิดเผยกันใหญ่โตมีชื่อเสียงรู้กันทั่วถานโจวแล้ว
มีหรือเจียงมู่เฉินจะรู้ว่าเขากำลังประชุมอยู่ จึงเอ่ยปากออกไปตรงๆ “ไป๋จิ่งโทรมาก่อกวนฉัน”
ซือเหยี่ยนเลิกคิ้วเล็กน้อย “เขาก็โทรหาคุณด้วยเหรอ”
เจียงมู่เฉินได้ยินคำว่า ‘ก็’ จึงถามกลับ “ก็โทรหานายด้วย”
“อืม” ซือเหยี่ยนขานรับแล้วเอ่ยต่อ “แต่ว่าผมไม่ไดรับสาย”
เดิมทีเจียงมู่เฉินยังอยากจะถามไถ่ว่าไป๋จิ่งพูดอะไรกับซือเหยี่ยน ผลสุดท้ายได้ยินซือเหยี่ยนพูดว่าไม่ได้รับสายทางนั้น เขาก็รู้สึกชื่นใจอย่างไรชอบกล
“อืม ถือว่านายรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ห้ามรับสายเขานะ”
ซือเหยี่ยนเอ่ยเสียงต่ำ “ได้”
หลังจากเจียงมู่เฉินพูดจบ คิดดูแล้วก็เอ่ยเสริมต่ออีกประโยค “นายจำว่าต้องหักเงินเดือนเขาด้วยนะ”
ซือเหยี่ยนไม่ได้ถามเจียงมู่เฉินด้วยซ้ำว่าทำไมต้องหักเงินเดือนไป๋จิ่ง เขาตบปากรับคำทันที
ถึงอย่างไรสำหรับซือเหยี่ยนแล้ว ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเจียงมู่เฉิน
“โอเค งั้นนายทำงานเถอะ ฉันจะทำธุระฉันต่อแล้ว”
ซือเหยี่ยนได้ยินเขาจะวางสาย ก็รีบเอ่ยต่อทันที “คืนนี้กินข้าวด้วยกันนะ”
“อืม” เจียงมู่เฉินขานรับ ก่อนจะวางสายไป
ซือเหยี่ยนเก็บมือถือ สีหน้าฟื้นคืนกลับมาเย็นชาเหมือนเมื่อครู่นี้ เขาเงยหน้ามองแวบหนึ่ง สุดท้ายสายตามาตกอยู่ที่ฝ่ายการเงิน
ฝ่ายการเงินคนนั้นตัวสั่น คิดว่าตัวเองทำอะไรให้ซือเหยี่ยนไม่พอใจแล้ว
หัวใจกำลังบีบคั้น ก็ได้ยินซือเหยี่ยนพูดว่า “เดี๋ยวหักเงินเดือนไป๋จิ่งเดือนหนึ่ง”
ฝ่ายการเงิน “…” ทำหน้างุนงง
แต่ว่าซือเหยี่ยนพูดแบบนี้แล้ว เขาต้องรับคำทันทีอยู่แล้ว “ได้ครับ ประธานซือ เดี๋ยวผมจะกลับไปหักให้ครับ”