ตอนที่ 124 ซือเหยี่ยนหายตัวไป
นาทีที่ได้ยินเสียงซือเหยี่ยนเพียงชั่วพริบตาเดียว ในใจของเจียงมู่เฉินก็มีความรู้สึกบางอย่างที่พูดไม่ออกพรั่งพรูออกมา มือที่จับมือถือไว้แน่น ปลายนิ้วที่ประสานกันสั่นขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ
“ซือเหยี่ยน…ฉันเอง…” เสียงเขาขาดๆ หายๆ
“คุณเป็นไรไหม” เสียงซือเหยี่ยนแฝงความร้อนใจ
“ฉัน…” ยังไม่ทันได้พูดจบประโยค จู่ๆ มือถือก็ดับไป เจียงมู่เฉินมองดูมือถือด้วยความงุนงง เขาเพิ่งจะเอ่ยได้ไม่กี่คำ แบตมือถือที่เหลือเพียงแค่นี้ก็ทนอยู่ต่อไม่ไหว ปิดเครื่องเองโดยอัตโนมัติ
เขามองดูมือถือแล้วถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ สักประโยคยังไม่ทันได้พูดก็หายตัวไปเสียดื้อๆ ยังโทรหาซือเหยี่ยนด้วยสายแปลกๆ อีก ไม่รู้ว่าแบบนี้อีกฝ่ายจะยิ่งเป็นห่วงมากกว่าเดิมไหม
เจียงมู่เฉินเก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกง ถอนหายใจแบบปลงๆ
‘ดูท่าว่าวันนี้สวรรค์ต้องการจะตัดขาดกับเขาสินะ’ ในหุบเขาลึกป่าดงดิบ ท้องฟ้ามืดมิด มองทิศทางก็ไม่ชัด แล้วยังติดต่อซือเหยี่ยนไม่ได้อีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีคนสองคนนั้นที่พบว่าเขาหนีไปแล้วจะตามจับเขาอีกได้
เขาพักอยู่ไม่กี่นาที พอรู้สึกว่าเรี่ยวแรงพอกลับมานิดหนึ่งแล้วก็เดินมุ่งออกข้างนอกต่อไป ถึงอย่างไรสถานการณ์ในขณะนี้ ค้นหาเขาให้เจอ เกรงว่าจะยากมากไป ทำได้แค่พึ่งตัวเองเอาตัวรอดเอง
ภูเขารกร้างในยามราตรีมืดมิดเกินไปแล้วจริงๆ เดิมทีก็ไม่มีแสงอะไรอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงต้นไม้สูงใหญ่สองข้างทางนี้ด้วยซ้ำ
เจียงมู่เฉินค่อยๆ ใช้มือคลำทีละนิดไปเรื่อยๆ เดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เดินไปช่วงหนึ่ง เจียงมู่เฉินก็แยกตำแหน่งที่ตัวเองอยู่ตอนนี้ได้ไม่ชัดเจน ทำได้แค่พึ่งเซนส์เรื่องทิศทางที่ไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่านั้น
จู่ๆ เจียงมู่เฉินก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว ตัวเองไม่มีอะไรทำแล้ววิ่งเข้ามาในภูเขาทำไม ถ้ารู้ตั้งแต่เนิ่นๆ อยู่ในโกดังไม่ไปไหน ไม่แน่ว่าอาจจะยังสบายขึ้นมาหน่อยก็ได้
เวลานี้วิ่งเข้าภูเขา หาก็หาไม่เจอ ดูท่าว่าจะยิ่งยุ่งยากลำบากไปกว่าเดิมเสียอีก
…
ซือเหยี่ยนมองดูมือถือในมือ ดวงตาสีดำขลับฉายแววความกดดันอันหนักหน่วง กว่าจะได้รับสายจากเจียงมู่เฉินไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่พูดไม่ถึงสองคำ สายก็ตัดไปกะทันหัน
ไม่รู้ว่าเขาเจอเรื่องอะไรกะทันหันหรือเปล่า สายถึงได้ตัดไปแบบนี้
เมื่อคิดถึงภาพเจียงมู่เฉินอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้ หัวใจของซือเหยี่ยนก็บีบรัดตัวแน่นขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ เขาต้องเร่งทำเวลารีบหาเจียงมู่เฉินให้เจอ
ทันทีที่คิดถึงภาพเจียงมู่เฉินตกอยู่ในอันตรายในสถานที่ที่ตัวเองมองไม่เห็น
ซือเหยี่ยนก็รู้สึกว่าหัวใจค่อยๆ เจ็บปวดไปเรื่อยๆ อยู่อย่างนั้น
เขาเร่งฝีเท้า ตามหาอย่างบ้าคลั่ง กิ่งไม้ขูดบาดเสื้อผ้าบนตัวของซือเหยี่ยน แต่เขาไม่มาดูเลยสักแวบเดียว ราวกับคนที่ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่เขาอย่างไรอย่างนั้น
ซือเหยี่ยนผู้เย็นชา สุขุม มาโดยตลอด กลับไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นเพื่อคนคนหนึ่งเป็นครั้งแรก
เจียงมู่เฉินเหนื่อยจนหายใจหอบเก็บอากาศเข้าแทบจะไม่ทัน เขารู้สึกว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป คาดว่าตัวเองต้องขาดอากาศหายใจอยู่ในภูเขานี้แน่
เขายื่นมือออกไปคิดจะจับต้นไม้ข้างๆ เพื่อพยุงตัวเองหยุดพักผ่อนสักหน่อย ปรากฏว่าไม่ได้จับไว้มั่นคงพอ ตัวคนทั้งคนจึงหงายหลังล้มลงไป
ร่างทั้งร่างหมุนกลิ้งลงไป เจียงมู่เฉินปกป้องได้ทันแค่ใบหน้าตัวเองที่บาดเจ็บนั้น
ก่อนจะหมดสติไป เจียงมู่เฉินยกมุมปากขึ้นอย่างเสียดาย เขาเพิ่งจะได้อยู่ด้วยกันกับซือเหยี่ยนเอง ต้องมาตายแบบนี้ ซือเหยี่ยนจะเสียใจเพื่อเขาได้บ้างไหม…
เสียงฝีเท้าดังปนเปกันในภูเขา ซือเหยี่ยนเห็นมือถือเครื่องหนึ่งตกอยู่บนพื้น เขารีบหยิบขึ้นมาดู
นั่นคือมือถือของเจียงมู่เฉิน
มือถือตกอยู่ตรงนี้ เจ้าตัวก็ควรจะอยู่ไม่ไกลจากนี้
ซือเหยี่ยนพยายามทำให้ตัวเองใจเย็นสงบสติอารมณ์ อย่าลุกลี้ลุกลนจนสูญเสียความสามารถในการตัดสินใจอย่างถูกต้องขั้นพื้นฐานไป
เขาถือไฟฉายส่องไปรอบๆ เดินตามทางรกๆ ที่อยู่ด้านข้าง
เวลาค่อยๆ หายไปทีละนิดทีละนิด เจียงมู่เฉินหายตัวไปเป็นเวลาเจ็ดชั่วโมงแล้ว ฝั่งตำรวจยังคงไม่ได้อะไรสักอย่าง พวกเขาไปตามหากันหลายๆ ที่ ก็หาแม้แต่เงาของเจียงมู่เฉินไม่เจอ
ท้องฟ้ายามราตรีมืดมิดเกินไป ทำให้การค้นหายิ่งยากขึ้นไปอีก มีคนหายเข้าไปอย่างไรก็หาได้ไม่เจออยู่แล้ว
“หัวหน้าหลิน แบบนี้รอฟ้าสว่างกันดีไหมครับ รอฟ้าสว่างมองเห็นได้ชัดแล้ว จะทำให้การค้นหาของเราสะดวกขึ้นนะครับ”
หลินเยี่ยมองดูเวลา กว่าจะฟ้าสว่างก็มีเวลาอีกสี่ชั่วโมง
“ซือเหยี่ยนล่ะ ทำไมเขาไม่ได้กลับมาด้วยกันกับพวกนาย”
ตอนที่ 125 ขอโทษที่ผมมาช้า
“ประธานซือเหรอ พวกเราไม่ได้เห็นเขาเลยครับ”
หลินเยี่ยขมวดคิ้ว “เขาไม่ได้อยู่กับพวกนายเหรอ”
“พวกเราไม่เคยเห็นประธานซือเลยครับ”
หลินเยี่ยมองดูเวลาแวบหนึ่ง ซือเหยี่ยนเข้าไปสองชั่วโมงกว่าแล้ว ถ้าไม่ได้ไปกับคนของเขา แล้วจะไปไหนได้
“ตามหากันต่อ นานขนาดนี้แล้วซือเหยี่ยนยังไม่กลับมา ถ้าไม่เกิดเรื่อง ก็มีเงื่อนงำ”
“ตามกันต่อเหรอครับ”
หลินเยี่ยเอ่ยอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ค้นหากันต่อไป”
ดวงตาสีดำขลับโถมเข้าหาภูเขารกร้างอันมืดสนิท แววตาแฝงความเป็นห่วง ถ้าซือเหยี่ยนเกิดปัญหา ลำบากแน่ๆ
ซือเหยี่ยนเดินลงไปเรื่อยๆ มานานมากแล้ว ไฟฉายในมือส่องไปรอบทิศทาง จนมาหยุดลงตรงมุมมุมหนึ่ง
เสื้อเชิ้ตสีขาวใต้แสงไฟ ชัดเจนเต็มตา ซือเหยี่ยนแข็งทื่อไปทั้งตัวพุ่งตัวเข้าหาราวกับคนเสียสติ
เจียงมู่เฉินนอนกองอยู่กับพื้น มีบาดแผลไปทั้งตัว เสื้อเชิ้ตสีขาวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดคราบดวงใหญ่ ดวงตาซือเหยี่ยนหยุดลงตรงร่างของเจียงมู่เฉิน เพียงชั่วพริบตาก็แดงก่ำขึ้นมา
เขารีบประคองร่างเจียงมู่เฉินมากอดไว้แนบกายเขา
“เฉินเฉิน…ผมมาแล้ว” ซือเหยี่ยนเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่เจียงมู่เฉินผู้สลบไสลไปแล้วไม่ได้ยินเสียงร้องเรียกของเขา ร่างกายอ่อนปวกเปียกนอนอยู่ในอ้อมกอดของเขา ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับใดๆ ทั้งสิ้น
“ขอโทษที่ผมมาช้า” นิ้วมือซือเหยี่ยนสั่นเทาเล็กน้อย แขนสอดช้อนอุ้มเขาขึ้นมา
ท่ามกลางราตรีอันมืดมิด ต้องเดินได้ไม่ค่อยสะดวกเป็นธรรมดา ยิ่งซือเหยี่ยนมาอุ้มเจียงมู่เฉินอยู่แบบนี้ยิ่งเดินยากขึ้นไปอีก แต่ทุกย่างก้าวของเขากลับมั่นคง ราวกับกลัวว่าตัวเองจะเป็นสาเหตุทำให้เจียงมู่เฉินบาดเจ็บอีก
ดูๆ ไปแล้วซือเหยี่ยนยังถือว่าสงบจิตใจได้อยู่ แต่ก็มีเพียงเขาเองที่รู้ ว่านาทีที่เขาอุ้มเจียงมู่เฉินไว้ในอ้อมอก เขาหวาดกลัวมากแค่ไหน
เขากลัวว่าเรื่องเมื่อหลายปีก่อนจะฉายซ้ำอีกครั้ง
เขากลัวว่าเจียงมู่เฉินจะตายอีกครั้ง…
…
ซือเหยี่ยนหาพื้นที่ว่าง บรรจงกอดร่างเจียงมู่เฉินไว้ในอ้อมอก ท่าทางระมัดระวังราวกับบรรจงกอดของล้ำค่าที่ตัวเองรักและถนอมที่สุดไม่มีผิด
เขาโน้มตัวลงประทับรอยจูบบนใบหน้าที่มีรอยแผลของเจียงมู่เฉิน “ครั้งนี้ผมสายไม่ได้ใช่ไหม”
ห้าปีก่อน เขาช้าไปเพียงก้าวเดียว กลับต้องเบิกตาค้างจ้องมองเจียงมู่เฉินหายสาบสูญไปต่อหน้าต่อตาตัวเอง เขาคิดว่าตลอดชีวิตของตัวเองคงไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
คนมีชีวิตที่ไร้ชีวิต เจ็บปวดกับความรักและความสูญเสีย
ยังดีที่พระเจ้ายังเมตตาปรานีเขาอยู่บ้าง คืนเจียงมู่เฉินกลับมาให้ เขาถือโอกาสตอนที่เจียงมู่เฉินยังไม่ได้สติ ไปหาคนมาลบความทรงจำของเจียงมู่เฉินที่เคยมีร่วมกันกับตัวเองทิ้งไป
ส่งตัวคนกลับไปบ้านตระกูลเจียง แสร้งทำเป็นไม่ลงรอยกันกับเจียงมู่เฉิน คอยปกป้องอยู่ข้างกายเขา
ซือเหยี่ยนมองดูคนในอ้อมกอด แล้วยกมุมปากขึ้นฝืนยิ้มอย่างจนใจ เดิมทีเขาอยากจะปกป้องดูแลเจียงมู่เฉินให้มั่นคงปลอดภัยไปตลอดชีวิตนี้ แต่ทุกครั้งเขาก็ปกป้องไว้ไม่ได้เลย
ริมฝีปากเย็นเฉียบกดลงบนริมฝีปากซีดเซียวไร้สีเลือด ซือเหยี่ยนจุมพิตเขาอย่างอ่อนโยนเป็นพิเศษ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เจียงมู่เฉินผู้ยังไม่ได้สติเริ่มขยับตัวค่อยๆ รู้สึกตัวตื่น
ทันทีที่ลืมตาขึ้นมา ก็รู้สึกเจ็บไปทั้งตัว ราวกับมีคนถือมีดมาค่อยๆ กรีดเนื้อเขาออกทีละนิด แล้วเย็บกลับเขาไปใหม่อย่างไรอย่างนั้น
เขาอยากจะขยับเขยื้อนร่างกายที่เจ็บสาหัส แต่กลับถูกคนคว้าตัวไว้อย่างนุ่มนวลและเบามือ
“ไม่ดื้อนะ อยู่นิ่งๆ” เสียงอ่อนโยนของซือเหยี่ยนดังขึ้นอยู่ข้างหู
เจียงมู่เฉินตะลึงงัน คิดว่าตัวเองฟังผิด เขากะพริบตาปริบๆ จ้องมองซือเหยี่ยนท่ามกลางความมืดมิด “ซือเหยี่ยน”
“ผมเอง”
“นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” เจียงมู่เฉินค่อนข้างสงสัย เขาวิ่งจนมาถึงข้างในขนาดนี้แล้ว ซือเหยี่ยนตามหาตัวเขาเจอได้ยังไง หรือบนตัวเขามีจีพีเอสติดไว้อยู่
“ไม่อยากเจอผมเหรอ”
เจียงมู่เฉินอยากจะหัวเราะ แต่ดันฉีกโดนบาดแผล เจ็บจนหน้าตาบิดเบี้ยวไปหมด “นายนี่แม่งมาช้าเกินไปไหม ทำไมไม่รอให้คุณชายขาดใจตายก่อนแล้วถึงค่อยมาล่ะ”
ซือเหยี่ยนเห็นท่าทางมีชีวิตชีวาของเขา ก็อดจะจุ๊บเขาสักฟอดไม่ได้ “ทำใจเห็นคุณตายไม่ได้ เลยรีบเข้ามาตามหา”
“สายไปแล้วล่ะ อีกครึ่งชีวิตฉันใกล้จะไม่เหลือแล้ว” เจียงมู่เฉินเจ็บจนไปถึงลมหายใจ
ซือเหยี่ยนช้อนอุ้มเขาขึ้นมาอย่างระมัดระวัง กลัวว่าจะไปโดนบาดแผลของเจียงมู่เฉินโดยไม่ได้ตั้งใจ
เขาก้าวเท้าเดินอย่างมั่นคง ทุกย่างก้าวไปอย่างเชื่องช้า