ตอนที่ 370 ฟู่เหยี่ยนเกิดความคิดที่อยากจะฆ่า
ฟู่เหยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าคำว่า ‘กักตัว’ คำนี้ฟังแล้วไม่ค่อยปกติเท่าไหร่
“คุณชายเจียง สิ่งที่คุณได้เสพสุขอยู่บนเกาะนี้คือการต้อนรับแขกวีไอพีของตระกูลฟู่ของพวกเรา จะกักตัวคุณที่ไหนกัน”
เจียงมู่เฉินฉีกมุมปาก “เอาเถอะ งั้นนายเตรียมจะให้ฉันอยู่ที่นี่ในฐานะแขกวีไอพีไปถึงเมื่อไหร่”
“อะไรกัน คุณชายเจียงใกล้จะอยู่จนเอียนแล้วเหรอ”
เจียงมู่เฉินมองบนใส่เขา “พี่ใหญ่ ที่นี่นายจิตใจผ่องใสใช้ชีวิตอย่างสันโดษ แม้แต่ความบันเทิงเริงใจก็ไม่มีสักอย่าง ฉันอยู่อีกต่อไป วันหลังจะไม่หลุดจากสังคมไปแล้วเหรอ”
“คุณอยากออกไปหาความรื่นเริงเหรอ” ฟู่เหยี่ยนหรี่ตาลง
เจียงมู่เฉินยกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างขำขัน “ฉันเพิ่งจะอายุยี่สิบกว่าๆ กำลังเป็นช่วงมีคนห้อมล้อม ไม่หาความสนุกให้ชีวิตจะมีความหมายอะไร”
ไม่รู้ว่าฟู่เหยี่ยนคิดถึงอะไรขึ้นมา สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย จู่ๆ เขาก็ยื่นมือไปจับข้อมือของเจียงมู่เฉินไว้ “คุณมาหาผมได้”
เจียงมู่เฉินเห็นสีหน้าเขาเปลี่ยน ก็ไม่กลัว เขากวาดสายตามองฟู่เหยี่ยนแวบหนึ่ง “ฟู่เหยี่ยน ฉันเคยพูดกับนายหลายครั้งหลายคราแล้ว ว่าฉันไม่มีทางจะคบกับนายได้”
ความอันตรายฉายสะท้อนในแววตาของฟู่เหยี่ยน “ไม่คบกับผม คุณคิดจะคบกับใคร ซือเหยี่ยนเหรอ”
เห็นเขาเอ่ยถึงซือเหยี่ยน เจียงมู่เฉินชายตามอง “นั่นเป็นเรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับนาย”
‘ซือเหยี่ยน…’
ตั้งแต่หลังจากที่ซือเหยี่ยนขึ้นเกาะมา หัวใจของเจียงมู่เฉินถูกซือเหยี่ยนตรึงไว้ในกำมือตลอด
เจียงมู่เฉินแสร้งทำเป็นทองไม่รู้ร้อนทำเย็นชา แต่ฟู่เหยี่ยนรู้อย่างชัดเจน ทุกอย่างนี้ที่เจียงมู่เฉินทำก็แค่แสดงออกภายนอกเท่านั้น
ที่จริงหัวใจดวงนั้นของเขา โบยบินไปหาซือเหยี่ยนตั้งแต่แรกแล้ว
นัยน์ตาฟู่เหยี่ยนฉายสะท้อนความอำมหิต ในเมื่อในใจเจียงมู่เฉินคิดถึงเพียงแค่ซือเหยี่ยน ถ้าอย่างนั้นเขาฆ่าซือเหยี่ยนไปซะเลยก็สิ้นเรื่อง
เขาลุกขึ้นยืนกะทันหัน จ้องมองเจียงมู่เฉิน “คุณชายเจียง คุณเลิกกับซือเหยี่ยนไปตั้งนานแล้ว…
…ต่อจากนี้ไป คนที่อยู่ข้างกายคุณจะมีเพียงแค่ผมฟู่เหยี่ยนคนเดียวเท่านั้น”
เจียงมู่เฉินมองเขาด้วยความเย็นชา “ถ้าหากว่าฉันไม่ยินยอมล่ะ”
ฟู่เหยี่ยนยกมุมปากขึ้น “เดี๋ยวคุณก็ยินยอม”
พูดจบประโยคนี้ ฟู่เหยี่ยนก็หันหลังเดินจากไป หลังจากเขากลับห้องแล้ว ก็รีบเรียกหาพ่อบ้านหลินทันที
“คุณชาย เรียกกระผมด่วนมีเรื่องอะไรเหรอครับ”
“ฉันต้องการให้นายฉวยโอกาสตอนที่ซือเหยี่ยนไม่ทันระวังตัว จับมัดเขา เขาจะมีชีวิตเหลือรอดไม่ได้”
พ่อบ้านหลินนัยน์ตาแคบลงเล็กน้อย ไม่ค่อยกล้าจะเชื่อเท่าไหร่ “ทำไมจู่ๆ ถึงต้องการจะลงมือกับซือเหยี่ยนแล้วล่ะครับ”
ฟู่เหยี่ยนมองไปนอกหน้าต่างอย่างเลือดเย็น “มีเพียงแค่ซือเหยี่ยนตายเท่านั้น เจียงมู่เฉินถึงจะเป็นของฉันอย่างแท้จริง”
พ่อบ้านหลินเห็นสีหน้าเด็ดเดี่ยวของฟู่เหยี่ยน ก็รู้ว่าหลายวันมานี้คุณชายของเขาในที่สุดก็ได้ตัดสินใจชี้ขาดแล้ว
เดิมฟู่เหยี่ยนไม่ใช่คนเฉยชาแบบนี้
ที่ผ่านมาเขาไม่ลงมือกับเจียงมู่เฉินเลย หนึ่งคืออยากค่อยๆ ทำให้เจียงมู่เฉินประทับใจ สองคือไม่อยากเหยียบซ้ำรอยเดิมที่ผิดพลาดไป
แต่หลังจากที่ซือเหยี่ยนปรากฏตัวขึ้น ฟู่เหยี่ยนก็แอบสังเกตท่าทีที่สองคนมีต่อกันโดยละเอียด ถึงไม่ยอมรับไม่ได้
ซือเหยี่ยนในใจของเจียงมู่เฉินคือสิ่งที่ยากจะแทนที่ได้
แม้กระทั่งตอนนั้นที่ซูเตอร์เข้ามาแทรกกลางระหว่างพวกเขา เจียงมู่เฉินก็แค่สลดใจเท่านั้น
กลับไม่เคยคิดจะลงมือกับซือเหยี่ยน
ตามนิสัยของเจียงมู่เฉินแล้ว ถ้าคนรอบข้างให้เขาผูกปมขึ้นมาใหญ่ขนาดนั้น ก็คืนทั้งต้นทั้งดอกกลับมาตั้งแต่แรกแล้ว
จะมาเหมือนวันนี้ที่เอาแต่ถอยหลังกลับไปทุกแห่งหนเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
ขอเพียงแต่จัดการซือเหยี่ยนแล้ว หัวใจเจียงมู่เฉินไม่มีซือเหยี่ยนแล้ว ไม่ช้าก็เร็วสักวันก็จะเห็นเขาได้
คิดได้แบบนี้ ซือเหยี่ยนต้องถูกกำจัด
พ่อบ้านหลินพยักหน้ารับ “ได้ครับ คุณชาย กระผมทราบแล้ว”
……
หลังจากพ่อบ้านหลินออกจากห้องไปแล้ว ฟู่เหยี่ยนก็ไปห้องหนังสือจัดการธุระของตระกูล ตั้งแต่เขามาอยู่บนเกาะเล็กๆ เกาะนี้ ก็เอางานกิจการทั้งหมดมาจัดการอยู่ที่เกาะด้วย
นานมากแล้วที่ไม่ได้เข้าไปดูด้วยตัวเอง
ฟู่เหยี่ยนเปิดคอมพิวเตอร์ ก็ได้รับสายวิดีโอคอลมาพอดี
หน้าจอคอมพิวเตอร์ปรากฏภาพชายวัยกลางคนที่กำลังนั่งตัวตรงอยู่ หลังจากฟู่เหยี่ยนเห็นแล้วก็เอ่ยเรียก “พ่อครับ”
“หึ” ฟู่เฉิงทำเสียงเย็นใส่ ขณะที่มองเขา “พรุ่งนี้แกกลับมาด้วย”
ตอนที่ 371 ซือเหยี่ยนจะอยู่ต่อไม่ได้
ฟู่เหยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย “พรุ่งนี้เหรอครับ”
“พรุ่งนี้แกรีบกลับมาด่วน” ฟู่เฉิงไม่ยอมให้ซักถาม พูดจบประโยคนี้ก็ตัดการสนทนาผ่านวิดีโอทันที
ฟู่เหยี่ยนเห็นสายวิดีโอคอลของตัวเองโดนตัด ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
‘จู่ๆ ให้เขากลับไปกะทันหันเวลานี้เหรอ’
หรือว่าครอบครัวจะเกิดเรื่องอะไร ฟู่เหยี่ยนย่นคิ้วทันที รีบเรียกตัวพ่อบ้านหลินมาอีกครั้ง
“พ่อฉันทางนั้นเกิดเรื่องขึ้นเหรอ”
พ่อบ้านหลินเงียบไม่พูดจาอยู่ครู่หนึ่ง “เกิดปัญหานิดหน่อยครับ”
“ปัญหาอะไร”
พ่อบ้านหลินส่ายหัว “รายละเอียดคืออะไร กระผมเองก็ยังไม่ชัดเจนครับ กระผมเองก็เพิ่งจะได้รับข่าวเมื่อครู่นี้ ให้กระผมเรียนคุณชายว่าคุณชายจำเป็นต้องกลับไปครับ”
หลังจากฟู่เหยี่ยนได้ฟัง ก็ลังเลอยู่ไม่กี่วินาที “ช่วยฉันเตรียมตัวที ฉันจะกลับไปคืนนี้เลย”
“แล้วซือเหยี่ยนล่ะครับ”
“ลงมือตามแผนเดิมของฉัน จับตัวเขาก่อน รอฉันกลับมาค่อยคิดหาวิธี”
เขาออกไปจากเกาะรอบนี้ ไม่รู้ว่าอีกกี่วันถึงจะได้กลับมา ให้ซือเหยี่ยนกับเจียงมู่เฉินอยู่ด้วยกันก็ยากจะรับประกันได้ว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรหรือเปล่า
แต่ว่าถึงอย่างไรเจียงมู่เฉินก็ค่อนข้างจะมีประวัติกับตระกูลของเขา ตอนนี้ก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ถ้าจะพาเจียงมู่เฉินไปที่อื่น
พ่อบ้านหลินพยักหน้ารับ “ได้ครับ กระผมทราบแล้วครับ”
ฟู่เหยี่ยนสีหน้าเคร่งขรึม “อ่อใช่ อย่าให้เจียงมู่เฉินจับได้ หาเหตุผลที่เหมาะสม คอยทำให้เจียงมู่เฉินสบายใจ”
พ่อบ้านหลินพยักหน้ารับ “คุณชายวางใจได้ครับ กระผมจะจัดการให้ไม่ขาดตกบกพร่องเอง”
เวลากลางคืนขณะที่กินอาหารกัน บนโต๊ะอาหารฟู่เหยี่ยนบอกกับเจียงมู่เฉินไปตรงๆ “คืนนี้ผมต้องไปจากที่นี่ ประมาณสองวันถึงจะได้กลับมา”
เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “ไปจากที่นี่?”
ฟู่เหยี่ยนพยักหน้ารับ “อะไรกัน ไม่อยากให้ผมไปเหรอ”
“หึ” เจียงมู่เฉินทำเสียงเย็นแสดงความไม่พอใจ “นายรีบไปเถอะ ไม่เห็นนาย ฉันก็กินอะไรได้เยอะขึ้นแล้ว”
ฟู่เหยี่ยนถอนหายใจอย่างจนใจ “ท่าทีที่คุณชายเจียงมีให้ผม ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนจากก่อนหน้านี้เลย”
“ท่าทีที่นายต้องการ ฉันให้ไม่ไหวหรอก ถ้านายอยากได้จริงๆ ก็ให้ได้แค่คนอื่นแล้วล่ะ”
ฟู่เหยี่ยนยิ้มหัวเราะ “งั้นคุณอยากให้ใคร ซือเหยี่ยนเหรอ”
เขาพูดจบก็มองซือเหยี่ยนที่เอาแต่นิ่งเงียบอยู่ข้างๆ แวบหนึ่ง
เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองซือเหยี่ยนอย่างเย็นชา ทั้งยังมองฟู่เหยี่ยนอีก ฉีกมุมปากขึ้นด้วยท่าทีเรียบเฉย “นายไม่มีอะไรทำก็อย่ามาลองเชิงกันเลย ฉันไม่สนใจพวกนายทั้งสองคนนั่นแหละ…
…โลกกว้างใหญ่ขนาดนี้ คนต่อแถวมาหาฉันเจียงมู่เฉินยาวเป็นหางว่าว ทำไมจะต้องไปหาพวกอัปลักษณ์อย่างพวกนายสองคนด้วย”
ทั้งสองคนโดนเหยียดว่าเป็นพวกอัปลักษณ์ก็สบตากันแวบหนึ่ง ก่อนจะละสายตาออกจากกันอย่างเหยียดๆ
ฟู่เหยี่ยนรู้สึกว่า ‘เขาไม่ได้ผิดอะไรเลยนะ เขาหน้าตาออกจะหล่อเหลาร่ำรวยเงินทองขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าจะถูกเจียงมู่เฉินเรียกว่าพวกอัปลักษณ์ได้’
เขาลูบจมูกปอยๆ กำลังจะเตรียมแก้ต่างกับเจียงมู่เฉิน ซือเหยี่ยนก็เอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมาด้วยท่าทีเรียบเฉย “อืม คุณพูดถูก”
ฟู่เหยี่ยน “…”
เขาเอียงหน้ามองซือเหยี่ยน รู้สึกว่า เจ้าหมอนั่นหน้าไม่อายถึงขั้นสุดแล้ว
แม้แต่ประโยคแบบนี้ก็ยังพูดออกมาได้
เจียงมู่เฉินมองเจ้าพวกอัปลักษณ์สองคนด้วยความพอใจแล้ว นัยน์ตาดอกท้อก็ลุกวาว ลุกยืนขึ้นมาจากเก้าอี้ “ในเมื่อเป็นเป็นแบบนี้ ฉันก็จะไม่เสียเวลากับพวกอัปลักษณ์อย่างพวกนายแล้ว…
…ฉันกินเสร็จแล้ว นัดกับพี่ชายไว้แล้ว จะไปเล่นเกมด้วยกัน”
ซือเหยี่ยนเองก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน “ผมเองก็กินเสร็จแล้ว”
ฟู่เหยี่ยนจ้องมองตามแผ่นหลังที่เดินตามกันไป หัวใจก็เจ็บปวดไปหมด ซือเหยี่ยนคนนี้ต้องถูกกำจัด
ไม่อย่างนั้นถ้ายังมีเขาอยู่ ก็ไม่รู้ว่าจะทำให้เรื่องดีๆ ของตัวเองเสียหายไปมากน้อยเท่าไหร่
หลังจากสองชั่วโมงผ่านไป เครื่องบินส่วนตัวก็มาประจำที่ พ่อบ้านหลินมาส่งฟู่เหยี่ยนขึ้นเครื่องบิน
ฟู่เหยี่ยนอดจะกำชับไม่ได้ “จำคำของฉันไว้ ซือเหยี่ยนจะอยู่ต่อไม่ได้”
พ่อบ้านหลินพยักหน้ารับ “คุณชายวางใจได้ครับ กระผมจะพยายามให้ถึงที่สุด รับประกันจะไม่ทำให้คุณชายเสียการใหญ่ครับ”
ฟู่เหยี่ยนสีหน้าเคร่งขรึม แววตาดุดันจริงจัง มีหรือท่าทีอะไรก็ได้ต่อหน้าเจียงมู่เฉินเมื่อครู่นี้
ฟู่เหยี่ยนผู้อยู่ในชุดสูทสั่งตัดพิเศษ รัศมีความเป็นชนชั้นสูงแผ่ซ่าน บวกกับความเย็นชาในแววตา ยิ่งยากจะเข้าใกล้ยิ่งขึ้นไปอีก
พ่อบ้านหลินมองดูฟู่เหยี่ยน ก็ปลื้มปิติอยู่ในใจ
‘นี่สิถึงจะเป็นคุณชายน้อยแห่งเวลล์แกลตเตอร์ที่เขาคุ้นเคย’
“คุณชายเดินทางปลอดภัยและโดยสวัสดิภาพนะครับ”
เพิ่งจะสิ้นเสียงพูด เครื่องบินก็ค่อยๆ เดินเครื่อง เพียงไม่นานก็บินออกจากเกาะเล็กๆ ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด