ตอนที่ 444 คิดเพ้อเจ้อ
เจียงมู่เฉินพูดจบก็ยังเอ่ยต่ออีก “ถึงยังไงยีนนี้ของคุณชายต้องหล่อที่สุดในจักรวาลแน่นอน”
แววตาซือเหยี่ยนสับสน นิ้วมือแข็งทื่อเล็กน้อย กำมือไม่ค่อยอยู่
แต่ดวงตาเจียงมู่เฉินกลับเปล่งประกาย เหมือนคาดหวังอยู่ไม่น้อยว่าจะมีเด็กคนหนึ่ง หัวใจซือเหยี่ยนค่อยๆ จมดิ่งลงไป
‘ถ้าเจียงมู่เฉินชอบเด็กมาก…’
‘เขาควรจะช่วงชิงสิทธิที่เจียงมู่เฉินจะชอบเด็กหรือเปล่า’
ซือเหยี่ยนยืนอยู่ข้างๆ พูดไม่ออกสักคำ บางทีเขาอาจจะเห็นแก่ตัวจนเกินไป ถึงได้ไม่อยากจะให้เจียงมู่เฉินไปมีลูกกับคนอื่น
ต่อให้ทำเด็กหลอดแก้ว เขาก็ไม่ยินยอม
เจียงมู่เฉินไม่ได้สังเกตถึงความรู้สึกไม่ชอบใจของซือเหยี่ยน ยังคงอยู่ในห้วงจินตนาการนั้น “แต่ว่าหน้าตาอย่างนาย ถึงแม้ว่าจะห่างชั้นจากคุณชายนิดหน่อย แต่ว่ายีนนายก็ถือว่าเก่งโดดเด่นมากเหมือนกัน…
…ลูกของนาย คงจะน่ารักมากเลย”
เจียงมู่เฉินเอามือเท้าคาง คิดอยู่เงียบๆ ลูกของซือเหยี่ยนก็ควรจะเหมือนซือเหยี่ยนมากๆ สินะ บางทีอาจจะถอดแบบจากซือเหยี่ยนมาเป็นซือเหยี่ยนฉบับจิ๋วเลยก็ได้
แค่คิดถึงตรงนี้ว่า มีเจ้าตัวกะเปี๊ยกเป็น ‘ซือเหยี่ยนน้อย’ ที่ทำหน้าตาเคร่งขรึมได้ทั้งวัน บางทีก็ไม่เลวเหมือนกัน
คิดมาได้ขนาดนี้ เจียงมู่เฉินก็กลั้นขำไม่อยู่หัวเราะออกมาทันที
เสียงหัวเราะนี้ทุบโดนหัวใจของซือเหยี่ยนพอดี
ซือเหยี่ยนหัวใจสั่นสะท้าน เจ็บปวดขึ้นมาอย่างช้าๆ โดยไม่ตั้งใจ
เจียงมู่เฉินคิดมาตั้งนาน รู้สึกว่าตลกอยู่ไม่เบาทีเดียว เขาเอียงหน้ามองมาทางซือเหยี่ยน ก็เห็นเพียงแค่ซือเหยี่ยนทำหน้าบึ้งตึงยืนอยู่ข้างๆ
สีหน้าที่แสดงออกดูหนักอึ้ง เจียงมู่เฉินหัวใจกระตุกวูบ เจ้าหมอนี่คงจะไม่ได้คิดว่าเขาอยากจะมีลูกจริงๆ หรอกใช่ไหม
เจียงมู่เฉินรีบยื่นมือไปดึงตัวซือเหยี่ยนไว้ “นี่ ซือเหยี่ยน! ซือเหยี่ยน! นายคิดอะไรเพ้อเจ้ออีกแล้วใช่ไหม”
แววตาซือเหยี่ยนสั่นไหว เขาส่ายหน้าทำหน้างอ “ไม่ได้คิดอะไร”
เจียงมู่เฉินโน้มเข้าใกล้ใบหน้าของเขา มองดูอย่างจริงจัง ซือเหยี่ยนเห็นดวงตาคู่นั้นของเจียงมู่เฉิน ก็อดจะอยากหลบหลีกไม่ได้
เจียงมู่เฉินเห็นว่าเขาหลบสายตากันอย่างชัดเจน ก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นด้วยความขบขัน “ซือเหยี่ยน นายคงจะไม่ได้คิดว่าฉันเปลี่ยนใจอยากจะมีลูกขึ้นมาหรอกใช่ไหม”
เขาพูดออกมากันโต้งๆ ขนาดนี้ จิตใต้สำนึกของซือเหยี่ยนสั่งให้เขาอยากจะหลบหนีไป
แต่สุดท้ายเขาก็มองเจียงมู่เฉิน ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำออกมา “คุณคิดแบบนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดามาก”
เจียงมู่เฉินยกยิ้มมุมปากขึ้นด้วยความขบขัน “ซือเหยี่ยน ถ้านายมีลูกได้ ฉันรับรองว่าจะอยากได้ลูกไว้แน่ๆ แต่นายมีลูกไม่ได้ ฉันก็มีลูกไม่ได้ แล้วอยากได้ลูกไปจะมีความหมายอะไร”
นัยน์ตาซือเหยี่ยนแปลกใจเล็กน้อย เหมือนจะยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา
เจียงมู่เฉินพิงราวจับที่อยู่ข้างๆ เขาเอามือเชิดใบหน้าของซือเหยี่ยนขึ้น “เมื่อกี้ฉันกำลังคิดว่าถ้าเป็นลูกของพวกเราสองคนต้องน่ารักมากแน่ๆ”
มือที่เขาใช้เชิดใบหน้าของซือเหยี่ยนออกแรงเล็กน้อย เอ่ยย้ำซ้ำอีกรอบ “เป็นลูกของพวกเราสองคน”
แววตาซือเหยี่ยนสั่นสะท้าน ทันทีหลังจากนั้นรูม่านตาก็หดตัวลงเล็กน้อย
ราวกับว่าเข้าใจอะไรบางอย่างแล้วเพียงชั่วพริบตา ดูเหมือนจะเหลือเชื่ออยู่ไม่เบา
เจียงมู่เฉินเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของเขาก็อดจะยิ้มไม่ได้ ในใจคิดว่า ในที่สุดเจ้าหมอนี่ก็เข้าใจความคิดของเขาแล้วจริงๆ
เขาปล่อยมือที่เชิดคางอีกคนไว้ลง แล้วยื่นแขนออกมาโอบรอบคอของซือเหยี่ยน แล้วโน้มเข้าไปกัดยังมุมปากของซือเหยี่ยน
“คุณชายไม่ได้อยากจะไปมีลูกกับผู้หญิงคนอื่น” ขณะที่เขาพูดก็ถลึงตาใส่ซือเหยี่ยนแวบหนึ่งด้วย “นายเองก็ไม่ได้”
ก้อนหินที่หนักอึ้งอยู่ในใจของซือเหยี่ยน เพียงแค่ชั่วขณะหนึ่งนั้นได้สลายหายไปทั้งหมดไม่มีเหลือแล้ว
ราวกับว่ามีกระแสลมเย็นสบายพัดผ่านหัวใจเขาเข้ามา
เขาพยักหน้าอย่างปล่อยตัวปล่อยใจ เสียงต่ำเอ่ยขึ้น “โอเค”
เจียงมู่เฉินเชิดมุมปากขึ้น “อีกอย่างคุณชายจะเหมาะกับการมีเด็กอยู่ด้วยที่ไหนกัน คุณชายหล่อ ฉลาด สง่าผ่าเผย รักอิสระ มีนายผูกติดด้วยก็หนักพอแล้ว มีเด็กผูกติดมาอีกคนหนึ่ง แล้วจะเดินยังไงไหว”
ตอนที่ 445 ไม่รู้จักเก็บอาการ
ขณะที่เขากำลังแสดงคำพูดเหล่านี้ออกมานั้น ซือเหยี่ยนก็เอาแต่จ้องมองเขาตลอด ดวงตาคู่นี้เหมือนกับหินแม่เหล็กที่แทบอยากจะดึงดูดเจียงมู่เฉินเข้าไปอยู่ในแววตา
เจียงมู่เฉินพูดไปด้วย พลางโอบรัดซือเหยี่ยนไปด้วย “คุณชายพูดมาตั้งมากมาย นายไม่คิดจะแสดงออกอะไรหน่อยเหรอ”
ซือเหยี่ยนยิ้มหัวเราะนิดหน่อย ไม่พูดพร่ำทำเพลง กดเจียงมู่เฉินติดกับราวจับ แล้วประกบปากเขาเสียเดี๋ยวนั้น
ระหว่างริมฝีปากสัมผัสกันอยู่นั้น หัวใจซือเหยี่ยนฮึกเหิม เหมือนมีอะไรที่จะต้องผ่านการจูบเท่านั้นถึงจะค่อยๆ แผ่ซ่านออกมาทีละนิดๆ ได้
เอวเจียงมู่เฉินชนเข้ากับราวจับ รู้สึกเจ็บขึ้นมาบ้างแล้ว แต่แรงกำลังที่ซือเหยี่ยนใช้ในการจูบเขารุนแรงเกินไป
ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่คิดจะต่อสู้ดิ้นรน ต่อให้เอวจะรู้สึกไม่สบายก็ตาม
เขาปล่อยตัวปล่อยใจเงยหน้ารับจูบนี้ของซือเหยี่ยน
ทันใดนั้นเองบริเวณเอวก็มีฝ่ามือหนึ่งสอดเข้ามา แอบเข้ามารองใต้เอวของเจียงมู่เฉินพอดี
ความเจ็บปวดที่เอวบรรเทาลงโดยฉับพลัน ปลายคิ้วเจียงมู่เฉินที่ขมวดกันทีละนิดๆ ก็คลายตัวลงอย่างช้าๆ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เจียงมู่เฉินรับไม่ค่อยจะไหวแล้ว จึงเอามือผลักซือเหยี่ยนออก
ซือเหยี่ยนถือโอกาสปล่อยมือ เขาซบหน้าลงบนไหล่ของเจียงมู่เฉิน โอบกอดเจียงมู่เฉินไว้
เจียงมู่เฉินหอบหายใจอย่างรุนแรง อดจะคิดไม่ได้ว่ายังดีที่พ่อแม่ซือเหยี่ยนพวกท่านออกไปกันแล้ว
‘ไม่อย่างนั้นมาเห็นพวกเขาสองคนอย่างนี้ ต่อให้พวกท่านเปิดกว้าง แต่มาเห็นพวกเขาแบบนี้ ก็คงจะนิ่งเฉยไม่ไหวหรอกมั้ง’
เหมือนจะมีการเตือนว่าเขาใจลอยอยู่นิดหน่อยแล้ว มือที่รองเอวอยู่กระชับขึ้นมาเล็กน้อย
“รู้แล้ว รู้แล้ว ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย”
เจียงมู่เฉินออกเสียงพูด
ซือเหยี่ยนยื่นมือไปคลึงที่ช่วงเอวของเขา “คุณไม่ได้คิดอะไรจริงๆ เหรอ”
“หึ” เจียงมู่เฉินทำเสียงประชด “จริงสิ นายอยู่ต่อหน้าฉัน ฉันยังจะคิดอะไรได้ล่ะ พอเห็นซือเหยี่ยนของฉัน หัวใจทั้งดวงก็คิดถึงได้เพียงแค่นายแล้ว ใครใช้ให้นายส่งกระทบกับฉันใหญ่มากขนาดนี้ล่ะ ให้ฉันคิดถึงคนอื่น ฉันก็ทำไม่ได้”
เขาหน้าหนาหน้าทน พูดคำพวกนี้ออกมา ต้องไม่รู้สึกว่ามีอะไรไม่เหมาะสมเป็นธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นจริงหรือเท็จ ถึงอย่างไรพูดขึ้นมาแล้วก็จริงครึ่งไม่จริงครึ่งอยู่ดี
ซือเหยี่ยนได้ยินคำพูดนี้ ร่างกายเกร็งขึ้นมาเล็กน้อย ใบหน้าที่ซุกซ่อนไปกับไหล่ของเจียงมู่เฉินแดงระเรื่อ
เจียงมู่เฉินพูดจบ ก็ไม่เห็นซือเหยี่ยนจะให้การตอบกลับใดใด
จึงยื่นมือไปสะกิดเขา “อะไรกัน ได้ยินฉันแสดงความรู้สึกผ่านคำพูดอยู่ตั้งนาน นายไม่คิดจะตอบกลับฉันสักหน่อยเลยเหรอ”
ซือเหยี่ยนกระแอมไอ “คุณอยากให้ผมพูดอะไร”
เจียงมู่เฉินคนหน้าหนาคนนี้ รู้สึกสนุกแล้ว “เช่นว่ารักคุณจะตาย…คุณเป็นที่รักที่สุดของผม…ยังมีอะไรที่ฟังแล้วเก็บความตื่นเต้นดีใจไม่อยู่อีกไหม”
ซือเหยี่ยนหลับตาลง ทำอะไรไม่ได้
เจียงมู่เฉินพูดอีก “หรือว่านายจะแสดงความรักกับฉัน อวยฉัน บอกว่าฉันผิวขาวรูปหล่อขายาว”
ในที่สุดซือเหยี่ยนก็ฟังต่อไปไม่ไหว เจียงมู่เฉินพูดคำพูดเหล่านี้โดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อย เขาถอนหายใจด้วยความจนใจแล้ว “เจียงมู่เฉิน คุณเก็บอาการสักหน่อยจะได้ไหม”
เจียงมู่เฉินครุ่นคิดคำว่า ‘เก็บอาการ’ อย่างจริงจัง ไม่ถึงสองนาที ก็ส่ายหัวในทันใด “เก็บอาการแล้วทำเป็นข้าวกินได้ไหมล่ะ ทำเป็นข้าวกินไม่ได้ ฉันจะยังต้องเก็บอาการไปเพื่ออะไร”
ถ้าไม่ใช่ว่ามือนั้นวางอยู่ที่เอวของเจียงมู่เฉิน ซือเหยี่ยนคงจะเอามือนั้นขึ้นมากดที่หน้าผากไว้แล้ว
“อีกอย่าง ถ้าฉันเก็บอาการนะ ป่านนี้นายก็ยังต้องอยู่ห่างฉันไปแปดโยชน์นู่น ไม่มารบกวนกันแล้ว…
…จะมาเหมือนตอนนี้ที่นายยังกอดเอวฉันอยู่ได้ที่ไหนกัน ยังจูบฉัน กอดฉันอีก”
เจียงมู่เฉินเอ่ยออกมาด้วยท่าทีจริงจัง ถ้ายึดกันตามความคืบหน้าของซือเหยี่ยน คนคนนี้คอยปกป้องอยู่ข้างกายเขาอย่างเงียบๆ มาได้ห้าปีแล้ว
ก็อยู่คอยเฝ้าดูเขาต่อไปอีกได้เป็นเจ็ดแปดปีแล้ว
ตามความคืบหน้าของซือเหยี่ยน ถ้าตลอดชีวิตของเขาไม่ฟื้นความทรงจำกลับคืนมา เช่นนั้นก็จะไม่ได้คบกันไปตลอดชีวิตนี้ได้