ตอนที่ 478 ของหมั้น
คนรอบข้างที่แอบมองลนลานกันนิดหน่อยแล้ว
ความโกลาหลเล็กๆ ที่รอบข้าง สำหรับพวกเจียงมู่เฉินแล้วไม่ได้มีผลกระทบอะไร พวกเขาลงนามในสัญญาและจ่ายเงินมัดจำกันอย่างรวดเร็วมาก
……
กำหนดตำแหน่งของบริษัทแล้ว ก็เริ่มเตรียมลงมือดำเนินการได้
เจียงมู่เฉินค่อยๆ จะยุ่งขึ้นมาบ้างแล้ว ซือเหยี่ยนเองก็กลับบริษัทไป
งานในวงการบันเทิงของจี้ฉิงก็ลดน้อยลงไปมากแล้ว เธอตั้งใจมุ่งมั่นมาเตรียมการเรื่องบริษัท
สามเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก ในถานโจวจากฤดูร้อนก็เดินมาถึงฤดูใบไม้ร่วงแล้ว
วันที่สิบห้าพฤศจิกายนวันนั้น บริษัทที่เจียงมู่เฉินกับจี้ฉิงร่วมลงมือกันสร้างในที่สุดก็ได้ฤกษ์เปิดกิจการแล้ว
ในวันเปิดกิจการวันนั้น ผู้คนพากันมามากมาย และในจำนวนนั้นก็มีนักข่าวมาจำนวนไม่น้อยเช่นกัน
ถึงอย่างไรเมื่อขึ้นชื่อเป็นเจียงมู่เฉินกับจี้ฉิงสองคนนี้ ก็ดึงดูดคนให้มาได้มากเกินพอแล้ว
มีคนอยู่จำนวนไม่น้อยต่างก็รอคอย ว่าซือเหยี่ยนในฐานะแฟนของเจียงมู่เฉินจะเข้าร่วมงานนี้ได้หรือเปล่า
อีกอย่างเห็นแฟนของตัวเองร่วมกันเปิดบริษัทกับแฟนเก่าแบบนี้ จะมีปฏิกิริยาตอบสนองเป็นอย่างไรบ้าง
สำหรับการคาดเดาเหล่านี้ของสื่อมวลชน เจียงมู่เฉินไม่มีเวลามาสนใจด้วยซ้ำ
ไม่เหมือนกับในวันก่อนๆ เจียงมู่เฉินในวันนี้ใบหน้างามละเอียดได้รูปของเขาค่อนข้างมีความตื่นตระหนกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
จี้ฉิงเห็นท่าทางเขาแบบนั้นก็ยิ้มหัวเราะด้วยความขบขัน เธอเอ่ยวิจารณ์อย่างไม่สบอารมณ์ “กล้าๆ หน่อย”
เจียงมู่เฉินไม่มีเวลาจะมาสนใจโต้ตอบ ทำเพียงแค่หายใจเข้าลึกๆ
จะได้ทำให้จิตใจตัวเองสงบลงอย่างช้าๆ
เจียงมู่เฉินนั่งอยู่หน้าเวที มองไปรอบๆ ไม่หยุดอยู่ตลอดเวลา ซือเหยี่ยนที่ควรจะมาถึงได้ตั้งนานแล้วกลับยังไม่มาปรากฏตัวเลยจนถึงตอนนี้
เจียงมู่เฉินนั่งไม่ค่อยติดเท่าไหร่ อยากจะออกไปโทรหาซือเหยี่ยน
จี้ฉิงเห็นท่าทีของเขา เธอก็รีบยื่นมือไปกดเขาไว้ ให้เขาอย่าใจร้อน
เมื่อถึงเวลาสิบโมงครึ่งในที่สุดซือเหยี่ยนก็เดินเข้ามา ทุกคนต่างก็หันไปมองทางประตูที่ซือเหยี่ยนเดินเข้ามา
ไม่รู้ว่านาทีนั้นเจียงมู่เฉินมองซือเหยี่ยนอย่างไร รู้สึกหายใจไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ รู้สึกว่าหายใจได้อืดอาด มือที่วางไว้ใต้โต๊ะกระชับแน่นขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ
ซือเหยี่ยนเดินผ่านผู้คนเข้ามา มุ่งหน้าไปทางพวกเขาอย่างช้าๆ ในมือยังหอบช่อดอกกุหลาบสีแดงดุจเปลวเพลิงช่อหนึ่งมาด้วย เสริมให้ใบหน้าอันหล่อเหลาดูเด่นเป็นสง่าทั้งยังแวววับจับสายตามากยิ่งขึ้นไปอีก
จนกระทั่งเขาเดินมาหยุดต่อหน้าเจียงมู่เฉิน มอบช่อดอกไม้ส่งออกไปให้อย่างเบามือ “ขออภัยที่มาสายนะ”
เจียงมู่เฉินยื่นมือออกไปรับช่อดอกไม้มา ยามที่ได้สัมผัสช่อดอกไม้นั้น เขาก็สั่นสะท้านขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เขากดเก็บอารมณ์นั้นลงไป แล้วยิ้มหัวเราะออกมา “ไม่สาย”
ซือเหยี่ยนส่งดอกไม้ให้เขาเสร็จ ก็เตรียมจะหันหลังนั่งลงไป เจียงมู่เฉินรีบเอ่ยเรียกเขาไว้ก่อน “เดี๋ยวก่อน”
เขามองจี้ฉิงแวบหนึ่ง
จี้ฉิงเข้าใจ เธอถือไมโครโฟน ก่อนจะเอ่ยขึ้น “วันนี้เป็นวันเปิดกิจการของบริษัท พวกเราอยากให้ประธานซือช่วยเปิดม่านเปิดชื่อของบริษัทด้วยค่ะ”
ซือเหยี่ยนมองเจียงมู่เฉินแวบหนึ่ง คิดแล้วคิดอีกจนคิดได้ “ได้”
เขาเดินขึ้นบันไดจนเดินถึงบนเวที อยู่ต่อหน้าแผ่นป้ายที่ถูกม่านแดงปิดบังไว้อยู่
ซือเหยี่ยนยื่นมือไปดึงออกเบาๆ
เห็นแค่เพียงม่านแดงนั้นร่วงลงมา เผยให้เห็นตัวอักษรอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
‘บริษัท ซือเฉิน เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด’
ซือเหยี่ยนอ่านชื่อนั้น นัยน์ตาก็เปล่งประกายขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“ซือเฉิน ซือเฉิน…” ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เจียงมู่เฉินเดินไปอยู่ข้างหลังของซือเหยี่ยน ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำออกมา “ซือเหยี่ยน นี่เป็นของหมั้นที่ฉันมอบให้นาย”
ราวกับว่าเขาจะตื่นตระหนกอยู่ไม่น้อย กำมือแน่นโดยไม่ตั้งใจ
เขาเงยหน้าขึ้นทันทีหลังจากนั้น ทำเป็นเหมือนไม่เป็นไร เขายิ้มหัวเราะเบาๆ “ในเมื่อเป็นของหมั้น นายอยากจะถือโอกาสนี้แต่งงานกันเลยไหม”
บรรยากาศหยุดนิ่งในพริบตา ทุกคนเกร็งตัวหายใจ ราวกับว่าถ้าเสียงหายใจดังขึ้นอีกนิด จะทำให้คนสองคนบนเวทีตกใจได้
จี้ฉิงรวมทั้งทีมงานที่อยู่ข้างๆ ไม่รู้ว่าออกไปจากตรงนั้นกันตั้งแต่เมื่อไหร่
บนเวทีเหลือเพียงซือเหยี่ยนกับเจียงมู่เฉินสองคน
ซือเหยี่ยนมองดูเจียงมู่เฉินที่ใช้รอยยิ้มปกปิดความตื่นเต้นที่ฉายแววในดวงตา เขาเชิดมุมปากล่างขึ้นเบาๆ แล้วเอ่ยขึ้น “ได้”
ตอนที่ 479 ขออีกครั้งหนึ่ง
เขามักจะเป็นอย่างนี้เสมอ ครั้งก่อนที่เปิดตัวกัน เจียงมู่เฉินเอ่ยถามเขาอยากจะเปิดตัวไหม เขาไม่พูดอย่างอื่น นอกจากคำว่า ‘ได้’ คำเดียว
ครั้งนี้ขอแต่งงานต่อหน้าผู้คน ซือเหยี่ยนก็ยังคงใช้คำว่า ‘ได้’ คำนี้
แต่ไม่มีใครรู้ ตอนนั้นที่เจียงมู่เฉินยืนอยู่ต่อหน้าซือเหยี่ยนด้วยท่าทางองอาจห้าวหาญว่าอยากจะคบเป็นคนรักกันไหม ซือเหยี่ยนก็ตอบกลับด้วยคำว่า ‘ได้’ คำนี้เช่นกัน
แม้กระทั่งห้าปีให้หลัง เจียงมู่เฉินแอบย่องเข้าไปห้องของเขา ถามคำถามเดียวกันอีกครั้ง
คำตอบของซือเหยี่ยนก็ยังคงเป็นคำว่า ‘ได้’ คำนี้คำเดิม
หลายปีที่ผ่านมานี้ วนเวียนกันไปมา ขอเพียงแต่เป็นคำถามของเจียงมู่เฉินเท่านั้น ซือเหยี่ยนก็จะมีเพียงแค่คำตอบเดียวให้เจียงมู่เฉิน
คำตอบที่เขามีให้เจียงมู่เฉินจะเป็นคำว่า ‘ได้’ ตลอดไป
เป็นเช่นนี้เรื่อยมา ไม่เคยแปรเปลี่ยน
……
เจียงมู่เฉินยิ้มให้ซือเหยี่ยนอย่างไม่ปกปิดความรู้สึก เขาเปิดบริษัทด้วยตัวเอง ใช้ชื่อของทั้งสองคนตั้งเป็นชื่อบริษัท ทั้งยังให้เป็นของหมั้น แล้วขอซือเหยี่ยนแต่งงานต่อหน้าผู้คนมากมาย
ไม่รู้ว่าเรื่องนี้ถูกขนานนามชื่นชมไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
มีผู้คนตั้งเท่าไหร่ที่รู้สึกได้ถึงความโชคดีของซือเหยี่ยน รับคุณชายน้อยจอมเย่อหยิ่งขนาดนั้นมาอยู่ในอ้อมกอดได้ ยอมจำนนให้กันแบบนี้
ยิ่งไปกว่านั้นมีผู้คนอีกมากมายที่หลงใหลในคำพูดและการกระทำของเจียงมู่เฉิน
บอกว่าจะเปิดตัวก็เปิดตัว บอกว่าจะขอแต่งงานก็ขอแต่งงาน
แม้กระทั่งขอแต่งงานยังจัดชุดใหญ่ขนาดนี้ได้
เพียงเวลาไม่นานผู้คนในถานโจวไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ต่างพากันอิจฉาในเรื่องราวความรักของซือเหยี่ยนและเจียงมู่เฉิน
ในเวลาเดียวกันนั้น ซือเหยี่ยนก็พาเจียงมู่เฉินนั่งเครื่องบินเดินทางไปฝรั่งเศสแล้ว
ทั้งสองคนจูงมือกันนั่งซบกันอยู่บนเครื่องบิน
เจียงมู่เฉินซบไหล่ซือเหยี่ยน เอ่ยถามติดตลก “วันนี้ที่นายมาสาย เพราะนายไปหยิบหนังสือเดินทางมาให้ฉันใช่ไหม”
‘ถึงยังไงซือเหยี่ยนเจ้าหมอนี่ไม่ควรจะสายในเวลาสำคัญแบบนี้ได้’
เมื่อช่วงสายๆ เพราะเขาตื่นเต้น จึงไม่ได้คิดอะไรมากมาย
แต่พอถึงสนามบิน เจียงมู่เฉินถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองหลงกลซือเหยี่ยนแล้ว หรือว่าเขาจะรู้มาก่อนว่าวันนี้ตัวเองจะขอแต่งงาน
‘แต่ว่าไม่ควรจะใช่นะ’
‘หรือว่า…’
เจียงมู่เฉินเบิกตาโตมองซือเหยี่ยนกะทันหัน “นี่นายเตรียมจะขอฉันแต่งงานมาแต่แรกใช่ไหม”
ซือเหยี่ยนลูบจมูกปอยๆ พลางจะเอ่ยเสียงต่ำ “เปล่า”
เจียงมู่เฉินขบกราม ต้องใช่แน่นอน!
มิน่าล่ะ เขารู้สึกว่าวันนี้ซือเหยี่ยนแต่งตัวดูเป็นทางการมาก แล้วยังหอบช่อกุหลาบแดงช่อใหญ่ระดับพรีเมียมขนาดนั้นมาอีก
ขาดทุนใหญ่แล้ว ถ้ารู้แต่แรก เขาก็จะไม่เป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน ให้ซือเหยี่ยนเป็นฝ่ายเอ่ยปากแทน
ถ้าไม่อย่างนั้นการสารภาพรัก การเปิดตัว การให้ของหมั้น สุดท้ายแม้แต่การขอแต่งงาน ทุกอย่างก็จะเป็นเขาฝ่ายเดียวที่ทำทั้งหมดนี้
‘นี่เขาแสดงออกมากเกินไปแล้วใช่ไหม’
“ไม่ได้ นายต้องขอฉันอีกครั้ง จะเป็นฉันเองทุกครั้งไม่ได้”
ซือเหยี่ยนยกยิ้มมุมปากขึ้นด้วยความขบขัน “ได้ ผมจะขอคุณอีกครั้ง”
เจียงมู่เฉินได้คำพูดนี้ คิ้วที่ขมวดเป็นปมของเขาคลายตัวลงเล็กน้อยแล้ว รอถึงเวลาซือเหยี่ยนขอเขาแต่งงาน เขาจะต้องเล่นตัวเยอะๆ ให้ซือเหยี่ยนลำบากบ้าง
ถ้าไม่อย่างนั้นก็จะดูเหมือนว่าคุณชายน้อยตระกูลเจียงอย่างเขาโดนเอาตัวไปได้ง่ายขนาดนี้เชียว
การเดินทางเที่ยวบินสิบกว่าชั่วโมง เจียงมู่เฉินแทบอยากจะแขวนตัวเองไว้บนตัวซือเหยี่ยนออกมา
ช่วงนี้เขายุ่งเรื่องเปิดบริษัทมาก ไม่มีเวลาได้นอนพักผ่อนดีๆ เท่าไหร่นัก
ถ้าหากว่าเจียงมู่เฉินเอ่ยปากให้ซือเหยี่ยนอุ้ม ประธานซือก็จะอุ้มเขาออกมาโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนได้
แต่จะทำอย่างไรได้หลังจากคุณชายน้อยเจียงขอแต่งงานไปแล้ว หนังหน้าก็มีความบางเป็นพิเศษ ซือเหยี่ยนวางตัวถูก แต่เขายังรู้สึกวางตัวไม่ถูกไง
ด้วยเหตุนี้สุดท้ายจึงพบกันครึ่งทาง ซือเหยี่ยนจูงมือลากเขาไป…เอ่อ…เดินออกมา
ออกจากสนามบินแล้ว ซือเหยี่ยนพาเขาไปยังโรงแรม เจียงมู่เฉินไม่พูดพร่ำทำเพลง หัวถึงหมอนก็นอนทันที
ซือเหยี่ยนมองดูเขาด้วยความขบขัน ยื่นมือไปปรับท่านอนให้เขาสักพัก ก่อนจะออกไปโทรศัพท์
หลังจากตัวเองจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ซือเหยี่ยนถึงได้กลับเข้ามาจากข้างนอก เจียงมู่เฉินยังคงนอนอยู่บนเตียงหลังใหญ่ ดูหลับฝันหวานทีเดียว
ซือเหยี่ยนยกมือของเขาขึ้น แล้วแทรกตัวเองเข้าไป หลังจากนั้นมือใหญ่ที่รวบคนเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
เจียงมู่เฉินขยับตัวปรับท่าทางที่สบายให้ตัวเองโดยอัตโนมัติ นอนทับซือเหยี่ยนไปครึ่งตัวแล้วหลับสนิทไปเลย
ซือเหยี่ยนมองดูหัวทุยๆ แสนปุกปุยตรงหน้าอกเขา เจ้าตัวก็ยกยิ้มมุมปากด้วยความขบขัน
ถ้าหากวันนี้เจียงมู่เฉินไม่เป็นฝ่ายขอเขาแต่งงาน
เขาเองก็จะขอเหมือนกัน
เพียงแต่ว่าโดนเจียงมู่เฉินชิงขอตัดหน้าไปอย่างไม่ทันระวังไปเสียก่อน
แต่ว่าประธานซือคิดถึงท่าทางที่เขามอบของหมั้นให้ตัวเอง เขาก็อดจะยิ้มไปทั้งหน้าไม่ได้