ตอนที่ 490 เขาไปแล้ว
ในห้อง ไป๋จิ่งเพิ่งจะออกมาจากห้องน้ำ
เขาเห็นหลินฝานผลักเปิดประตูเข้ามาพอดี ชะงักฝีเท้าสักพัก ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบๆ ว่า “วันนี้ผมไม่สนใจ คุณไปนอนห้องข้างๆ แล้วกัน”
นิ้วมือหลินฝานแข็งทื่อ แต่กลับทำได้เพียงแค่เอ่ยรับ “ได้”
เขาลากฝีเท้าอันหนักอึ้ง ออกจากห้องนอนของไป๋จิ่งไป
หลินฝานผลักเปิดประตูห้องข้างๆ ข้างในแสนเรียบง่าย เหมือนไม่มีใครอยู่มาก่อนอย่างไรอย่างนั้น
เขามองดูแล้วยื่นมือไปปิดประตู ตั้งแต่เขาเข้ามาพัวพันกับไป๋จิ่ง หลังจากเข้ามาอยู่ในบ้านของไป๋จิ่ง เหมือนนับวันเขาจะยิ่งเกลียดตัวเอง
หลินฝานสับสนวุ่นวายใจ สิ่งที่เขาทำไม่ดีพอเหรอ
‘ทำไมไป๋จิ่งถึงไม่ชอบเขาเลยสักนิด’
ตอนนั้นเขาเข้ามาตื้อไป๋จิ่งอย่างด้านได้อายอด ถึงขนาดไม่เสียดายที่อาศัยตอนที่ไป๋จิ่งเมาปีนขึ้นเตียงอีกฝ่าย
คืนนั้น เขาเจ็บจนร้องไห้ แต่กลับยังรู้สึกว่าคุ้มค่า
ขอเพียงแต่ได้อยู่ด้วยกันกับไป๋จิ่ง ไม่ว่าจะเจ็บมากแค่ไหน เขาก็ยินดีทั้งนั้น
ไป๋จิ่งคงจะรู้สึกว่าหลับนอนกับเขาแล้ว เสียเปรียบอยู่ไม่น้อย ดังนั้นจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากพาเขากลับมาที่นี่
ในวันปกติพวกเขานอนกันคนละห้อง มีเพียงแค่บางครั้งเท่านั้นถึงจะมานอนด้วยกันได้
ที่จริงจะพูดว่านอนด้วยกันก็ไม่ได้ เวลาส่วนใหญ่จะเป็นไป๋จิ่งที่ทำโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง พอทำเสร็จก็พลิกตัวนอนหลับไปทันที
แต่เขากลับต้องลงจากเตียงไป๋จิ่ง แล้วกลับไปห้องของตัวเอง
เพราะว่าไป๋จิ่งไม่ชอบให้เขานอนบนเตียงของตัวเอง
นอกจากทำเรื่องอย่างว่า เขาก็ไม่เคยได้ขึ้นเตียงของไป๋จิ่งเลย
แต่…ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ ไป๋จิ่งไม่ทำแม้แต่เรื่องอย่างว่านั้นกับเขาแล้ว
หลินฝานจนใจยิ้มอย่างขมขื่น อาจจะเป็นเพราะไป๋จิ่งรังเกียจเขา รู้สึกว่าเขาน่าสะอิดสะเอียน แม้แต่จะมองสักนิดก็ไม่ยินดีแล้ว
เขานั่งอยู่กับพื้น ไม่รู้ว่าเพราะนั่งยองๆ นานเกินไปหรือเปล่า ขาเป็นเหน็บชา ยืนขึ้นไม่ค่อยจะไหวแล้ว
หลินฝานพยุงตัวเองด้วยตู้ที่อยู่ด้านข้าง ใช้เวลาอยู่ตั้งนานสองนานถึงเพิ่งได้ยืนขึ้นมา ร่างกายไร้เรี่ยวแรง แม้แต่แรงจะเคลื่อนตัวไปห้องน้ำก็ไม่มีแล้ว
เขานอนฟุบอยู่บนเตียง แม้กระทั่งผ้าห่มก็ไม่เปิดออก นอนหลับเป็นตาย
……
ครั้งนี้เขานอนหลับไปนานมาก หลินฝานรู้สึกแค่เพียงเปลือกตาที่หนักอึ้ง ทำอย่างไรก็ลืมไม่ขึ้น
ทั้งตัวเขาเหมือนกับไฟไม่มีผิด ร้องโอดครวญด้วยความทรมาน
“ร้อน…ร้อนเหลือเกิน…”
เขาถูไถไปกับผ้าปูที่นอนด้วยความทรมาน เหมือนคิดว่าทำแบบนั้นจะรู้สึกสบายขึ้นมาหน่อย
“ทรมาน…ทรมานเหลือเกิน…”
แต่ไม่ว่าเขาจะเอ่ยเสียงต่ำพึมพำอย่างไร ความรู้สึกทรมานนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะลดน้อยลงเลย สติเริ่มเลือนราง เพียงไม่นานเขาก็หมดสติไป
เวลาสี่ทุ่มกว่าๆ ไป๋จิ่งถึงเพิ่งจะได้กลับมาที่คอนโดมิเนียม ช่วงนี้งานเขายุ่งมาก ประเด็นสำคัญคือเพราะว่าในห้องยังมีหลินฝานอยู่ด้วย จิตใต้สำนึกเขาสั่งให้เขาหลบหน้าอีกฝ่าย
เขาเปิดประตูเข้ามา แต่กลับไม่ได้มีไฟสว่างเหมือนวันที่ผ่านมา ข้างในมืดสนิท
ไป๋จิ่งชะงักงันไปครู่หนึ่ง ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา
เขายื่นมือไปกดเปิดไฟ ข้างในห้องเย็นเฉียบ เหมือนกับตอนที่เขาพักอยู่คนเดียวไม่มีผิด
นานแล้วที่ไป๋จิ่งไม่ได้มีความรู้สึกแบบนี้ หลังจากที่หลินฝานเข้ามาอยู่ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เขาเปิดประตูเข้ามา ข้างในก็มักจะมีกลิ่นหอมจางๆ โชยมาเสมอ แล้วไฟก็สว่างอีกด้วย
ในห้องเงียบมาก ไม่มีเสียงอื่นใดดังขึ้นมา
ไป๋จิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูท่าว่าเด็กคนนั้นจะออกไปจากที่นี่แล้ว
ก็ใช่ ช่วงนี้เขาจงใจเย็นชาใส่อีกฝ่าย ถ้าเปลี่ยนคนอื่น คงรับไม่ไหวจนออกจากที่นี่ไปตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว
พอคิดว่าหลินฝานออกจากที่นี่ไปแล้ว ไป๋จิ่งรู้สึกโล่งใจไปที
แต่ในขณะเดียวกันกลับมีความรู้สึกจิตตกที่มีเหมือนไม่มีเพียงเศษเสี้ยวแฝงรวมอยู่ด้วย
เขากดเก็บอารมณ์ความรู้สึกในใจ เดินมุ่งหน้าเข้าห้องนอนไป เตรียมอาบน้ำนอน
ตอนที่ 491 ไข้ขึ้นแล้ว
ขณะที่เดินผ่านห้องของหลินฝานที่ปิดสนิท เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรจู่ๆ เขาก็หยุดฝีเท้าลง ไป๋จิ่งยืนอยู่หน้าประตู เห็นข้างในก็ตกใจเล็กน้อย ลังเลใจอยู่ไม่เบา
มือเขาวางอยู่บนที่เปิดประตู แต่กลับไม่กดลงไปสักที
จู่ๆ ไป๋จิ่งก็หัวเราะเยาะตัวเองอยู่พักหนึ่ง เขาปล่อยมือลง เตรียมจะเดินไปต่อ
เขาเพิ่งจะหันหลังไป ข้างในก็มีเสียงดังสนั่นขึ้นมา เขาหยุดชะงักไป สมองยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา แต่มือก็เปิดประตูอย่างรวดเร็วแล้ว
ทั้งห้องเต็มไปด้วยความมืดมิด ชวนให้ความรู้สึกอึดอัดใจ
อาศัยแสงจันทร์ เขาถึงได้เห็นความระเกะระกะบนเตียง ดูไม่เหมือนว่าหลินฝานจะออกไปจากที่นี่แล้ว
เขารีบยื่นมือไปกดเปิดไฟ ก็เห็นเพียงแค่ผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่กระจัดกระจายอยู่ตรงนั้น เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เดินมุ่งหน้าเข้าไปอีกไม่กี่ก้าว
เห็นหลินฝานนอนฟุบอยู่บนพื้นพอดี
ไป๋จิ่งหัวใจกระตุกวูบ เขาเดินเข้าไปสองก้าว นั่งยองๆ ลงต่อหน้าหลินฝาน
ก็เห็นเพียงแค่ใบหน้าของเขาแดงจัด ร้อนลวกไปทั้งตัว แม้แต่ลมหายใจก็ร้อนแผดเผาเช่นกัน
“หลินฝาน…ตื่นสิ…”
ไป๋จิ่งเอ่ยเสียงต่ำร้องเรียกเขา หลินฝานนอนฟุบอยู่บนพื้น ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับเลยสักนิด
เขารีบสอดแขนช้อนอุ้มร่างคนตรงหน้าขึ้นมาจากพื้น ตอนที่ไป๋จิ่งอุ้มเขา ถึงได้พบว่าตัวเขาร้อนลวกจนไม่ไหว
ไป๋จิ่งรีบวางตัวคนลงบนเตียง ยื่นมือไปตบที่ใบหน้าแดงจัดของเขาเบาๆ “หลินฝาน คุณตื่นก่อน คุณไข้ขึ้นแล้ว ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล”
มือไป๋จิ่งที่เย็นเล็กน้อยวางอยู่บนใบหน้าของหลินฝาน รู้สึกสบายมาก หลินฝานเริ่มมีสติขึ้นมาบ้างแล้ว จิตใต้สำนึกสั่งให้เขาคว้ามือไป๋จิ่งเอาไว้
เขากอดมือไป๋จิ่ง แล้วเอาใบหน้าแนบไปกับฝ่ามือไป๋จิ่ง เขาคลอเคลียไปมาพลางเอ่ยพึมพำ “สบายจัง…”
ไป๋จิ่งชะงักงันทันที ตัวหลินฝานร้อนจี๋ ทั้งยังมากอดมือตัวเองขนาดนี้ เหมือนอุณหภูมิความร้อนจะแล่นขึ้นไปตามฝ่ามือลุกลามไปถึงหัวใจ
นิ้วมือเขาหดเกร็ง รีบชักมือออกทันที
เมื่อหลินฝานขาดฝ่ามือของไป๋จิ่งไป ก็ขยับอย่างไม่เป็นสุข ราวกับว่ากำลังหาอะไรบางอย่าง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยร้องเรียกอย่างร้อนใจ “อย่า…อย่าไปนะ…”
สีหน้าของเขาดูไม่เป็นสุขเอามากๆ นิ้วมือคลำหาไม่หยุด อยากจะคว้าสิ่งนั้นมา
ไป๋จิ่งเห็นเขาไร้ที่พึ่งพา ในใจก็ตีกันโดยไม่รู้ตัว สุดท้ายก็ยื่นมือออกไปอีกจนได้
พอหลินฝานได้สัมผัสกับมือไป๋จิ่ง เจ้าตัวก็กอดเอาไว้ทันที
ทำท่าทางราวกับว่าได้กอดของรักของล้ำค่าอะไรสักอย่าง หน้าเขาแดงไปหมด แต่กลับยังเชิดมุมปากขึ้น ดูดีใจมากเสียเหลือเกิน
ไป๋จิ่งเห็นรอยยิ้มนั้นที่มุมปากของเขา เหมือนมีสิ่งของอะไรสักอย่างโยนลงมาตกในทะเลสาบแห่งหัวใจที่สงบนิ่งของเขา สร้างความปั่นป่วนทีละนิดๆ
เขาถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ เสียงต่ำเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “ผมจะส่งคุณไปโรงพยาบาล โอเคไหม”
หลินฝานไข้ขึ้น ฟังไม่เข้าหูอยู่แล้ว
ไป๋จิ่งก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนบ้าไม่มีผิด คิดไม่ถึงว่าจะมาหารือกับคนที่ไข้ขึ้นจนสติเลอะเลือนได้
หลินฝานไข้ขึ้นจนเป็นสภาพแบบนี้ ถ้าไข้ไม่ลดจะยุ่งยากมากทีเดียว
เขาครุ่นคิด ก่อนจะก้มตัวลงช้อนอุ้มร่างหลินฝานขึ้นมา เตรียมจะส่งเขาไปโรงพยาบาล
เมื่อออกจากห้องมา อุณหภูมิข้างนอกหนาวกว่าในห้อง หลินฝานหนาวสั่นขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ ไป๋จิ่งชะงักฝีเท้า แล้วหยิบเสื้อมาห่อคลุมร่างเขาไว้อย่างรวดเร็ว
เวลานี้ถึงได้อุ้มเขาเดินเข้าลิฟต์ไป
ไป๋จิ่งอุ้มเขามาจนถึงลานจอดรถ เขายื่นมือไปเปิดประตูรถด้วยความทุลักทุเล ก่อนจะเอาร่างหลินฝานเข้าไปในรถทันที
เขาอยากจะดึงมือออก แต่หลินฝานรั้งไว้แน่นมาก เสียเวลาไปพักหนึ่ง ถึงเพิ่งจะดึงมือออกมาได้
รัดเข็มขัดนิรภัยให้เขาเรียบร้อยแล้ว ไป๋จิ่งถึงได้เดินอ้อมมาเปิดประตูขึ้นรถอีกฝั่ง
รถเคลื่อนตัวออกจากเขตที่อยู่อาศัย หลินฝานขยับอย่างไม่สบายตัว เหมือนกำลังคลำหามือไป๋จิ่งอยู่
ไป๋จิ่งเห็นท่าทางแบบนี้ของเขา ใบหน้าก็ฉายสะท้อนความจนใจในความรู้สึกขึ้นมาแวบหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ยังยื่นมือขวาออกไปส่งถึงมือหลินฝานจนได้