ตอนที่ 544 เริ่มย้ายเตียง
ถึงอย่างไรไป๋จิ่งจูบก็จูบแล้ว กอดก็กอดแล้ว ครั้งนี้มั่วไป๋ผลักเขาออก เขาก็ไม่ลังเลที่จะปล่อยมือแม้แต่น้อย
ภายใต้แสงไฟ มั่วไป๋ไม่ค่อยจะกล้ามองไป๋จิ่งเท่าไหร่นัก เขากระแอมไอเบาๆ แล้วเอ่ยเสียงเรียบๆ “ฉันจะไปอาบน้ำก่อน”
ไป๋จิ่งนั่งอยู่บนโซฟา มองดูมั่วไป๋เดินเข้าห้องน้ำไป
เขานั่งอยู่ตรงนั้น รู้สึกคึกคักอย่างไรชอบกล คิดแล้วคิดอีก ยิ่งคิดยิ่งคึกคัด เป็นเช่นนี้มาก็นั่งไม่ค่อยติดแล้ว
ไป๋จิ่งกรอกตาไปมา สุดท้ายสายตาก็ลอยไปทางฝั่งห้องน้ำ
แต่ตอนนี้มั่วไป๋ให้เขากอดจูบได้ เขาก็พอใจมากแล้ว ตอนนี้เขาไม่กล้าจะคิดอย่างอื่นแล้ว
ด้วยเหตุนี้จึงรีบเบนสายตาหนี หันหน้าไปมองรอบห้อง สุดท้ายมาหยุดอยู่ที่เตียงของตัวเอง
เขายืนขึ้นมา ครุ่นคิดอย่างจริงจัง ตอนแรกที่เหยียนอวี้ส่งเตียงเขาเข้ามาในห้อง รู้ว่ามั่วไป๋รังเกียจเขา จึงตั้งใจวางเตียงเขาให้อยู่อีกฝั่งหนึ่งของกำแพง
เตียงสองเตียงห่างกันหลายช่วงคน
ไป๋จิ่งขัดหูขัดตาเตียงเตียงนั้นมาตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้ยิ่งขัดหูขัดตาไปกันใหญ่
ตอนนี้เขาว่างไม่มีอะไรทำพอดี ด้วยเหตุนี้เมื่อไป๋จิ่งจึงทำแล้วก็ทำให้ถึงที่สุด วิ่งเข้าไป…ย้ายเตียง
ย้ายไปทางซ้าย เคลื่อนไปทางขวา
ไป๋จิ่งยุ่งจนเป็นเอามาก
กว่ามั่วไป๋จะเดินออกมาจากห้องน้ำ คนทั้งคนก็ตะลึงงันแล้ว
เขาก็แค่เข้าไปอาบน้ำเอง ห้องโดนทิ้งระเบิดแล้วเหรอ
มั่วไป๋มองดูเตียงสองเตียงที่ใกล้ชิดกันมากถึงมากที่สุดอย่างเงียบๆ ตรงกลางเหลือเพียงแค่หนึ่งกำหมัดเท่านั้น
มุมปากเขากระตุกขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ คิดอย่างจริงจัง เขาต้องขอบคุณไป๋จิ่งใช่ไหมที่ยังรู้จักเหลือที่ว่างให้เขาบ้างนิดหน่อย
ไป๋จิ่งอยากจะเอาสองเตียงมาอยู่ชิดกันก็จริง แต่ก็กลัวมั่วไป๋จะไม่สบายใจ ด้วยเหตุนี้หลังจากคิดแล้วคิดอีกครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดก็ทิ้งระยะห่างไว้หนึ่งกำหมัด
ไป๋จิ่งมองดูระยะห่างนั้น เขาก็ยังทุกข์ใจอยู่บ้างนิดหน่อย ที่จริงเขาไม่อยากจะเหลือที่ไว้ด้วยซ้ำ อยากจะแนบชิดติดกับเตียงของมั่วไป๋มากกว่า
แบบนี้เวลานอนตอนกลางคืน ก็จะกลิ้งไปกลิ้งมาได้ กลิ้งไปอยู่ข้างมั่วไป๋ได้ หลังจากนั้นก็กอดเขาไว้ในอ้อมอกของตัวเอง
ไป๋จิ่งยิ่งคิดยิ่งรู้สึกขาดทุน ใจก็เตรียมพร้อมที่จะลงมือบุกโดยอัติโนมัติ แทบอยากจะผลักมาอยู่ด้วยกันทันที
มั่วไป๋ถอนหายใจอย่างจนใจ เดินมาถึงข้างเตียง มองไม่เห็นทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้านี้
ไป๋จิ่งเห็นมั่วไป๋ออกมา ตาก็ลุกวาวในทันใด แสดงท่าทีขอคำชมเชย
เขาเห็นมั่วไป๋ไม่ปริปากพูด จึงจ้องมองมั่วไป๋ตาไม่กะพริบ บอกเป็นนัยว่า ‘คุณต้องอวยผม ไม่อวย ผมจะไม่ไหวแล้ว’
มั่วไป๋อดกลั้นความอยากจะปิดตาตัวเองไว้ เขาทำหน้าตึง พยักหน้ารับเล็กน้อย “เก่งจริง!”
ไป๋จิ่ง “…”
‘เก่งจริง…คือ…ความหมายอะไร’
ไป๋จิ่งลนลานนิดหน่อยแล้ว
หลังจากมั่วไป๋พูดจบประโยคนี้ เขาก็หยิบหนังสือที่เมื่อคืนนี้ยังอ่านไม่จบมาอ่านต่อ
สายตาของไป๋จิ่งจดจ่ออยู่ที่มั่วไป๋วับไปวับมาตั้งนานสองนาน
สุดท้ายก็พุ่งตัวเข้าไปในห้องน้ำ ไป๋จิ่งยืนอยู่ในห้องน้ำที่ไม่ใหญ่นัก เดินวกไปวนมารอบทิศทาง เดี๋ยวข่วนกำแพง เดี๋ยวกุมหน้าผาก เดี๋ยวถอนหายใจเห้อ
เขาเตร็ดเตร่ไปมาอยู่ข้างในเป็นสิบนาทีกว่า ไป๋จิ่งถึงได้ถอดเสื้อผ้าออกแล้วไปอาบน้ำ
เขาไม่กล้าเปิดน้ำร้อน จึงเปิดน้ำเย็นลงมาตรงๆ
ช่วยไม่ได้ พอเขาเห็นมั่วไป๋ เขาก็อยากกอดมั่วไป๋ ไม่ใช่เพียงเท่านี้ยังอยากจูบมั่วไป๋อีกด้วย
ไป๋จิ่งยืนอยู่ภายใต้น้ำเย็นเป็นครึ่งชั่วโมง สาดใจที่ตื่นเต้นหวั่นไหวไม่หยุดของเขา
อาบน้ำตั้งแต่ต้นจนจบก็ใกล้จะครบหนึ่งชั่วโมง รอจนกว่าไป๋จิ่งจะจัดการปัญหาได้ รู้สึกว่าใจสงบนิ่งลงแล้ว เขาถึงค่อยเดินออกมา
แสงไฟในห้องพักผู้ป่วยดับแล้ว เหลือเพียงแค่แสงไฟจากโคมไฟเล็กๆ เห็นทางเดินชัด แต่กลับดูมืดสลัวอยู่ในที
ไป๋จิ่งไม่ได้รีบไปเข้านอนทันที แต่นั่งลงอยู่ข้างมั่วไป๋ ดูเขาสักพัก
หลังจากนั้นก็ก้มหน้าลงจูบมั่วไป๋ เวลานี้ถึงได้ปีนขึ้นเตียงตัวเองอย่างว่าง่าย
ตอนที่ 545 กุมมือกันนอน
เตียงของทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก ไป๋จิ่งเงยหน้ามาก็เห็นใบหน้าอ่อนนุ่มของมั่วไป๋ได้ในทันใด ไป๋จิ่งมองดูมั่วไป๋ หัวใจก็เกร็งแน่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เขานอนมองมั่วไป๋อยู่ข้างๆ เป็นความรู้สึกที่มีมั่วไป๋นอนอยู่ข้างเขา
ไป๋จิ่งยื่นมือออกไปด้วยความตื่นเต้น เขาถือโอกาสยามมั่วไป๋หลับใหล เอื้อมมือไปกุมมือมั่วไป๋ที่วางอยู่บนหน้าอกของมั่วไป๋
กลัวมั่วไป๋จะตกใจตื่น ดังนั้นไป๋จิ่งจึงไม่กล้าออกแรง เพียงแค่เอามือวางไว้บนมือมั่วไป๋ เขาก็สุขใจจนควบคุมใจตัวเองไม่ได้แล้ว
ท่ามกลางความมืด เขาเชิดมุมปากขึ้น ยิ้มราวกับเป็นเด็กไม่มีผิด
‘นี่คือมั่วไป๋ของเขาไง ในที่สุดก็มั่วไป๋ก็กลับมาอยู่ข้างกายเขาเสียที’
มั่วไป๋นอนหงายอยู่บนเตียง ไป๋จิ่งนอนตะแคงอยู่บนเตียง ทั้งๆ ที่มีระยะห่างกั้นไว้อยู่ทนโท่ แต่มือไป๋จิ่งกลับไม่เคยห่างจากมือมั่วไป๋ไปไหน
มั่วไป๋ขยับตัวกะทันหัน ร่างกายที่เดินนอนหงายตะแคงข้างมาเล็กน้อย คะแคงมาฝั่งไป๋จิ่งพอดี
ไป๋จิ่งหัวใจบีบคั้น รีบเงยหน้ามองมั่วไป๋ทันที เห็นเขายังคงหลับตาอยู่ เหมือนละเมอนอนไม่ได้สติพลิกตัวมา
เขาโล่งใจไปที ได้เห็นใบหน้ามั่วไป๋ในระยะที่ใกล้มาก เขายิ้มหัวเราะโดยไร้เสียง
มือที่กุมมือมั่วไป๋ไว้กระชับแน่นขึ้นเล็กน้อย เพียงไม่นานก็หลับตาลงแล้วผล็อยหลับไป
ภายใต้ลมหายใจที่เข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ มั่วไป๋ลืมตาขึ้นเล็กน้อย ในแววตาเขาไม่มีความง่วงเลยสักนิด
ที่ตะแคงข้างเมื่อครู่นี้ เขาจงใจทำอย่างชัดเจน
มั่วไป๋มองไป๋จิ่งแวบหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไรสักคำ หลับตาลงเบาๆ เพียงแค่มือที่ถูกไป๋จิ่งกุมไว้ ขยับเล็กน้อยประสานมือเข้าหากัน
ตลอดทั้งคืน มั่วไป๋รักษาอริยาบถแบบนี้ไว้ ไม่เคลื่อนไหวแม้เพียงนิดเดียว
มือที่ประสานกันไว้ไม่คลายออกจากกันแม้สักนาที
……
เช้าวันต่อมา แสงแดดทะลุลอดผ่านผ้าม่านเข้ามา ตกกระทบใบหน้าของไป๋จิ่ง เขาลืมตาเล็กน้อยกลับเห็นใบหน้าด้านข้างยามหลับใหลของมั่วไป๋พอดี
เขายังคงอยู่ในท่าตะแคงเดิมเหมือนเมื่อคืนนี้ พอไป๋จิ่งเห็นใบหน้าของเขา ใจก็ละลายในพริบตา
เขามองมั่วไป๋อย่างซื่อๆ ไม่อยากขยับเลยสักนิด
มือของทั้งสองคนยังคงกุมกันไว้ เพียงแต่ว่าไม่รู้ว่ามาประสานมือเข้าหากันตั้งแต่เมื่อไหร่
คงสภาพอยู่ในท่านี้ทั้งคืน ปวดเมื่อยล้าไปทั้งตัว
แต่ไป๋จิ่งกลับไม่สนใจแม้แต่น้อย ความปิติยินดีในใจทำให้ความเจ็บของไป๋จิ่งเจือจางลง ในใจ รู้สึกแค่เพียงความดีอกดีใจ
ความรู้สึกของความสุขได้เต็มเปี่ยมจนจะทะลักออกมาแล้ว
ไป๋จิ่งเชิดมุมปากขึ้น ยิ้มแล้วยิ้มอีก จะทำอย่างไรได้ เหมือนว่าเขาจะยิ่งชอบมั่วไป๋มากกว่าเมื่อวานขึ้นอีกแล้ว
เมื่อคืนมั่วไป๋นอนดึก ดังนั้นตอนนี้จึงยังไม่ตื่น เขาหลับได้สงบนิ่งมาก
ไป๋จิ่งยิ่งจะไม่รบกวนมั่วไป๋ ในห้องที่เงียบสงบ คนสองคนนอนอยู่บนเตียงสองเตียงอย่างเงียบสงัด
เหยียนอวี้เดินถึงหน้าประตูห้องพักผู้ป่วย เขาพบว่าประตูยังปิดสนิทอยู่ ไม่รู้ว่าตื่นกันหรือยัง
เขายื่นมือไปเปิดประตูอย่างช้าๆ ทันทีหลังจากนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรแล้ว
ไป๋จิ่งพบว่าเหยียนอวี้มา ก็ไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก
สำหรับเขาแล้ว มีเพียงแค่มั่วไป๋เท่านั้นที่ทำให้ใจเขาสั่นไหวดั่งคลื่นที่ผันแปรได้
ส่วนการเผชิญหน้ากับใครที่นอกเหนือจากมั่วไป๋แล้ว จะปรากฏท่าทีที่สงบนิ่งมากถึงมากที่สุด
เช่นว่าในนาทีนี้ เขามองเหยียนอวี้ด้วยสีหน้าสงบนิ่ง สงบนิ่งจนกระทั่งแม้แต่มือที่กุมมั่วไป๋ไว้ก็ไม่ขยับเขยื้อน
เขาเงยหน้ามองเหยียนอวี้แวบหนึ่ง ท่าท่างนั้นราวกับว่า ถ้าจะพูดอีก เสียงเล็กหน่อย มั่วไป๋กำลังนอนหลับอยู่
เหยียนอวี้เห็นคนแสดงความรักต่อกันแต่เช้า สายตาเขาไล่มาตั้งแต่เตียงสองเตียงที่อยู่ใกล้ชิดกันมาก แล้วมาหยุดอยู่ที่มือของสองคนที่ประสานเข้าหากัน
ครุ่นคิดพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย รู้สึกมาเสมอว่ามีตรงไหนสักตรงที่ไม่ค่อยจะปกติ
‘อะไรกัน ตอนเช้านี้วิธีเปิดประตูของเขาไม่ถูกต้องเหรอ’
‘ทำไมเขาสองคนถึงนอนด้วยกันแล้ว’
เมื่อวานยังดูไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันชัดๆ ตอนนี้มากุมมืออยู่ด้วยกันแล้ว
เหยียนอวี้เอามือกดที่หัวตัวเองอย่างเงียบๆ รู้สึกว่าตัวเองคิดไม่ทันแล้วจริงๆ
หลับไปคืนหนึ่งตื่นมา โลกก็เปลี่ยนไปแล้ว
มั่วไป๋กุมมือกับไป๋จิ่งแบบนี้แล้ว