ตอนที่ 590 ปกป้องไป๋จิ่ง
มั่วไป๋ได้ยินประโยคเหล่านี้ เขาก็ตะลึงงัน แม่ไป๋จิ่งควรจะโน้มน้าวตัวเองถึงจะถูกไม่ใช่เหรอ
ลี่เจินยิ้มหัวเราะ “เราคิดใช่ไหมว่าพี่สาวจะมาโน้มน้าวให้เราคืนดีกับไป๋จิ่ง”
มั่วไป๋ไม่ได้พยักหน้า แต่ว่าสีหน้าแสดงออกอย่างชัดเจนมากทีเดียว
“เดิมทีพี่ก็คิดจะมาโน้มน้าวเราสองคน แต่ว่าพอเห็นเราก็ล้มเลิกความคิดนี้ไปแล้ว” ลี่เจินถอนหายใจ “เจ้าทึ่มนั่นทำเรื่องพลาดเองก็ให้เขาไปชดใช้เอง เราก็อย่าให้อภัยเขาง่ายๆ”
พูดถึงต่อมา ลี่เจินเอ่ยด้วยสีหน้ารังเกียจ “เจ้าทึ่มนี่เป็นลูกชายแท้ๆ ของพี่จริงๆ เหรอ”
มั่วไป๋เห็นลี่เจินทำหน้ารังเกียจไป๋จิ่งแบบนี้ ในใจก็มีความรู้สึกบางอย่างที่พูดไม่ออก
เขาครุ่นคิดแล้วเอ่ย “ที่จริง…ไป๋จิ่งเขา…ดีมากครับ”
แววตาลี่เจินลุกวาว แต่ปากยังพูดต่อ “ดีอะไรกัน พี่เห็นว่าตรงไหนก็ไม่ได้เรื่องเลย”
“ตอนเขาทำงานเก่งมาก แล้วก็…บุคลิกก็ดีมากครับ”
มั่วไป๋ว้าวุ่นอยู่ตั้งนาน ไม่รู้ว่าจะเอ่ยชมไป๋จิ่งอย่างไรดี รู้สึกว่าถ้ายึดตามความคิดของตัวเองไปเอ่ยชมไป๋จิ่ง ต้องทำให้ลี่เจินเข้าใจผิดอย่างแน่นอน
ดังนั้นมั่วไป๋จึงคิดอยู่ตั้งนาน เขาก็หาคำที่ถูกจุดได้
ลี่เจินเห็นท่าทางของมั่วไป๋ ในใจก็ฉายสะท้อนรอยยิ้ม เด็กคนนี้เป็นคนจิตใจดีจริงๆ เลิกกับไป๋จิ่งไปแล้วชัดๆ ยังไม่ลืมที่จะปกป้องเขาอีก
‘เห้อ…เป็นลูกชายของเธอที่ใจไม่สู้เองทั้งนั้น’
ลูกสะใภ้ดีขนาดนี้ แต่เรียกเธอว่าแม่ไม่ได้เลย
คิดเช่นนี้ ลี่เจินรู้สึกว่าไป๋จิ่งยิ่งใช้ไม่ได้ ลูกสะใภ้ก็จัดการไม่ได้
“เราอย่ามาพูดแก้ต่างแทนเขา เขาเป็นลูกของพี่ พี่รู้”
มั่วไป๋ค่อนข้างตื่นตระหนก “ที่ผมพูดมาเป็นจริงทั้งหมด ไม่ได้จงใจจะพูดแก้ต่างเลยนะครับ”
ลี่เจินเห็นเด็กน้อยร้อนใจจนเป็นแบบนี้ เธอก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแต่ว่าในใจก็พอรู้พอเข้าใจได้
‘ปกป้องลูกชายเธอได้ขนาดนี้ ยังจะพูดว่าไม่มีความรู้สึกให้เลยสักนิดเหรอ’
ในใจลี่เจินแอบตัดสินใจแล้ว เธอจะต้องรีบทำเวลา ทำให้ไป๋จิ่งกับมั่วไป๋คืนดีกันโดยเร็ว
……
หลังจากกินข้าวเย็นกันเสร็จ ลี่เจินก็ให้มั่วไป๋ยกชามเกี๊ยวเข้ามา
หลังจากมั่วไป๋กินเสร็จ คนทั้งคนก็นั่งเป็นอัมพาตอยู่บนเก้าขยับไปไหนไม่ได้ ลี่เจินมองเขาแวบหนึ่งพลางเอ่ยถาม “กินเยอะแล้วสินะ อยากออกไปเดินเล่นไหม”
มั่วไป๋เอามือลูบท้อง อิ่มจุกจนอึดอัดไม่สบายตัว เขาพยักหน้ารับ “ครับ งั้นผมจะออกไปเดินเล่น”
“เดี๋ยวก่อน ให้ไป๋จิ่งไปเป็นเพื่อนเราเถอะ ข้างนอกฟ้ามืด เราไปเดินคนเดียวพี่ไม่วางใจ”
มั่วไป๋ลังเลครู่หนึ่ง คิดดูแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองปฏิเสธตอนนี้ เหมือนจะดูตั้งใจเกินไป จึงพยักหน้ารับ “อืม”
ด้วยเหตุนี้ไป๋จิ่งจะออกจากคฤหาสน์ไปเป็นเพื่อนมั่วไป๋
ลี่เจินมองตามแผ่นหลังของทั้งสองคนออกไป ถอนหายใจเงียบๆ หวังว่าลูกชายจอมซื่อบื้อของเธอจะเข้าใจในความทุ่มเทพยายามของเธอได้
……
ไป๋จิ่งเดินวนอยู่ข้างนอกเป็นเพื่อนมั่วไป๋อยู่หลายรอบ มั่วไป๋ไม่พูด ไป๋จิ่งเองก็ไม่พูด
ทั้งสองคนเงียบงันกันขนาดนี้ หลังจากเดินวนอยู่ข้างนอกหลายรอบ มั่วไป๋ก็เดินกลับเข้ามา
ไม่ว่าอย่างไรลี่เจินก็คิดไม่ถึงว่าลูกชายจอมซื่อบื้อของตัวเองออกไปข้างนอกแล้ว เขาจะแค่เดินวนไปรอบๆ เป็นเพื่อนมั่วไป๋จริงๆ
ยังดีที่แผนนี้ถึงจะไม่สำเร็จ ยังมีแผนต่อไปอยู่
เธอนั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขก หลังจากมั่วไป๋กับไป๋จิ่งกลับมาแล้ว เธอก็เอื้อมมือไปปิดทีวี
ลี่เจินหาวไปด้วยพลางเดินมุ่งหน้าเข้าไปด้านในด้วย
“ไป๋จิ่ง แม่ชักจะง่วงแล้ว”
เมื่อไป๋จิ่งได้ยิน เขาก็รีบพาลี่เจินขึ้นไปชั้นบนทันที มั่วไป๋อยู่ข้างล่างคนเดียวก็ไม่มีอะไรทำ จึงตามขึ้นไปด้วยกัน เตรียมจะกลับห้องไปทั้งอย่างนี้
ไป๋จิ่งพาคนมาส่งถึงหน้าประตูห้องรับแขก เขาเปิดประตูเข้าไป เห็นเตียงที่พังอยู่ข้างใน เขาก็ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง
ลี่เจินเองก็มองไป๋จิ่งด้วยความตกใจและประหลาดใจ “เตียงหลังนี้ของลูกพังลงไปกองกับพื้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
ตอนที่ 591 นอนโซฟา
ไป๋จิ่งเองก็สับสนงุนงงเช่นกัน เขาพูดพึมพำกับตัวเอง “ตอนเช้ายังดีๆ อยู่เลยนะ”
มั่วไป๋เดินมาถึงข้างๆ พวกเขาพอดี จิตใต้สำนึกสั่งให้เขามองเข้าไปข้างในแวบหนึ่ง เตียงที่อยู่ข้างในหักครึ่งลงมากองกับพื้น
ลี่เจินเห็นว่าคนก็มากันหมดแล้ว เธอเอ่ยถามอย่างไม่รู้ไม่ชี้ “ลูกคิดจะให้แม่นอนที่นี่เหรอ”
ไป๋จิ่งทำอย่างนั้นไม่ได้แน่นอน แต่ว่าที่นี่นอกจากห้องนี้ก็ไม่มีห้องอื่นแล้ว
ด้วยเหตุนี้จึงคิดดูแล้ว ก่อนจะเอ่ยขึ้น “แม่ งั้นแม่ไปนอนห้องผมแล้วกันครับ”
“แล้วลูกจะนอนที่ไหน”
เขามองมั่วไป๋แวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นทันทีหลังจากนั้น “ผมนอนโซฟาข้างล่างได้ครับ”
ลี่เจินคิดดูแล้วก็ไม่ได้คัดค้านอะไร “งั้นก็ได้แค่แบบนี้แล้ว”
ด้วยเหตุนี้ลี่เจินจึงถูกจัดให้มานอนห้องไป๋จิ่ง
ไป๋จิ่งให้แม่เขาเข้าไปห้องเขา ตัวเองไปหาผ้าห่มมา เตรียมจะลงไปชั้นล่างนอนที่โซฟา
แต่จะทำอย่างไรได้ห้องว่างเปล่า ผ้าห่มสักผืนก็ไม่มี
เพราะอย่างนี้ไป๋จิ่งจึงทำอะไรไม่ได้ต้องไปเคาะประตูห้องของลี่เจิน เตรียมจะไปถามลี่เจิน ลี่เจินเปิดประตูมาก็เอ่ยถามทันที “ไป๋จิ่ง ที่นี่ยังมีผ้าห่มอีกไหม ผ้าห่มนี้ของลูกบางเกินไปแล้ว ตอนกลางคืนแม่หนาว”
ไป๋จิ่งไปต่อไม่ถูกแล้ว ห้องเขามีผ้าห่มอยู่ผืนเดียว ตอนนี้ห้องรับแขกก็ไม่มีผ้าห่มเหมือนกัน
ด้วยเหตุนี้ไป๋จิ่งจึงจำใจต้องเดินไปถึงที่หน้าประตูห้องมั่วไป๋ ยกมือขึ้นเคาะประตู
มั่วไป๋นั่งขัดสมาธิบนเตียง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ได้ยินเสียงเคาะประตูก็ลุกขึ้นยืนเดินไปเปิดประตู
“มั่วไป๋…ขอยืมผ้าห่มคุณได้ไหม ในเขาอุณหภูมิต่ำ แม่ผมกลัวหนาว”
มั่วไป๋พยักหน้าทันที ถึงอย่างไรเขาใช้แค่ผืนเดียวก็ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้เกิน
ด้วยเหตุนี้เขาจึงหยิบผ้าห่มอีกผืนจากตู้ลงมาแล้วส่งต่อให้ไป๋จิ่ง
ไป๋จิ่งเปลี่ยนมือส่งต่อให้ลี่เจิน ลี่เจินรับมาอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย เธอเดินมุ่งหน้าเข้าไปด้านใน เมื่อเดินถึงหน้าประตู เธอก็ยังไม่ลืมที่จะพูดกับพวกเขาทั้งสองคน “ตอนกลางคืนอุณหภูมิต่ำ พักผ่อนแต่หัวค่ำล่ะ”
พูดจบก็ปิดประตูทันที
มั่วไป๋มองดูไป๋จิ่ง คิดแล้วก็เอ่ยถามขึ้น “นายยังไม่พักผ่อนเหรอ”
ไป๋จิ่งรีบตอบ “เดี๋ยวจะไปแล้ว คุณรีบพักผ่อนเถอะ ผมไปก่อนนะ”
พูดจบเขาก็เดินโดดเดี่ยวคนเดียวมุ่งหน้าลงชั้นล่างไป มั่วไป๋มองตามแผ่นหลังของเขา เงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดประตู
ไป๋จิ่งลงมาชั้นล่าง ในห้องรับแขกที่ว่างเปล่า เขานอนอยู่บนโซฟา เงยหน้ามองเพดาน ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
อีกฝั่งหนึ่ง มั่วไป๋กลับห้องมาอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า เขายืนอยู่บนระเบียง มองไปยังข้างนอก มีความรู้สึกซึมเศร้าในใจอย่างบอกไม่ถูก
ข้างนอกค่อนข้างหนาวเล็กน้อย อุณหภูมิกลางเขาค่อนข้างต่ำ อีกทั้งตอนนี้ใกล้จะถึงเดือนธันวาคมแล้ว หนาวมากทีเดียวจริงๆ
มั่วไป๋ยืนอยู่ข้างนอกสักพัก ก่อนจะเดินเข้ามา
ในห้องเปิดแอร์ไว้ ดังนั้นอุณหภูมิจึงกำลังเหมาะสมพอดี มั่วไป๋นอนบนเตียง เตรียมจะหลับตานอนลง
จู่ๆ ในหัวก็ฉายสะท้อนภาพหนึ่งขึ้นมาเป็นภาพที่ไป๋จิ่งมาหาเขาแล้วหยิบยืมผ้าห่มไป
ผ้าห่มในห้องเขานี้ให้ลี่เจินไปแล้ว แล้วไป๋จิ่งจะห่มอะไร
พอคิดถึงแผ่นหลังของไป๋จิ่งที่ลงไปชั้นล่างเมื่อครู่นี้ มั่วไป๋นิ่งเฉยไม่ค่อยจะได้แล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่าตอนนี้ไป๋จิ่งต้องนอนอยู่บนโซฟาอย่างแน่นอน แล้วก็ไม่มีผ้าห่มด้วย ไม่รู้ว่าจะเป็นหวัดได้หรือเปล่า
คิดได้เช่นนี้ มั่วไป๋ก็นอนไม่ค่อยจะหลับแล้ว
เขาลุกขึ้นมานั่งบนเตียงทันที อยากจะลงไปดูไป๋จิ่งสักหน่อย แต่ก็ค่อนข้างสับสน สองความคิดตีกันไปมาในหัวไม่หยุด หัวใจมั่วไป๋ถูกบีบรัดตัวแน่น ราวกับมีคนตัวจิ๋วสองคนดึงกันไปกันมาอยู่
ฝั่งหนึ่งจะให้เขาลงไปดู
อีกฝั่งหนึ่งก็ให้เขานอนหลับไป ไม่ต้องสนใจให้มากเรื่อง
มั่วไป๋เอามือกดเข้าที่ขมับ พลางเอนพิงเตียง เขาไม่ได้ลงจากเตียงไปทันที แต่ก็ไม่มีความง่วงแล้ว
Related