ตอนที่ 164 ผู้ต้องสงสัย
เจียงมู่เฉินกุมขมับ รู้สึกว่าเรื่องนี้ยิ่งซับซ้อนขึ้นทุกที ใครกันที่อยากจะลงมือสังหารเขาท่ามกลางผู้คนมากมายขนาดนี้ได้
“นายมีผู้ต้องสงสัยอะไรไหม”
มั่วไป๋หยิบแก้วน้ำด้านข้างขึ้นมาดื่มตามด้วยยาแก้ปวด หัวเขาปวดจนใกล้จะระเบิดออกมาแล้ว
“ตอนนี้ยังไม่แน่ใจ ที่ฉันตรวจสอบได้ก็มีแค่ข้อมูลพวกนี้”
“โอเค นายรีบไปนอนเถอะ เรื่องนี้เองก็รีบร้อนไม่ได้ ก็เอาแบบนี้ชั่วคราวไปก่อนแล้วกัน”
มั่วไป๋ยื้อตัวเองต่อไปไม่ค่อยจะไหวจริงๆ แล้ว เขาส่งต่อโน้ตบุ๊กให้เจียงมู่เฉิน “ข้างในนี้มีข้อมูลที่ฉันหามาทั้งหมด นายดูเองแล้วกัน ฉันไม่ไหวแล้วจริงๆ”
“ได้ๆๆ รีบไปนอนเลยไป”
หลังจากมั่วไป๋เข้าห้องนอนไป เจียงมู่เฉินก็ดูหลักฐานที่มั่วไป๋ค้นหาดูอย่างจริงจัง
เพียงแต่ว่าถ้าอยากจะยืนยันว่าคนเบื้องหลังเรื่องนี้เป็นใครยังค่อนข้างยากมากทีเดียว เจียงมู่เฉินนั่งขัดสมาธิเอนพิงบนโซฟา ตอนนี้เบื้องต้นจำกัดขอบเขตให้เล็กลงได้แล้ว คนที่อยากฆ่าเขาก็คือคนที่อยู่ในหลินไห่
เพราะว่าหลินไห่คือโครงการที่เจียงเฉินกรุ๊ปและทางซังจิ่งทั้งสองฝ่ายร่วมลงทุนด้วยกัน คนในเจียงเฉินกรุ๊ปที่อยากจะฆ่าเขาควรจะไม่นับ ถ้าอย่างนั้นที่เหลือก็ควรจะมีแค่ซังจิ่งแล้ว
ถึงเขาจะเคยสงสัยซังจิ่ง แล้วตอนนี้หลักฐานที่มีชี้นำไปทางซังจิ่ง แต่เจียงมู่เฉินกลับรู้สึกมีอะไรไม่ชอบมาพากล
เขารู้สึกมาตลอดว่าข้อมูลพวกนี้ถูกตรวจสอบพบค่อนข้างจะเร็วเกินไป เหมือนกับมีคนต้องการให้เขารู้ไม่มีผิด
อีกอย่างซังจิ่งออกจะฉลาดขนาดนั้น ถ้าเขาเป็นคนทำจริงๆ ไม่มีทางที่จะทิ้งช่องโหว่ให้เห็นชัดเจนขนาดนี้ได้
เจียงมู่เฉินถอนหายใจ ดูท่าว่าเรื่องนี้ต้องสืบสวนดูบ้างแล้ว
ยังมีเรื่องที่เขาโดนลักพาตัวไปก่อนหน้านี้อีก จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่มีคนอยากจะฆ่าเขาด้วยหรือเปล่า
แต่ว่าก็ไม่ค่อยจะถูกเสียทีเดียว ถ้าอยากจะฆ่าเขา ตอนที่จับเขามัดเอาไว้ ทำไมถึงไม่ลงมือไปเสียเลยตั้งแต่ตอนนั้น
เขากุมขมับแล้ว ดูท่าว่าตัวเองจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับซังจิ่งตัวต่อตัวแล้ว บางทีเขาอาจจะให้กุญแจสำคัญกับเขาบ้างนิดหนึ่งก็ได้
คอนโดมิเนียมของไป๋จิ่งเงียบสงบมาก ประตูห้องนอนบานใหญ่ปิดสนิท ดูเหมือนว่าเขาควรจะนอนหลับไปแล้ว เจียงมู่เฉินมองเวลาแล้วก็ย่องเงียบๆ ออกจากคอนโดมิเนียมไป
ณ ซือกรุ๊ป สองวันติดกันมานี้ไป๋จิ่งดูค่อนข้างจะเบลออยู่ไม่เบา ซือเหยี่ยนเดินผ่านห้องทำงานของเขาก็กวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง เห็นเขาเอามือเท้าคาง ไม่รู้ว่าใจลอยอะไรอยู่
ซือเหยี่ยนเคาะประตู “คิดอะไรอยู่”
ไป๋จิ่งถอนหายใจ “คุณชายเจียงของนายไม่เป็นไรใช่ไหม”
เมื่อวานซือเหยี่ยนรีบเร่งออกไป แม้แต่ประชุมที่เหลือก็ไม่ประชุมกันแล้ว
“ไม่เป็นไร ยังอยู่ดี”
“คุณชายเจียงของนายไม่เป็นไร แต่ฉันเป็น”
ซือเหยี่ยนเลิกคิ้ว “ยังคิดเรื่องที่นายกลายเป็นผู้ชายขายตัวอยู่เหรอ”
ไป๋จิ่งโมโหแล้ว “นายนั่นแหละเป็นผู้ชายขายตัว ของฉันเขาเรียกว่าสมยอมกันทั้งคู่ โอเคไหม”
ซือเหยี่ยนพยักหน้า “อืม ก็แค่หลังเสร็จกิจกัน กลายเป็นคนไม่รู้จักกัน แล้วเขายังให้เงินค่าลำบากนายอีกเท่านั้นเอง”
อีกนิดไป๋จิ่งจะกระอักเลือดตายอยู่แล้ว เป็นอย่างที่คิดจริงๆ สองคนนี้พูดจามาแต่ละที คนหนึ่งยิ่งทำให้คนอื่นอกแตกตายได้มากกว่าอีกคนหนึ่ง ยิ่งๆ ขึ้นไปอีก
“นายมาหาฉันมีธุระเหรอ”
ซือเหยี่ยนยักไหล่ “ไม่มีธุระอะไร”
ไป๋จิ่งมองบนใส่ “ไม่มีธุระอะไรก็ใสหัวไปซะ ฉันไม่อยากให้นายมาสาดเกลือใส่แผลฉันต่อไปเลยสักนิด”
ซือเหยี่ยนกวาดสายตามองไป๋จิ่งแวบหนึ่ง แล้วออกจากห้องทำงานเขาไปทันที
ไป๋จิ่งเอนพิงเก้าอี้คิดทบทวนอย่างจริงจัง นอนเสร็จเขาก็หนีไป จะง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน จู่ๆ ดวงตาก็ลุกวาวเป็นประกายขึ้นมา ในเมื่อมั่วไป๋ไม่เป็นฝ่ายมาหาเขาเอง เขาก็เป็นฝ่ายไปหาก็ได้ไม่ใช่เหรอ
จะได้ไม่นั่งรอคอยโชคชะตาอย่างไร้เป้าหมายแบบนี้ ตามความคืบหน้าในตอนนี้ คาดว่ารอถึงปีหน้าก็ยังไม่เห็นอีกฝ่ายเป็นฝ่ายปรากฏตัวมาแน่
ถานโจวใหญ่ขนาดนี้ เขายังไม่เชื่อหรอกว่าแม้แต่มั่วไป๋คนเดียว เขาจะหาไม่เจอ
มั่วไป๋ที่ไป๋จิ่งกำลังโหยหาอยู่นั้น กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง เพราะไม่ได้นอนหลับมาทั้งคืน ไหนเลยจะรู้ว่าจะมีคนที่คิดจะพลิกแผ่นดินถานโจว เพื่อตามหาเขาให้พบ
ตอนที่ 165 ครอบครัวของผู้เสียชีวิต
เจียงมู่เฉินเดินทางไปตามที่อยู่ที่ได้รับมา จนไปเจอตำแหน่งที่อยู่ของครอบครัวของผู้เสียชีวิต เป็นอาคารชุดค่อนข้างจะดูเก่าแก่ ใกล้กับบริเวณเมืองเก่า
เขาจอดรถอยู่ใต้ตึก หยิบมือถือขึ้นมาดูอีกที ตรวจสอบที่อยู่ให้แน่ใจอีกครั้งว่าถูกต้องแล้ว ถึงได้เปิดประตูลงจากรถเดินเข้าไป
บ้านครอบครัวของผู้เสียชีวิตอยู่ชั้นสามของตึกนี้ เจียงมู่เฉินยืนอยู่หน้าประตู ยื่นมือไปเคาะประตู เพียงไม่นานประตูก็ถูกเปิด
“แกเป็นใคร!” ดูจากอายุแล้วควรจะเป็นพ่อแม่ของผู้เสียชีวิต ยืนอยู่ตรงทางเข้า มองเขาด้วยสายตาเย็นชา
“สวัสดีครับ ผมเจียงมู่เฉินเป็นผู้รับผิดชอบโครงการหลินไห่” เขาเพิ่งพูดประโยคนี้ออกมา คนข้างในก็พุ่งตัวออกมา
“โครงการหลินไห่…พวกแกนี่เอง ถ้าไม่ใช่เพราะพวกแก ลูกสาวจะตายได้ยังไง” แม่ของผู้เสียชีวิตผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนว่าคงจะร้องไห้มานานมากแล้ว “พวกแกคืนลูกสาวฉันมา! เอาลูกสาวฉันคืนมาให้ฉัน!”
“แกมาที่นี่ทำไม พวกเราไม่ต้อนรับแก” พ่อของเธอกลับแสดงออกอย่างเรียบเฉย เพียงแต่ว่าท่าทีไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“เรื่องของลูกสาวคุณ ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงครับ ทางเราเองก็คาดไม่ถึงว่าวันนั้นจะเกิดเหตุไม่คาดฝันเช่นนี้” เจียงมู่เฉินหยุดสักพัก “เนื่องจากคุณหวังเกิดอุบัติเหตุจากกิจกรรมงานตัดริบบิ้นของหลินไห่ ทางเราจะแสดงความรับผิดชอบอยู่แล้วครับ ที่ผมมาวันนี้ก็เพราะเรื่องนี้ครับ”
“ความรับผิดชอบ? แกพูดมาก็น่าฟัง แกคิดจะรับผิดชอบยังไง ลูกสาวฉันมีแค่ชีวิตเดียวนะ”
“สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณหวัง ผมตลอดจนเจียงเฉินกรุ๊ปต่างก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง คนตายแล้วฟื้นขึ้นมาใหม่ไม่ได้ ดังนั้นพวกเราจึงทำได้แค่มอบเงินชดเชยให้ก้อนใหญ่ นอกจากนี้หากต้องการการชดเชยอย่างอื่น พวกเราจะนำไปพิจารณาชดเชยให้ได้ครับ”
คุณแม่หวังได้ยิน อารมณ์ก็เดือดขึ้นมาทันที เธอรีบผลักเจียงมู่เฉินออกไป “แกคิดว่าแค่พวกแกมีเงินเน่าๆ นั่นแล้วจะน่าสรรเสริญเหรอ จะชดเชยอะไร ฉันก็ไม่เอาทั้งนั้น ขอเพียงแต่แกทำให้ลูกสาวฉันมีชีวิตกลับมาได้”
“ขอโทษครับ เรื่องนี้ผมทำไม่ได้จริงๆ”
“ทำไม่ได้แล้วแกมาพูดอะไรอยู่ที่นี่ ฉันจะบอกแกไว้ ไม่มีอะไรจะพูดกันได้แล้ว วันนี้พวกแกไม่ได้ให้คำตอบที่น่าพอใจกับพวกเราก็ไม่ปล่อยบริษัทพวกแกไป ฉันจะต้องเรียกร้องความยุติธรรมให้ลูกฉันให้ได้”
พูดประโยคนี้จบ ประตูก็ถูกปิดลงด้วยแรงมหาศาลจนวงกบประตูสั่นคลอน
เป็นครั้งแรกที่เจียงมู่เฉินไปบ้านคนอื่นแล้วโดนตอกหน้าหงาย ก่อนหน้านี้เขาเองก็คาดการณ์มาแล้วว่าจะเป็นแบบนี้ได้ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าอารมณ์ของพวกเขาจะเดือดดาลกว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก
เขามองประตูบานใหญ่ที่ถูกปิดสนิท แล้วหมุนตัวเดินกลับไปขึ้นรถ
การสัญจรไปมาวันนี้ได้ฆ่าเวลาไปไม่น้อย ท้องฟ้ามืดลงแล้ว เจียงมู่เฉินนั่งอยู่ในรถถอนหายใจ รออีกไม่กี่นาทีถึงได้ขับรถแล่นออกไป
มีรถคันหนึ่งจอดหลบมุมข้างๆ อยู่ไม่ไกลนัก เซวียยางนั่งอยู่ที่นั่งคนขับมองดูเจียงมู่เฉินขับรถออกไป ก็อดจะเอ่ยแซวไม่ได้ “ดูท่าว่านายจะเดาได้แม่นจริงๆ แม่นว่าวันนี้เขาจะมาได้”
ซังจิ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ สายตาจับจ้องรถของเจียงมู่เฉินอยู่ตลอด จนกระทั่งเขาแล่นรถออกไปไกลลิบตาแล้วถึงเบนสายตากลับมา
“แค่คาดคะเนเท่านั้นเอง” แค่ที่ตัวเองเดาแม่นนิดหน่อยเฉยๆ ก็เท่านั้นเอง
“นายไม่กลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดว่าเรื่องนี้นายเป็นคนทำเหรอ”
“กลัวว่าเขาจะคิดไม่ได้ขนาดนี้เลยเหรอ” นัยน์ตาซังจิ่งฉายแววความรู้สึกซับซ้อน “ถึงจะไม่มีอะไรที่เชื่อถือได้ แต่ว่าเจียงมู่เฉินไม่สงสัยฉันได้แน่นอน”
“ทำไมเหรอ ภาพจำของเขาที่มีต่อนายไม่ดีมาตลอดเลยนะ”
ซังจิ่งยิ้มหัวเราะ “ลางสังหรณ์ อีกอย่างเจียงมู่เฉินฉลาดกว่าที่พวกเราคิดไว้มาก”
“คนที่ลงมือครั้งนี้ นายตรวจสอบออกมาได้หรือยัง” เซวียยางค่อนข้างจะให้ความสนใจเรื่องนี้อยู่
“ยัง แต่ว่าควรจะหนีความรับผิดชอบจากเขาไม่พ้นหรอก”
“เขาเหรอ” เซวียยางเลิกคิ้ว “ก็ไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง เรื่องของเจียงมู่เฉิน เบื้องบนส่งให้นายแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมเขาต้องเข้ามาร่วมอีก”