ถอดเสื้อผ้าเอง
เจียงมู่เฉินเอามือพาดไหล่ของซือเหยี่ยน จนโดนอุ้มเข้ามาในห้องน้ำ ซือเหยี่ยนวางเขาลงบนเก้าอี้ “ถอดเสื้อผ้าเองนะ”
เจียงมู่เฉินเลิกคิ้ว “นายไม่คิดจะช่วยฉันถอดหน่อยเหรอ”
สายตาซือเหยี่ยนมองเอวเพรียวบางอย่างไม่อาจจะหักใจจากอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเบนไปที่อื่น “คุณถอดเองดีกว่า”
เจียงมู่เฉินเห็นเขาพูดแบบนี้ คาดไม่ถึงว่าจะไม่ทำให้ลำบากใจอีก เขาพยักหน้ารับคำ “ได้ ฉันทำเอง”
ซือเหยี่ยนเห็นเขาพูดแบบนี้ ถึงเพิ่งจะโล่งใจไปที ค่อยยังชั่วโชคดีที่เจียงมู่เฉินไม่ได้ให้เขาถอดให้จริงๆ
เจียงมู่เฉินลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ยืนอยู่บนแผ่นกระเบื้อง เขายืนเท้าเปล่าอยู่บนแผ่นกระเบื้องสีเทาเข้ม ข้อเท้าขาวผ่องภายใต้แสงไฟเหลืองสลัวๆ ช่างยั่วยวนใจอย่างบอกไม่ถูก
เขาทุกอย่างช้ามาก เหมือนมือไร้เรี่ยวแรงอย่างไรอย่างนั้น แก้มาตั้งนานก็ปลดกระดุมกางเกงช่วงเอวไม่เสร็จสักที
“ซือเหยี่ยน นายไม่คิดจะช่วยฉันจริงๆ เหรอ? ยืนแบบนี้ยิ่งหนาว” เสียงเจียงมู่เฉินเจือความน่าสงสาร
ถึงแม้จะรู้ดีแก่ใจว่าเขาจงใจ แต่ซือเหยี่ยนยังคงแข็งใจไม่ค่อยได้
กว่าเจียงมู่เฉินจะแก้ปลดกระดุมตรงเอวได้ไม่ง่ายนัก ค่อยๆ รูดซิปลงเรื่อยๆ เสียงรูดซิปท่ามกลางห้องน้ำแสนเงียบวังเวง ซือเหยี่ยนฟังจนหัวชักจะเริ่มชาๆ บ้างแล้ว
เจียงมู่เฉินดันทำเหมือนจงใจ รูดลงช้ามาก
ซือเหยี่ยนขบกรามแน่น ยื่นมือไปรูดซิปกางเกงของเจียงมู่เฉินจนถึงสุดปลายทาง แล้วจับคนอุ้มขึ้นมา ฉุดกางเกงสีดำของเขาออก
“โอ๊ย…” เจียงมู่เฉินร้องด้วยความเจ็บปวด
ซือเหยี่ยนเงยหน้ามองเขา “เป็นไรไป”
เจียงมู่เฉินลุกขึ้นยืนจากน้ำรวดเดียว หยดน้ำไหลไปตามร่างขาวผ่องทันที เขาชี้รอยแดงที่เอวให้ซือเหยี่ยนดู “ดูสิ บาดเจ็บแล้วนี่”
จิตใต้สำนึกบอกให้ซือเหยี่ยนยื่นมือไปนวดเบาๆ สักทีสองที “โอเค ความผิดผมเอง”
เจียงมู่เฉินเจอเขาพูดแบบนี้ไป ถึงได้ยอมกลับไปนั่งในอ่างอาบน้ำอย่างว่าง่าย เขาหันหลังให้ซือเหยี่ยน ก่อนเอ่ยเสียงนิ่ง “นายช่วยฉันนวดหน่อยสิ เมื่อกี้เต้นไปปวดเอว”
เส้นเลือดบนหน้าผากของซือเหยี่ยนกระตุกแล้วกระตุกอีก แทบจะอยากห่อเจ้าปีศาจจอมยั่วยวนไปทิ้งบนเตียงแล้วเอาผ้าห่มพันอีกรอบ ชอบมาทรมานเขาต่อหน้าต่อตาดีนัก
แต่เสียดาย คุณชายน้อยตระกูลเจียงไม่ใช่คนที่จะยอมให้เขาเอาไปจับไปบีบเล่นได้ตามใจชอบ
เขารอจนสองนาที ซือเหยี่ยนก็ไม่ทำอะไร จึงอดจะหันไปหาเขาไม่ได้ “จะยืนงงทำไม ลงมือสิ”
ซือเหยี่ยนขบกรามแล้วขบกรามอีก พยายามเก็บกดอารมณ์ที่อยากจะจัดการคนตรงหน้าปางตาย
มือใหญ่ทาบลงกับผิวหายขาวผ่องของเขา ซือเหยี่ยนพยายามเก็บกดความคิดที่ไม่ควรจะมีไว้ ค่อยๆ นวดคลึงให้อีกฝ่าย เจียงมู่เฉินหลับตาร้องครางอย่างสบายอารมณ์
ซือเหยี่ยนสีหน้าเริ่มไม่พอใจ “คุณเงียบหน่อยได้ไหม”
เจียงมู่เฉินยิ้มร่า “ประธานซือ ปฏิกิริยาร่างกายแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ฉันควบคุมได้ นายโตมาจนป่านนี้ แม้แต่เรื่องนี้ก็ไม่รู้เหรอ”
มือซือเหยี่ยนที่วางบนตัวเจียงมู่เฉินเกร็งขึ้นมา เขามองดูคอระหง พยายามกดเก็บไฟที่สุมในใจ
ด้วยเหตุนี้ ประธานซือจึงบีบนวดหลังเจียงมู่เฉินไป พลางท่องคัมภีร์ตรีอักษร[1]เงียบๆ เพื่อดับกองไฟในใจให้ตัวเอง
ไม่เช่นนั้นเขากลัวตัวเองจะอดใจทักทายคอระหงของเจียงมู่เฉินไม่ได้
อุณหภูมิในห้องน้ำสูงขึ้น สูงกว่าข้างนอกแล้ว เจียงมู่เฉินถูกนวดอยู่ตรงนั้นก็เริ่มรู้สึกง่วงหงาวหาวนอนบ้างแล้ว
เขาปัดมือซือเหยี่ยนที่กำลังนวดอยู่ออก “ได้แล้ว ขืนให้นายนวดต่อฉันต้องเผลอหลับไปแน่ๆ”
จู่ๆ เจียงมู่เฉินก็ลุกพรวดพราดขึ้นมา ร่างกายสมส่วนเพรียวสูงเผยกายต่อหน้าซือเหยี่ยนเพียงชั่วอึดใจ เขาขยับตัวเล็กน้อย มองหน้าซือเหยี่ยน
“ช่วยฉันเช็ดตัวด้วยแล้วกัน”
ซือเหยี่ยน “…”
เขาหยิบผ้าเช็ดข้างๆ ตัวโยนให้เจียงมู่เฉิน เจียงมู่เฉินโยนทิ้งลงข้างตัว เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ถ้าฉันจำไม่ผิด เมื่อกี้มีคนบอกว่าเขาขอโทษ” เขาเชิดตาขึ้น นัยน์ตาไหวสั่น “จะขอบคุณกันแค่นี้?”
[1] คัมภีร์ตรีอักษร เป็นแบบเรียนขั้นพื้นฐานสำหรับการหัดอ่านเบื้องต้นสำหรับเยาวชน มีทั้งหมด 1722 ตัวอักษร เนื้อหาประกอบด้วยจารีตโบราณทางการศึกษาของจีน ประวัติศาสตร์ ปรัชญา ดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ จริยธรรม และคุณธรรมรวมถึงตำนานพื้นบ้านบางเรื่อง