ตอนที่ 172 เล่นเกมความรัก
อีกนิดไป๋จิ่งจะกระอักเลือดออกมาแล้ว คนๆ นี้พูดจาอะไรก็ตรงไปตรงมาขนาดนี้เชียว อีกอย่างระหว่างพวกเขา จะเริ่มต้นกันด้วยคำถามพวกนี้ มันจะดีจริงๆ เหรอ
“คือว่า..ผมคิดว่าระหว่างพวกเรา นอกจากเรื่องนี้ ควรจะมีเรื่องอื่นคุยกันได้ใช่ไหม” ไป๋จิ่งเอ่ยเสียงอ่อน
เขาอยากจะรู้จริงๆ แล้ว ว่าคนที่เป็นเพื่อนกับเจียงมู่เฉินนี่แปลกไม่ธรรมดาขนาดนี้กันหมดเลยไหม ความคิดความอ่านแปลกกว่าคนทั่วไปเยอะทีเดียว
มั่วไป๋วางแก้วเหล้าในมือลง มองเขา “นายคิดว่าระหว่างเรายังมีเรื่องอื่นที่คุยได้อีกเหรอ”
ไป๋จิ่งโดนถามแบบนี้ก็พูดไม่ออกไปสักพัก
เขาลูบจมูกไปมาคิดอย่างจริงจัง ว่าตัวเองควรจะหาเรื่องอะไรมาคุยกับอีกฝ่ายดีจะได้เหมาะสม
เขายังหาไม่เจอ มั่วไป๋ก็เอ่ยขึ้นมาก่อน “เป็นไร นายชอบฉันเข้าแล้วเหรอ”
ไป๋จิงเงียบงันพูดไม่ออก
“หรือว่านายอยากจะจีบฉัน” มั่วไป๋ยกมุมปากขึ้น ภายใต้แสงไฟสลัวๆ ชวนให้หลงเสน่ห์ที่ยั่วใจถึงชีวิต
“ทำไมคุณถึงคิดขนาดนี้ได้” ไป๋จิ่งอดจะถามกลับไม่ได้
“พวกเราเจอกันสองครั้ง หลับนอนกับครั้งหนึ่ง ฉันยังไม่ได้ถึงขนาดจะถือดี คิดว่านายมานอนกับฉันคืนเดียว แล้วจะตัดใจไม่ลง มารักฉันเข้าแล้วหรอกนะ” นัยน์ตามั่วไป๋แฝงความยั่วเย้า
ในเมื่อไป๋จิ่งเป็นฝ่ายมาหาถึงที่ แล้วเขาจะหลบอะไรได้อีก
ตอนนั้นเขาติดหนี้ตัวเอง ก็ควรจะเป็นเวลาที่ต้องส่งคืนกลับมาแล้ว
“ถ้าผมจะบอกว่า ผมยังชอบคุณมากๆ อยู่ล่ะ” ถ้าไม่ใช่เพราะรู้สึกว่าโดนมั่วไป๋ดึงดูดใจไปแล้ว เขาก็จะไม่ทำถึงขั้นลงทุนลงแรงมากขนาดนี้เพื่อตามหามั่วไป๋ทั่วถานโจวหรอก
เพียงแต่ว่ามันเป็นการดึงดูดในแบบที่ยังไม่ถึงขั้น ‘รัก’ จริงๆ
“แล้วไงต่อ นายอยากจะพูดอะไร” มั่วไป๋เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “นายอยากจะดูใจกันก่อนแล้วค่อยคบกัน หรือว่าอยากจะเป็นเพื่อนทำกิจกรรมบนเตียงอย่างเดียวล่ะ?”
“…” เขาทำให้ไป๋จิ่งตกใจจริงๆ แล้ว
ตั้งแต่ที่ได้เจอกับมั่วไป๋ เริ่มแรกก็รู้สึกได้ทันทีถึงความคุ้นเคยที่ยากจะอธิบาย ต่อมายังรู้สึกว่าเขามีเสน่ห์ยั่วใจบางอย่างที่ถึงขั้นเอาชีวิตกันได้
ความรู้สึกไปเรื่อยๆ แบบนั้น แต่กลับค่อยๆ เข้าหากัน แทรกซึมเข้าร่างกายอย่างช้าๆ ตามกาลเวลา
หลังจากนั้นก็เอาออกไปไม่ได้แล้ว
“หืม สนใจฉันไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ให้นายเลือก นายถึงตัดสินใจไม่ได้”
ไป๋จิ่งมองใบหน้างามได้รูปของเขา ก็ครุ่นคิดเล็กน้อย “ถ้าผมเลือกแบบที่สอง คุณจะเห็นด้วยไหม”
สายตามั่วไป๋ฉายสะท้อนความเย้ยหยัน เป็นอย่างที่คิด…ตั้งหลายปีขนาดนี้แล้ว เขายังไม่เปลี่ยนไป
“ถ้านายเลือกแล้ว ฉันก็เห็นด้วยอยู่แล้ว” เขายกแก้วเหล้าขึ้นมาด้วยท่าทีสบายๆ “ฉันเคย ‘ทำ’ กับนายครั้งนึง เทคนิคถือว่าใช้ได้ ดูท่าว่าเมื่อก่อนจะผ่านการฝึกมาไม่น้อย”
ไป๋จิ่งลูบจมูกป้อยๆ นี่เขาโดนมั่วไป๋ชมเรื่องแบบนี้เหรอ
“ดังนั้นถ้านายเลือกแบบที่สอง ฉันก็ไม่ถือสาอะไร ยังไงซะโตๆ กันแล้วจะสุขสมกัน ก็โอเคดี จะแคร์อะไรมากมายไปทำไม”
ทัศนคติอะไรก็ได้ของเขา คำที่พูดออกมายิ่งตามใจตัวเอง ราวกับว่าไม่ค่อยจะสนใจอะไรกับเรื่องนี้เลย อีกอย่างการที่ไม่ใส่ใจแบบนั้นดูเหมือนออกจากเนื้อแท้ข้างในอย่างไรอย่างนั้น
ไป๋จิ่งครุ่นคิดสักพัก “แล้วถ้าผมเลือกแบบแรกล่ะ คุณจะยังยินยอมไหม”
มั่วไป๋กะพริบตามองดูใบหน้าของเขา “ทำไมอยากจะมาเล่นเกมความรักกับฉันเหรอ”
“อืม แบบแลกใจกัน คุณอยากจะเล่นไหม”
เขายกขวดเหล้าขึ้นมารินให้ตัวเองและไป๋จิ่งคนละแก้ว เขาส่งแก้วถึงต่อหน้าของไป๋จิ่ง
ไป๋จิ่งมองดูใบหน้าและดวงตาแสนเย็นชาของคนตรงหน้า ขณะที่เขายักคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วส่งมือไปหยิบแก้วมา นิ้วมือเหมือนไม่ตั้งใจ แต่ก็เหมือนจงใจจะเฉียดนิ้วมือของมั่วไป๋
มั่วไป๋ยิ้มหัวเราะ ส่งแก้วให้เขา
“บังเอิญจัง ฉันคนนี้ก็ชอบเล่นเกมด้วยสิ เล่นเกมกับนายสักตาหนึ่งก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ เพียงแต่กลัวว่าสุดท้ายแล้ว คนที่แพ้จะเป็นนาย”
ตอนที่ 173 ไม่ใช่ว่าจะแพ้ไม่เป็น
ไป๋จิ่งหัวเราะ “เรื่องนี้ไม่ต้องให้คุณมาเป็นห่วงหรอก อีกอย่างคนที่ชนะด่านสุดท้ายได้ จะเป็นใครก็ยังไม่แน่”
มั่วไป๋กระดกเหล้าเข้าไป น้ำเมาค่อยๆ ไหลจากลำคอลงไปอบอวลอยู่ท้อง พาไฟร้อนแผดเผาขึ้นมา
เขาหรี่ตาลง “ถ้าเกมๆ นี้ ฉันแพ้ขึ้นมา…” เขาเงยหน้าขึ้นมองไป๋จิ่ง “บางที ฉันเองก็ไม่ใช่ว่าจะแพ้ไม่เป็น”
“โอเค งั้นผมเลือกแบบแรก” ไป๋จิ่งจ้องมองมั่วไป๋ สายตาเด็ดเดี่ยวแน่วแน่มุ่งจะเอาชนะให้ได้
คนที่เขาพึงพอใจ จะวิ่งหนีไปไหนไม่ได้
เขาไม่เชื่อว่ามั่วไป๋จะเป็นเหตุบังเอิญนั่นได้
“โอเค ในเมื่อนายเลือกแล้ว ฉันก็จะสู้กับนายไปให้ถึงที่สุด”
มั่วไป๋เห็นความลำพองใจในแววตาของไป๋จิ่ง ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ ไป๋จิ่งจะยังยิ้มออกมาเหมือนตอนนี้ได้หรือเปล่า
เมื่อนึกถึงว่าหลายปีมานี้ เพื่อไป๋จิ่งแล้ว แม้แต่ชีวิต เขาแทบจะไม่เหลือ แต่ไป๋จิ่ง เขากลับลืมเขาไปหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง
จนกระทั่งสองปีให้หลัง ได้พบเขาอีกครั้ง ก็เอาแต่พูดไม่หยุดว่าอยากจะเล่นเกมแลกหัวใจกับเขา
มั่วไป๋ยกมุมปากขึ้น รู้สึกว่ามันน่าขำขันไม่เบา
ตอนนั้นที่เขาคบกันอยู่กับไป๋จิ่ง เขาก็ไม่ได้พูดขนาดนี้ เขาหรี่ตาลงคิดภาพย้อนกลับไปอย่างจริงจัง
“ฉันไป๋จิ่ง ต้องการร่างกายไม่ต้องการหัวใจ ความสัมพันธ์ของพวกเรามีแค่บนเตียงเท่านั้น นอกจากนี้แล้ว พวกเราไม่มีความสัมพันธ์ใดใดทั้งสิ้น”
มั่วไป๋ยิ้มหัวเราะ ตอนนั้นไป๋จิ่งพูดถึงขนาดนี้ แต่ตัวเองกลับโถมตัวขึ้นไปอย่างโง่ๆ คิดแค่ว่าตัวเองชอบไป๋จิ่ง ขอเพียงแต่ดีกับไป๋จิ่ง ไม่ช้าก็เร็วสักวัน เขาจะมองเห็นตัวเองได้
แต่สุดท้าย ก็ร่วงหล่นลงถึงจุดจบแบบนั้น
สรุปแล้วเป็นตัวเขาเองที่ประเมินตัวเองสูงเกินไป และก็เป็นเขาเองที่ประเมินความไร้หัวใจของไป๋จิ่งที่มีต่อเขาต่ำเกินไป
……
“ดึกแล้ว ฉันไปก่อนนะ” มั่วไป๋ดูเวลา ตอนนี้สี่ทุ่มแล้ว
ไป๋จิ่งเลิกคิ้ว “ยังไม่ดึกเท่าไหร่เลย จะไปแล้วเหรอ ไม่นั่งต่อสักหน่อย”
“ไม่ไหว ฉันไม่ชอบอยู่ข้างนอกดึกเกินไป”
คำพูดของเขาแบบนี้ ทำเอาไป๋จิ่งแปลกใจไม่เบา เขายังคิดว่าตามความเข้าใจที่เขามีต่อมั่วไป๋ ควรจะเป็นคนที่มีชีวิตกลางคืน แถมยังมากประสบการณ์อีกด้วย
“ให้ผมไปส่งคุณไหม”
ครั้งนี้มั่วไป๋ไม่ได้ขัดขวาง “ฉันก็อยากให้นายไปส่งฉันอยู่ แค่น่าเสียดาย พวกเราสองคนดื่มเหล้ากันแล้ว”
“ไม่เป็นไรๆ ผมจะหาคนขับรถให้เรา ช่วยส่งคุณกลับบ้านก่อน แล้วผมค่อยไป”
ในเมื่อดูใจกันก่อนแล้วค่อยคบกัน เรื่องที่ต้องไปส่งอีกฝ่ายกลับบ้าน เขาปล่อยไปไม่ได้อยู่แล้ว
เขาไม่เชื่อ ว่าภายใต้การรุกของเขา มั่วไป๋จะคุมได้อยู่
สุดท้ายไป๋จิ่งก็หาพนักงานขับรถแทนมาได้คนหนึ่ง ให้ส่งอีกคนกลับไปก่อน ตลอดทางมั่วไป๋เอาแต่หลับตาเบาๆ พิงพนักที่นั่ง
ไป๋จิ่งเอียงหัวพินิจมองสังเกตใบหน้างามได้รูป หน้าตาดูจิ้มลิ้มของมั่วไป๋ รู้สึกได้ว่าไม่ว่าจะมองจากมุมไหน มั่วไป๋ก็เข้ากับรสนิยมทางด้านความงามของเขาทุกด้าน ราวกับฟ้าตั้งใจสรรค์สร้างมาเพื่อเขาเป็นพิเศษ
เขาคนนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีเซ็กส์กับใครไปทั่ว แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้ว เป็นธรรมดาที่จะมีอีกคนมาช่วยปลดปล่อยความต้องการทางร่างกาย แต่ไม่ว่าคนไหนก็ไม่มีใครจะทำให้เขาทึ่งได้เท่ามั่วไป๋
ในความเป็นมั่วไป๋นั้น ถ้าดูจากที่ไกลๆ ก็เหมือนเห็นกุหลาบงามแสนนวลละออ ในความเป็นจริง ก่อนที่กุหลาบจะถูกเด็ดออกมา ก็มีหนามอยู่ก่อนแล้ว
มั่วไป๋ก็คือสายฟ้าที่ฟาดลงมาอย่างกะทันหันและรวดเร็ว ขณะที่เขาไม่ทันตั้งตัว ยามที่เผลอในแวบแรกที่เห็น สายฟ้านั้นก็จะเข้ามาปะทะตัวไม่หยุด
ถึงจะเจ็บ แต่ก็สวยงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
รถมาจอดใต้คอนโดมีเนียมของมั่วไป๋ เขายังอยู่ท่าเดิมไม่ขยับ ไป๋จิ่งเข้าไปใกล้เตรียมจะปลุกเรียกเขา แต่พอได้มองใบหน้าขาวผ่องก็อดจะคิดฟุ้งซ่านไม่ได้
เขาก้มหน้าเข้าประชิดใบหน้าของมั่วไป๋ ลมหายใจรดรินกระทบใบหน้าของเขา แค่เพียงไป๋จิ่งก้มหน้าอีกนิดก็จะจูบเขาได้แล้ว