ตอนที่ 190 ไป๋จิ่งไม่ใช่คนดี
เจียงมู่เฉินยิ้มเยาะ “นายมันกากเดนไม่กากเดน ในใจนายเองไม่รู้หรือไง ยังให้ฉันต้องบอกย้ำชัดออกมาอีกเหรอ”
“ไม่ใช่นะ ทำไมฉันถึงเป็นกากเดนไปแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งรู้สึกลำบากใจจะตายจริงๆ อยู่แล้ว ต่อหน้ามั่วไป๋มาพูดว่าเขาเป็นกากเดน เขาจะทนได้อย่างไร
เจียงมู่เฉินทำเสียงเย็นแสดงความไม่พอใจ “มั่วไป๋ไม่ใช่คนที่นายจะมาปั่นหัวยังไงก็ได้ ถึงยังไงขอเพียงแต่มีคุณชายอย่างฉันอยู่ ฉันไม่มีทางจะเห็นดีเห็นงามให้พวกนายคบกันเด็ดขาด…
…มั่วไป๋บริสุทธิ์ไม่เหมือนนาย ตอนนี้ใจมันคันๆ นึกสนุกก็พากันเข้ามา เวลาผ่านไป เกิดไม่ชอบขึ้นมาก็ทิ้งได้อย่างไม่ลังเล ถึงตอนนั้นนายเดินออกมาสบายๆ ตามใจนายได้ แต่มั่วไป๋ไม่ได้ เขาเผชิญหน้ากับมันอีกครั้งหนึ่งไม่ไหวแล้ว…”
“พอได้แล้ว!” มั่วไป๋พูดตัดบทอย่างเยือกเย็น
“เจียงมู่เฉิน นายเข้ามากับฉัน” มั่วไป๋เอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา
คาดไม่ถึงว่าคุณชายน้อยเจียงผู้หยิ่งยโสโอหังจะไม่ปริปากสักคำ แล้วเดินตามมั่วไป๋เข้าไป ไป๋จิ่งขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่อกี้ที่เจียงมู่เฉินพูดมาหมายความว่าไง
‘อะไรคืออีกครั้งหนึ่ง’
หรือว่า ในอดีตมั่วไป๋จะเคยประสบกับความเจ็บปวดอะไรสักอย่าง…
……
หลังจากเจียงมู่เฉินตามมั่วไป๋เข้าไป มั่วไป๋ก็เอาแต่ยืนอยู่หน้าหน้าต่างไม่พูดจา เจียงมู่เฉินร้อนใจจนไม่ไหวแล้ว “นายพูดมาสิ หมายความว่ายังไงกันแน่”
“ตกลงนายจะเอายังไงกับไป๋จิ่งกันแน่ คิดจะคบหาศึกษาดูใจกับเขาจริงๆ เหรอ…
…ฉันจะบอกนายให้นะมั่วไป๋ ไม่ว่ายังไงนายก็อยู่กับไป๋จิ่งไม่ได้ เจ้าผู้ชายกากเดนนั่นต่อไปจะทำให้นายเจ็บปวดได้แน่ๆ นายใช้เวลามาตั้งหลายปีขนาดนี้ กว่าจะเดินออกมาจากเรื่องเมื่อตอนนั้นได้ไม่ใช่ง่ายๆ ทำไมกัน ยังอยากจะเริ่มใหม่อีกครั้งหรือไง”
มั่วไป๋หลับตาลง “เฉินเฉิน นายเชื่อฉัน ฉันมีแผนของฉันเอง”
“นายมีแผนกับผีน่ะสิ นายจะมีแผนอะไรได้ แผนของนายคือเอาชีวิตของนายมาเล่นอีกครั้งเหรอ” เขารู้สึกจริงๆ ว่ามั่วไป๋กำลังเล่นกับไฟอยู่
อีกอย่างไฟนี้ลุกโชนขึ้นมาเพียงนิด เขาก็หนีออกมาไม่ได้อยู่แล้ว
“ไม่มีทางหรอก นายเชื่อฉัน ครั้งนี้ฉันมีการเตรียมพร้อม จะไม่เกิดเรื่องเหมือนครั้งก่อนนั้นได้อีก”
เจียงมู่เฉินกุมขมับ “มั่วไป๋ เรื่องในอดีต ฉันไม่อยากจะพูดถึงมันกับนาย แต่ว่าฉันก็หวังว่านายจะจำได้ ว่าตอนนั้นนายโดนเจ้าคนนั้นทำระยำตำบอนใส่จนสุดท้ายนายเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด นายลืมไปแล้วเหรอ”
เขาพยายามที่จะกดไฟโมโหของตัวเองไว้ “ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากจะให้นายมีความรัก ฉันก็อยากให้ข้างกาย นอกจากฉันแล้ว ยังมีคนอื่นอยู่เคียงข้างนายได้ แต่ไป๋จิ่งไม่ใช่คนที่เหมาะสมคนนั้น นายควรจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“เฉินเฉิน นายเชื่อฉันสักครั้งจะได้ไหม ครั้งนี้ฉันปกป้องตัวเองได้”
เขารู้แน่นอนอยู่แล้วว่าไป๋จิ่งไม่ใช่คนดีอะไร ได้รับรู้รสชาติไปครั้งหนึ่ง ก็ขาดทุนไปครั้งหนึ่ง เขาต้องได้บทเรียนแน่นอนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าครั้งนี้เขามีแผนอย่างอื่น
อย่างน้อยที่สุดเขาต้องทำให้ไป๋จิ่งจ่ายส่วนที่ควรจะจ่ายคืนเขามา
เจียงมู่เฉินเห็นเขาเป็นแบบนั้นก็ถอนหายใจอย่างจนหนทาง เขายืนตรงหน้าหน้าต่างเงียบไม่พูดจาอยู่นานสองนาน พยายามค่อยๆ เก็บกดไฟเดือดในใจลงอย่างช้าๆ
เขายืนเผชิญหน้ากับหน้าต่าง ใช้เวลาอยู่หลายนาทีถึงได้ทำให้อารมณ์สงบลงได้
สุดท้ายเจียงมู่เฉินก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “เอาเถอะ ในเมื่อนายอยากทำก็ทำเถอะ ฉันไม่รู้ว่าเหตุผลที่นายจะต้องคบกับไป๋จิ่งให้ได้คืออะไร แต่นายตัดสินใจเอง คิดทบทวนดีๆ แล้วก็โอเค อย่างมากฉันก็แค่ช่วยนายอีกครั้งหนึ่งเท่านั้นเอง”
ถ้าปรากฏฉากเดิมเหมือนในอดีตอีก อย่างมากเขาก็แค่ทำเหมือนตอนนั้น ช่วยมั่วไป๋อีกครั้งหนึ่ง ถึงอย่างไรก็ยังมีเขาอยู่ ไม่มีทางจะให้มั่วไป๋เกิดเรื่องเด็ดขาด
มั่วไป๋คือเพื่อนแท้ตลอดทั้งชีวิตนี้ของเขา นอกจากจะให้เกียรติอีกฝ่าย แล้วเขาจะทำอะไรได้อีก
มั่วไป๋มองดูใบหน้าของเจียงมู่เฉิน แล้วยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เขาจับมือเจียงมู่เฉินไว้ “เฉินเฉิน นายวางใจได้ ฉันจะไม่กลับไปเดินทางเดิมอีก”
เขาเอ่ยปฏิญาณ “จริงๆ นะ ฉันมีแผนของฉัน ถ้าพลาดไปจริงๆ ฉันก็ยังมีนายไม่ใช่เหรอ”
มั่วไป๋ยิ้มหัวเราะ “นายจะอยู่เคียงข้างฉันตลอดไปได้ใช่ไหมล่ะ”
ตอนที่ 191 คุณเสียใจทีหลังแล้วใช่หรือเปล่า
เจียงมู่เฉินพลิกมือมาจับเขาไว้ “โอเค เขาอยู่ที่นี่ ฉันก็ขอตัวไปก่อนแล้วกัน ไว้เขาไปแล้วฉันจะมาใหม่”
ในสถานการณ์แบบนี้ เขาไม่อยากจะเจอหน้าไป๋จิ่งเลยสักนิด
เจียงมู่เฉินหันกลับออกมาจากห้องนอน ไม่บอกลาไป๋จิ่งสักคำ เดินพุ่งตรงออกจากคอนโดมีเนียมไปทันที เขายืนสูบบุหรี่อยู่ใต้ตึก ถอนหายใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถ้ารู้ก่อนว่าจะเป็นแบบนี้ วันนั้นเขาไม่ควรจะเรียกมั่วไป๋ให้มาด้วยกันเลย แบบนี้ไป๋จิ่งจะได้หามั่วไป๋ไม่เจอ
เจียงมู่เฉินเดือดดาลจนทุบรถ สูบบุหรี่หมดมวนแล้วถึงขับรถออกไป
หลังจากที่เขาไป มั่วไป๋ก็ออกจากห้องนอนมาเช่นกัน ไป๋จิ่งเห็นเขาก็เป็นห่วงไม่เบา “ไม่เป็นไรใช่ไหม”
มั่วไป๋ส่ายหัว “ไม่เป็นไร จะทำอาหารเช้าไม่ใช่เหรอ”
ไป๋จิ่งยืนอยู่หน้าโต๊ะ ลังเลใจอยู่สักพัก ก่อนจะเอ่ยปากถาม “คุณเสียใจทีหลังแล้วใช่หรือเปล่า”
มั่วไป๋ชายตามองเขา ไป๋จิ่งเอ่ยเสียงต่ำ “เสียใจทีหลังที่ยอมตกลงคบกับผม”
เขายังไม่ลืมเรื่องที่เมื่อครู่นี้ที่เจียงมู่เฉินบอกว่าเขาเป็นผู้ชายกากเดน ต่อหน้าเขายังกล้าพูดขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงตอนเข้าไปในห้องเลย
มั่วไป๋ยกมุมปากขึ้นด้วยท่าทีเรียบเฉย “เปล่าๆ อย่าคิดมากเลย”
เขาเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างๆ ไป๋จิ่ง “ฉันหิวมากเลย นายต้องใช้เวลาอีกนานไหม”
เมื่อไป๋จิ่งได้ยินว่าเขาหิว ก็รีบพูดขึ้นทันที “คุณรอผมที่ห้องนั่งเล่นก่อนนะ เดี๋ยวผมจะเสร็จแล้ว”
มั่วไป๋ยิ้มหัวเราะ ไม่ได้ค้างอยู่ตรงนั้น เขาหมุนตัวเดินเข้าห้องรับแขกไป ไป๋จิ่งรีบเอาของที่ตัวเองเตรียมไว้มาคลุกเคล้าให้เข้ากัน ผ่านไปสิบกว่านาทีถึงทำของในหม้อเสร็จ
เขาจัดโต๊ะเก็บกวาดอะไรเรียบร้อย ถึงค่อยเรียกมั่วไป๋ออกมากินอาหารเช้า
มั่วไป๋นั่งลงหน้าโต๊ะ ไป๋จิ่งทำหน้าราวกับกำลังมอบของล้ำค่า ให้มั่วไป๋นั่งรอเขาสักครู่หนึ่ง มั่วไป๋มองดูการแสดงของเขาเงียบๆ ให้ความร่วมมือเต็มที่
ไป๋จิ่งหมุนตัวหันกลับเข้าห้องครัวไป หยิบชามมา แล้วตักของที่อยู่ในหม้อใส่ลงไป ก่อนจะยกมาวางต่อหน้ามั่วไป๋
มั่วไป๋เห็นของในชามชัดๆ ก็ตะลึงค้างไป แววตาทอประกายขึ้นมาวาบหนึ่ง
“เมื่อวานคุณบอกว่าอยากกินเกี๊ยวน้ำไม่ใช่เหรอ เมื่อวานไม่ได้ซื้อเครื่องปรุงมาทำ วันนี้เลยตั้งใจไปซื้อล่วงหน้ามาก่อน แล้วก็รีบมาที่นี่ คุณลองชิมดูว่าอร่อยไหม”
รอบดวงตามั่วไป๋ร้อนๆ ขึ้นมาเล็กน้อย เขาจ้องมองเกี๊ยวน้ำในชาม มือที่จับตะเกียบสั่นเบาๆ เขากลัวไป๋จิ่งจะดูออก จะระแคะระคาย จึงรีบยื่นมือไปจับนิ้วมือไว้แน่น
เขาก้มหัวลงชิมไปหนึ่งคำ ก่อนจะยิ้มออกมา “อร่อย”
ไป๋จิ่งได้ยินเขาพูดแบบนี้ ถึงได้วางใจลง “งั้นคุณก็กินเยอะๆ หน่อยนะ”
มั่วไป๋กินเกี๊ยวน้ำที่อยู่ในปากไป ในใจอารมณ์ก็ซับซ้อน มีความรู้สึกบางอย่างที่พูดออกมาไม่ได้ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรไปครู่หนึ่ง
หลังจากกินเกี๊ยวน้ำชามนี้อย่างเงียบจนเสร็จ มั่วไป๋ถึงได้วางชามลง ไป๋จิ่งเห็นก็รีบพูด “อยากจะกินอีกไหม ผมต้มไว้เยอะเลย”
มั่วไป๋ส่ายหัว “ไม่ต้องแล้ว ฉันเองก็กินต่อไม่ไหวแล้ว”
อารมณ์ของเขาดูเหมือนจะติดลบนิดหน่อย หลังจากไป๋จิ่งเก็บกวาดของในครัวเสร็จ ออกมาก็เห็นมั่วไป๋ยืนอยู่ตรงระเบียง
ไป๋จิ่งยืนอยู่ข้างหลัง มองดูแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวของมั่วไป๋ เขายืนอยู่คนเดียวตรงนั้นราวกับโลกทั้งใบมีแค่เขาอยู่คนเดียวอย่างไรอย่างนั้น ตัวเองไม่เดินออกมา คนอื่นก็ทลายกำแพงเข้าไปไม่ได้ ความรู้สึกเดียวดายที่ซัดสาดดั่งคลื่นกระทบฝั่งแบบนั้นทำให้ไป๋จิ่งทุกข์ระทมไม่เบา
เพียงชั่วพริบตาเดียว เขาปรารถนาแค่จะเข้าไปโอบกอดคนตรงหน้าไว้โดยไม่สนอะไรทั้งนั้น
ไป๋จิ่งกำมือแน่น สุดท้ายค่อยๆ เดินไปเข้าไปยืนข้างๆ มั่วไป๋ เขาหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ก่อนเอ่ยเสียงต่ำ “สูบบุหรี่ไหม”
มั่วไป๋ก้มหน้ามองบุหรี่ในมือเขา แล้วหัวเราะ “ได้สิ”
ไป๋จิ่งหยิบบุหรี่ออกมาจากซองใส่บุหรี่ ยื่นให้ต่อหน้ามั่วไป๋ มั่วไป๋ยิ้มเบาๆ ก่อนส่งมือไปรับ สายตาเขาจับจ้องอยู่ที่บุหรี่มวนนั้น กรอกตาไปมาอยู่อย่างนั้น
“เป็นไรไป” ไป๋จิ่งเอ่ยเสียงต่ำ
มั่วไป๋หัวเราะ “ไม่มีอะไร ก็แค่คิดถึงเรื่องๆ หนึ่งขึ้นมา”
“คำพูดที่เจียงมู่เฉินพูดไปเมื่อกี้นี้ ผมได้ยินหมดแล้ว” เขาหยุดลงสักพัก “เมื่อก่อนคุณ…”