ตอนที่ 202 ขึ้นเขาหาคน
ตอนนั้นเขาเคยถามคุณแม่เจียง คุณแม่เจียงบอกเขาว่าเขาเกิดอุบัติเหตุสมองได้รับการกระทบกระเทือน ดังนั้นจึงจำอะไรไม่ได้สักอย่าง หลายปีมานี้เรื่องสูญเสียความทรงจำสำหรับเขาแล้วไม่ได้มีผลกระทบอะไรจริงๆ ดังนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาก็เลยไม่ได้คิดจะถามเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น
แต่ตอนนี้โดนซังจิ่งว่ามาขนาดนี้ จู่ๆ เขาก็ชักจะอยากรู้ขึ้นมาว่าเขาเมื่อห้าปีก่อนประสบกับอะไรกันแน่ ทำไมถึงได้บาดเจ็บจนเสียความทรงจำได้
“ขอโทษ ฉันไม่มีภาพจำอะไรจริงๆ”
เจียงมู่เฉินไม่อยากจะบอกซังจิ่งเรื่องที่ตัวเองสูญเสียความทรงจำ ทำได้เพียงแกล้งนึกไม่ออก ลืมๆ ไปแล้ว
ซังจิ่งเองก็ไม่ได้ซักไซ้ถามเอาความต่อ เขายิ้มหัวเราะ “ไม่เป็นไร ถึงยังไงผมเองก็ไม่ได้หวังว่าคุณจะนึกออกอยู่แล้ว”
รถขับขึ้นไปตามเส้นทางบนภูเขา หลังจากผ่านถนนที่ราบเรียบแล้ว ทางต่อมาก็เริ่มจะทำให้รถโคลงเคลงนิดหน่อย เจียงมู่เฉินนั่งตัวตรงปรับพนักที่นั่งขึ้นมา
“ทางข้างบนเป็นแบบนี้ทั้งหมด ผมพยายามจะขับช้าที่สุดแล้ว”
“ไม่เป็นไร นายขับปกติเถอะ”
……
ซือเหยี่ยนรอกว่าสามชั่วโมง คนถึงเพิ่งจะมาถึง แล้วใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ ในการเคลียร์ทางขนย้ายก้อนหินที่กระจัดกระจายไปทั่ว รถถึงเพิ่งได้ขับมุ่งหน้าไปต่อ
หนึ่งชั่วโมงให้หลัง รถก็มาจอดที่หน้าทางเข้าโรงแรมที่เจียงมู่เฉินพวกเขาเข้าพักกันเมื่อวานนี้ ซือเหยี่ยนเปิดประตูรถลงไปตามหาคนทันที
หลังจากเข้าไปแล้ว ถึงได้พบว่าเจียงมู่เฉินไม่อยู่ที่โรงแรม แต่ขึ้นเขาไปแล้ว
ซือเหยี่ยนเงยหน้ามองภูเขาที่บุกเบิกไปเพียงครึ่งหนึ่ง แล้วกุมขมับ แฟนของเขาไล่ตามหาที แต่ละด่านยุ่งยากลำบากเกินไปแล้วจริงๆ
กลับขึ้นรถอีกครั้ง ซือเหยี่ยนออกเดินทางมุ่งขึ้นเขาไป
ซือเหยี่ยนนั่งหลับตาอยู่ในรถ ขบกรามอยู่เงียบๆ รอให้หาเจียงมู่เฉินไอ้หมอนั่นเจอได้เมื่อไหร่ จะต้องมัดเขาไว้กับเตียง ‘ทำ’ ทั้งสามวันสามคืนแน่ๆ
ไม่เอ่ยปากพูดสักคำก็หนีเตลิดมาที่ๆ รกร้างว่างเปล่า ไร้ผู้คนแบบนี้ จะติดต่อกันก็ยากลำบากยิ่งไม่ต้องพูดถึง ยังจะคิดวิ่งวุ่นไปทั่วอีก
เขากุมขมับอย่างจนใจ ถึงอย่างไรก็เป็นแฟนของเขาเอง จะยากลำบากอีกแค่ไหนก็ต้องตามหา
ซังจิ่งขับรถมาจอดที่จุดชมวิวข้างทางทั้งสองคนลงจากรถมายืนอยู่ข้างๆ เขาชี้มือไป “มองจากตรงนี้ลงไป”
เจียงมู่เฉินมองตามตำแหน่งที่ซังจิ่งชี้ไป ข้างล่างเป็นทะเลสาบสีเขียวมรกต รูปลักษณ์คล้ายหงส์ สีเขียวของอัญมณีเฉิดฉาย มองจากมุมนี้งดงามจนเกินน่าขนลุกจริงๆ
ไม่เพียงเท่านี้ นอกจากทะเลสาบผืนใหญ่ ยังมีทะเลสาบเล็กๆ เชื่อมอยู่ด้านข้าง ดูจากมุมไกลๆ ราวกับมีเม็ดอัญมณีทีละเม็ดประดับประดาเรียงต่อกัน
“พวกเราสื่อสารกับส่วนท้องถิ่นเรียบร้อยแล้ว ที่นี่ไม่เพียงแค่บุกเบิกทำเป็นรีสอร์ทยังทำเป็นจุดชมวิวได้ด้วย ยิ่งกว่านั้นส่วนท้องถิ่นกับพวกเราจะทำโฆษณาด้วยกัน ส่งเสริมผลักดันที่นี่ออกไป ใช้ประโยชน์จากทัศนียภาพเป็นตัวขับเคลื่อนให้ที่นี่เป็นเขตท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ วินวินกันทั้งสองฝ่าย”
ซังจิ่งยืนอธิบายอยู่ข้างๆ
เจียงมู่เฉินพยักหน้า สถานที่แห่งนี้ไม่เลวจริงๆ รอให้มีการบุกเบิกอะไรเสร็จเรียบร้อยก่อน จากนั้นหาคนมาผลักดันส่งเสริมออกไป เป็นโอกาสทางธุรกิจที่ใหญ่มากจริงๆ บวกกับแรงสนับสนุนจากส่วนท้องถิ่น ก็ยิ่งสะดวกมากขึ้นไปอีก
“นอกจากตรงนี้ ยังมีที่อื่นอีกไหม”
ซังจิ่งพยักหน้า “มีอยู่แล้ว แต่มีเพียงตรงนี้ ผมยังทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ เพียงแต่ว่าทางข้างบนรถยังขึ้นไปไม่ได้ พวกเราต้องเดินขึ้นไปเองเท่านั้น”
เจียงมู่เฉินยักไหล่ “ได้สิ ไปกันเถอะ”
ทั้งสองคนเอารถมาจอดยังจุดชมวิว เดินย่ำเท้าขึ้นไป ยิ่งขึ้นไปยิ่งเดินลำบาก เจียงมู่เฉินเดินไปสักพักก็รู้สึกกำลังของร่างกายยืนหยัดไม่ค่อยจะไหวแล้ว
เขาเอามือยันต้นไม้ข้างทางไว้ พักหายใจหายคอสักพัก
ซังจิ่งมองดูเขา “ยังไหวไหม อยากจะพักสักหน่อยหรือเปล่า”
เจียงมู่เฉินส่ายหัว “ไม่ต้อง ไปต่อเถอะ”
ทั้งสองคนปีนขึ้นข้างบนไป ซังจิ่งพาเขามาดูสถานที่ที่เขาคิดจะสร้างเขตท่องเที่ยวพักผ่อน แค่ก้มหัวลงก็เห็นทะเลสาบข้างล่างได้พอดี
ข้างหลังยังมีที่ดินผืนใหญ่เป็นพื้นที่ว่างเปล่า ถึงตอนนั้นลองปูพื้นเป็นสนามหญ้า สร้างเครื่องเล่นทำสวนสนุกก็ไม่เลว เจียงมู่เฉินยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าที่ดินผืนนี้ไม่เลว
ตอนที่ 203 แฟนหนุ่มอยากปีนกำแพง
“ถึงตอนนั้นทำเป็นเขตท่องเที่ยวพักผ่อนแล้ว ยังจากหาที่สงบๆ สร้างคฤหาสน์ไว้เป็นบ้านพักตากอากาศสักหลัง ต่อไปพอแก่ตัวมาอาศัยอยู่ที่นี่ก็เหมาะสมดีเหมือนกัน”
ซังจิ่งเผลอยิ้มออกมา “คุณชายเจียงในฐานะผู้ร่วมก่อสร้างโครงการ ความปรารถนาแค่นี้ทำให้ได้อยู่แล้ว ถึงตอนนั้นหลังจากเริ่มการก่อสร้างแล้ว ก็หาสถานที่ที่เงียบสงบให้คุณชายเจียงออกแบบคฤหาสน์ส่วนตัว”
สถานที่แห่งนี้เงียบสงบ ท้องฟ้าคราม ต้นไม้เขียว ก้มหน้าก็เห็นทะเลสาบ เงยหน้ายื่นมือไปก็สัมผัสก้อนเมฆได้ ถ้าวันหลังมีเวลามาที่นี่กับซือเหยี่ยนอยู่สักสามสี่วันก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวทีเดียว
รถของซือเหยี่ยนขับขึ้นมาบนเขา ก็เห็นรถออฟโรดคันหนึ่งจอดอยู่ที่จุดชมวิว นัยน์ตาสะท้อนแววความซับซ้อน ดูว่าเจียงมู่เฉินจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่นี่แล้ว
เจียงมู่เฉินไม่เอ่ยปากพูดสักคำ จู่ๆ ก็ขาดการติดต่อไป ซือเหยี่ยนขบกรามแน่น รอให้พบตัวเจียงมู่เฉินให้ได้เมื่อไหร่ จะคิดบัญชีกับเขาอย่างสาสมให้ดู
พื้นที่ในภูเขาใหญ่เกินไป ทำให้ตอนนี้เขาไม่สามารถประมาณการตำแหน่งที่เจียงมู่เฉินอยู่คร่าวๆ ได้ ซือเหยี่ยนทำได้เพียงนั่งรออยู่ในรถ ขอเพียงแต่รถของพวกเจียงมู่เฉินอยู่ที่นี่ อย่างไรก็ต้องกลับมาที่นี่เป็นธรรมดา
นั่งซุ่มรอแบบนี้เหมาะที่สุด
เจียงมู่เฉินกับซังจิ่งดูสถานที่ข้างบนเสร็จเรียบร้อย ก็พักเอาแรงกันสักหน่อย ก่อนจะเดินกลับทางเดิม ตอนขึ้นไปยังไม่รู้สึก ตอนลงมาเจียงมู่เฉินรู้สึกว่าขาของตัวเองอ่อนแรงไปหมด
เดินลงเขาด้วยความยากลำบากตลอดทาง กว่าจะเดินให้ถึงจุดชมวิวที่จอดรถเอาไว้ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ง่ายๆ เขาที่ยืนทรงตัวไม่อยู่เกือบจะลื่นล้มลงไปแล้ว
เจียงมู่เฉินสะดุ้งตกใจ เขารีบเอามือคว้าต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ แต่กลับคว้าได้แต่อากาศ คนทั้งคนร่วงลงไป
ซังจิ่งรีบส่งมือไปดึงตัวคนกลับมากอดประคองไว้
“ไม่เป็นไรใช่ไหม” ซังจิ่งรีบตั้งหลักให้ทั้งสองคนทรงตัวได้ แล้วถึงเอ่ยถามเสียงต่ำ
เจียงมู่เฉินส่ายหัว “ไม่เป็นไร ขอบใจ”
ซังจิ่งยิ้มหัวเราะ “ไม่เป็นไรก็ดี ถ้าเกิดเรื่อง ผมต้องรับผิดชอบแล้ว”
เจียงมู่เฉินมองดูมือเขาที่ยังวางพาดอยู่บนเอวของตัวเอง แล้วเลิกคิ้ว “คือว่า มือปล่อยได้หรือยัง”
ซังจิ่งเองก็ไม่ได้รู้สึกเกรงใจอะไร จงใจอาศัยเรื่องช่วยคน กอดเขาไว้ในอ้อมอกตัวเอง ตักตวงผลประโยชน์ตั้งนานสองนาน เขาคลายมือออกอย่างเงียบๆ แล้วหัวเราะเบาๆ “บอกตามตรง สัมผัสที่มือไม่เลวจริง”
เจียงมู่เฉินยิ้มเยาะ “ฉันกอดนาย สัมผัสที่มือยิ่งไม่เลว”
ซังจิ่งยิ้มอย่างหน้าไม่อาย “ถ้าคุณยอมกอดผม ผมก็ยอม อย่างมากผมก็แค่กินทุนตัวเองนิดหน่อย”
เจียงมู่เฉินตบมืออย่างไม่แยแส “นายอยากกินทุนตัวเอง แต่ฉันยังไม่อยากให้นายกิน”
ทั้งสองคนพูดไปเดินไปจนลงจากเขามา เพิ่งเดินไปได้ไม่เท่าไหร่ เจียงมู่เฉินก็เห็นซือเหยี่ยนที่ใบหน้าเคร่งขรึมอยู่ไม่ไกลนัก เพียงพริบตาเดียวก็ตะลึงค้างไป
เขามองดูตัวเอง แล้วยังมองดูซังจิ่ง
ซือเหยี่ยนเจ้าหมอนั่นอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่แล้ว เมื่อกี้ที่ซังจิ่งกอดเขา ซือเหยี่ยนเห็นหมดแล้ว?
ซือเหยี่ยนสีหน้าคร่ำเคร่งยิ้มเยาะ เขาอกสั่นขวัญแขวนรีบออกมาตามทั้งคืน จนถึงตอนนี้ตาค้างมาตลอดทางที่ตามเข้ามาหา
ใครจะไปคิดได้ ว่าแฟนของเขาจะหน้าตาชื่นบาน มีคนเคียงข้าง เพลิดเพลินบนภูเขาไม่ลืมหูลืมตา มีหรือจะยังจำได้ว่าเขายังมี ‘ผู้ชาย’ ของตัวเองเป็นตัวเป็นตนคอยอยู่ที่บ้าน
‘สุดยอดไปเลยจริงๆ!’
“ซือเหยี่ยน นายมาได้ยังไง” เจียงมู่เฉินตกใจจนฉี่เกือบราด เขาก็แค่ขึ้นไปสำรวจดูงานบนเขา แล้วไม่ระวังเสียหลักทรงตัวไม่อยู่ โดนซังจิ่งจงใจโอบเอวเท่านั้นเอง ผลสุดท้ายกลับโดนซือเหยี่ยนจับได้คาหนังคาเขา
เขาคิดอย่างจริงจัง ถ้าบอกซือเหยี่ยนว่านี่คือเรื่องบังเอิญพอดี จะมีความน่าเชื่อถืออยู่ไหม
ซือเหยี่ยนยิ้มเยาะ “อะไรกัน คุณไม่ยินดีต้อนรับผมเหรอ”
‘แฟนใกล้จะกระโดดกำแพงหนีแล้ว ยังถามเขาว่ามาได้ยังไงอีก ถ้ายังไม่มาดูแฟน แล้วจะให้เตรียมรอโดนบอกเลิกหรือไง’
เจียงมู่เฉินเห็นเขายิ้มเยาะแบบนั้น เพียงแป๊บเดียวเหงื่อก็ไหลออกมาแล้ว
“คือว่า ก็ฉันเป็นห่วงไม่ใช่หรือไง”
“ประธานซือ ไม่ได้เจอกันนาน คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอคุณได้ที่นี่” ซังจิ่งไม่เพียงแต่เข้าไปยุ่ง ยังคิดสุมไฟเข้าไปอีก
เจียงมู่เฉินถลึงตาใส่แอบเตือนเขา อย่าพูดอะไรมั่วๆ จะดีที่สุด
ซังจิ่งทำไขสือลูบจมูกปอยๆ เขาเป็นคนพูดไปเรื่อยแบบนั้นเหรอ มากที่สุดเขาก็แค่เติมเชื่อไฟนิดหน่อยให้ไฟเผาเร็วขึ้นนิดหน่อยก็เท่านั้นเอง