ตอนที่ 216 คุณชายจะเจี๋ยนนายทิ้งซะ
เขาใช้ชีวิตมาตั้งหลายปีกว่าจะมาตกหลุมรักซือเหยี่ยน ความรักความรู้สึกครั้งนี้ เขาจะพยายามรักษามันเอาไว้ให้ได้
ทั้งสองคนนั่งอยู่ข้างทะเลสาบ ต่างอิงแอบคลอเคลียกันไปมา ท่ามกลางความมืดมิดมือทั้งสองสอดประสานกันอย่างแนบสนิท การกระทำทุกอย่างราวกับจะบอกอีกฝ่ายถึงความตั้งใจอันหนักแน่นว่าอยากจะเดินไปด้วยกันชั่วนิรันดร์
เวลาผ่านไปนานระยะหนึ่ง เจียงมู่เฉินถึงได้ยืนขึ้น
“ไปเถอะคุณแฟน กลับไปนอนได้แล้ว”
ซือเหยี่ยนเลียนแบบท่าทางเมื่อครู่นี้ ส่งมือไปทางเจียงมู่เฉิน เจียงมู่เฉินขำจนยกยิ้มมุมปากขึ้น เล่นใหญ่ทีกลับไม่ลืมจะยื่นมือมา
ซือเหยี่ยนมองดูมือที่เขาส่งมา ก่อนจะเกี่ยวพันจับแขนไว้แน่น เจียงมู่เฉินออกแรงดึงขึ้นมา ทั้งสองคนเดินควงแขนกันมุ่งหน้ากลับไป
ในโรงแรมเดิมทีก็ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่อยู่แล้ว นอกจากพวกเขาไม่กี่คนก็ไม่มีใครคนอื่น ตอนที่เจียงมู่เฉินพวกเขากลับมา ซังจิ่งก็ไม่อยู่ที่ล็อบบี้โรงแรมแล้ว
เจียงมู่เฉินไม่เห็นเขาก็ไม่ได้ถามหา เจ้าตัวพาซือเหยี่ยนเข้าห้องไปทันที
ทั้งสองคนอาบน้ำเสร็จถึงเพิ่งได้เอนตัวลงนอนบนเตียงมองดูดวงดาวนับพันนับหมื่นอยู่นอกหน้าต่าง ที่นี่ไม่มีอินเทอร์เน็ต นอกจากคุยกันก็ทำได้แค่นอนหลับ
ทั้งสองคนหลับกันมาทั้งบ่ายแล้ว พอมานอนกันแต่หัวค่ำแบบนี้ก็ทำให้นอนไม่ค่อยจะหลับเท่าไหร่ นับดวงดาวมาตั้งนานสองนาน เจียงมู่เฉินก็ยังไม่รู้สึกง่วงนอน เจียงมู่เฉินเอาแต่พลิกมาคว่ำไปไม่หยุด
ซือเหยี่ยนเห็นเขาเหมือนกับแพนเค้กที่พลิกไปพลิกมาทั้งสองด้าน เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ พลางเบรกอีกฝ่ายเอาไว้ “ถ้าคุณนอนไม่หลับจริงๆ พวกเราหาอะไรทำกันหน่อยไหม”
เจียงมู่เฉินขบกราม อะไรที่ออกมาจากปากของซือเหยี่ยน เห็นแล้วก็รู้ได้ในทันใดว่าต้องไม่มีเรื่องอะไรดีๆ
“ไม่เอา ฉันขอปฏิเสธ พรุ่งนี้เช้าต้องไปขึ้นเขา คือว่านาย ถ้าพรุ่งนี้ถึงเวลาแล้วฉันกล้ามเนื้อขาอ่อนแรงขึ้นมา นายจะแบกฉันขึ้นไปเหรอ”
ซือเหยี่ยนพลิกตัวขึ้นมาคร่อมทับเขาไว้ “ผมแบกคุณเอง ไม่ต้องให้คุณเดิน”
เจียงมู่เฉินไม่ค่อยจะเชื่อคำพูดของเขานัก “ทางเรียบก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ในเขานายยังจะแบกฉันได้ ถึงตอนนั้นพวกเราจะเสียหลักล้มกันหมดพอดี”
ซือเหยี่ยนยักคิ้ว “คุณลืมไปแล้วเหรอว่าครั้งก่อนที่คุณโดนลักพาตัววิ่งหนีเข้าในเขาไป ใครอุ้มคุณออกมา วันนั้นผมทั้งอุ้มทั้งแบกพาคุณออกมานะ”
เหมือนจะมีเหตุผลก็เหตุผลนี้ไม่ผิด แต่ว่าก็รู้สึกตลอดว่ามันตหงิดๆ ดูชอบกล
“ต้องการให้ผมช่วยคุณออกกำลังกายสักหน่อยมั้ย หลังจากนั้นพอคุณเหนื่อยแล้วก็ค่อยนอนพักกัน” ซือเหยี่ยนเริ่มกัดเข้าที่ใบหูเขา พร้อมเอ่ยเสียงต่ำยั่วยวนล่อใจ
เสียงกดต่ำของซือเหยี่ยนดังวนเวียนอยู่ที่ข้างหูเขาไม่หยุด ช่างดึงดูดคนเหลือเกิน เจียงมู่เฉินโดนเขาทำแบบนี้ ใจก็เต้นตึกตักบ้างแล้ว
ถึงอย่างไรก็ไม่ได้ ‘ทำ’ กับซือเหยี่ยนมานานแล้ว จะ ‘ทำ’ กันสักหน่อยก็ไม่น่าจะมีอะไร
คิดได้เช่นนี้ เจียงมู่เฉินก็พยักหน้ารับคำยอมตกลงทันที “โอเค แต่ให้แค่ครั้งเดียวนะ”
ซือเหยี่ยนเห็นว่าในที่สุดเขาก็รับคำยอมตกลงได้เสียที พอเจียงมู่เฉินพยักหน้า ซือเหยี่ยนก็ลงมือวาดลวดลายทันที แต่จู่ๆ เจียงมู่เฉินก็นึกอะไรขึ้นมาได้ รีบฉุดมือเขาไว้ “เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่ง”
ซือเหยี่ยนหยุดการกระทำลง มองดูเขา
“ห้องนี้กันเสียงไม่ดีจริงๆ นายทำเบาๆ หน่อยนะ”
ซือเหยี่ยนเงียบไปพักหนึ่ง วินาทีต่อมาก็สอดแขนช้อนร่างของเขาอุ้มขึ้นมาพาเข้าห้องน้ำไป “อยู่ข้างในนี้ ข้างนอกไม่ได้ยินแล้วใช่ไหม”
หลังจากเจียงมู่เฉินให้เขาปิดประตูสนิทแล้ว ถึงได้เห็นด้วย
ออกกำลังกายกันอยู่ข้างใน ทั้งร่างเจียงมู่เฉินเต็มไปด้วยเหงื่อ ซือเหยี่ยนอุ้มเขาไปอาบน้ำล้างตัว สุดท้ายอาบไปอาบมา ก็จัดกันไปอีกรอบ
เจียงมู่เฉินกัดฟันกรอด ที่แท้เจ้าหมอนี่ให้แค่ครั้งเดียว ไม่มีทางจะเป็นไปได้อยู่แล้ว
เมื่อซือเหยี่ยนจะจับกดเขาอีกครั้ง เจียงมู่เฉินก็ระเบิดลงจริงๆ แล้ว เขายกขาที่ไร้เรี่ยวแรงขึ้นถีบใส่อีกฝ่ายไปทีหนึ่ง “นายแม่งถ้ากล้ามาอีก คุณชายจะเจี๋ยนนายทิ้งซะ”
โดนขู่ฟ่อขนาดนี้ ซือเหยี่ยนก็ว่าง่ายโดยพลัน รีบอาบน้ำล้างตัวเช็ดตัวคนให้แห้ง แล้วอุ้มออกมาบรรจงวางลงบนเตียง ตั้งใจปรนนิบัติดูแล
พวกเขาไม่ได้ ‘ทำ’ กันมาระยะหนึ่งแล้ว ยังมาจัดกันไปสองรอบในห้องน้ำอีก เขารับไม่ค่อยจะไหวแล้วจริงๆ คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย นอนฟุบอยู่บนเตียง ไม่อยากขยับเขยื้อนร่างกายไปไหนเลย
ตอนที่ 217 ออกเดินทางไปดูพระอาทิตย์ขึ้น
ซือเหยี่ยนรู้ดีแก่ใจว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดที่กินเขาจนคุ้มทุน ทำหน้าทำตาน่าเอ็นดูเสนอตัวช่วยนวดให้เจียงมู่เฉิน
เขานวดให้ขนาดนี้แล้ว ผ่านไปพักหนึ่ง เจียงมู่เฉินก็รู้สึกว่ากล้ามเนื้อที่หดเกร็งไปทั้งตัวค่อยๆ ผ่อนคลายลงอย่างช้า
ได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะอย่างสม่ำเสมอ ซือเหยี่ยนถึงได้หยุดลง ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เจียงมู่เฉินด้วยความระมัดระวัง แล้วจับเขาพลิกตัวมานอนหงายดีๆ
ทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ซือเหยี่ยนถึงได้เอนตัวลงนอนข้างกายเจียงมู่เฉิน
ท่ามกลางความมืดมิดซือเหยี่ยนมองหาแสงไฟรางๆ จากข้างนอกที่ฉายสะท้อนเข้ามากระทบใบหน้ายามหลับใหลของเจียงมู่เฉิน พินิจมองอยู่อย่างนั้น เขารู้สึกชอบใจอย่างบอกไม่ถูก จนทนไม่ไหวเข้าไปใกล้แล้วมอบจุมพิตก่อนนอนให้คนตรงหน้า
ถ้าไม่ใช่เพราะคิดถึงว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า ซือเหยี่ยนเกรงว่าตัวเองในตอนนี้จะทำให้อีกคนตื่นแล้วจัดกันอีกสักรอบ
ในห้องที่เงียบสงบ เพียงครู่เดียวคนสองคนก็เข้าสู่นิทรา
……
เช้าวันต่อมาเวลาตีสี่ ซือเหยี่ยนตื่นมาแล้ว ขณะเดียวกันเจียงมู่เฉินก็ยังคงนอนหลับปุ๋ยอยู่ เขาดูเวลาแล้ว ลังเลอยู่พักหนึ่งก็ตัดสินใจเรียกปลุกเจียงมู่เฉิน
“เฉินเฉิน ตื่นได้แล้ว”
ซือเหยี่ยนเอ่ยเสียงเบาๆ เรียกปลุกเจียงมู่เฉิน เขาขยับพลิกตัวนอนต่อ
เขาถอนหายใจเงียบๆ ว่าแล้วเชียวเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าหมอนี่จะตื่นได้ตามเวลาจริงๆ เขายื่นมือไปบีบจมูกเจียงมู่เฉินไว้ เป็นอย่างคิดไม่กี่วินาทีเจียงมู่เฉินก็ขมวดคิ้วในทันใด
ซือเหยี่ยนฉวยโอกาสที่เจียงมู่เฉินยังไม่ตื่นดี รีบคลายมือออก “เฉินเฉิน รีบตื่นเร็วเข้า”
เวลานี้เจียงมู่เฉินถึงได้ยกเปลือกตาหนักๆ ขึ้นมาด้วยความยากลำบาก “จะทำอะไร ฟ้ายังไม่สว่างเลย นายมาเรียกฉันทำไม”
ซือเหยี่ยนมองเขาขำๆ “ไม่ใช่ว่าวันนี้จะออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันหรอกเหรอ ถ้าไม่อยากไป คุณก็นอนต่อเลย”
เจียงมู่เฉินได้ยินคำพูดว่าไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ทันทีหลังจากนั้นก็มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา เขาเกือบจะลืมไปแล้วว่าวันนี้รับปากซือเหยี่ยนเอาไว้ว่าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกัน
ฉวยโอกาสที่ตัวเองยังมีสติอยู่ นั่งตัวตรงขึ้นมาในพริบตา “ไปๆๆ ต้องไปสิ เมื่อคืนคุณชายพูดแล้ว รับรองว่าวันนี้ตื่นเช้าได้”
เจียงมู่เฉินลงจากเตียงด้วยท่าทางโคลงเคลง พุ่งตัวเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟัน แบบนี้ถึงได้ตาสว่างตื่นตัวมากขึ้น
ทั้งสองคนสวมเสื้อผ้าแล้วเดินออกจากห้องไป
ในโรงแรมไม่มีใครสักคน มืดมิดไม่มีแสงไฟ ซือเหยี่ยนกับเจียงมู่เฉินเดินตามหลังกันไป เมื่อออกจากประตูใหญ่ทางเข้าโรงแรม ก็ไปนั่งในรถของซือเหยี่ยนทันที
ก่อนซือเหยี่ยนจะขับรถออกตัวไป เขาหยิบของกินเล็กๆ น้อยๆ ให้เจียงมู่เฉิน ทั้งยังหยิบผ้าห่มให้อีกด้วย แล้วถึงได้สตาร์ทรถขับออกไป
เจียงมู่เฉินเอาผ้าห่มมาพันตัวไว้ แล้วเอนพิงพนักที่นั่งข้างคนขับอย่างรวดเร็วเสร็จสรรพ เขากินขนมปังไปด้วย ป้อนซือเหยี่ยนไปด้วย
หลังจากที่ผ่านถนนราบเรียบข้างหน้าแล้ว เจียงมู่เฉินก็หยุดป้อนอาหาร ข้างหน้าเป็นทางขึ้นเขาทั้งหมด เขายังไม่อยากฝังศพกับซือเหยี่ยนด้วยกันที่นี่
“ซือเหยี่ยน เมื่อก่อนนายเคยขับรถขึ้นภูเขาแบบนี้ไหม” เจียงมู่เฉินชักจะอยากรู้ขึ้นมา
“เปล่า ครั้งแรก”
“อ้าวเฮ้ย ครั้งแรกนายยังกล้าบอกฉันว่าจะขับรถขึ้นเขาไปดูพระอาทิตย์ขึ้นอีกเหรอ ฉันใช้ชีวิตของฉันอยู่ดีๆ ยังไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่”
ซือเหยี่ยนขับรถอย่างเอาจริงเอาจัง “คุณเชื่อผมสักหน่อยไม่ได้เหรอ ผมมีใบอนุญาตขับขี่รถแข่ง แค่ทางขึ้นเขาจะกลัวอะไร”
“นายยังมีใบอนุญาตขับขี่รถแข่งด้วยเหรอ เจ๋งขนาดนี้เชียว” พอเจียงมู่เฉินได้ยินก็อิจฉาขึ้นมาทันใด “ครั้งหน้าเมื่อไหร่นายจะพาฉันไปแข่งรถไหม”
ซือเหยี่ยนเอียงหน้ามองเขาแวบหนึ่ง “ได้ รอคราวหน้า ผมจะพาคุณไปแข่งรถ”
พูดถึงเรื่องใบอนุญาตขับขี่รถแข่งขึ้นมา ในสมัยนั้นตอนที่อยู่โรงเรียนฝึกตำรวจ เขากับเจียงมู่เฉินเจียดเวลาว่างไปเรียนอบรมสอบขอใบอนุญาตขับขี่รถแข่งมา ใบขับขี่นี้ของเจียงมู่เฉินยังถูกเก็บรักษาอยู่ที่เขาตลอด
ท่ามกลางภูเขาที่มืดสนิทมีเพียงรถของซือเหยี่ยนที่ขับเคลื่อนไปตามถนนบนเขา จนกระทั่งรถมาจอดพักที่จุดชมวิว ทั้งสองคนถึงได้ลงจากรถมา ก่อนที่ซือเหยี่ยนจะลงจากรถก็หยิบเอาของกินและผ้าห่มที่เจียงมู่เฉินห่มเมื่อครู่นี้เอาลงไปด้วย