เช้าวันรุ่งขึ้น อวิ๋นหรูเอากล่องข้าวไปที่เรือนหรงอี้
“ท่านพ่อ ข้าเข้าใจทุกอย่างแล้ว ข้าไม่ควรจะเอาทั้งเขาเทียนปี้มาพนัน” อวิ๋นหรูจัดการอาการ พลางรินเหล้าแก้วหนึ่งให้อวิ๋นอี้
อวิ๋นอี้ไม่พูดอะไร อ่านหนังสือที่วางอยู่ข้างหน้าเงียบๆ
“ท่านพ่อ ข้ามาเพื่อขอโทษท่าน เมื่อวานนี้ข้าไม่ควรเถียงท่าน ได้โปรดให้อภัยลูกสาวคนนี้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ”
“คิดได้แล้วก็ดี”
“ท่านพ่อ ท่านมารับประทานอาหาร”
อวิ๋นอี้คีบกับข้าวขึ้นมา จากนั้นไม่นานก็วางตะเกียบลง
“บรรพบุรุษเขาเทียนปี้ปักหลักอยู่ ณ ที่แห่งนี้มานานนม ใช้ชีวิตอย่างมั่นคงเงียบสงบมาจนเคยชิน ต่อจากนี้หากเจ้าได้พบคนดีมาคอจัดการดูแลเขาเทียนปี้ด้วยกันเช่นนั้นก็ดีไป หากทำไม่ได้อย่างน้อยก่อนที่พ่อจะจากไปให้เหลือคนรุ่นหลังเอาไว้ อย่างไรอย่าทำให้เขาเทียนปี้ต้องล่มสลายด้วยมือเจ้า
พ่อมีเจ้าเป็นลูกคนเดียว หลังจากพ่อจากไปเจ้าจะต้องคิดถึงภาพรวม ทำเพื่อประชาชนเขาเทียนปี้อย่างสุดกำลังความสามารถ หลานเยี่ยเป็นคนมีความสามารถแต่ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยอุปสรรค พ่อไม่อยากเห็นเจ้าเป็นทุกข์ อีกทั้งพ่อก็พอมองออกว่าใจของเขาไม่ได้อยู่ที่เจ้า
ต่อให้ในอนาคตจะไม่มีเขาเทียนปี้ เจ้าก็ต้องสร้างขึ้นมาอีกครั้ง สร้างบ้านให้กับประชาชน สร้างบ้านให้ตนเอง อนาคตไม่อาจคาดเดาได้ การเปลี่ยนแปลงมีมากมาย เรื่องที่ยังไม่รู้ก็เยอะแยะ จะสามารถควบคุมชะตาชีวิตของตนเองได้หรือไม่ก็อยู่ที่เจ้าแล้ว เส้นทางในอนาคตมีเจ้าคนเดียวที่ต้องเดินต่อ”
ฟังบทสนทนาของอวิ๋นอี้แล้วอวิ๋นหรูก็ตาแดงก่ำทั้งสองข้าง
“ท่านพ่อ ท่านพูดอะไรเจ้าค่ะ! ท่านยังอายุน้อยเช่นนี้ ยังมีเรื่องมากมายที่ยังรอให้ท่านสอนข้านะเจ้าค่ะ!”
“ข้าเพียงแค่พูดเท่านั้น หลายปีมานี้แม่เจ้าและป้าเจ้าตายไปตามๆ กัน ข้าละเลยเจ้าไปมาก ติดค้างต่อเจ้า”
อวิ๋นอี้ยกแก้วเหล้าขึ้น เตรียมจะดื่มให้หมดในทีเดียว
“ท่านพ่อ” จู่ๆ อวิ๋นหรูก็เรียกเขาขึ้นมา
อวิ๋นอี้มองนางยิ้มออกมาน้อยๆ จากนั้นก็ดื่มหมดในทีเดียว
มองดูอวิ๋นอี้ที่หลับไป อวิ๋นหรูรู้สึกผิดอย่างมาก
“ท่านพ่อ ข้าขอโทษ ข้าไม่อาจปล่อยเขาไป ท่านนอนหลับสักตื่น รอจนฟ้าสว่างท่านก็น่าจะตื่นแล้ว”
อวิ๋นหรูวางยาลงในเหล้าของอวิ๋นอี้ ไร้สีไร้รส หลังจากนี้สี่ชั่วยามฤทธิ์ยาจะหายไป
หลังจากหาตราสัญลักษณ์ในห้องหนังสือเจอแล้ว อวิ๋นหรูก็รีบไปที่ค่ายทหารเขาเทียนปี้ในทันที
“ท่านหัวหน้าทัพ นี่เครื่องตราสัญลักษณ์ ข้าต้องการเคลื่อนพล”
อวิ๋นหรูพาทหารพลังครึ่งหนึ่งที่ไม่ได้รับบาดเจ็บใช้ความเร็วสูงสุดมุ่งหน้าไปยังชายขอบซีเชวีย
“เสี่ยวหรูเอ๋อร์”
“หืม?”
“ชอบเขาเทียนปี้หรือไม่?”
“ชอบเจ้าค่ะ สวยเสียขนาดนั้น. น่ารักขนาดนั้น หรูเอ๋อร์อยากใช้ชีวิตอยู่ที่เขาเทียนปี้ตลอดไป คอยอยู่เฝ้าเขาเทียนปี้ตลอดไป”
“อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นข้าก็วางใจ”
“ท่านพ่อ นี่คืออะไรเจ้าคะ?”
“นั่นเป็นเรื่องที่สวยงามเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องราวความรักของบรรพบุรุษเมื่อพันปีก่อนของเรา มาฟังที่ข้าจะเล่าให้ฟัง…”
“ถ้าหากหรูเอ๋อร์โตขึ้นแล้วชอบคนที่ไม่ควรชอบเช่นกัน ท่านพ่อจะสนับสนุนข้าหรือไม่เจ้าคะ?”
“พ่อจะต้องสนับสนุนเจ้าอย่างแน่ ใครให้เจ้าเป็นลูกสุดที่รักของข้าเล่า”
อวิ๋นหรูรีบเร่งเดินทางไปพลางในหัวก็คิดถึงเรื่องราวต่างๆ ไปพลาง
“ว่ากันว่าเมื่อคนสูญเสียอะไรบางอย่างไปมักจะคิดถึงเรื่องของเขาขึ้นมา จู่ๆ การที่คิดถึงเรื่องที่เลือนรางเหล่านี้ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้” ความไม่สบายใจในใจของอวิ๋นหรูยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“ท่านพ่อ ท่านจะไม่เป็นไร เขาเทียนปี้จะไม่เป็นอะไร”
หลังจากนั้นสองวันในที่สุดพวกเขาก็มาถึงชายแดนซีเชวีย คนแรกที่นางเห็นคือหลานเฟิง
“หลานเฟิงพวกข้ามาแล้ว ซีเชวียไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ หลานเยี่ยเล่า?”
มองดูทัพทหารด้านหลังอวิ๋นหรู หลานเฟิงชะงักไปครู่หนึ่ง
“ท่านประมุขอยู่ที่ตระกูลหลาน”