ตอนที่ 85 เจียงหลิงพูดกล่อม
หลานเฟิงควบคุมออกคำสั่งการต่อสู้ที่ชายแดนซีเชวีย การศึกหมุนเวียนของตระกูลเยี่ยดำเนินมาถึงสองวันจากนั้นก็ถูกหลานเฟิงใช้ค่ายกลใหม่บุกทำลาย
ไม่รู้ว่าหลานเฟิงได้ค่ายกลใหม่มาจากที่ใด รู้เพียงว่าทหารพลังกลุ่มใหม่ที่ขึ้นมาหลังจากถูกตีกลับไปแล้วนั้นภายในระยะเวลาครึ่งเดือนไม่มีแรงกำลังต่อสู้เลยแม้แต่น้อย
ภายในค่ายทหารที่กลายเป็นที่พักชั่วคราวกำลังดื่มเหล้าฉลองชัยชนะ ฉลองความสำเร็จที่ครั้งนี้กำจัดศัตรูให้ถอยไปได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีมีการศึกไปอีกครึ่งเดือน
หลานเฟิงดื่มเหล้าอยู่นอกกระโจมเพียงลำพัง คนหนึ่งคน ดวงจันทร์หนึ่งดวง คำนึงถึงหลานเยี่ย
ข้างกายมีขลุ่ยไผ่อยู่เลาหนึ่ง เป็นของที่หลานเยี่ยสลักให้เขาตอนที่อยู่ในตระกูลหลาน เขาเองก็เอาติดตัวเอาไว้ตลอด ข้างกายไม่มีผู้ใด หลานเฟิงจึงหยิบขลุ่ยขึ้นมาไว้ข้างปาก เป่าขึ้นมาเบาๆ บทเพลงที่ออกมาไม่ได้ถือว่าไพเราะเพราะพริ้ง แต่เป็นทำนองที่เขาแต่งขึ้นมาให้หลานเยี่ย รวมไปด้วยความรักอบอวล
ประตูกระโจมถูกเปิดออก มีคนผู้หนึ่งเดินออกมา หลานเฟิงรู้สึกได้จึงหยุดเป่าขลุ่ย
“ท่านหัวหน้าแม่ทัพ มีประโยคหนึ่งไม่รู้ว่าสมควรพูดหรือไม่” เจียงหลิงที่วิ่งมาพูดกับหลานเฟิง
“พูดมา”
“พวกเราป้องกันศัตรูอยู่ตลอด ครั้งนี้กำจัดศัตรูไปได้ หลังจากนี้ครึ่งเดือนพวกเขาจะต้องมาใหม่เป็นแน่ แต่หากพวกเขาเคลื่อนกำลังทหารจากที่อื่นมาใหม่ เช่นนั้นระยะเวลาที่สามารถพักก็จะไม่ถึงครึ่งเดือน เป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ จะรับไม่ไหวเอานะขอรับ”
“ท่านแม่ทัพมีแผนที่ดีหรือไม่?”
หลานเฟิงมองเขาเรียบๆ
“สั่งกำลังทหารออกไปโจมตีตระกูลเยี่ยโดยตรงได้หรือไม่? ตอนนี้กำลังการต่อสู้ของตระกูลเยี่ยอยู่ในสภาวะตกต่ำ ส่งทหารไปตอนนี้อัตราในการชนะสูง”
“ส่งทหารออกไปโจมตีกำลังทหารที่ตั้งค่ายอยู่ในเหวินเย่ว์ หรือกำจัดทั้งตระกูลเยี่ย?”
เจียงหลิงตะลึงไปไม่พูดอะไร แต่คำตอบนั้นเห็นได้ชัดเจนแล้ว
“ท่านแม่ทัพเข้าใจตระกูลเยี่ยมากเพียงใด?”
“ไม่ได้เข้าใจเท่าไรนัก” เจียงหลิงพูดออกมาอย่างถ่อมตัว
“ท่านแม่ทัพคิดว่าภูมิประเทศของตระกูลหลานเป็นเช่นไร?”
“ตระกูลหลานมีการเดินทางที่สะดวกสบาย ภูมิประเทศชัดเจนโล่งกว้าง สภาพแวดล้อมสวยงามอย่างมาก ถือเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมแก่การอยู่พักอย่างมาก”
“แล้วหากเกิดการต่อสู้วุ่นวายเล่า”
“นี่..หากเกิดการต่อสู้ สำหรับศัตรูแล้วภูมิประเทศไม่มีข้อได้เปรียบ สิ่งที่ต้องอาศัยคือกำลังของทั้งสองฝ่าย อีกทั้งประชาชนและกำลังทหารภายในตระกูลหลานไม่ได้อยู่ไกลกันเท่าไรนัก หากเกิดสงครามขึ้นตระกูลหลานจะต้องมีสิ่งที่ต้องระแวงเป็นแน่ แล้วยังทำให้คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่พาลได้รับบาดเจ็บโดยง่าย”
“แล้วตระกูลเยี่ยเล่า?”
“เพราะไร้ซึ่งความสามารถ ข้าน้อยไม่เคยไปตระกูลเยี่ยมาก่อน สิ่งที่รู้ก็เป็นเพียงเรื่องที่คนอื่นได้ยินต่อกันมาเท่านั้น”
“ภูมิประเทศภายในตระกูลเยี่ยคดเคี้ยว สภาพแวดล้อมซับซ้อนสับสน ขบวนทหารที่ไม่คุ้นชินเข้าไปโจมตีจะต้องพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถเป็นแน่ แพ้ให้กับภูมิประเทศ อีกทั้งประชาชนทั่วไปของตระกูลเยี่ยก็อยู่ห่างจากฝั่งหน้าตระกูลเยี่ยค่อนข้างมาก ต่อให้การศึกจะกินพื้นที่มากเพียงใด ก็ไม่มีทางทำให้คนไม่รู้เรื่องพาลบาดเจ็บไปด้วยเป็นง่าย”
“ท่านหัวหน้าแม่ทัพเกิดในตระกูลเยี่ย มีท่านหัวหน้าแม่ทัพไปด้วยจะต้องไม่เป็นปัญหาโดยแน่”
เจียงหลิงยืนหยัด
“ตระกูลเยี่ย ข้าไม่ได้กลับไปเกือบสิบกว่าปีแล้ว ภายในตระกูลเยี่ยมีประเพณีสืบต่อกันมาอยู่ข้อหนึ่ง เพื่อที่จะป้องกันศัตรูจากภายนอก เมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่งพื้นที่ภายในจะถูกเปลี่ยน แม้ตระกูลเยี่ยจะไม่มีม่านพลังที่พันปีมานี้ไม่มีใครโจมตีลงได้เช่นตระกูลหลาน แต่พื้นที่ภายในก็มากพอที่จะไม่ทำให้พวกเขาล้มลง ต่อให้เป็นเหวินเย่ว์ คิดจะปราบก็ยากเป็นอย่างมาก นี่ที่จริงแล้วในบางมุมยังเป็นวิธีการป้องกันที่ได้ผลมากกว่าม่านพลังอีกด้วย”
“แต่ท่านผู้นำแม่ทัพ ท่านไม่รู้สึกว่าละทิ้งโอกาสครั้งนี้ไปช่างน่าเสียดายนักหรือ?”
เจียงหลิงเหมือนตัดสินใจแล้วว่าต้องพูดกล่อมหลานเฟิงให้ออกคำสั่งโจมตีตระกูลเยี่ย
หลานเฟิงเข้าใจความคิดของเขาอย่างถ่องแท้
“แม้ท่านประมุขจะมีความคิดเช่นนี้ แต่ก่อนที่จะมีคำสั่งจากเขาข้าไม่มีทางกระทำเป็นแน่ เจ้าอย่าได้กล่อมอีกเลย”
ตอนที่ 86 ไม่สงบ
หลานเฟิงหลับไปเพราะฤทธิ์สุราน้อยๆ ที่ดื่มเข้าไป จากนั้นวันรุ่งขึ้นตอนที่ท้องฟ้ายังไม่ทันสว่างหลานเฟิงก็ตื่นขึ้นมา
สิ่งที่ส่งมาจากมุกหลิววั่งคืออะไร? ทำไมถึงได้กดดันและเศร้าโศกเพียงนี้? หลานเยี่ยเจ้าเป็นอะไรกันแน่?
ความรู้สึกเช่นนี้หลานเฟิงคุ้นเคยเป็นอย่างดี แร่เพราะผ่านมานานเกินไป ถูกความทรงจำผนึกเอาไว้เอง ตอนนี้เมื่อถูกเปิดออกมาอีกครั้งกลับรุนแรงถึงเพียงนี้
นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของฝันร้าย ชิวหลีฆ่าพ่อแม่เขาต่อหน้าเขาเอง ตอนแรกสิ่งที่อยู่ในใจไม่ใช่ความแค้นแต่เป็นความเศร้า ความรู้สึกที่สูญเสียแหล่งพักพิงทั้งหมดช่างรุนแรงถึงเพียงนี้
เสี่ยวเยี่ยไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นเจ้ายังมีข้า เจ้าได้ยินหรือไม่?
ผ่านไปครู่หนึ่งความรู้สึกนั้นก็หายไป มาอย่างกะทันหัน แล้วก็จากไปอย่างกะทันหัน ทำให้หลานเฟิงรู้สึกว่านี่เป็นเพียงอาการหลอนของตนเอง
เพราะอารมณ์ไม่ดีหลานเฟิงจึงเดินไปยังบริเวณใกล้จุดสูงสุดบนภูเขา มองไปยังทิศทางเขาเทียนปี้ เหมือนว่าทำเช่นนี้จะมองเห็นหลานเยี่ยได้ และเหมือนว่าทำเช่นนี้จะทำให้จิตใจสงบลงได้เล็กน้อย
แต่บริเวณที่ห่างออกไปไกลเป็นเพียงหมอกควันขาวกลุ่มใหญ่ ไม่มีเงาเขาเทียนปี้ให้ได้เห็นแม้แต่น้อย
เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะหลานเยี่ยตั้งใจกดความรู้สึกของตนเองเอาไว้ แต่เขาก็ค่อยๆ ส่งความอบอุ่นและกำลังใจให้หลานเยี่ยผ่านทางมุกหลิววั่ง
“ท่านหัวหน้าแม่ทัพช่างอารมณ์สุนทรีย์เสียจริง ตื่นมาแต่เช้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้น” เจียงหลิงปรากฏตัวขึ้นมาในตอนนี้พอดิบพอดี
“แม่ทัพก็เช่นกันไม่ใช่หรือ!”
“ท่านหัวหน้าแม่ทัพ เรื่องเมื่อวานนี้ได้กลับไปคิดใหม่หรือไม่?”
“ต้องขออภัยที่หลานเฟิงพูดไม่น่าฟัง คนที่ไล่ล่าตามหาชื่อเสียงและความสำเร็จมากเกินไปมักมีจุดจบที่ไม่ดีเท่าไรนัก” หลานเฟิงพูดจบก็เดินจากไป เหลือเพียงเจียงหลิงที่ยืนมองแผ่นหลังของหลานเฟิงด้วยสายตาดูแคลน
ความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ที่ส่งมาไม่หยุดจากหลานเยี่ย แล้วทุกครั้งก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็หายไปเร็วทุกครั้ง หลานเฟิงมั่นใจแล้วว่าหลานเยี่ยกำลังควบคุมอารมณ์ตนเองไม่หยุด
เจ้าจะเป็นอะไรไปไม่ได้ ข้าทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะจะทำให้เจ้าเสียใจ เขาเทียนปี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เจ้าจะวางมือได้หรือไม่ ข้าจะทำแทนเจ้าทั้งหมด ข้าจะเป็นดาบของเจ้า
หลานเฟิงค่อยๆ สงบลง สิ่งที่ส่งมาจากหลานเยี่ยมีเพียงความโศกเศร้าและโกรธเกรี้ยว ไม่มีมีความหวาดกลัวและสิ้นหวังส่งมา นี่หมายความว่าคนที่เกิดเรื่องไม่ใช่หลานเยี่ยแต่เป็นเขาเทียนปี้
เสี่ยวเยี่ย ข้าขอโทษ
กิจวัตรประจำวันของชายแดนที่ไม่มีสงครามก็คือการฝึกซ้อม พระอาทิตย์ลอยขึ้นสูงแล้ว เจียงหลิงพาทหารพลังไปยังลานซ้อมใกล้ๆ เพื่อเข้ารับการฝึกฝน
การประลองฝีมือระหว่างทหารพลัง มีคนเฉพาะด้านคอยสั่งสอนวิธีการพัฒนาพลัง รวมถึงท่าทางฝีมือ วิธีลอบฆ่าต่างๆ เป็นระเบียบและมีวินัย เจียงหลิงเป็นคนที่สามารถพัฒนาสร้างได้ หากลดความคิดเรื่องความสำเร็จลงสักน้อย…
หลานเฟิงขี่ม้าออกไป เตรียมพร้อมสำรวจลอบซีเชวียอีกครั้ง วางแผนก้าวต่อไปใหม่อีกครั้ง
เมื่อมาถึงภายในป่าไม้ที่มืดทึบ จู่ๆ หลานเฟิงก็กระโดดลงมาจากหลังม้า ยืนพิงอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่ง จับคอเสื้อตรงหน้าอกของตนเอาไว้แน่น
“หลานเฟิงมาช่วยข้า ช่วยข้า หลานเฟิง” คือความหวาดกลัว ความหวาดกลัวและสิ้นหวังที่ลึกล้ำถูกส่งมาจากทางหลานเยี่ยอย่างไม่มีการกดดันแม้แต่น้อย เป็นหลานเยี่ยที่ขอความช่วยเหลือจากตนโดยเฉพาะ เกิดเรื่องขึ้นกับหลานเยี่ยแล้ว
ทันใดนั้นหลานเฟิงกลับไม่รู้ว่าจะตั้งสติจากความสิ้นหวังและหวาดกลัวนี้ได้อย่างไร ในตอนนั้นเสี่ยวเยี่ยถูกตระกูลเยี่ยจับตัวไปด้วยสถานการณ์เช่นนี้ใช่หรือไม่ ทำไมถึงได้เกิดขึ้นอีกครั้ง
จู่ๆ ก็เกิดเสียงฝีเท้าดังขึ้นที่ด้านหลัง หลานเฟิงรีบเอากระบี่คู่กายหันไปแทงไว้บนต้นไม้ข้างคนคนนั้น
คนคนนั้นนิ่งอยู่ที่เดิมไม่กล้าขยับ มองหลานเฟิงด้วยแววตาสั่นสะท้าน
“ท่านหัวหน้าแม่ทัพ ข้าเอง”