ในพื้นที่ระหว่างเขาเทียนปี้และเมืองหลวงวัวและแกะจำนวนมากถูกไล่ต้อน เดินผ่านพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์และกว้างใหญ่ กลุ่มแล้วกลุ่มเล่าเดินผ่านไปมา เสียงตะโกนพูดคุยของคนเลี้ยงวัว เสียงร้องของวัวและแกะผสมปนเปเข้าด้วยกัน เหมือนว่าจะกลบเสียงทั้งหมดในแผ่นดินนี้ลงไป
ลมพัดผ่านที่ราบ ต้นซากุระป่าที่เต็มไปด้วยใบไม้หนาแน่นและดอกไม้ เม็ดฝนที่ตกลงมาจากฟ้า แต่กลับถูกลมฤดูใบไม้ผลิที่พัดมาทำให้สะดุดไม่อาจยืนต่อได้ จึงจำต้องพากันหาที่หลบ ฝนที่ตกโปรยปรายช่างสวยงามนัก
“ใช่ถนนสายนี้จริงหรือ? ข่าวไม่ได้ผิดใช่หรือไม่” คนที่สวมชุดดำกลุ่มหนึ่ง เดินวนไปวนมาอยู่ปากทางเข้าที่หนึ่งด้วยท่าทีลับๆ ล่อๆ ทำลายภาพทิวทัศน์ที่สงบเรียบง่ายและสวยงาม
“ไม่”ผิดแน่นอน ข่าวของคนนั้นไม่เคยผิดมาก่อน
คนที่เอ่ยถามมาก่อนส่งเสียงรับรู้ เดินนำเข้าไปก่อน
ทางเข้านั้นทั้งมืดมนและไม่เด่นชัด ถูกต้นซากุระหลายต้นล้อมรอบปกคลุม หากไม่ตั้งใจหาให้ดีละก็ไม่มีทางเห็นอุโมงค์เช่นนี้ตรงนี้เป็นแน่
แต่เมื่อก้าวเท้าเข้าไปกลับพบว่านี่เป็นทางเดินแห่งสรวงสวรรค์ที่แท้จริง ถนนที่ถูกปูด้วยหยกขาวไม่เพียงสะอาดเอี่ยมอ่อง อีกทั้งยังถูกขัดจนขึ้นเงาสวย ไม่มีริ้วรอบแม้แต่น้อย ทำให้คนยากจะทำใจก้าวเท้า
กำแพงสองด้านและรูปทรงอุโมงค์ข้างบนทำมาจากผนึกใส หรูหราโอ่อ่า บริสุทธิ์ไร้ที่ติ สะท้อนภาพคนจำนวนนับไม่ถ้วนอย่างชัดเจนทำให้คนไม่อาจเคลื่อนสายตามอง แต่ภายในทางเดินที่ขาวบริสุทธิ์นี้กลับเต็มไปด้วยตัวหนังสือซวงสี่[1]และกระดาษเงินทอง
หากมีคนธรรมดาคนหนึ่งมาถึงที่แห่งนี้ ขุดส่วนหนึ่งออกไป หรือว่าเก็บเงินที่อยู่บนพื้นไปก็สามารถใช้ชีวิตที่สุขสบายได้ไปทั้งชีวิต นี่เป็นคลังสมบัติที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ หากว่ามีสักสกุลได้ครอบครองมันก็สามารถครองโลกทั้งใบได้เลย
แค่คนกลุ่มนั้นกลับทำตัวปกติ เดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง พยายามไม่ให้เกิดเสียงอะไรขึ้นมา ภายในทางเดินนั้นกว้างขวางเป็นพิเศษ ต่อให้แบกเกี้ยวมาด้วยหลังหนึ่งก็ยังกว้างพอที่จะเดินได้
“ทางเดินลื่นมาก ระวังอย่าล้มลง”
เดินไปครึ่งทางจู่ๆ ก็พบว่าพื้นที่ตรงนั้นกว้างใหญ่อย่างมาก ตรงกลางของผนังมีห้องซ่อนอยู่ข้างใน เหมือนว่าเอาไว้ใช้พักผ่อนชั่วคราว
โต๊ะและเก้าอี้หยกขาวแสนประณีตตั้งอยู่บริเวณทิศเหนือ ทิศใต้เป็นเตียงหยกขาว น่าจะถูกสลักบนพื้นเลยโดยตรง หล่อรวมเป็นเนื้อเดียวกับพื้น ข้างบนนั้นมีเนื้อผ้าชั้นดีทำเป็นที่รองและนวมขนห่านถูกปูเอาไว้อย่างเรียบร้อย ถ้วยชาที่อยู่บนโต๊ะหยกขาวนั้นทำมาจากหยกขาวเช่นเดียวกัน ในนั้นยังมีน้ำชาหลงเหลืออยู่ แลดูเหมือนมีไอน้ำลอยออกมา เกรงว่าคงไม่ได้ทำมาจากหยกอุ่น
ผู้นำสองคนที่ออกเดินก่อนตอนแรกหลังจากพูดหนึ่งประโยคจู่ๆ ก็หยุดลง
บริเวณทางออกมีเกี้ยวหลังหนึ่งจอดอยู่ ตกแต่งอย่างสวยงามอลังการเหมือนว่าไม่ได้อยู่ในโลกใบนี้
คนนำพิจารณาเกี้ยวหลังนั้นอยู่ครู่หนึ่งหลังจากมั่นใจแล้วว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจึงเริ่มต้นอีกครั้ง แต่กลับถูกดีดออกมา
“เป็นม่านพลัง เอาของที่คนคนนั้นให้ออกมา”
อีกคนนำเอาเหรียญออกมาส่งให้ เขาคลำไปรอบๆ กำแพงอยู่ครู่หนึ่งถึงพบร่อง จากนั้นก็นำเหรียญนั้นฝังเข้าไป ก่อนจะเดินตรงไปข้างหน้าอีกครั้งม่านพลังหายไปแล้ว
คนที่เดินนำสองคนเดินออกไปก่อน ด้านหลังของคนกลุ่มนั้นมีคนเดียวที่จู่ๆ ก็เห็นว่ารอบกำแพงมีแสงมีสีทองเป็นประกาย บนกำแพงปรากฏตัวหนังสือขึ้นมามากมายเหมือนว่าจดบันทึกประวัติความเป็นมาของทางเดินนี้ และเรื่องราวสำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อพันปีก่อน เหมือนจะดึงดูดใจของคนเข้าไป