ตอนที่ 107 ลืมไป
วันที่สามหลังหลานเฟิงตื่นขึ้นมา ชิวอวี้นอนอยู่ข้างเตียงเขา หลานเฟิงขยับตัวเบาๆ ชิวอวี้ก็ผุดสะดุ้งตื่นขึ้นมา
“พี่เย่ว์ท่านตื่นแล้ว ฉีเย่ว์เจ้ารีบมาเร็วเข้า” หลานเฟิงถึงได้มีโอกาสสำรวจภายในห้องอย่างละเอียด ชิวอวี้ที่ตาบวมปูดทั้งสองข้างนั้นมือไม้พันกันยุ่งร้องเรียกฉีเย่ว์ให้เข้ามา
เสื้อผ้าที่ใครไม่รู้เอามาคลุมไว้ให้บนร่างนั้นร่วงตกไปบนพื้น
ฉีเย่ว์ยืนเงียบๆ อยู่อีกด้านหนึ่ง มองดูเสื้อผ้าที่ตกลงมา
เขาเดินไปคลุมให้ชิวอวี้ใหม่อีกครั้งแล้วถึงไปดูอาการหลานเฟิง
“คุณชายเย่ว์ไม่เป็นอะไรแล้ว นายน้อยโปรดวางใจ”
“พี่เย่ว์ท่านหิวหรือไม่อวี้เอ๋อร์จะไปเอาของมาให้ท่านทาน”
หลานเฟิงไม่พูดจา ชิวอวี้ได้แต่ร้อนรนไม่รู้ควรทำเช่นไร
“ชิวอวี้ เจ้าให้ฉีเย่ว์ออกไป ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”
ชิวอวี้เหลือบมองฉีเย่ว์ทีหนึ่ง ฉีเย่ว์หัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นก็เดินออกไป พลางปิดประตูให้ด้วย ภายในห้องเหลือเพียงชิวอวี้และหลานเฟิงสองคน
“พี่เย่ว์?” ชิวอวี้ลองเรียกชื่อหลานเฟิงดู
“ปล่อยเจียงหลิงและคนตระกูลหลานไปดีหรือไม่”
“อือๆ ข้าให้พวกเขาปล่อยเจียงหลิงและคนอื่นๆ แล้ว อวี้เอ๋อร์ล้วนเชื่อฟังพี่เย่ว์”
“เอายาถอนพิษให้ข้า ข้าจะไปหาหลานเยี่ย หากหลานเยี่ยตายไปแล้วจริงๆ ข้าจะไม่กวนอีก ข้าจะกลับตระกูลเยี่ย ไม่จากไปไหนอีก”
“พี่เย่ว์? ท่านพูดจริงหรือ?”
“พวกเราทำผิดมหันต์ พวกเราไม่อาจได้รับการให้อภัย พวกเราไม่อาจได้รับความรักจากผู้อื่น พวกเราไม่มีคุณสมบัติยอมรับความหวังดีจากผู้อื่น
หากคนที่ต้องไถ่โทษด้วยไม่อยู่แล้วเช่นนั้นก็เป็นได้เพียงคนที่ไม่ได้เรื่องไร้ซึ่งปณิธาน ไม่รู้ว่ามีชีวิตไปเพื่ออะไร และตายไปเพื่ออะไร หากข้าถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องหักหลังคนที่เคยทำผิดด้วยก็ให้ข้าตายไปที่ตระกูลเยี่ย
ให้ยาถอนพิษข้า ข้าจะไปพิสูจน์ ชีวิตที่เหลือของตนเองจะเป็นคนไร้ความรู้สึกหรือต้องไถ่โทษไม่หยุดตราบจนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจากไป”
“พี่เย่ว์”
ชิวอวี้หยิบขวดยาขวดหนึ่งออกมาจากอ้อมอก ผ้าสี่เหลี่ยมสีแดงผืนเล็กห่อจุกไม้ปิดกั้นยาที่อยู่ภายในเอาไว้อย่างมิดชิด ไม่สามารถไหลออกมาได้ตลอดไป
ชิวอวี้เปิดจุกไม้ออก กลิ่นหอมละมุนของยาลอยคลุ้งเต็มทั่วห้องในทันใด เหมือนว่าทำให้ยานี้ไม่ได้ยากในการกลืนลงคอสักเท่าไร ดังนั้นจึงใส่กลิ่นมะลิบางๆ ลงไป
ชิวอวี้ประคองหลานเฟิงขึ้นนั่ง จากนั้นก็ส่งขวดยาไปข้างปากหลานเฟิง หลานเฟิงรีบดื่มลงไปเหมือนร้อนใจทนรอไม่ไหว ยาไม่ได้ออกฤทธิ์เร็วขนาดนั้น มีแค่ยาไหลเวียนไปทั่วทั้งร่างกายถึงจะสามารถฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ได้ ยาที่ชิวอวี้ให้หลานเฟิงที่จริงแล้วก็เป็นยาพิษประเภทเดียวกันกับที่พวกหลานเยี่ยโดน
หลานเฟิงหลับตาลง รู้สึกถึงกระแสพลังที่ค่อยๆ กลับมายังชีพจรของตน ในเวลานี้ชิวอวี้ออกไปแล้ว หลังจากนั้นสิบห้านาทีก็กลับมาใหม่ ในมือมีกระบี่เล่มหนึ่ง และขลุ่ยไม้เลาหนึ่งเพิ่มขึ้นมา
มองดูขลุ่ยไม้ในมือชิวอวี้หลานเฟิงตื่นเต้นเป็นอย่างมาก มือทั้งสองข้างที่ยังไม่ทันหายดีถูกยื่นออกไปรับขลุ่ยไม้นั้นเอาไว้ด้วยอาการสั่นสะท้าน เหมือนได้ประสบพบเจอเพื่อนเก่าที่ห่างกันมานาน
“ทำไมเจ้าต้องเอาให้ข้า”
“ข้าคิดว่าหากพี่เย่ว์สามารถปล่อยวางทุกอย่างได้หมดแล้ว บางทีอาจกลับมาอยู่ข้างกายอวี้เอ๋อร์ได้อย่างสงบใจ สิ่งที่ข้าต้องการคือพี่เย่ว์ที่ให้อวี้เอ๋อร์เข้าไปอยู่ในหัวใจอย่างแท้จริง สิ่งที่ข้าต้องการก็คือพี่เย่ว์ที่รักอวี้เอ๋อร์จริงๆ ไม่มีสิ่งใดมาผสม และไม่อาจมีความทรงจำปลอมแปลงอะไรอีก สิ่งที่ข้าต้องการคือพี่เย่ว์ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาก่อน”
ในเสี้ยววินาทีนั้นดวงตาของชิวอวี้บริสุทธิ์ดุจน้ำใส เป็นความคาดหวังที่แสนบริสุทธิ์ต่อความรัก หลานเฟิงเบือนหน้าไปอีกทาง ขอโทษ สิ่งที่ข้าพูดได้ก็มีเพียงเท่านี้
ตอนที่ 108 โลกแห่งจินตนาการ
เมื่อถึงเวลากลางวันหลานเฟิงก็ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ ชิวอวี้นอนราบอยู่ข้างตัวเขา หางตานั้นยังมีหยดน้ำตาติดอยู่ หลานเฟิงลุกขึ้นนั่งมองอยู่ ครู่หนึ่งก็ยื่นมือออกไป ลังเลอยู่ชั่วครู่สุดท้ายก็เช็ดน้ำตาของเขาให้แห้งลง
หลานเฟิงไม่เข้าใจว่าแท้จริงแล้วตนเองคิดอย่างไรกันแน่ เขาลังเลอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด ทำไมคนข้างกายของตนถึงต้องย่างก้าวเข้าสู่ความดำมืดอย่างเต็มตัว เป็นปัญหาของศีลธรรมหรืออย่างไร?
บอกว่าตอนนี้เป็นผลลัพธ์ของเมล็ดพันธุ์ที่ถูกปลูกไว้เมื่อพันปีก่อน บอกว่าเป็นความผิดของชิวหลี แต่จะไม่ใช่ความผิดของคนบนโลกเลยอย่างนั้นหรือ? ไม่มีความอยาก ก็ไม่มีการทำร้าย ไม่มีการฆ่าแกง ไม่มีความดำมืด และไม่มีสิ่งที่เรียกว่าใจคน
“อวี้เอ๋อร์ หวังว่าเจ้าจะไม่ทำเช่นนี้ต่อไป บนโลกใบนี้ข้าเพียงหวังให้เจ้าใช้ชีวิตต่อไปอย่างปลอดภัย ข้าไปแล้ว ฉีเย่ว์ดีต่อเจ้า อย่าได้ละทิ้งเขา”
หลานเฟิงพูดออกมาเบาๆ สองสามประโยค แล้วยังมีประโยคสุดท้ายที่ไม่ได้พูดออกมา
ในใจของข้ามีหลานเยี่ยแล้ว แต่เจ้าเองก็อยู่ในใจข้า เป็นเด็กที่น่ารักและบริสุทธิ์ไปตลอดกาล น้องชายของข้า
หลานเฟิงหยิบกระบี่และขลุ่ยไม้มาถือเอาไว้ ออกจากประตูไปเงียบๆ จากนั้นก็ปิดประตูเสียงเบา ด้านนอกประตูมีฉีเย่ว์ยืนอยู่ เหมือนว่าตั้งใจมารอเขาโดยเฉพาะ
“เจ้าจะไปหาเขาหรือ”
หลานเฟิงไม่ได้พูดอะไร
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมนิสัยของอวี้เอ๋อร์ถึงได้กลายเป็นไม่มั่นคง”
ฉีเย่ว์ไม่สนใจความนิ่งเงียบของหลานเฟิง พูดต่อไป
“แม้ว่าจะมีสาเหตุจากการจากไปของชิวหลี แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่สำคัญที่สุด ยังเป็นเพราะเจ้า เจ้าให้ความหวังที่สวยงามเกินไปกับเขาตอนเป็นเด็ก ทำให้เขามีความหวังในการมีชีวิตต่อไป แต่เจ้าก็ใจร้ายทิ้งเขาไป
แม้เจ้าจะอยู่ที่ตระกูลหลาน แต่หากเจ้าต้องการ หลานชิงก็จะให้เจ้าได้พบอวี้เอ๋อร์ แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมาในใจของเจ้าก็มีเพียงหลานเยี่ยคนเดียวเท่านั้น เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลายปีมานี้อวี้เอ๋อร์ใช้ชีวิตในตระกูลเยี่ยให้ผ่านมาได้อย่างไร
ชิวหลีไม่สนใจเขา มีเพียงเวลาที่ต้องการเขาเท่านั้นถึงจะคิดถึงขึ้นมา เขาโดดเดี่ยวอยู่ในห้องเพียงลำพัง บ่าวรับใช้ก็ปฏิบัติกับเขาไม่ดี เขาที่แต่เดิมก็ไม่สมประกอบอยู่แล้ว อาการป่วยก็ยิ่งย่ำแย่ลงเรื่อยๆ เขาที่แต่เดิมสามารถมีชีวิตได้ถึงสิบห้าปี ตอนอายุสิบสามก็ใกล้จะไม่รอดแล้ว
ตอนนั้นข้ามาถึงตระกูลเยี่ย นั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าเจอเขา ข้าเจอเขามานับครั้งไม่ถ้วน ตอนที่เขายังเป็นเด็กอายุหกปีข้าเคยบังเอิญพบเขาที่พระราชวังครั้งหนึ่ง ตอนนั้นข้าคิดว่า อ่า นี่อาจจะเป็นรอยยิ้มที่บริสุทธิ์บนลงใบนี้แล้วกระมัง
ตั้งแต่นั้นมาข้าก็สนใจเขามาโดยตลอด ข้าขอร้องเสด็จพ่อให้ข้าได้เจอเขาบ่อยๆ แต่เดิมเสด็จพ่อเองก็ถูกตระกูลเยี่ยควบคุม การที่ผูกสัมพันธ์กับคนตระกูลเยี่ยนั้นเป็นเรื่องจำเป็น อีกทั้งเขายังเป็นผู้นำตระกูลเยี่ยในอนาคต
ดังนั้นเสด็จพ่อจึงสร้างโอกาสให้ข้าหลากหลายครั้ง ข้าเองก็ได้พบเขาหลายครั้ง แต่เขาอาจจะลืมไปแล้วกระมัง อย่างไรในตอนนั้นในใจของเขาก็มีเพียงเจ้า ข้าพบเห็นความเปลี่ยนแปลงทางนิสัยของเขาในโอกาสที่บังเอิญครั้งหนึ่ง
ในตอนนั้นยังเป็นเพียงขั้นต้นเท่านั้น ยังไม่รุนแรงขนาดนี้ อีกทั้งส่วนใหญ่เขาก็ยังคงรักษาความเป็นเด็กไร้เดียงสาไม่มีพิษภัย
แต่สองปีผ่านไป ตอนที่ข้าได้พบเขาอีกครั้ง เขาก็แบ่งตัวออกเป็นตัวคนเป็นสองแบบแล้ว อีกทั้งที่น่ากลัวที่สุดก็คือคนที่อยู่ในโลกความเป็นจริงนั้นคือตัวตนที่เย็นชาและไร้ความหวัง มีเพียงในโลกที่มีเจ้าที่เขาสร้างขึ้นมาเท่านั้นเขาถึงยังเป็นเด็ก
และในตอนนั้นชิวหลีก็ไม่สนใจเขาอีกต่อไป ส่วนใหญ่ที่ได้พบเขานั้นเขาล้วนเป็นเด็กคนหนึ่ง เขาขังตัวเองเอาไว้ในกรงขังที่เป็นของตัวเอง ไม่ยอมออกมา”