ตอนที่ 119 จี้จี้ฮวาสือ
หลานเฟิงหกล้มคลุกคลานวิ่งออกไป ไม่สนใจว่าที่ไหน เพียงแต่มุ่งตรงไปข้างหน้าเท่านั้น ตราบจนใช้กระแสพลังหมดแล้วหลานเฟิงถึงหยุดลง
นี่คือที่ไหน หลานเฟิงเงยหน้าขึ้นมองภาพทิวทัศน์เบื้องหน้า เหมือนจะไม่รู้จัก แต่ก็คุ้นเคยอย่างไม่มีที่เปรียบ หลานเฟิงพยายามทวนคิด ในที่สุดก็รู้สึกเหมือนเคยเห็นสถานที่แห่งนี้มาก่อนในมุมลึกมุมหนึ่งของความทรงจำ
ใช่แล้ว ทำไมถึงลืมไปได้เล่า จะลืมที่ไหนก็ได้ มีเพียงที่แห่งนี้ที่ไม่อาจลืม เพราะที่นี่คือหอจันทร์แรมอย่างไรเล่า พันปีก่อนนี้เรียกกันว่าจี้จี้ฮวาสือ ที่นี่คือฐานลับของเขาและหลานเยี่ย
เมื่อเห็นว่าทุ่งดอกไม้ผืนนั้นยังคงมีสีสันสดใสและมีชีวิตชีวาเหมือนที่เคยเป็นมา บริเวณรอบด้านยังมีร่องรอยการดูแล เป็นมู่หลีอย่างนั้นหรือ คิดไม่ถึงว่าเขายังคิดถึงที่นี่
หากว่าหลานเยี่ยยังอยู่ เห็นทิวทัศน์บรรยากาศเช่นนี้แล้วจะพูดเช่นไรกัน
“หลานเฟิง เจ้าดูซิ ที่นี่มีทุ่งดอกไม้ด้วย ข้าตัดสินใจแล้ว หลังจากนี้ที่นี่จะเป็นฐานลับของพวกเรา เมื่อไรที่เหนื่อยที่ล้าก็ให้มาที่นี่ ต่อให้แค่นอนอยู่บนพื้นก็ถือเป็นความสุขเช่นเดียวกัน”
“หลานเฟิง เจ้ามาเร็วเข้า มู่หลีให้หินเก็บความอุ่นมาให้ ข้าจะเอามันไปฝังไว้มุมหนึ่ง เช่นนี้ไม่ว่าจะเป็นฤดูอะไร ดอกไม้ก็จะบานออก”
“หลานเฟิง เจ้ารู้หรือไม่ ได้ยินว่าที่นี่ยังมีเรื่องเล่าที่สวยงามเรื่องหนึ่ง พันปีก่อนหน้านี้อวิ๋นซูเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งเขาเทียนปี้และฉีอวนองค์ชายเจ็ดแห่งราชวงศ์รักกัน แต่ตอนนั้นอยู่ในช่วงสงคราม ดังนั้นหลานเซียวบรรพบุรุษของตระกูลหลานจึงสร้างบ้านไม้หลังนี้ให้พวกเขา ให้พวกเขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่นี่”
“หลานเฟิง เจ้ามาดูเร็ว ในที่สุดดอกอีหมี่ก็บานแล้ว แต่เดิมคิดว่าต้องรอห้าปี แต่สามปีก็บานแล้ว จะต้องเป็นเพราะผลงานของหินเก็บความอุ่นเป็นแน่ ทำให้มันแยกฤดูร้อน ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้ตกไม่ได้ เจ้าว่าใช่หรือไม่”
“หลานเฟิง เจ้าฟังอยู่หรือไม่ กระท่อมหลังนี้พวกเรามาตั้งชื่อให้มันดีหรือไม่ ให้ข้าลองคิดดู เรียกว่าหอใบเฟิงดีหรือไม่ เฮ้อ ทำไมได้เล่า เจ้าดูใบเฟิงที่เต็มไปหมดทั่วเขานี่ซิ ข้างหน้ายังมีแม่น้ำเล็กๆ สายหนึ่ง เรียกว่าหอใบเฟิงไม่ใช่ว่าพอดีหรอกหรือ”
“เอาเถิดๆ ไม่เรียกหอใบเฟิงก็ได้ เช่นนั้นก็เรียกว่าหอจันทร์แรม ชื่อเหมือนกับจวนของข้า เจ้าว่าอย่างไร”
“หลานเฟิง ข้าขอร้องเจ้าเรื่องหนึ่ง ข้าถูกท่านพ่อจับกลับมาที่ตระกูลหลาน ดอกไม้ใบหญ้าที่หอจันทร์แรมไม่มีคนดูแลเป็นแน่ เจ้าไปบอกมู่หลี ให้เขาช่วยดูดีหรือไม่ อย่างไรเขาก็ว่างเสียขนาดนั้น”
“หลานเฟิง เจ้ารู้หรือไม่ ที่จริงแล้วความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้าไม่ใช่ทำเรื่องราวเอิกเกริกใหญ่โต แต่เป็นการหาคนสักคนมาใช้ชีวิตอยู่ที่ด้วยกันตลอดไป”
ย้อนกลับคิดถึงคำพูดที่หลานเยี่ยเคยพูดไว้ หลานเฟิงก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้
“เสี่ยวเยี่ย อ๊ากกก” หลานเฟิงเงยหน้าตะโกนก้อง
หลานเฟิงลุกขึ้นยืนจากพงดอกไม้ มุ่งหน้าตรงไปยังหอจันทร์แรม เขาเหมือนเดินผ่านอะไรบางอย่าง ความรู้สึกคุ้นเคยกระแสหนึ่งปะทะเข้ามา เหมือนมีของอะไรบางอย่างห่อหุ้มเอาไว้
หลานเฟิงยืนนิ่ง น้ำตาไหลลงมาหนักกว่าเดิม เมื่อหันกลับไปมองเขตม่านพลังสีฟ้าอ่อนก็ทอแสงประกายอยู่ใต้แสงอาทิตย์ เปล่งปลั่งระยิบระยับ
เป็นไปได้อย่างไร ทำไมม่านพลังของหอจันทร์แรมถึงยังอยู่ ทั้งๆ ที่หลานเยี่ยตายไปแล้ว ทำไมกัน หรือว่าชิวอวี้จะหลอกตนเอง หรือว่าเขตม่านพลังของตระกูลหลานและไฟอมตะของเขาเทียนปี้จะโดนเล่นสกปรก
หลานเยี่ยยังไม่ตาย เขายังอยู่ ชิวอวี้เอาเขาไปซ่อนไว้ที่ไหน ครั้งนี้ไม่อาจปล่อยให้เขาได้ใจอีก ตนเองจะต้องหาหลานเยี่ยให้พบ ไม่ว่าอย่างไร ไม่ว่าจะได้รับการให้อภัยหรือไม่ ขอแค่เขายังอยู่ก็พอแล้ว
หลานเฟิงหมุนตัวจากไป ออกจากหอจันทร์แรม กลับไปยังตระกูลเยี่ย
……
“อ๊ะ มู่หลี เหมือนมีคนมาเลย เจ้าดูนี่”
“อาจจะเป็นสัตว์ตัวเล็กเข้ามากระมัง”
“นั่นก็ต้องเป็นสัตว์ที่น่ารักเป็นแน่ เจ้าดูกระต่ายขนยาวพวกนั้นดีใจขนาดนี้”
“เจ้าดูออกว่ามันดีใจได้อย่างไร”
“ข้าบอกว่าดีใจก็คือดีใจ”
“ดีๆๆ เจ้าถูกทั้งนั้น”
“ใช่แล้ว ตอนนั้นทำไมข้าถึงตั้งชื่อว่าหอจันทร์แรมกัน ข้าจำได้เพียงว่าตอนนั้นยังตั้งอีกชื่อหนึ่ง เจ้ายังโต้ข้ากลับมาเลย!”
“อย่างนั้นหรือ ดูท่าข้าคงลืมไปแล้ว!”
ตอนที่ 120 ความกล้า
หลานเฟิงกลับมาถึงตระกูลเยี่ย กลับไปยังจวนที่พักของตนเอง แต่ไม่ได้เข้าไป ยามเมื่อเขาคิดถึงเรื่องที่ตนเองเห็นชิวอวี้เป็นหลานเยี่ย หลานเฟิงก็รู้สึกแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก เขาจะจำหลานเยี่ยผิดไปได้อย่างไร
เมื่อมาถึงหน้าประตู ภายในห้องก็มีเสียงหัวเราะของชิวอวี้ลอดดังออกมา เหมือนว่าได้ยินเรื่องสนุกอะไรอยู่ หลานเฟิงกำลังจะผลักประตูเข้าไป ประตูก็เปิดออกมาพอดี
เมื่อเห็นหลานเฟิงกลับมา ใบหน้าของชิวอวี้ยังคงมีแต่ความยินดี
“พี่เย่ว์ ท่านไปไหนมา เวลาผ่านไปนานแล้วก็ยังไม่กลับ อวี้เอ๋อร์เป็นห่วงท่านแทบแย่”
ไม่มีอารมณ์แปลกประหลาดแม้แต่นิดเดียว เหมือนว่าก่อนหน้านี้ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
“ไม่เป็นอะไร เพียงแค่ออกไปเดินเล่นเท่านั้น” หลานเฟิงเพิ่งเข้ามาก็สังเกตเห็นฉีเย่ว์ หน้าตาที่เต็มไปด้วยความแค้นฝังลึกทำให้หลานเฟิงแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็เข้าใจว่าเรื่องอะไร
“อวี้เอ๋อร์ เจ้าไม่ได้บอกว่าจะไปเอาเหล้ามารอเมื่อพี่เย่ว์กลับมาจะได้ให้เขาดื่มไม่ใช่หรือ ยังไม่รีบไปอีก”
“ใช่แล้ว เจ้าดูซิ พี่เย่ว์กลับมาทำให้อวี้เอ๋อร์ก็ดีใจใหญ่แล้ว อวี้เอ๋อร์จะไปเอาเดี๋ยวนี้”
หลังจากชิวอวี้ออกไปแล้ว หลานเฟิงก็ปิดประตูลง ยืนอยู่เบื้องหน้าฉีเย่ว์
“ทำไมต้องทำเช่นนี้”
“ท่านอยากรู้เรื่องอะไร แต่ใช่ว่าข้าจะบอกท่านนะ อีกอย่าง เจ้าเองก็ไม่ได้พูดว่าเรื่องอะไร ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร”
“เจ้ารักชิวอวี้ใช่หรือไม่ แต่ทำไมถึงได้คิดหาวิธีมากมายส่งเขามาถึงเตียงข้า”
“ล้อเล่นอะไรกัน เจ้าพูดว่าเขาเป็นหนูทดลองของค้าไม่ใช่หรือ ข้าไปจะไปเกิดใจสั่นกับหนูทดลองของตนเองได้อย่างไร!”
“เช่นนั้นตอนที่ข้าลงมือกับชิวอวี้ทำไมเจ้าถึงออกไปข้างนอกเล่า”
“ข้าไม่สนใจเรื่องส่วนตัวของคนอื่น”
“อย่าฝืนอีกเลย เจ้าเคยพูดว่าเพื่อเขาเจ้าขยันหมั่นเพียรศึกษาวิชาแพทย์”
“แล้วทำไมเล่า”
“มองดูคนที่ตนเองรักพร่ำเรียกชื่อคนอื่นทุกวัน ทรมานมากกระมัง”
ฉีเย่ว์ไม่ได้ตอบ มือที่จับอยู่ขอบโต๊ะนั้นเกร็งจนเส้นเลือดขึ้น
“ใช่แล้ว ทรมานมาก ทรมานอย่างมาก ทรมานจนจะตาย แต่ข้าจะทำอะไรได้ ในใจของเขาไม่มีข้า มีแต่เจ้า ตอนนี้หลานเยี่ยตายแล้ว เขาดีใจมาก เขาคิดว่าตัวเองมีโอกาสแล้ว ข้าทำได้เพียงทำให้เขาสมหวัง สมหวังเจ้าเข้าใจหรือไม่
เจ้ารู้หรือไม่ยามที่ข้าส่งเขาไปบนเตียงเจ้านั้นข้าเจ็บปวดมากเพียงใด เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนที่เจ้าลงมือกับเขาข้าอยากฆ่าเจ้ามากเพียงใด แต่ ข้าอดทนไว้ ทำให้เขาสมหวัง คงจะดีกว่าเจ็บปวดทั้งสองคน
ทำไมหลานเยี่ยตายแล้วเจ้าถึงยังใช้ชีวิตที่นี่ได้เป็นอย่างดี เจ้าควรจะทรมานไม่ใช่หรือ ทำไมคนที่ทรมานถึงมีแค่ข้าคนเดียว” ฉีเย่ว์ตะโกนใส่หลานเฟิง จนสุดท้ายก็เงียบเฉียบไร้เสียง
“นั่นก็เพราะเจ้าเกลียดแค้นตัวเอง แม้แต่ความกล้าจะแย่งชิงก็ยังไม่มี”
“ฮ่าๆ พูดง่ายนัก ความกล้าแย่งชิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากข้าไปแย่งชิงมาสักหน่อยผลที่ตามาคืออะไร คือความตายของชิวอวี้ หลายปีมานี้ที่เขายอมเชื่อฟังข้าก็เพราะเจ้า ข้าเอาเจ้ามากล่อมเขาอยู่ตลอด”
“บอกข้ามาว่าหลานเยี่ยอยู่ไหน จากนั้นก็พาชิวอวี้ไป ลบความทรงจำของเขา เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง”
ฉีเย่ว์ฟังคำของหลานเฟิง เห็นชัดว่าเกิดคล้อยตามเล็กน้อย
“ทำไมข้าไม่คิดจะทำเช่นนั้น แต่บีบบังคับให้ได้ความรักมาจะมีความหมายอะไร ร้องขอให้ใจได้รับการปลอบโยนอย่างนั้นหรือ”
ฉีเย่ว์ไม่ได้พูดคุยกับหลานเฟิงต่อ แต่ผลักประตูออกไป
ไม่นานชิวอวี้ก็กลับมา ในมืออุ้มไหเหล้ามาด้วยไหหนึ่ง
“พี่เย่ว์ ข้าเอาเหล้ามาแล้ว ฉีเย่ว์เล่า ทำไมถึงไม่อยู่”
“เขาออกไปจัดการธุระเล็กน้อย” สำหรับเขาแล้วฉีเย่ว์ไม่อยู่ก็สมกับความปรารถนาของเขาพอดี เอาแต่ใจครั้งเดียวยังพอทนได้ แต่มีบางเรื่องที่ทำเกินเหตุก็จะไม่ดี ใครก็ไม่อาจได้รับการให้อภัย ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปทุกคนล้วนเป็นหมาก