ตอนที่ 141 ข้าคือใคร แล้วเจ้าเป็นใคร
สถานที่ที่หลานเยี่ยอยากไปนั่นคือบริเวณที่หลานชิงอาศัยอยู่ เขาไม่รู้ว่าหลานชิงอยู่ที่ใด หลานเฟิงนั้นเดินขนาบข้างไปกับเขา เขาลองคลำหาทิศทางด้วยตนเองอยู่ตลอด ไม่นานเขาก็เดินนำข้างหน้า หลานเฟิงตามอยู่ด้านหลัง ไม่ว่าเขาจะเดินไปที่ใด หลานเฟิงก็ไม่ชี้นำทางให้เขา
เมื่อเดินมาถึงบริเวณด้านหน้าห้องลับแห่งตระกูลหลาน หลานเยี่ยมองประตูใหญ่ รูปสลักหินจิ้งจอกเก้าหางถูกสลักเอาไว้บนนั้น ไม่รู้ว่าฝีมือของยอดอาจารย์ท่านใดถึงแลดูสมจริงดั่งมีชีวิต
หลานเยี่ยหันไปมองหลานเฟิง ในมือของหลานเฟิงถือตราหยกประจำประมุขตระกูลเอาไว้ เขาค่อยๆ วางลงไปในมือของหลานเยี่ย หลานเยี่ยถือตราหยกเอาไว้ ลูบไล้รอยสลักด้านบน เหมือนได้พบกับเพื่อนกับที่จากกันมานาน
นำตราหยกลงไปฝังในช่องเดือยไม้ด้านบน ประตูใหญ่เปิดออก ทางเดินเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นมาต่อหน้าหลานเยี่ย หลานเยี่ยเดินข้าไป ตรงกลางนั้นมีหินขนาดใหญ่ก้อนหนึ่ง บนนั้นมีคนผู้หนึ่งนอนอยู่ รอบข้างว่างเปล่า ไม่รู้ว่าหากเยียบลงไปจะตกลงไปที่ใด
หลานเยี่ยก้าวเท้าเดินตรงไปข้างหน้าเหมือนหวาดกลัวอยู่บ้าง เมื่อเดินไปถึงด้านหน้าพื้นที่ว่างเปล่าลึกล้ำ หลานเยี่ยคิดจะขับกระแสวิญญาณแต่กลับถูกหลานเฟิงห้ามไว้
บันไดอันหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมากลางอากาศ ประกอบขึ้นไปทีละชั้นตราบจนถึงเบื้องหน้าก้อนหินยักษ์นั่น
หลานเยี่ยค่อยๆ ก้าวตรงไปข้างหน้า ใบหน้าของคนผู้นั้นยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ หลานเยี่ยเดินไปถึงตรงหน้า มองใบหน้านั้นอย่างชัดเจน นั่นเป็นใบหน้าที่ผ่านลมผ่านฝนมาอย่างโชกโชน หางตาเต็มไปด้วยรอยตีนกาเส้นเล็กๆ
คนผู้นี้ที่มีใบหน้าคล้ายกับตนเองอยู่เจ็ดแปดส่วนเป็นใครกัน แล้วตนเองเป็นใครกัน เป็นพ่อของตนอย่างนั้นหรือ ตนคือหลานเยี่ยอย่างนั้นหรือ
หลานเฟิงตามมาข้างหลัง มองดูเขาอยู่เงียบๆ ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา หลานเยี่ยนั่งอยู่ข้างกายหลานชิงเพียงลำพัง และมองดูอยู่นิ่งๆ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร กำลังคิดอะไรอยู่อย่างนั้นหรือ กำลังคิดถึงหลานชิง กำลังคิดถึงบิดาที่อยู่ในราชสำนักของตน หรือกำลังคิดถึงตนเองอยู่ นอกจากเขาก็ไม่อาจมีใครทราบได้
“ท่านเป็นใคร ทำไมถึงได้คุ้นเคยขนาดนี้ ข้าลืมอะไรไปอย่างนั้นหรือ ข้าเป็นบุตรของผู้นำแคว้นจริงหรือไม่ หรือข้าเป็นนายน้อยแห่งตระกูลหลาน บุตรชายของท่าน
จู่ๆ หลานเยี่ยก็ยื่นมือไปลูบไล้ใบหน้าของหลานชิง รู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก รู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก รู้สึกว่าอะไร โดยไม่ทันตั้งตัว กระแสวิญญาณสีฟ้าก็เข้าปกคลุมหลานเยี่ย หลานเยี่ยขับพลังกระแสวิญญาณออกมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
กระแสวิญญาณทีละสายสะท้อนผ่านนิ้วมือของหลานเยี่ยส่งไปยังหลานชิง หลอมรวมกลายเป็นหนึ่งเดียวกับหลานชิง แต่สายใยยังคงไม่ขาดออกจากกัน หลานเยี่ยรู้สึกประหลาดใจ มองดูกระแสวิญญาณที่เชื่อมต่อกันอยู่อย่างนั้น
หลานเฟิงก้าวขึ้นข้างหน้า ชี้ไปยังพลังกระแสวิญญาณสองเส้นที่เข้มเส้นหนึ่งอ่อนเส้นหนึ่งพลางพูดว่า
“สิ่งที่เจ้าขับนำออกมาจากมุกหลิววั่งเป็นกระแสวิญญาณทั่วไป แต่กระแสวิญญาณที่ออกมาจากร่างท่านประมุขเป็นแหล่งกระแสวิญญาณเดิมที่เป็นสิ่งพิเศษของคนตระกูลหลาน ข้ามารู้ที่หลังว่าขอแค่ผนึกแหล่งกระแสวิญญาณเดิม ทั้งหมดทั้งมวลของคนผู้นี้ก็จะกลายเป็นเหมือนไม่เคยดำรงอยู่”
“เช่นนั้นทำไมกระแสวิญญาณที่เย่ว์เยี่ยยังคงอยู่เล่า”
“เพราะในนั้นมีแหล่งกระแสวิญญาณเดิมของเจ้า ตอนแรกข้าเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าเพิ่มแหล่งกระแสวิญญาณเดิมเข้าไปในพลังกระแสวิญญาณ คิดไม่ถึงว่าเจ้ามีความผูกพันกับที่แห่งนั้นอย่างลึกซึ้งเช่นนี้”
“หลานเฟิง ข้าเป็นใครกันแน่” จู่ๆ หลานเยี่ยก็เงยหน้าขึ้นถามหลานเฟิง
“เจ้าคือหลานเยี่ย เป็นนายน้อยตระกูลหลาน เป็นนายใหญ่แห่งหล่านเย่ว์ เป็น…คนที่ข้ารัก”
“เรื่องราวของเจ้าอ้างว้างเกินไป ทำให้ข้าไม่กล้าเชื่อว่าคนผู้นั้นคือข้า ชีวิตอันแสนธรรมดาเกือบยี่สิบปีของข้ากลับเปราะบางอ่อนแอเช่นนี้ หากที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริง หากข้าฟื้นฟูความทรงจำ ข้า…จะให้อภัยเจ้าหรือไม่”
ลมกระแสหนึ่งพัดโชยมา ทั้งสองคนสบตากันนิ่ง ผมยาวสะบัดปลิวสลวย หัวใจที่สั่นไหวทั้งสองดวง ณ เมืองแห่งหนึ่ง
ตอนที่ 142 สิ่งที่เรียกว่าความคิด
หลานเฟิงไม่ได้พูดอะไร หลานเยี่ยเองก็ไม่ไล่ถามอีก ดังนั้นทั้งสองคนจึงนิ่งเงียบอยู่เช่นนี้ นิ่งเงียบเสมือนเป็นเรื่องที่เจ็บปวดที่สุด
“ไม่พูดอะไรหน่อยหรือ” หลานเยี่ยเอ่ยปากขึ้นก่อน ทำลายความเงียบลง
“บอกข้าได้หรือไม่ นับตั้งแต่เจ้าฟังเรื่องราว นับตั้งแต่เจ้ามาถึงเขาหลานวั่งในใจของเจ้าคิดอย่างไร” หลานเฟิงกลับย้อนถามหลานเยี่ย
“ไม่ทราบเช่นกัน ข้าเองก็ไม่ทราบว่าตนเองคิดอย่างไร ข้าทราบแค่เพียงข้าล้วนคุ้นเคยอย่างมากกับทั้งหมดนี่ เหมือนกับข้าเคยประสบพบพานมากับตนเอง จากนั้นข้าก็ยังคงสงสัย สำหรับแท้จริงแล้วคิดอย่างไรข้าเองก็ไม่เข้าใจ”
หลานเยี่ยหมุนตัวเดินออกมาจากทางเดินเส้นนั้น หลานเฟิงตามมาข้างหลัง ทางเดินคับแคบที่ปรากฏขึ้นมากลางอากาศก็หายวับไปกลางอากาศอีกครั้ง
“สงสัยอะไร จากที่ข้าดูก็ไม่มีอะไรน่าสงสัยแล้ว เจ้าคือหลานเยี่ย ก็คือหลานเยี่ย ไม่ใช่คนอื่น เหตุใดจึงต้องสงสัย”
“เจ้าไม่ควรกล่าวเช่นนี้ออกมา หากข้าเป็นหลานเยี่ยเช่นที่เจ้าพูด สองครั้งที่ข้าสูญเสียความทรงจำ เจ้าล้วนเห็นเป็นประจักษ์พยานกับตนเอง เจ้าควรจะเข้าใจความรู้สึกของข้า ความไม่สงบของข้ามากที่สุด แต่เจ้ากลับพูดเช่นนี้”
“ขอโทษ”
“ไม่จำเป็นต้องขอโทษ เจ้าเพียงร้อนใจเท่านั้นเอง”
“เช่นนั้นเจ้าคิดอยากกลายเป็นหลานเยี่ยผู้นั้นหรือไม่ กลายเป็นคนเดิมของเจ้า หากเจ้ายินยอมข้าจะคิดหาวิธีต่างๆ ฟื้นฟูความทรงจำของเจ้า”
“ยินยอมหรือไม่อย่างนั้นหรือ ไม่ว่าข้าจะยินยอมหรือไม่แลดูว่าจุดจบก็ถูกกำหนดไว้แล้วกระมัง ในเมื่อสามารถหาวิธีทำให้ข้าฟื้นฟูความทรงจำได้ แล้วทำไมยังต้องให้ข้าเลือกเองด้วย ฟื้นฟูความทรงจำให้ไปเลย ทำให้ข้ากลายเป็นหลานเยี่ยคนที่เจ้าต้องการคนนั้นไปเลยไม่ดีกว่าหรือ”
“นั่นก็เพราะว่า…”
“เพราะว่าอะไร เพราะกลัวว่าหลานเยี่ยจะไม่ให้อภัยเจ้าหรือ พูดตามจริง หากข้าเป็นหลานเยี่ยผู้นั้นข้าเองก็ไม่ยกโทษให้เจ้า เจ้าทำร้ายคนที่หลานเยี่ยรักที่สุด ไม่อาจให้อภัยได้”
“เพราะเจ้าในตอนนี้มีความสุขเป็นอย่างมาก เพราะเจ้าคนเดิมแบกรับมากเกินไป เพราะการฟื้นฟูความทรงจำจะทำให้เจ้าเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยไป เพราะเจ้าคนเดิมไม่อาจทำตามใจตนเองได้ หากเป็นไปได้ เจ้าสามารถเป็นเช่นนี้ไปได้ตลอด แต่ข้าทำไม่ได้ ข้าเห็นแก่ตัวมาก ข้าไม่อยากให้เจ้าอยู่กับมู่หลี ข้าอยากครอบครองเจ้า เข้าใจหรือไม่ ครอบครอง”
“ครอบครองคือความรักที่แท้จริงอย่างนั้นหรือ” หลานเฟิงพูดออกมามากมายเช่นนี้ทำให้หลานเยี่ยรู้สึกดีใจไม่น้อย แต่เดิมจิตใจที่สับสนอย่างมากเมื่อออกมาจากการไปหาหลานชิง แล้วหลานเฟิงยังมาพูดเช่นนี้ทำให้เขาเคืองใจขึ้นมาในทันใด
“ข้าไม่รู้ แต่ข้ารู้ว่าสิ่งที่ข้ามีต่อเจ้านั้นคือรักแท้ รักจนถอนตัวไม่ขึ้น ดังนั้นเหตุใดถึงให้ข้าฟังเสียงหัวใจเจ้าไม่ได้ มุกหลิววั่งขาดการติดต่อ ข้าไม่ได้ยินเสียงหัวใจของเจ้า ทำให้ข้าลนลานอย่างมาก”
ทั้งสองคนยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนทะเลาะกัน สุดท้ายจู่ๆ หลานเยี่ยกลับหัวเราะออกมา หลานเฟิงไม่เข้าใจว่ามีอะไรน่าขัน
“มีอะไรน่าขันเช่นนั้นหรือ” มองดูหลานเฟิงร้อนรนตกอยู่ในสภาพพ่ายแพ้ ความโกรธของหลานเยี่ยหายไปกว่าครึ่ง
“ในอดีตหลานเยี่ยเคยทะเลาะกับเจ้าหรือไม่”
“ไม่”
“เป็นเพราะนิสัยของเจ้าหรือไม่ จึงไม่เคยทะเลาะขึ้นมาได้” หลานเฟิงไม่ได้พูดอะไร
“ตอนนี้เพื่อเขา เจ้ากลับเปลี่ยนแปลงตนเอง เพื่อเขาเจ้าทำเรื่องที่ไม่มีทางทำ อธิบายได้ว่าเจ้ารักเขามากจริง มีบางครั้งที่ข้าเอาตนเองไปทับซ้อนกับเขา แต่ข้าไม่รู้ว่าเมื่อข้าฟื้นฟูความทรงจำ ข้าจะเป็นหลานเยี่ยหรือจะบอกว่าข้าเป็นอีกคน”
“เจ้าคือหลานเยี่ย” หลานเฟิงพูดออกมาอย่างดื้อรั้น ทำให้หลานเยี่ยรู้สึกว่าเขาน่ารักนัก ยื่นมือไปบีบใบหน้าเย็นเยียบของเขา สัมผัสไม่เลวเลยทีเดียว
“หน้าตาหล่อเหลาถึงเพียงนี้ ปราศจากรอยยิ้ม ช่างน่าเสียดายเสียจริง”