ตอนที่ 143 ขี่ม้าพุ่งทะยาน
หลานเฟิงคิดถึงอดีตก่อนหน้านี้นานแสนนาน เหมือนว่าหลานเยี่ยก็เคยบีบหน้าของเขาเช่นนี้ ในตอนนั้นเขายังคงหลบหนี ในตอนนั้นยังไม่มีอะไรเริ่มขึ้น ในตอนนั้นทุกอย่างยังคงงดงาม
จู่ๆ หลานเฟิงก็ลากหลานเยี่ยให้เดินออกไปข้างนอก หลานเยี่ยตกใจไม่น้อย
“เจ้าจะพาข้าไปที่ใด”
“ตามข้ามา”
หลานเยี่ยโดนหลานเฟิงลากออกไปอย่างแข็งขืนมาจนถึงเขาหลานวั่ง ระหว่างทางก็ไม่ลืมจูงม้ามาตัวหนึ่ง หลานเยี่ยไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร มองเขาอย่างหวาดกลัวอยู่อีกข้าว
หลานเฟิงหยุดฝีเท้ามองหลานเยี่ย หลานเยี่ยไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้มองตนเองเช่นนี้จึงพยายามออกแรงหลบอยู่ด้านหลัง ออกให้ห่างจากหลานเฟิง คิดไม่ถึงว่าจะถูกหลานเฟิงดึงเอาไว้
“ขึ้นไป
“หา?”
“ขึ้นม้า”
หลานเยี่ยถึงได้เข้าใจว่าหลานเฟิงสั่งให้คนเองขึ้นหลังม้า ตัวเองยืนบ่นงึมงำอยู่ตรงนั้น ขึ้นหลังม้าก็ขึ้นหลังม้าเหตุใดต้องดึงข้า
เมื่อเห็นว่าหลานเยี่ยขึ้นหลังม้าแล้ว หลานเฟิงจึงตามขึ้นไป นั่งอยู่ข้างหลังหลานเยี่ย หน้าอกติดชิดแนบแน่นอยู่กับหลังของหลานเยี่ย หัวใจทั้งสองดวงเต้นตึกตักเสียงดัง เต้นจนหลานเยี่ยรู้สึกไม่สบายตัว
“เจ้าทำอะไร ตระกูลหลานขาดแคลนม้าขนาดนี้เชียวหรือ คนสองคนทีเพียงม้าตัวเดียว อ๋าาา” จู่ๆ หลานเฟิงก็ตีสะโพกม้า ม้าได้รับคำสั่งก็พุ่งทะยานออกไป ทำให้หลานเยี่ยที่ไม่ทันได้เตรียมตัวตกใจไม่เบา
ในที่สุดก็สงบลง ข้างหูไม่มีเสียงโวยวายรบกวนของหลานเยี่ยอีกต่อไป ด้านหน้ามีกระต่ายน้อยสองตัววิ่งออกมา หลานเยี่ยมองเพียงแค่สองสามที อดกลั้นอาการอยากพุ่งเข้าไปจับเอาไว้
หลานเฟิงกระชับบังเ**ยนม้าในทันใด
“ทำไมถึงเงียบเช่นนี้”
“…”
“อย่าอดกลั้นตนเอง อยากทำอะไรก็ทำ เหมือนกับแต่ก่อน”
“…”
กระต่ายข้างหน้าวิ่งออกไปไกลแล้ว แต่หลานเฟิงยังไม่มีทีท่าจะขยับไปไหน จนทำให้หลานเยี่ยร้อนใจจนแทบจะเต้นแร้งเต้นกา
“เจ้าก็ขยับเสียซิ กระต่ายจะวิ่งไปหมดแล้ว” หลานเยี่ยไม่ได้มอง ในบริเวณที่เขามองไม่เห็นนั้นหลานเฟิงหัวเราะออกมา ยังคงซุกซนอยู่เช่นนั้น
บังคับม้าไล่ตามไป หลานเยี่ยร้องเรียกด้วยความดีใจ
“เร็วๆๆ หลานเฟิง เร็ว อีกนิดเดียวเท่านั้น อีกนิดเดียว เจ้าเร็วหน่อยซิ” หลานเยี่ยร้อนรนจนทนไม่ไหว ร้องเร่งหลานเฟิงไม่หยุด ตอนนั้นหลานเฟิงเพียงจูงม้ามาตัวหนึ่งโดยมิได้ตั้งใจ ไม่รู้ว่าฝีเท้าจะแย่ถึงเพียงนี้ ยังดีที่เร่งไล่อย่างเอาเป็นเอาตาย สุดท้ายก็ไล่ตามทัน
“หลานเฟิงจับข้าไว้” หลานเยี่ยยื่นมือข้างหนึ่งให้เขา หลานเฟิงจับเอาไว้ หลานเยี่ยค้อมเอวจับกระต่ายตัวหนึ่งขึ้นมา หลานเยี่ยหันกลับไปคิดจะพูดโอ้อวดกับหลานเฟิง แต่กลับพบท่าทางอันน่าดึงดูดนี้ เขาอยู่ข้างล่างมองดูหลานเฟิง ทั้งสองคนสบตากัน หลานเยี่ยรู้สึกเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างเป็นประกายปรากฏขึ้นในหัว
“จะเป็นตัวในตอนนั้นหรือไม่นะ ข้ารู้สึกว่าบนร่างกายของมันมีร่องรอยพลังกระแสวิญญาณของข้าหลงเหลืออยู่”
“อายุของกระต่ายไม่น่าจะยาวถึงเพียงนั้น อีกทั้งมาถึงตระกูลหลานแล้ว บนร่างกระต่ายทั่วทั้งเขาน่าจะมีกระแสวิญญาณของนายน้อยท่านหลงเหลืออยู่”
‘เป็นใครที่กำลังพูด และเป็นคำพูดของใครกัน เหตุใดในหัวถึงปรากฏภาพนี้ขึ้นมา คำพูดเหล่านี้ข้าพูดอย่างนั้นหรือ’
หลานเฟิงเห็นสายตาเหม่อลอยของหลานเยี่ยก็รีบดึงเขาขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าหลานเยี่ยที่ขึ้นมาแล้วก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
“ทำไมหรือ”
“ข้าเหมือนคิดถึงเรื่องบางเรื่องได้ ภาพเหตุการณ์นี้ ในอดีตเคยเกิดขึ้นมาก่อนใช่หรือไม่ ทำไมเจ้าถึงพาข้ามาที่นี่ แล้วทำไมถึงได้พาข้ามาขี่ม้า จับกระต่าย เพราะว่าในอดีตเจ้าเคยทำเรื่องเหล่านี้กับหลานเยี่ยใช่หรือไม่”
“ใช่” หลานเฟิงตอบอย่างไม่ลังเล
“ตอนนี้เจ้ายังมีอะไรสงสัยอีกหรือไม่”
“ใครจะไปรู้เล่า! ต่อจากนี้พวกเราจะไปที่ใด”
“เจ้าอยากไปที่ใด” มองดูทิศทางที่ม้าวิ่งไป หลานเยี่ยลอบถอนหายใจ
“กำหนดทิศทางไว้แล้ว ยังจะต้องถามข้าอีกทำไม”
“พูดถูก”
“…”
ตอนที่ 144 แรกรู้จักเขาเทียนปี้
ทิศทางเบื้องหน้าคือเขาเทียนปี้ แม้หลานเฟิงไม่อยากให้หลานเยี่ยได้พบหน้ากับอวิ๋นหรู แต่เพราะความทรงจำของหลานเยี่ย เขาก็ยังพาหลานเยี่ยไปยังเขาเทียนปี้
เขาเทียนปี้อยู่ในช่วงการก่อสร้างใหม่ เพราะตอนที่หลานเยี่ยถูกจับไปก่อนนี้เขาเทียนปี้เพิ่งถูกวางเพลิงไม่นาน ดังนั้นความทรงจำจึงไม่ได้ลึกล้ำเท่าไรนัก
“ที่นี่คือเขาเทียนปี้หรือ”
“อืม”
“ไม่ค่อยเหมือนกับที่คิดไว้เท่าไรนัก”
“ที่เจ้าคิดไว้เป็นเช่นไร”
“เป็นสถานที่สวยงามเหมือนเขาหลานวั่ง ควรต้องมีผลหมากรากไม้ใหญ่เป็นจำนวนมาก ลูกท้อผลใหญ่ห้อยอยู่บนต้น ทำให้คนน้ำลายสอ ผลมะกอกสีแดงสดทำให้คนไม่อยากละมือทิ้ง” หลานเยี่ยพูดสิ่งที่ตนเองคิดออกมาอย่างไม่ปิดบังแม้แต่น้อย
“ช่างเป็นแมวจอมตะกละเสียจริง ที่นี่ในอดีตสวยงามเหมือนกับเขาหลานวั่งจริง และมีผลหมากรากไม้นานาชนิดจริง เป็นความผิดของข้าที่ชักนำคนตระกูลเยี่ยเข้ามา ให้พวกเขาเผาไหม้เขาเทียนปี้”
หลานเยี่ยไม่ได้พูดอะไร เมื่อมาถึงประตูใหญ่เขาเทียนปี้ ทหารยามทำความเคารพหลานเยี่ยอย่างนอบน้อมเกรงกลัว จากนั้นก็ให้พวกเขาเข้าไป เสมือนสิ่งที่หลานเยี่ยคิดเอาไว้
หลังจากเข้าไปแล้วทั่วทุกบริเวณเป็นกลิ่นของไม้ใหม่ และมีลมหายใจของป่าไม้หญ้าเขียวแอบแฝง กลิ่นหอมเป็นอย่างมาก มีคนกำลังประดับตกแต่งบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้างหลากหลายรูปแบบที่ทำให้หลานเยี่ยทั้งรู้สึกแปลกแยกและมีความคุ้นเคยแอบแฝงนั้นปรากฏขึ้นมาให้เห็นตรงหน้า
“ที่นี่สร้างเหมือนกับในอดีตเลยใช่หรือไม่”
“อืม น่าจะทำเพื่อระลึกถึงประมุขวังคนก่อนกระมัง”
เมื่อเดินตรงไปข้างหน้าอีก มีคนสังเกตเห็นหลานเยี่ยก็เดินเข้ามาทักทายอย่างสนิทสนม หลานเยี่ยส่งยิ้มน้อยๆ เป็นการตอบกลับ เดินไปอีกไม่ไกลก็ปรากฏสิ่งปลูกสร้างที่โดดเด่นต่างจากที่อื่นขึ้นมา
“นี่คือโถงบรรพชนแห่งเขาเทียนปี้ ตอนที่เขาเทียนปี้โดนเผาวอด ประมุขวังได้ปกป้องโถงบรรพชนและเรือนอี้หรงเอาไว้
“เรือนอี้หรง?”
“อืม ต้องเดินไปข้างหน้าอีกถึงจะเห็น จะเข้าไปดูในโถงบรรพชนหรือไม่ ป้ายวิญญาณของฮูหยินยังคงอยู่ในนั้น”
“ฮูหยิน? มารดาของข้าอย่างนั้นหรือ”
“ใช่”
หลานเยี่ยได้ยินคำตอบก็รีบเข้าไปข้างใน ภายในไม่มีคน มีเพียงป้ายวิญญาณวางเรียงไว้ หลานเยี่ยก้าวขึ้นไปข้างหน้า มองเพียงปราดเดียวก็เห็นป้ายวิญญาณของอวิ๋นหรง
“นี่คือมารดาข้าอย่างนั้นหรือ” หลานเยี่ยหันกลับไปพลางชี้ป้ายวิญญาณของอวิ๋นหรงแล้วถามขึ้น
“ใช่แล้ว”
หลานเยี่ยก้าวขึ้นไป แต่เดิมเขายังมีความคาดหวังคิดว่ามารดาที่ตนจะได้เจอนั้นอย่างแย่สุดก็คือสภาพเช่นหลานชิง แต่คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่เห็นจะเป็นเพียงป้ายวิญญาณที่เย็นเยียบแผ่นหนึ่ง
“ท่านแม่? ท่านคือท่านแม่ของข้าอย่างนั้นหรือ” หลานเยี่ยไม่รู้ว่าตนเป็นอะไร จู่ๆ น้ำตาก็ไหลลงมา เขาไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย มองดูป้ายวิญญาณอย่างนิ่งงันอยู่เช่นนั้น
“หากท่านคือท่านแม่ของข้า ข้าก็ไม่ควรมาพบท่าน สภาพของข้าเช่นนี้คงทำให้ท่านเป็นกังวลกระมัง ข้าขอโทษ ท่านแม่ ข้าจดจำท่าทางของท่านไม่ได้แล้ว ข้าหวังมากเพียงใดว่าตนเองยังมีท่านแม่ที่มีชีวิตอยู่ เหตุใดไม่ว่าจะเป็นความทรงจำหลอกลวง หรือความทรงจำที่แท้จริงล้วนไม่มีท่านแม่ ในชีวิตของข้ามักจะขาดท่านไป”
หลานเฟิงก้าวขึ้นไปข้างหน้า เช็ดน้ำตาให้หลานเยี่ยจนแห้ง หลานเยี่ยมองเขาแต่กลับเกิดความรู้สึกโกรธแค้นขึ้นมา เกิดขึ้นอย่างไร้ซึ่งที่มาที่ไป
“เหตุใดจู่ๆ ข้าก็นึกแค้นเจ้า เหตุใดข้าจึงคิดเช่นนี้ เจ้าทำผิดอะไร เหตุใดข้าถึงแค้นเจ้า เหตุใด ผู้ใดบอกข้าได้หรือไม่ แท้จริงแล้วข้าคือใคร เหตุใดถึงต้องทำเช่นนี้ต่อข้า” หลานเยี่ยร้องไห้ส่งเสียงออกมา ความอัดอั้นที่เก็บเอาไว้มาเป็นเวลานานระเบิดออกมาในทันใด หลานเฟิงก้าวขึ้นไปกอดเขาเอาไว้ ไม่นานกลับถูกผลักออกมา
หลานเฟิงไม่พูดจา มือที่คิดจะยกขึ้นมาสุดท้ายก็ตกแนบลำตัวอีกครั้ง จากนั้นด้านหลังของหลานเยี่ย หลานเฟิงก็ค่อยๆ ผลักกำแพงฝั่งนั้นออก
“เสี่ยวเยี่ย หันกลับมา”