ตอนที่ 151 เลือก
ได้ยินเช่นนี้เทียนซีเองก็ลำบากใจ จัดการไม่ง่ายเลยจริงๆ
ตอนนี้หลานเยี่ยหาที่ว่างบริเวณหนึ่งพบแล้วนั่งลง เขาอยากดูว่า ปัญหานี้จะมีคำตอบหรือไม่ เขาอยากดูว่าจะมีคนให้คำตอบแก่เขาหรือไม่
สตรีผู้นั้นร้องไห้อยู่ตลอด คนทั้งห้องหลังจากได้ยินสตรีผู้นั้นพูดก็นิ่งงันไป ล้วนครุ่นคิดอยู่ทั้งสิ้น หากเป็นตนเอง จะทำเช่นไร
“เสี่ยวซี ทำเช่นไรดี ทำการทดสอบความเหมาะสมให้พวกเขาดีหรือไม่ หรือว่า…”
“ไม่ได้ ต่อให้เหมาะสมกันแล้วจะทำไม ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือหัวใจของพวกเขา ปัญหานี้พวกเขาต้องจัดการด้วยตนเองเท่านั้น สายตาของคนอื่นไม่อาจแทนที่พวกเขา ต่อให้ตอนนี้ทำการทดสอบความเหมาะสม ในอนาคตก็อาจใช้ชีวิตอย่างไร้ความสุข
พวกเขาอาจรู้สึกว่าตนเองเหมาะสมจึงไม่ติดค้างอะไรในใจ แต่บ่อยครั้งที่เหตุผลเช่นนี้ทำให้พวกเขาละอายต่ออีกฝ่าย จากนั้นความสัมพันธ์ก็จะเกิดปัญหา”
“เช่นนั้นต้องรอไปถึงเมื่อใด”
“ไม่ต้องรีบ ค่อยๆ รอ” อวี่มั่วและเทียนซีจัดการแยกย้ายผู้คนที่มองรุมดูรอบข้าง ตั้งเขตม่านพลังคนละวงให้พวกเขาสามคน ให้พวกเขาได้ใจเย็นลง ครุ่นคิดอย่างเงียบๆ
เวลาล่วงผ่านไปเรื่อย เป็นครั้งแรกที่ภายในหอต้วนอวิ๋นไร้เสียงเป็นเวลานานเช่นนี้ ในที่สุดอวี่มั่วก็สลายเขตม่านพลังของทั้งสามคนออก
บนใบหน้าของหญิงสาวไม่มีร่องรอยน้ำตาแล้ว ชายหนุ่มทั้งสองคนก็สงบลงแล้ว
จู่ๆ หญิงสาวผู้นั้นก็คุกเข่าให้กับชายหนุ่มฝั่งขวา หลานเยี่ยเหมือนสุดท้ายก็ได้ปล่อยวางเรื่องในใจลง
“ขอโทษด้วย ข้าน้อยขอบคุณเจ้าเป็นอย่างมากที่คอยอยู่เป็นเพื่อนข้าในช่วงเวลาที่ข้าเจ็บป่วย แต่สิ่งที่ข้ารู้สึกกับเจ้าไม่ใช่ความรัก เป็นเพียงความซาบซึ้ง คือการตอบแทนบุญคุณ คนที่ข้ารักยังคงเป็นคนที่ยืนอยู่ข้างเจ้า
หากข้าเลือกเจ้า จะถือเป็นการไม่รับผิดชอบต่อเจ้า ในอนาคตพวกเราต้องไร้ซึ่งความสุขเป็นแน่ ฉะนั้นขอโทษ ข้าไม่อาจเลือกเจ้าได้”
ชายหนุ่มผู้นั้นเหมือนคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว ค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าช้าๆ แล้วเอ่ยปากพูด
“ขอโทษ เป็นข้าที่ขัดขวางเจ้ามาตลอด เจ้ามีความสุขก็ดีแล้ว ข้าไปก่อน” ชายหนุ่มผู้นั้นเดินออกจากประตูใหญ่หอต้วนอวิ๋น ชายหนุ่มอีกคนประคองหญิงสาวขึ้นมา เอ่ยขอบคุณอวี่มั่วและเทียนซี
มองดูชายหนุ่มผู้นั้นวิ่งออกไป อวี่มั่วสั่งคนให้คนแอบตามไป
“เจ้าให้คนตามเขาไปทำไม” เทียนซีถามเขา
“หอต้วนอวิ๋นคงไม่อาจทำลายโอกาสทางการค้า คนนี้ไม่ได้ ก็จะต้องมีหญิงสาวผู้อื่นที่ดีกว่านี้อีกเป็นแน่ แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา แล้วทำไมจะต้องรักดอกไม้อยู่ข้างเดียวใช่หรือไม่”
หลานเยี่ยมองดูละครฉากนี้อยู่อีกข้าง ท่าทางไม่ได้สับสนมากเหมือนเดิมอีกต่อไป รอจนอวี่มั่วและเทียนซีจัดการธุระเสร็จแล้ว หลานเยี่ยถึงได้รำลึกความหลังกับพวกเขาสองคน จะพูดว่ารำลึกความหลัง ส่วนใหญ่แล้วเป็นอวี่มั่วที่พูด หลานเยี่ยไม่รู้อะไรทั้งนั้น เหมือนกำลังฟังเรื่องราวของผู้อื่นอยู่
อวี่มั่วพูดจบแล้ว แต่หลานเยี่ยยังคงเงียบนิ่ง เหมือนกับเหม่อลอย
“ข้าพูดจบแล้ว แสดงปฏิกิริยาเสียหน่อยซิ”
“ข้อมูลมากเกินไป ให้ข้าได้ย่อยเสียหน่อย”
“ได้ เช่นนั้นเจ้าก็ย่อยไป ข้าจะไปเอาของบางอย่าง” อวี่มั่วขึ้นไปชั้นสอง เทียนซีอยู่กับหลานเยี่ยที่ชั้นหนึ่ง หลานเฟิงนั่งดูอยู่ข้างๆ
การไล่ล่าครั้งนี้เขาไม่รู้จุดจบ แต่เขาพยายามควบคุมสถานการณ์ ทำให้ตนเองเป็นคนกำหนดจุดจบ
“หลานเยี่ย ยื่นมือมา ข้าดูให้เจ้าอีกครั้ง” เทียนซีเอ่ยปาก ฉายาหมอเทวดาของเขานั้นไม่ใช่เรื่องโกหก หลานเยี่ยยื่นมือออกไป เทียนซีจับชีพจรให้ ผ่านไปครู่หนึ่ง เทียนซีก็หน้าแดงขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด
“เจ้าเป็นอะไร เหตุใดหน้าแดงเช่นนี้”
“เอ่อ หลานเยี่ย เจ้าอยากรู้วิธีฟื้นฟูกระแสวิญญาณหรือไม่”
ตอนที่ 152 พูดไม่ออก
ความทรงจำจะรื้อฟื้นหรือไม่ หลานเยี่ยยังคงสับสน แต่การฟื้นฟูพลังกระแสวิญญาณ หลานเยี่ยนั้นดีใจเป็นอย่างมาก เท่าที่รู้กระแสวิญญาณของเขาเก่งกาจเลยทีเดียว
“อยากซิ ย่อมอยาก”
“เอ่อ พลังกระแสวิญญาณฟื้นฟูแล้ว ความทรงจำก็อาจได้รับการฟื้นฟูด้วย หรืออาจจะไม่ สถานการณ์เช่นเจ้าข้าเคยเห็นมาในตำราการแพทย์ ส่วนเรื่องความทรงจำจะกลับมาหรือไม่นั้นแตกต่างไปในแต่ละบุคคล ไม่แน่นอน” เทียนซีพูดออกมาอย่างติดขัด ทำให้หลานเยี่ยร้อนใจเป็นอย่างมาก
“เจ้าก็พูดมาซิว่าวิธีเช่นไร”
“ข้า…พูดไม่ออก…” เขาพูดไม่ออกจริงๆ คนหน้าบางเช่นเทียนซี
“ถือว่าข้าขอร้องเจ้า พูดออกมาเถิด” หลานเยี่ยพุ่งเข้าไป จับมือเทียนซีเอาไว้ พูดขอร้องเขาไม่หยุด ไม่นานอวี่มั่วลงมา เห็นหลานเยี่ยจับมือเทียนซีไว้น้ำโหก็พุ่งขึ้นมาในทันใด
“เจ้าทำอะไร ปล่อยมือเดี๋ยวนี้” หลานเยี่ยชักมือกลับ มองไปยังเทียนซีด้วยความขัดใจอย่างมาก เทียนซีผ่อนลมหายใจยาว ถามหลานเยี่ยคำถามหนึ่ง
“หลานเยี่ย เจ้ายังบริสุทธิ์อยู่ใช่หรือไม่” คราวนี้เป็นหลานเยี่ยที่หน้าแดงขึ้นมา
“ถ้ายึดตามความทรงจำตอนนี้แล้วก็ใช่”
“ใช่” หลานเฟิงที่อยู่ข้างๆ พูดออกมาในทันใด ทำให้อวี่มั่วยิ่งออกอาการหยอกเย้ามากขึ้น
“เจ้าใช่ไม่ได้เลย หลานเยี่ยโตเท่าไรแล้ว อีกสองวันก็จะยี่สิบแล้วกระมัง ยังคงบริสุทธิ์อยู่ ไม่ได้ๆ หลานเฟิงเจ้าต้องสู้เข้า” อวี่มั่วพูดว่ากล่าวหลานเยี่ยและหลานเฟิงด้วยน้ำเสียงของคนที่เคยประสบมาแล้ว
“นี่เกี่ยวข้องอะไรกับการรื้อฟื้นความทรงจำของข้าหรือ” หลานเยี่ยรับอวี่มั่วไม่ไหว รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาในทันใด
“จุดของกระแสวิญญาณเจ้าก็คือ…ก็คือ สิ่งนั้นเจ้าเข้าใจใช่หรือไม่ ก็คือ…เจ้าเข้าใจ” จนถึงสุดท้ายเทียนซีก็ไม่พูดออกมา
“ก็คือทำกับหลานเฟิง ก็เท่านั้น”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นหลานเฟิง” เทียนซีมองเขาอย่างตื่นตกใจ
“ต้องเป็นคนที่ใจรักเท่านั้น หรือจะบอกว่าอิงแอบในอ้อมอกของผู้อื่น จำได้ว่านายน้อยนั่นชอบหลานเฟิงมาก การที่ผนึกพลังกระแสวิญญาณและความทรงจำของหลานเยี่ยเช่นนี้ ต้องพูดเลยว่าโหดเ**้ยมเสียจริง”
ได้ยินอวี่มั่วพูดเช่นนี้ ในใจของหลานเยี่ยกลับรู้สึกไม่สบายใจ อะไรที่เรียกว่าชอบมาก อะไรที่เรียกว่าคนที่ใจรัก เขาไม่มีเสียหน่อย!
ที่จริงแล้วหลังจากได้ยินเทียนซีและอวี่มั่วพูดจบ หลานเฟิงก็ตกใจไปอยู่ครู่ใหญ่ จำต้องยอมรับว่าเขายังมีความคาดหวังอยู่เล็กน้อย
“ตอนนี้ปัญหาคือ หลานเยี่ยเจ้าคิดดีแล้วหรือไม่ หรือพูดให้ถูกก็คือเชื่อหรือไม่ หากยอมรับความทรงจำช่วงนั้นเจ้าก็ต้องแบกรับความรับผิดชอบและหน้าที่เหล่านั้นขึ้นมาอีกครั้ง แน่นอนว่าบางทีความทรงจำเจ้าอาจไม่รื้อฟื้นกลับมา”
แม้อวี่มั่วจะพูดเช่นนี้ หลานเยี่ยก็ยังสับสน เขากำลังสงสัย ก่อนนี้ตนเองรักหลานเฟิงมากเช่นนั้นเชียวหรือ หากว่าใช่ การที่ตนเองยังสับสนต่อการรื้อฟื้นความทรงจำเป็นเพราะเหตุใด หรือว่ามีอะไรที่ยังไม่อาจยอมรับได้เช่นนั้นหรือ
ก่อนนี้ภายในเรื่องเล่าของหลานเฟิง หลานเฟิงบอกว่าตนเองเป็นตัวต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด ตนเองก็เคยพูดว่าไม่อาจให้อภัยเขา แต่เวลาผ่านมานานเช่นนี้สุดท้ายก็สั่นคลอน บางทีอาจเป็นเพราะว่าความผูกพันที่ตนเองมีต่อทุกคนในตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นที่ลึกซึ้งที่สุดกระมัง
หลานเยี่ยคนเดิมแท้จริงแล้วมีความรู้สึกต่อคนเหล่านี้เช่นไรกันแน่
หลานเยี่ยครุ่นคิดอยู่ตลอด แต่จู่ๆ ก็ถูกอวี่มั่วขัดจังหวะ
“นี่คือป้ายคำสั่งของหล่านเย่ว์ เจ้ามีเวลาก็ไปดูเสียหน่อย ไม่ได้ไปนานแล้ว คงจะคิดถึงเจ้ากันหมดแล้ว”
หลานเยี่ยรับป้ายคำสั่งมา เหลือบมองหลานเฟิงทีหนึ่ง หลังจากที่มาถึงเมืองหลวงหลานเฟิงน้อยครั้งที่จะพูด ดูท่าอยากให้ตนเองตัดสินใจเรื่องทั้งหมด ค้นหาความทรงจำที่เป็นของตนด้วยตนเอง