ตอนที่ 165 จวนที่ปรึกษา
หลานเฟิงติดต่อกับคนในราชสำนักไว้ก่อนแล้ว ฉะนั้นเมื่อหลานเฟิงและหลานเยี่ยไปราชสำนักจึงไม่โดนขัดขวางแม้แต่อย่างใด และยิ่งตอนนี้หลานเยี่ยก็เป็นลูกชายในนามของหลานอวี่ ในเมื่อบิดาในความทรงจำของหลานเยี่ยคือหลานอวี่ เช่นนั้นมู่หลีก็ต้องมีการบอกกล่าวหลานอวี่ไว้ก่อน
ในราชสำนักแบ่งออกเป็นที่พักอาศัยของขุนนางอาวุโส ที่พักขององค์ชาย และพระราชวัง ครั้งนี้พวกเขามีเพียงป้ายคำสั่งขั้นแรกของราชสำนักเท่านั้น ฉะนั้นยังต้องไปจวนที่ปรึกษาหาหลานอวี่ก่อน เพื่อให้เขาจัดการให้พวกเขาได้เข้าไปข้างใน แม้พวกเขาจะมีวิธีเข้าไปเป็นร้อยเป็นพันวิธี แต่ปลอดภัยเสียหน่อยก็ดีกว่า ไม่อาจเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
ตอนที่พวกเขาไปนั้นตรงไปที่จวนที่ปรึกษา หลานอวี่เสร็จจากว่าราชการก็รีบกลับมาในทันใด
ตอนที่หลานเยี่ยมาถึงหน้าประตูจวนที่ปรึกษายังไม่ทันได้รู้สึกว่ามีอะไรสวยงามวิจิตรอลังการ แต่รอจนเข้ามาข้างในแล้วก็ต้องอึ้งตะลึงไป
เมื่อเทียบกันแล้ว จวน หอ โรงเรือน ศาลาในตระกูลหลานนั้นแลดูธรรมดาจนเกินไป หลังจากผ่านเข้าประตูมาแล้วเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ภายในทะเลสาบเต็มไปด้วยดอกบัว กำลังออกดอกสวยงามน่ายล รอบข้างทะเลสาบเป็นต้นหลิ่วห้อยย้อย เขียวชอุ่มหนาแน่นแลดูมีพลังชีวิตมากนัก
ด้านข้างมีหินก้อนใหญ่ บนนั้นเขียนคำว่าทะเลสาบจิ้งซินไว้ จากนั้นตรงบริเวณมุมขอบของทะเลสาบมีศาลาอยู่หลังหนึ่ง ลักษณะไม่เหมือนกับศาลาทั่วไป ศาลานี้ใหญ่เป็นอย่างมาก อีกทั้งข้างในก็ยังมีชิงช้าที่ทำมาจากการร้อยเถาวัลย์ มีสมาชิกสตรีกำลังนั่งเล่นอยู่ตรงนั้น
รอจนเดินเข้ามาข้างใน หลานเยี่ยก็ได้เห็นภูเขาปลอม ภูเขาปลอมหลากหลายรูปแบบ หินทรงแปลกประหลาด ถูกจัดวางเอาไว้ตรงนั้นอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เมื่อเดินต่อไปข้างในถึงจะเห็นว่ามีสิ่งปลูกสร้าง
เนื่องด้วยภาพแวดล้อมที่สวยงาม สิ่งปลูกสร้างไม่ได้สร้างออกมาใหญ่โตมากมาย แต่งดงามประณีตกลับดูทรงสง่าเป็นอย่างมาก สีสันสดใสแต่ไม่แสบตา ทำให้คนเดินดูเพลินจนลืมทางกลับ
ต่อมาเป็นสวนดอกไม้ที่ล้อมรอบสิ่งปลูกสร้างไว้ หรือจะพูดว่าห้องถูกสร้างอยู่บนสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ ทางเดินเล็กที่เงียบสงบและเขียวชอุ่มตัดผ่านสวนดอกไม้ มายังหน้าประตูห้องแห่งนี้
รอจนหลานเยี่ยเดินตามหลานอวี่มาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง เวลาก็ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยามแล้ว เห็นได้ว่าจวนที่ปรึกษาใหญ่โตมากเพียงใด
สถานที่หลานเยี่ยมาเยือนไม่ใช่เรือนหลัก แต่เป็นห้องลับของจวนที่ปรึกษา ห้องหลักนั้นเดินผ่านทะเลสาบมาไม่นานก็ถึงแล้ว
เมื่อมาถึงห้องลับ หลานอวี่ทำความเคารพหลานเยี่ยอย่างนอบน้อม หลานเยี่ยรีบประคองเขาขึ้นมา
“หลานอวี่แห่งตระกูลหลานเข้าพบท่านประมุข”
“รีบลุกขึ้นเถิด ตามเหตุผลแล้วท่านเป็นรุ่นพี่ข้าอีก! ตอนที่ท่านมาถึงราชสำนัก ข้าคงยังไม่เกิดด้วยซ้ำไป! รีบลุกขึ้นเถิด”
“ข้านิ่งสงบอยู่ที่นี่เป็นเวลากว่ายี่สิบปี ในช่วงเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ล้วนระมัดระวังรอบคอบ ต่อให้เป็นเช่นนี้กลับยังไม่ทำเรื่องอะไรที่มีประโยชน์ต่อตระกูลหลาน ช่างสมควรตายยิ่งนัก!
“อย่าพูดเช่นนี้เลย หลายปีมานี้ที่ท่านอยู่ในราชสำนัก ถือว่าลำบากท่านแล้ว ครั้งนี้ที่ข้ามา จัดการเรื่องทั้งหลายจบท่านก็สามารถกลับไปยังตระกูลหลานได้ แน่นอนว่าอยากอยู่ที่นี่ต่อไปหรือกลับไปตระกูลหลาน ท่านเลือกได้เอง”
“ข้าขอเพียงสามารถจบชีวิตที่วุ่นวายนี้ ใช้ชีวิตที่เรียบง่ายสงบสุขกับครอบครัวก็พอแล้ว ไม่ปิดบังท่านประมุข ในเรือนหญิงชายทั้งหมดทั้งมวลบนล่างรวมกันมีกว่าสองร้อยชีวิต แม้จะมีเพียงภรรยาเดียวลูกเดียว แต่หลายปีที่ข้าอยู่ในราชสำนักก็รับเลี้ยงเด็กมากมาย ตอนนี้หลายปีผ่านไป พวกเขามีบางคนที่ออกเรือนทำธุรกิจก่อร่างสร้างตัว เพียงหวังว่าเรื่องหลังจากนี้อย่าได้ทำให้พวกเขาเป็นอะไรไปก็พอแล้ว”
“ท่านโปรดวางใจ ไม่ว่าจะเป็นคนตระกูลหลานหรือไม่ ขอแค่ท่านเอ่ยปาก จะต้องปกป้องพวกเขาอย่างรอบคอบเป็นแน่”
“มีประโยคนี้ของท่านก็พอแล้ว ขอแค่ท่านออกคำสั่ง จะให้ข้าทำอะไรก็ได้ทั้งสิ้น”
“เช่นนั้นต้องลำบากท่านแล้ว ข้าอยากไปวังอวี้หลิง พรุ่งนี้เช้าจะมีละครฉากใหญ่ ข้าอยากไปดูที่นั่น”
“เข้าใจแล้ว ข้าจะไปจัดการ”
ตอนที่ 166 วังอวี้หลิง
พระชายาหลิ่วส่งคนออกมารับพาหลานเฟิงและหลานเยี่ยเข้าไป กลับลดความยุ่งยากให้หลานอวี่ไม่น้อย หลานเยี่ยที่ไม่เคยเข้าวังหลังมาก่อนแสดงออกถึงความแปลกใจ
หลังจากเข้าไปแล้ว พระชายาหลิ่วออกมารับพวกเขาด้วยตนเอง เพราะการมาเยือนค่อนข้างเป็นความลับ ฉะนั้นตกดึกพระชายาหลิ่วจึงส่งคนข้างกายที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปทั้งหมด อีกทั้งให้พวกเขาเข้ามาจากประตูหลัง
หลังจากเข้าไปในวังหลังแล้ว หลานเยี่ยแอบมองออกมาจากเกี้ยวทีหนึ่ง กลับไม่ได้มีอะไรที่น่าตกใจมากนัก บางครั้งจะมีขันทีสองสามคนเดินถือโคมไฟผ่านเกี้ยวไป แต่กลับเดินจากไปอย่างเร่งรีบ ไม่กล้ามองแม้แต่นิดเดียว เกี้ยวที่พวกเขานั่งมีสัญลักษณ์ของพระชายาหลิ่ว ฉะนั้นถึงได้เป็นเช่นนี้
ล้วนพูดกันว่าวังหลังมีคนมากมาย แต่ก็เป็นเช่นนั้นจริง ระหว่างทางที่หลานเยี่ยเดินทางผ่านล้วนสัมผัสได้ถึงสายตาหลากหลายคู่ อีกทั้งยังมาจากคนที่แตกต่างกัน สถานะที่แตกต่างกัน แม้จะบอกว่ามีบางสายตาที่หยุดทอดมองไม่อาจนับได้ แต่ที่สำคัญคือคนเขาเหล่านี้ล้วนมากฝีมือ
ภายในเกี้ยวหลานเฟิงเห็นหลานเยี่ยที่นั่งไม่นิ่งขยับไปมา แต่กลับไม่รบกวน ให้เขาขยับตัวต่อไป หลานเฟิงใช้พลังกระแสวิญญาณตัดขาดสถานการณ์ทั้งหมดภายในเกี้ยว ให้คนนอกไม่สามารถลอบมองสถานการณ์ข้างใน
เกี้ยวหยุดลง พระชายาหลิ่วออกมาต้อนรับพวกเขาให้ลงมา
“ท่านประมุข ถึงแล้ว” หลานเยี่ยลงมา เห็นว่าพวกเขาไม่ได้อยู่บนพื้น แต่อยู่ชั้นใต้ดิน
“ที่นี่คือที่ใด”
“ที่นี่คือชั้นใต้ดินของวังอวี้หลิง สายตาตระกูลเยี่ยมากเกินไป เกรงว่าท่านประมุขออกไปจะถูกเปิดเผยและได้รับบาดเจ็บ ฉะนั้นจึงให้ท่านประมุขมารอที่นี่ก่อน สำหรับเรื่องอื่นขอเพียงท่านประมุขสั่งการ หลานหลิงย่อมต้องจัดการ”
หลานเยี่ยมองสตรีที่อายุเกือบสี่สิบปีคนนี้ แต่ความสวยงามในตอนนั้นกลับไม่ลดลง อีกทั้งยังมีความเฉียบคมและคล่องแคล่ว
“หากข้าอยากให้ทหารขึ้นปฏิวัติ เจ้ามีตัวเลือกที่เหมาะสมมาจัดการราชสำนักหรือไม่”
“ข้ายังคงคิดว่าหลานอวี่น่าจะดีกว่า อย่างไรเขาก็เป็นคนที่คุ้นเคยกับราชสำนักที่สุด”
“หากข้าให้อวี่มั่วเข้ามาสืบทอดตำแหน่งฮ่องเต้ต่อเล่า” หลานเยี่ยเอ่ยปากสอบถามคำถามนี้ต่อพระชายาหลิ่ว พระชายาหลิ่วนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยอมจำนน จุดอ่อนของพระชายาหลิ่วก็คืออวี่มั่ว
“ที่ท่านประมุขเอ่ยปากเช่นนี้ หรือท่านที่ปรึกษาแคว้นจะไม่ดีเช่นนั้นหรือ เหตุใดต้องให้อวี่มั่วมารับมือ”
“ข้าคุยกับหลานอวี่แล้ว แต่คำพูดของข้ายังไม่ทันออกจากปากก็ถูกเขาปฏิเสธ อีกทั้งหลายปีมานี้อวี่มั่วช่วยข้าดูแลหล่านเย่ว์ แล้วจะไม่ใช่คนมากความสามารถ ฉลาดเฉลียวได้อย่างไร”
“แน่นอน หากท่านไม่ยอมก็ไม่เป็นอะไร”
“หลานหลิงยินยอมเพื่อตระกูลหลาน ขอเพียงท่านประมุขพูด ข้าย่อมต้องแจ้งให้อวี่มั่วสืบทอดตำแหน่ง”
“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่ง เจ้าเพียงจัดการเรื่องเดียวก็พอแล้ว หลังจากจัดการเสร็จ เจ้าสามารถเป็นไทเฮา จากนั้นก็เสพสุขไปกับเกียรติยศเงินทองได้ต่อไป สำหรับจะทำเช่นไร ก็ขึ้นอยู่กับเจ้า”
“หลานหลิงน้อมรับ”
รอจนพระชายาหลิ่วจากไป หลานเฟิงถามหลานเยี่ยว่าทำไมให้อวี่มั่วสืบทอดตำแหน่ง
“เพราะจุดประสงค์ของพวกเราไม่ใช่การครอบครองใต้หล้า แต่เพราะทำเรื่องหนึ่งให้ชัดเจน หาคำตอบบางอย่าง เช่นนั้นหลังจากนี้ใต้หล้าจะจัดการดูแลอย่างไรก็ถือว่าเป็นปัญหา ดังนั้นจำเป็นต้องหาคนที่เหมาะสมมาผู้หนึ่ง คนที่มีเสน่ห์และความสามารถนี้จำต้องเป็นอวี่มั่วอย่างไม่ต้องสงสัย”
“แม้พระชายาหลิ่วจะรับปาก แต่ไม่แน่ว่าอวี่มั่วจะรับปาก”
“เขาจะรับปากหรือไม่ไม่สำคัญ พระชายาหลิ่วรับปากก็พอแล้ว คงต้องรีบร้อนจนต้องเชิญเขาเข้ามาตั้งแต่ก่อนพรุ่งนี้มาเยือน” หลานเยี่ยหัวเราะร้าย
หลานเฟิงกลับยิ่งไม่เข้าใจว่าหลานเยี่ยคิดทำอะไร อยู่ในจวนที่ปรึกษาไม่ดีเช่นนั้นหรือ จำต้องเข้ามายุ่ง เรื่องที่ให้อวี่มั่วสืบทอดตำแหน่งก็เช่นกัน แต่ขอแค่เขามีความสุขจะทำเช่นไรก็ดีทั้งสิ้น
หลังจากนั้นผ่านมาหลานเฟิงถึงได้เข้าใจและเอ่ยชื่นชมการกระทำอันชาญฉลาดของหลานเยี่ย