ตอนที่ 199 หลานเคอ
ชังหลานไปยังสถานที่ในจดหมายที่หลานเยี่ยบอกเขาไว้ก่อนนี้ หนึ่งพันปีผ่านมาแล้ว จิตใจของเขากลายเป็นสงบนิ่งอย่างมาก ไม่ได้รู้สึกดีใจจนสุดหรือเสียใจจนสุด ไม่ขึ้นและไม่ลง เขาเชื่อว่า หากหลานเจ๋อได้พบเขาอีกครั้งก็คงเป็นเช่นนี้เหมือนกัน
เข้าสู่เหวินเย่ว์ เข้าสู่ป่าไผ่ กลับไม่มีเขตม่านพลังแล้ว เบื้องหน้ามีชายหนุ่มวัยกำหนัดผู้หนึ่งกำลังรอเขาอยู่ ต้อนรับเขาเข้าไป
หลังจากเข้าไปแล้ว กลับไม่พบผู้เฒ่าที่หลานเยี่ยพูดถึง เมื่อสำรวจอย่างง่ายๆ แล้วรอบหนึ่ง ชายหนุ่มผู้นั้นถึงพบว่าเขากำลังตามหา
“บิดาได้จากไปสู่สวรรค์ในวันที่ประมุขหลานมาถึง ข้าอาจเป็นคนสุดท้ายที่ส่งข่าวต่อแล้วขอรับ” ชายหนุ่มพูดออกมาเช่นนี้
“เจ้าคือหลานเคอ? หรือจะบอกว่าความทรงจำของเจ้าคือหลานเคอเล่า” ชังหลานเอ่ยปาก
“ขอรับ”
“ครั้งนี้ ถึงแก่เวลาแล้วหรือ” ชังหลานถามขึ้นอีกครั้ง ในน้ำเสียงมีความไม่พอใจเล็กน้อยแฝงอยู่
“นายท่านชังหลาน ท่านไม่ควรเข้ามายุ่งเรื่องใต้หล้านี้ ท่านเป็นคนที่อยู่นอกลิขิตสวรรค์ หากไม่มีท่านประมุขหลานเจ๋อ ท่านคงบรรลุไปนานแล้ว”
หลานเคอไม่ตอบ แต่กลับพูดออกมาเช่นนี้
“นี่ก็เป็นสิ่งที่หลานเจ๋อให้เจ้าบอกข้าอย่างนั้นหรือ”
“ไม่ใช่ แต่ท่านประมุขหลานเจ๋อกลับเคยมีความคิดเช่นนี้มาก่อน พันปีมานี้เป็นตัวเลือกที่มอบให้ท่าน”
“เจ้าคิดว่าข้าในตอนนี้ยังมีโอกาสบรรลุอีกหรือ ที่นี่ ไม่ใช่ทางเดินแห่งความยุติธรรมมานานแล้ว แต่เป็นมนุษย์ผู้หนึ่งอาศัยอยู่มานานพันปี” ชังหลานชี้ไปที่หัวใจของตัวเอง
หลานเคอมองเขาทีหนึ่ง ส่ายหัวไปมา
“ไม่ว่าหลานเจ๋อจะคิดเช่นไร และไม่ว่าเขาจะพูดเช่นไร ทางเลือกของข้าข้าตัดสินด้วยตนเอง พันปีมานี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง”
ได้ยินคำพูดนี้แล้วนั้นหลานเคอก็หัวเราะออกมา เมื่อเห็นรอยยิ้มของหลานเคอ ชังหลานก็เข้าใจในทันใด
แม้ชังหลานจะเป็นสัตว์ประหลาดชราพันปีเช่นกัน แต่ช่วงเวลาพันปีมานี้อยู่แต่ในตระกูลหลาน แทบจะไม่ได้เคยออกไปไหนมาก่อน ไฉนเลยจะสามารถเทียบได้กับสัตว์ประหลาดที่มีความทรงจำกว่าพันปีตัวนี้ได้เล่า
“ทดสอบจบแล้ว ก็บอกข้าได้แล้วกระมัง” ชังหลานเริ่มไม่พอใจเล็กน้อย
“สิ่งนั้นที่ท่านประมุขหลานเจ๋อพูดก็คือตราหยกของประมุขตระกูลหลาน” หลานเคอพูดออกมาประโยคหนึ่งด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่กลับทำให้ชังหลานไม่อาจนิ่งสงบได้อีก ตราหยกที่อยู่ข้างหายตนมานานกว่าพันปีอย่างนั้นหรือ อย่ามาล้อเล่นกันเลย
“เหตุใดข้าถึงไม่เคยรู้สึกถึงลมหายใจของหลานเจ๋อบนของสิ่งนั้นมาก่อนเลยเล่า”
“เพราะท่านประมุขหลานเจ๋อพกติดตัวไว้เป็นเวลานาน ตอนแรกเริ่มเหตุเพราะมีลมหายใจของเขาไม่พอ ท่านจึงไม่สงสัย หลังจากนั้นเมื่อถูกลมหายใจของท่านประมุขท่านอื่นกลบเข้าก็ยิ่งทำให้สัมผัสไม่ได้ อีกทั้งท่านประมุขหลานเจ๋อยังตั้งใจเพิ่มผนึกพลังเข้าไปอีกชั้นหนึ่งด้วย”
“ผนึกพลังเจ้าเป็นคนเพิ่มเข้าไปกระมัง”
“ขอรับ” หลานเคอยิ้มพลางตอบออกมา ใช่แล้ว หากว่าท่านประมุขหลานเจ๋อเป็นคนใส่เข้าไปก็ยังคงมีลมหายใจอยู่
“ตรงนี้คือเรื่องทั้งหมด” หลานเคอชี้ไปยังบนเขาปลอมนอกห้อง หลานเคอยกมือขึ้น สลายเขตม่านพลังออกไป ตัวหนังสือปรากฏขึ้นมา
บนนั้นคือความเป็นมาของมุกหลิววั่ง ความเป็นมาของตราหยกประมุขตระกูลหลาน เส้นทางเดินแห่งความยุติธรรมที่ตนและหลานเจ๋อศึกษาออกมาในตอนแรก รวมถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อพันปีก่อน ปรากฏการณ์ทั้งหมดทั้งมวล ล้วนทำให้ชังหลานฉุนเฉียวเป็นอย่างมาก
แต่เดิมคิดว่าตนเองไม่มีความรู้สึกสั่นสะเทือนเท่าไรนัก แต่คิดไม่ถึงว่าเมฆดำมืดใหญ่เช่นนี้จะทำให้ชังหลานเกิดความคิดอยากจะขุดร่างหลานเจ๋อขึ้นมาจากหลุม
หมุนตัวจากไป ชังหลานรู้วิธีการเปิดตราหยกประมุขตระกูลแล้ว รอจนหลานเจ๋อออกมาแล้ว เขาจะต้องถามเขาให้ดีเป็นแน่ คาดคะเนเรื่องในอนาคตพันปีได้อย่างไร รวมถึงผู้ใดจะตายเมื่อไรล้วนคำนวณมาหมดแล้ว
ชังหลานถือความรู้สึกโศกเศร้าอย่างไม่มีที่เปรียบกลับไปยังตระกูลหลาน อวี่มั่วและเทียนซีน่าจะนำร่างของทั้งสี่คนกลับไปตระกูลหลานแล้ว
‘ทั้งสี่คนนั้นก็ควรจะลุกขึ้นมาจัดการหลานเจ๋อได้แล้ว ทั้งสี่คนที่ถูกหลอกให้วุ่นวายไปมา เฮ้อออ’
ตอนที่ 200 จิ้งจอกอารมณ์ร้อน
เมื่อกลับมาถึงตระกูลหลาน ชังหลานพบว่าหลานเฟิง หลานเยี่ย มู่หลี ชิวลั่ว เทียนซี และอวี่มั่วล้วนอยู่กันพร้อมหน้า อีกทั้งยังมีชิวจือเว่ยและหลานเซียวที่กลับมา หลานเม่ย และอวิ๋นหรูก็อยู่ด้วยเช่นกัน
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแลดูโศกเศร้าเป็นอย่างมาก ทำให้สีหน้าที่ต้องการฆ่าคนของชังหลานนั้นดูไม่เข้าพวกเป็นอย่างหนัก
เมื่อเห็นว่าชังหลานกลับมาแล้ว ชิวจือเว่ยและหลานเซียวเพียงแค่เหลือบตามองเขาทีหนึ่ง พวกเขาทั้งสองคนรู้สึกได้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับหลานเฟิงและหลานเยี่ยถึงได้กลับมา และเมื่อกลับมาถึงแล้วถึงได้พบเห็นสถานการณ์นี้
มู่หลีถูกฆ่า ชิวลั่วฆ่าตัวตาย พลังวิญญาณของหลานเยี่ยถูกใช้จนหมด และเพราะมุกหลิววั่งหลานเฟิงจึงล้มไปด้วย ในใจของชิวจือเว่ยและหลานเซียวไม่รู้ว่าคิดเช่นไร ซับซ้อนมากเกินไป ทำให้ผู้อื่นไม่อาจเข้าใจได้
หนึ่งพันปีก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งสองคนก่อให้เกิดเหตุการณ์ในปัจจุบันด้วยน้ำมือของตน รู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย รู้สึกสำนึกตน และยัง…รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก
“ล้อมรอบกันอยู่ที่นี่ทำอะไร แยกย้ายๆ เร็วเข้า” ตอนนี้ชังหลานอารมณ์ร้อนอย่างมาก
ชิวจือเว่ยและหลานเซียวมองเขาด้วยความไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก แม้พวกเขาจะรู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาพันปีมานี้ รู้ถึงเหตุและผลทั้งหลายแหล่ของเรื่องเหล่านี้ รวมทั้งรู้เรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นทั้งหมด
แต่กลับไร้ซึ่งความสามารถกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน ขอเพียงหลานเยี่ยตายแล้ว หลานเฟิงก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อได้ ขอเพียงหลานเยี่ยฟื้นขึ้นมา ทุกเรื่องก็จะกลายเป็นโชคดี แต่ความเลวร้ายในช่วงพันปีมานี้จะทำลายลงไปได้อย่างไร
“ชิวจือเว่ย หลานเซียว พวกเจ้าสองคนตามข้ามา” ชังหลานเรียกพวกเขาสองคนออกไป แม้พวกเขาทั้งสองจะไม่เข้าใจว่าชังหลานถูกกระตุ้นจากอะไรมา แต่ดูจากท่าทางของเขาแล้วก็น่าจะมีวิธี ดังนั้นจึงเดินตามเขาออกไป
เมื่อเดินมาถึงหน้าประตู จู่ๆ ชังหลานก็หยุดลง หันกลับมาพูดกับผู้คนทั้งสี่ที่อยู่ในห้องด้วยท่าทีโศกเศร้าประโยคหนึ่ง
“พวกเจ้าอย่าคิดเพียงแต่เสียใจ นั่งลงดื่มชาก่อนเถิด ทั้งสี่คนนี้ตายไม่ได้ หลานเม่ยรับแขกเสียหน่อย” เขาพูดจบก็เดินจากไป เหลือเพียงผู้คนในห้องที่ตกตะลึง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ทั้งสี่คนก็ดีใจอย่างมาก ตาถลึงโตแทบจะถลนออกมา วันนี้นายท่านชังหลานเป็นอะไรไป ภาพลักษณ์แตกสลายลงหมดแล้ว ได้รับแรงกระตุ้นอะไรอย่างนั้นหรือ แต่ไม่ว่าจะสับสนอย่างไรก็ไม่อาจเทียบได้กับข่าวดีเมื่อครู่นี้
หลานเม่ยมองอวี่มั่วและเทียนซี พูดสิ่งที่รับกับสถานการณ์ตอนนี้ออกมาประโยคหนึ่ง
“ไม่เช่นนั้น ก็รับแขกดีหรือไม่”
“อืม รับแขกๆ เอาชามา” อวี่มั่วเอ่ยปาก
“เอาขนมอบสับปะรดมาอีกจาน” เทียนซีรับคำต่อ
“ทำให้ท่านพี่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่าขนมอบสับปะรดที่อยู่ในจานเหลือเพียงครึ่งชิ้น” อวิ๋นหรูรับคำต่อ
เมื่อทราบว่าผู้คนเหล่านี้จะไม่เป็นอะไร คนที่ยืนอยู่ก็เริ่มพูดเย้าหยอกทั้งสี่คนที่นอนอยู่ ตามหลักการแล้วอย่างไรก็เป็นมนุษย์ตอนนี้นอนอยู่ น่าจะเสียใจเล็กน้อยถึงจะถูก แต่พวกเขาทั้งหลายเชื่อถือคำพูดของชังหลานอย่างมาก สบายใจอย่างไม่มีเหตุผล
แม้ว่าผ้าขาวที่ชังหลานคลุมให้พวกเขาทั้งสี่คนจะมีรอยเลือดอยู่เล็กน้อย แต่พวกเขาทั้งสี่คนกลับเหมือนนอนหลับไปอย่างนั้น เหมือนว่ายังมีลมหายใจอยู่อ่อนๆ
หลานเม่ยไปชงชาด้วยตนเอง อวิ๋นหรูยกของทานเล่นมาให้สองสามจาย หลังจากเข้าไปในเรือนแล้ว ก็สังเกตเห็นเจียงหลิงที่ยืนพิงอยู่หน้าประตู ในมือถือไหเหล้าอยู่ไหหนึ่ง ผมเผ้ายุ่งกระเซิง โซเซไปมา
“ท่านแม่ทัพ ท่านไม่เป็นอะไรกระมัง” อวิ๋นหรูไม่เข้าใจเหตุการณ์ ฉะนั้นจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ในตอนนี้เจียงหลิงได้สติครบถ้วนแล้ว นั่งเหม่อลอยอยู่หน้าประตูหอเย่ว์เยี่ย
“ตายหมดแล้ว ตายหมดแล้ว” เจียงหลิงพูดซ้ำไปมา
“ตายแล้ว ใครกัน หากเป็นท่านพี่และหลานเฟิงละก็ยังไม่ตายนะ”
“ไม่ต้องปลอบข้า ข้ารับรู้ความเป็นจริง”
“ข้าพูดจริง ท่านชังหลานสามารถช่วยพวกเขาได้” อวิ๋นหรูพูดจบ ดวงตาที่เหม่อลอยของเจียงหลิงก็กลับมาชัดเจนอีกครั้ง
“จริงหรือ” เจียงหลิงถาม
“จริง” ชังหลานที่รีบกลับมาพอดีตอบเขากลับ