ตอนที่ 203 ยินดีปรีดากันถ้วนหน้า
ชิวจือเว่ยและหลานเซียวไปยังห้องลับ หลานชิงนอนอยู่ที่นั่น แม้เขาน่าจะไม่รู้จักพวกเขาทั้งสอง
หลานชิงนอนอยู่กลางห้องลับ ถูกหล่อเลี้ยงด้วยหัวใจแห่งฟ้าดิน พลังวิญญาณดั้งเดิมที่หลานเยี่ยให้เขาไปสามส่วนในตอนแรกทำให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ตอนนี้ตราหยกประมุขตระกูลถูกทำลาย ขีดจำกัดของพลังวิญญาณดั้งเดิมก็ถูกทำลายลงเช่นเดียวกัน บนร่างของหลานชิงปรากฏสถานการณ์เดียวกันกับหลานเยี่ย
ชิวจือเว่ยและหลานเซียวไม่ได้พาเขากลับไปยังสวนชิงหรง แต่พาเขากลับไปที่หอเย่ว์เยี่ย ภายในหอเย่ว์เยี่ยมีห้องรับแขกทั้งหมดสามห้อง แล้วยังเป็นเพราะหลานเม่ยสร้างเพิ่มทีหลัง ครานี้ถูกจับจองกันจนเต็มทั้งหมด ทำให้หอเย่ว์เยี่ยที่เย็นเยียบมาตลอดกลายเป็นครึกครื้นขึ้นมาแล้ว!
“ผู้คนมากมายเช่นนี้ ช่างวุ่นวายเสียจริง” เมื่อเสร็จธุระชิวจือเว่ยก็พูดตัดพ้อออกมา
“เจ้าอย่าได้ตัดพ้อ ขอเพียงพวกเขาไม่ตัดพ้อ พวกเราก็โชคดีแล้ว” หลานเซียวกลอกตาใส่เขา
“เซียวเซียว พวกเราออกไปเดินเล่นเถิด วันนี้เหนื่อยเสียจริง” ชิวจือเว่ยดึงชายเสื้อหลานเซียวทำทีออดอ้อน ทำให้หลานเซียวรู้สึกจนปัญญา
ทั้งสองคนไปยังเขาหลานวั่ง หลังจากนี้ยังมีเรื่องอีกมากมายที่ไม่ได้จัดการ ฉะนั้นพวกเขาจึงไม่ได้จากไปในที่ห่างไกลเท่าไรนัก รอพวกเขาฟื้นขึ้นมาก็จะยินดีปรีดากันถ้วนหน้าแล้ว
พวกเขาออกไปเดินเล่นอยู่ทางนั่น ส่วนคนที่เหลือก็สบายใจไปเปลาะหนึ่ง
“อวี่มั่ว ทุกอย่างจบลงแล้ว อย่าลืมชดเชยขบวนสินสอดหนึ่งร้อยลี้ให้ข้าเล่า” เทียนซีพูดเย้าอวี่มั่ว อวี่มั่วไม่เคยเห็นเทียนซีที่เป็นเช่นนี้มาก่อน รู้สึกตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยด้วย!
“จะลืมได้อย่างไร! ขอเพียงเจ้าชอบ ข้ายินยอมจัดการให้ถนนทุกสายในใต้หล้าปูด้วยพรมแดง ทำให้ทุกคนได้รับรู้ความรักของพวกเรา” อวี่มั่วตอบเทียนซี
“จริงหรือ ข้ารอคอยบ้างแล้ว” เทียนซีวางคางลงบนโต๊ะ มองไปยังอวี่มั่ว
“จะรอคอยอยู่บ้างได้อย่างไร! เจ้าจะต้องรอคอยอย่างแรงกล้า เพราะเป็นงานแต่งที่ข้าจัดขึ้นเพื่อเจ้านะ!” อวี่มั่วใช้ลักษณะท่าทางเดียวกันมองเขา
“เจ้าว่าคนอื่นจะเป็นเช่นไร”
“ใครจะไปรู้เล่า ขอเพียงพวกเราอยู่ดีก็พอแล้ว”
ภายในห้องอีกห้องหนึ่ง
“หรูเอ๋อร์ รอพวกเขาตื่นขึ้นมา แต่งงานกับข้าดีหรือไม่” หลานเม่ยขออวิ๋นหรูแต่งงาน อวิ๋นหรูเพียงแค่ยิ้มเท่านั้น
“รอพวกเราแต่งงานกัน ข้าไปเขาเทียนปี้กับเจ้า พวกเราดูแลเขาเทียนปี้ด้วยกัน ทำให้เขาเทียนปี้กลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง”
“ได้” อวิ๋นหรูรับปากหลานเม่ย หลานเม่ยจับมือนางไว้ ยิ้มพลางกอดนางไว้ในอ้อมกอด
ทิวทัศน์เขาหลานวั่งในวันนี้ดีเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรู้เรื่องราวดีๆ ทั้งหมดนี้ด้วยหรือไม่ ดอกไม้ออกดอกสีสดใสเป็นพิเศษ กระต่ายตัวน้อยก็วิ่งออกมาเล่นกันอย่างรื่นเริง
“ทะเลภูเขาที่กว้างใหญ่เช่นนี้ หากถูกทำลายเพราะการศึกสงครามจะต้องน่าเสียดายเป็นแน่” ชิวจือเว่ยพูดทอดถอน
“จือเว่ย ตอนนี้ตระกูลเยี่ยถูกทำลายลงแล้ว เจ้าจะยังกลับไปหรือไม่ หากเจ้ากลับไป ข้าจะกลับไปพร้อมเจ้าด้วย” หลานเซียวหยุดลงถามชิวจือเว่ยออกมา
ชิวจือเว่ยหัวเราะ
“ตอนนี้ไม่มีตระกูลเยี่ยอะไรอีกแล้ว และไม่มีราชสำนัก หรือตระกูลหลานอีกต่อไป มีเพียงใต้หล้า ข้าเชื่อว่าหลานเยี่ยเองก็คงจะทำเช่นนี้ ใต้หล้าใหญ่เพียงนี้ทุกที่ล้วนเป็นบ้านของข้า สถานที่ที่มีข้าก็คือบ้านของเจ้า ใต้หล้ากว้างใหญ่เพียงนี้ เจ้ายินยอมใช้ชีวิตอยู่กับข้าจนกว่าจะหมดสิ้นหรือไม่” ชิวจือเว่ยยื่นมือทั้งสองข้างไปหาหลานเซียว
หลานเซียวมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง ค่อยๆ จับมือทั้งสองข้างที่ยื่นออกมาของชิวจือเว่ย
“ข้ายินยอม ชีวิตนี้ แม้จะมีเพียงสิบกว่าปี แต่วันเวลาที่มีเจ้าคงจะไม่เลวร้ายเกินไป”
“ขบวนสินสอดร้อยปีที่ข้าสัญญาต่อเจ้าเมื่อพันปีก่อน จะต้องทำได้อย่างแน่นอน”
“อืม”
กระแสลมพัดมา ใบไม้เสียดสีเสียงดัง เหมือนกับบทเพลงลมตะวันออกบทหนึ่ง บรรเลงออกมาเป็นเสียงสวรรค์ ดังกังวานไปทั่วทั้งตระกูลหลาน ทั่วทั้งใต้หล้า
ชีวิตนี้ วันเวลาที่มีเจ้าคงจะไม่เลวร้ายเกินไป
ตอนที่ 204 มั่นใจ
เช้าวันรุ่งขึ้นหลานเยี่ยลืมตาขึ้นมาด้วยความยากลำบาก นี่เป็นครั้งที่เท่าไรแล้ว นับไม่ถ้วนแล้ว หลานเยี่ยคิดถึงเรื่องสุดท้ายขึ้นมา จับลูบบริเวณหัวใจของตนเอง แล้วก็พบว่าไม่มีบาดแผลอีกแล้ว แม้แต่พลังวิญญาณก็กลับมาแล้ว
หลานเยี่ยเบนหน้ามองหลานเฟิง หลานเฟิงยังไม่ตื่น แต่ก็น่าจะอีกไม่นานแล้ว ความดีใจความโทมนัสได้ผ่านพ้นไปแล้ว ด่านเคราะห์สุดท้ายก็ผ่านไปแล้วเช่นกัน ครั้งนี้สิ้นสุดแล้วจริงๆ
ดูท่าผู้เฒ่าผู้นั้นได้พูดเรื่องราวทั้งหมดออกมาแล้ว ขีดจำกัดพลังวิญญาณดั้งเดิมของตระกูลหลานก็ถูกทำลายลงแล้ว ตอนนี้คนตระกูลหลานไม่มีพลังวิญญาณดั้งเดิมแล้ว เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน เป็นเช่นนี้ก็ดีมากแล้ว
หลานเยี่ยเขยิบไปทางหลานเฟิง วางศีรษะลงไปบนหน้าอกหลานเฟิง ฟังเสียงหัวใจเต้นของหลานเฟิงอยู่นิ่งๆ ร้อนแรงและมีกำลัง
ไม่นานหลานเฟิงก็ตื่นขึ้นมาแล้ว เห็นหลานเยี่ยที่นอนราบอยู่บนแผ่นอกของตน หลานเฟิงก็หลับตาลงอีกครั้ง จากนั้นก็สัมผัสกับความนิ่งสงบในช่วงเวลานี้อย่างเงียบๆ
หลานเยี่ยนอนพิงอยู่ครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้นมองหลานเฟิง พบว่าหลานเฟิงกำลังลืมตามองเขาอยู่
“ตื่นแล้วหรือ”
“อืม”
จากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาอะไรอีก แต่ไหนแต่ไรมาใช้ชีวิตซับซ้อนจนเกินไป ฉะนั้นตอนนี้ใช้ชีวิตเรียบง่ายเสียหน่อยดีหรือไม่
อวี่มั่วและเทียนซีเดินเข้ามาจากด้านนอก เห็นทั้งสองคนตื่นขึ้นแล้ว
“เหอๆ” อวี่มั่วไอออกมาสองรอบ หลานเยี่ยเงยหน้าขึ้นมองเขาจากบนหน้าอกของหลานเฟิงอยู่เช่นนั้น
“ตื่นแล้วก็ลุกขึ้นมา ขาดแค่เจ้าสองคนแล้ว พวกเจ้าทั้งสองชักช้าเสียจริง” อวี่มั่วพูดกับทั้งสองคนที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เทียนซีกลับปิดปากหัวเราะอยู่อีกข้าง
“พวกเราสองคน? พวกเจ้าเฝ้าพวกเราอยู่ตลอดอย่างนั้นหรือ” หลานเยี่ยไม่เข้าใจสถานการณ์
“ไม่ เป็นเจ้าเจียงหลิงคอยเฝ้าพวกเจ้าอยู่ตลอด เมื่อคืนวานนี้ไม่ว่าจะเป็นจะตายอย่างไรก็ไม่ยอมออกห่างจากที่นี่ ต้องให้ข้าตีให้สลบส่งกลับไป พวกเจ้ารีบลุกขึ้นมาเถิด รอพวกเจ้ากันทั้งหมด” น้ำเสียงเรียบนิ่ง เหมือนว่ามาปลุกพวกเขาทั้งสองคนให้ลุกจากเตียงแบบปกติทั่วไป
พูดจบอวี่มั่วและเทียนซีก็เดินออกไป เหลือเพียงหลานเฟิงและหลานเยี่ยสองคนอยู่ภายในห้อง
หลานเยี่ยจะสวมเสื้อผ้าแต่กลับถูกหลานเฟิงห้ามเอาไว้ จากนั้นหลานเยี่ยก็เห็นว่าหลานเฟิงหยิบชุดสีแดงสดออกมาจากภายในตู้เสื้อผ้า
“ที่จริงเจ้าใส่สีแดงสดแล้วงามที่สุด แต่ว่าเพราะงามมากเกินไป ก่อนหน้านี้ข้าไม่อาจทำใจให้คนอื่นได้เห็น”
“เช่นนั้นตอนนี้ไม่กลัวแล้วหรือ”
“อืม ไม่กลัวแล้ว เพราะตอนนี้ไม่มีใครมาแย่งเจ้าไปได้อีกแล้ว” หลานเฟิงพูดออกมาอย่างจริงใจไม่มีที่เปรียบ
หลานเยี่ยลุกขึ้น หลานเฟิงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา ชุดสีแดงสด บนคอมีจี้หล่านเย่ว์ห้อยอยู่ ผมที่ถูกปล่อยสยายตามสบาย ทำให้ทั่วทั้งร่างหลานเยี่ยดูแตกต่างออกไปไม่เหมือนเดิมอีก
แม้หลานเฟิงจะเคยจินตนาการถึงภาพหลานเยี่ยสวมใส่เสื้อผ้าสีแดงสดมานับครั้งไม่ถ้วน แต่กลับไม่เคยรู้ว่าเมื่อสวมใส่ขึ้นมาแล้วจริงๆ จะน่าตื่นตะลึงถึงเพียงนี้
ผู้สูงส่งเป็นสุภาพชน ได้ปราศรัยได้ความรู้ ฝึกวินัยนิสัยดีงาม ลักษณะเคร่งขรึม จิตใจกว้างขวาง สถานภาพทรงอำนาจน่าเกรงขาม ผู้สูงส่งเป็นสุภาพชน เห็นเพียงครั้งเดียวสลักซึ้งตรึงใจไม่ลืมเลือน มองลำนำฉีสุ่ย ริมตลิ่งเต็มไปด้วยป่าไผ่เขียวขจีเป็นแถบ ผู้สูงส่งเป็นสุภาพชน หยกงามห้อยคล้อยข้างหู อัญมณีที่ฝังเป็นประกายดุจดาว
หลานเฟิงจับมือหลานเยี่ยไปยังโถงหลักหอเย่ว์เยี่ย ในโถงหลักมีคนนั่งอยู่เต็มไปหมด เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินมา สายตาทั้งหมดก็พุ่งไปยังกายหลานเยี่ย
ชุดแดงปลิวไสว สะกดสายตาผู้คนทั้งห้อง
เห็นหลานชิงที่นั่งอยู่ตรงเบื้องหน้ามองแล้วยิ้มให้เขา หลานเยี่ยก็รีบวิ่งไปในทันใด
“ท่านพ่อ ท่านฟื้นแล้ว” ไม่ได้พบเจอกันนาน หลานเยี่ยเรียนรู้ที่จะแข็งแกร่งมานานแล้ว แต่ยังคงหวังว่าข้างหลังยังมีคนคอยดู ไม่ว่ากายจะอยู่ที่ใด กลับมาก็ยังมีคนรอเจ้าอยู่
“ข้าฟื้นแล้ว หลายวันมานี้ลำบากเจ้าแล้ว เยี่ยเอ๋อร์ เจ้าโตขึ้นแล้วจริงๆ หรงเอ๋อร์เห็นแล้วจะต้องดีใจเป็นแน่”
“ท่านลุงเขย รอเลือกวันที่เหมาะสมก็ไปรับท่านป้ากลับมาเถิดเจ้าค่ะ” อวิ๋นหรูเอ่ยปากขึ้นจากอีกด้าน
“ดี รับกลับมา ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า” หลานเยี่ยจับมือหลานชิงพูดออกมาด้วยความดีใจ