ตอนที่ 205 แนะนำอย่างเป็นทางการเสียหน่อย
หลานเฟิงเห็นฉากนี้ก็รู้สึกรำลึกถึงเช่นกัน หลายปีมาแล้วที่ไม่ได้เห็นภาพที่น่าอบอุ่นเช่นนี้
หลานเยี่ยเดินเข้ามาดึงหลานเฟิงให้คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าหลานชิง ทั้งสองคนคุกเข่าอยู่หน้าหลานชิง หลานเยี่ยเอ่ยปาก
“ท่านพ่อ ลูกได้ค้นพบคนที่จะรักกันไปตลอดชีวิต ท่านพ่อทำให้สมหวังได้หรือไม่” วินาทีนี้เวลานี้ นอกจากชิวจือเว่ยและหลานเซียวแล้ว คนที่เหลือล้วนมาคุกเข่าเบื้องหน้าหลานชิง
หลานเม่ยดึงอวิ๋นหรู ชิวลั่วดึงมู่หลี มองดูทั้งสามคู่ที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า หลานชิงยิ้มพลางประคองพวกเขาให้ลุกขึ้นมา
“เด็กๆ โตกันหมดแล้ว ข้าเองก็แก่แล้ว เช่นนี้ช่างดีเสียจริง ดีเสียจริง” หลานชิงพูดด้วยความตื้นตัน
“ขอบพระคุณท่านพ่อ (ท่านประมุข) ขอรับ”
คนทั้งหลายพูดคุยกันอยู่อีกครู่หนึ่งก็พากันกลับไป เหลือเพียงหลานเยี่ย หลานเฟิง และหลานชิงที่อยู่ที่นี่
“ท่านพ่อ ข้าอยากปรึกษาท่านเรื่องหนึ่ง” หลานเยี่ยนั่งลงข้างหลานชิงพูดกับเขา
“เอาซิ เรื่องอะไร”
“ใต้หล้าในตอนนี้ก็เป็นสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ฉะนั้นข้าคิดว่าใต้หล้าน่าจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียวแล้ว ไม่มีความแตกต่างของชาติตระกูล ใต้หล้ารวมเป็นหนึ่ง เหมือนกับเรื่องที่ชิวจือเว่ยและหลานเซียวทำในตอนนั้น แต่เพียงว่าใต้หล้าในตอนนี้สงบสุขอย่างมาก อบอุ่นอย่างมาก
หลานเยี่ยพูดจบ หลานชิงก็ลูบผมเขาอย่างพึงพอใจ
“ตอนนี้ตระกูลหลานเจ้าจะพูดอะไรก็ว่าตามนั้น ฉะนั้นตัวเจ้าตัดสินใจก็พอแล้ว”
“ขอรับ ขอบพระคุณท่านพ่อ”
“ตระกูลเยี่ยก็เช่นกัน เฟิงเอ๋อร์ตอนนี้เจ้าเองก็ควรกลับไปดูเสียหน่อย แม้ว่าจะมีความทรงจำที่ไม่มีความสุขมากมาย แต่อย่างไรที่นั่นก็มีพ่อแม่ของเจ้า เคยเป็นบ้านของเจ้า”
“ขอบพระคุณท่านประมุขขอรับ” หลานเฟิงเอ่ยขอบคุณหลานชิง หลานชิงยิ้มรับ หลานเยี่ยถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง
“ขอบพระคุณ…ท่านพ่อ”
“เฮ้อ ดี”
หลานเยี่ยและหลานเฟิงไปตระกูลเยี่ย ตอนนี้ยังคงเป็นหลานอวี่คอยดูแลทางนั้น เมื่อเห็นพวกเขามาก็จัดการข้าวของทั้งหมดมอบให้พวกเขา
หลานเฟิงซ่อมแซมบ้านเรือนที่พังทลายลงเพราะไฟศึก จัดการที่อยู่ของประชาชนธรรมดาที่ได้รับบาดเจ็บ แยกย้ายทหารพลังที่ยังหลงเหลืออยู่ทั้งหมดออกไป ประชาชนเหล่านั้นให้หลานเฟิงกลับมาเป็นประมุขตระกูลของตระกูลเยี่ยต่อไป หลานเฟิงเพียงแค่ยิ้มแย้ม ไม่ได้พูดอะไร
หลังจากกลับมาถึงตระกูลหลานแล้ว หลานเยี่ยไปยังเขาหลานวั่ง ถอนเขตม่านพลังบนเขาหลานวั่งออก เขาเทียนปี้ซ่อมแซมไปพอสมควรแล้ว ประชาชนที่มาพักอาศัยอยู่บริเวณตีนเขาหลานวั่งในช่วงเวลาหนึ่งก็สามารถกลับได้แล้ว
เขตม่านพลังบนเขาหลานวั่งถูกถอนออก อวิ๋นหรูและหลานเม่ยนำประชาชนอพยพบริเวณตีนเขาขึ้นไปเยี่ยมชม เขาหลานวั่งมีเสียงหัวเราะยิ้มแย้มเพิ่มมากขึ้น ตอนที่ด้านนอกเต็มไปด้วยไฟศึก มีเพียงผืนดินนี้เท่านั้นที่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบ
รอจนจัดการเรื่องราวทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว หลานเยี่ยและหลานเฟิงก็ไปต้อนรับอวิ๋นหรงกลับมา จากนั้นก็ไปยังตระกูลเยี่ย กราบบูชาบิดามารดาของหลานเฟิง หลานเยี่ยเองก็ถือว่านับเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว
จบลงแล้วหรือ แน่นอนว่าไม่ใช่ หลังจากนี้ถึงจะเป็นละครฉากสำคัญ
วันนี้หลานเยี่ยนั่งอยู่ภายในห้องกลัดกลุ้มกับเทียบเชิญกองหนึ่ง หลานเฟิงนั่งฝนหมึกอยู่อีกข้าง
“อยากจะเชิญทุกคนมาจังเลย”
“เช่นนั้นก็เรียกมา”
“เช่นนั้นเทียบเชิญนี่ต้องเขียนกันสักพักเลย”
ตอนที่กำลังตัดพ้ออยู่นั้นประตูห้องก็ถูกเปิดออก คนที่เข้ามาคือหลานเม่ย หลานเม่ยส่งเทียบเชิญใบหนึ่งให้หลานเยี่ย หลานเยี่ยเปิดออกดู จากนั้นก็หัวเราะออกมา เวลานี้เหมือนกับของตนเองเลย
รออีกครู่ตอนที่มู่หลีมาส่งเทียบเชิญ หลานเยี่ยก็เริ่มสงสัยแล้วว่าพวกเขาปรึกษากันมาแล้วใช่หรือไม่ ล้วนเลือกวันเดียวกันทั้งหมด คาดว่าอีกครู่หนึ่งหากอวี่มั่วส่งมาเหมือนกันก็คงจะเป็นวันเดียวกัน
เป็นไปตามที่คาดไว้ อวี่มัวให้หลานอวี่มาส่งเทียบเชิญ จากนั้นก็ยังมีของชิวจือเว่ยและหลานเซียว ชังหลานและหลานเจ๋อ
ในวันนั้นตอนที่ชังหลานตื่นขึ้นมาก็พาหลานเจ๋อไปยังที่พักของเขา อย่างแรกเพราะอยากตามหาความรู้สึกที่คุ้นเคย อย่างที่สองเพราะไม่อยากให้พบหน้ากับกลุ่มคนรุ่นหลัง พวกหลานเยี่ยยังดี แต่ต้องเผชิญหน้ากับหลานชิงนั้นไม่เหมือนกัน
หลังจากนั้นมาหลานเจ๋อยังเย้าแหย่ว่าเขาเอาแต่ใจ
ทั้งสองคนเมื่อพันปีก่อนหน้านี้เคยจัดพิธีแบบง่ายๆ มาแล้ว ดูท่ากลับมาทำซ้ำอีกครั้ง คงคิดจะจัดให้ยิ่งใหญ่เสียหน่อย
คิดได้ว่าวันเวลานี้ตอนแรกหลานเฟิงเป็นคนกำหนด หลานเยี่ยก็คิดสงสัย
“พวกเจ้าปรึกษากันมาแล้วใช่หรือไม่”
“ใครจะรู้เล่า”
ตอนที่ 206 ขบวนสินสอดร้อยลี้ (หนึ่ง)
เพียงชั่วพริบตาก็มาถึงวันจัดงานแต่ง หลานเยี่ยตื่นขึ้นจากความฝัน เมื่อเห็นเครื่องประดับที่อยู่รอบข้าง ท่าทางง่วงงุนตาปรือแต่เดิมนั้นก็ตื่นขึ้นในฉับพลัน
ที่นี่คือที่ใด หลานเยี่ยลุกขึ้นเดินไปรอบด้านครั้งหนึ่ง พบว่าตนเองอยู่ในเรือนหรงอี้ หลานเยี่ยคิดว่าจะต้องเป็นหลานเฟิงอุ้มเขามาไว้ที่นี่ตอนกลางดึกเป็นแน่
เรื่องงานแต่งหลานเฟิงบอกว่าเขาไม่ต้องวุ่นวายใจ ถึงเวลาขอแค่มาถึงงานก็พอแล้ว แต่สถานการณ์ตอนนี้กำลังจะเล่นอะไรกันแน่
หลานเยี่ยเดินบิดขี้เกียจออกมาจากห้อง ทันใดนั้นก็ต้องอึ้งตกใจไป ตรงนั้นมีมู่หลี เทียนซี หลานเซียว และหลานเจ๋อล้วนอยู่กันพร้อม นี่มันสถานการณ์อะไรกัน
หลานเยี่ยสอบถามสถานการณ์ในตอนนี้กับพวกเขา พวกเขาเองก็ไม่รู้เรื่องเช่นเดียวกัน หลังจากตื่นขึ้นมาตอนเช้านี้ก็เป็นเช่นนี้แล้ว
หลานเยี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มองดูกลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้า นี่…ล้วนอยู่ข้างล่างทั้งหมดอย่างนั้นหรือ ไม่ใช่ ยังขาดอวิ๋นหรู หรือเพราะเป็นปัญหาเรื่องเพศอย่างนั้น แต่ทำไมจะต้องมายังเขาเทียนปี้ด้วย หรือว่ารู้สึกว่าระยะทางตระกูลหลานใกล้เกินไป
หลานเยี่ยพิจารณาตัดสินใจออกไปเดินดู เพิ่งจะผลักประตูใหญ่เรือนหรงอี้ออก ดวงตาของหลานเยี่ยก็เต็มไปด้วยสีแดงสด ทุกที่ถูกแขวนไปด้วยโคมไฟสีแดง ผ้าสีแดง แม้แต่ชุดของสาวรับใช้ก็ยังเป็นสีแดงสดปลอดทั้งตัว แดงจนทำให้คนรู้สึกตั้งตัวรับไม่ทัน
หลานเยี่ยและคนอื่นเดินชมรอบด้าน ในที่สุดก็ได้พบเงาของหลานเม่ยภายในห้องแห่งหนึ่ง หลานเม่ยเองก็สวมใส่เสื้อผ้าสีแดงสดเช่นเดียวกัน แต่รูปแบบนั้นเป็นรูปแบบของเจ้าบ่าว
หลานเม่ยหันกลับมาเจอพรรคพวกหลานเยี่ย
“พวกเจ้าตื่นแล้ว เช่นนั้นก็เริ่มกันเลยเถิด”
“???”
หลานเม่ยปัดมือ ทันใดนั้นก็มีบ่าวรับใช้หญิงที่สวมเสื้อผ้าสีแดงสดเหมือนกันทั้งหมดสี่คนเดินเข้ามา ในมือของทุกคนยังมีถาดใบหนึ่ง บนนั้นเป็นเสื้อผ้าชุดหนึ่ง และเครื่องประดับจำนวนหนึ่ง
“รีบกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถิด พวกเขาอีกครู่ก็น่าจะออกเดินทางแล้ว”
“???”
ก็เป็นเช่นนี้ กลุ่มผู้คนถูกบ่าวรับใช้หญิงไล่กลับห้อง จากนั้นภายใต้สถานการณ์ที่ไม่รู้อะไรเลยก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากที่หลานเยี่ยแต่งกายเสร็จแล้ว บ่าวรับใช้หญิงก็มัดผมของเขาขึ้นมา
หลานเยี่ยน้อยครั้งที่จะมัดผม พอทำเช่นนี้มองตนเองที่อยู่ในกระจก ยังรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นบ่าวรับใช้หญิงยังผัดแป้งบางๆ ให้หลานเยี่ย
“???”
ไม่ได้สนใจอาการไม่พอใจและคำปฏิเสธของหลานเยี่ย บ่าวรับใช้หญิงคนนั้นลงมือกับเขาโดยตรง แต่เพียงแค่ผัดแบบบางๆ หนึ่งชั้นเท่านั้น พอใช้เสร็จแล้วก็ไม่ได้มีความอ้อนแอ้นเฉกเช่นสตรี เสน่ห์ของบุรุษยังคงแสดงออกมาเป็นอย่างดี
ไม่นานหลานเยี่ยก็เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้า ไม่ได้มีการปฏิเสธอะไรอีก ในเมื่อพวกเขาจัดการมาแล้ว เช่นนั้นก็ทำตามที่พวกเขาพูดก็แล้วกัน
หลังจากจัดการเรียบร้อยแล้ว หลานเยี่ยมองไปรอบด้าน ผ่อนลมหายใจออกมา โชคดีที่ไม่ได้คลุมผ้าแดงให้เขา
“ตอนนี้ข้าต้องทำอะไร” หลานเยี่ยถามบ่าวหญิงคนนั้น
“ท่านไม่ต้องทำอะไรเจ้าค่ะ รออยู่ที่นี่ก็พอแล้ว คาดว่าอีกครู่พวกเขาก็น่าจะมาแล้ว หากท่านรู้สึกอึดอัดเบื่อหน่าย เช่นนั้นก็ออกไปเดินเล่นในสวนเสียหน่อยเจ้าค่ะ อย่าออกไปจากเรือนหรงอี้นะเจ้าคะ” บ่าวหญิงผู้นั้นยิ้มพลางพูดออกมา
บ่าวหญิงออกไป หลานเยี่ยเปิดประตูออกไปดู เรือนหรงอี้ที่แต่เดิมไม่ได้มีการประดับตกแต่งอะไร แต่ในเมื่อครู่นี้ก็ถูกจัดแต่งเต็มไปด้วยโคมไฟแดงและผ้าไหมแดง ผลลัพธ์นี้ช่างรวดเร็วเสียจริง
เมื่อเห็นว่าคนอื่นๆ ก็จัดการกันเรียบร้อยแล้ว หลานยี่ยพบว่าบนร่างของพวกเขาที่สวมใส่ แม้จะเป็นชุดของเจ้าบ่าว แต่รูปแบบกลับไม่ได้มีสิ่งที่เหมือนกันเลยแม้แต่น้อย ดูท่าคนพวกนั้นก็น่าจะลงแรงไม่น้อยเลยทีเดียว