ตอนที่ 209 จบสิ้น
หลานเม่ยต้อนรับอวิ๋นหรูไปยังเขาเทียนปี้ อวี่มั่วนำเทียนซีกลับไปยังราชสำนัก ชิวลั่วนำมู่หลีกลับไปยังจิ่วหลิว ชิวจือเว่ยนำหลานเซียวไปซีเชวีย ชังหลานนำหลานเจ๋อไปเหวินเย่ว์
ทุกคนล้วนมีชีวิตที่มั่นคงของตนเอง ใต้หล้าเองก็มั่นคงแล้ว วันรุ่งขึ้นหลานเยี่ยนอนอยู่บนเตียงทั้งวัน ลงมาจากเตียงไม่ไหว หลานเฟิงดูแลเขาอย่างเอาใจใส่
ต่อมาหลานเม่ยมอบสิทธิ์อำนาจเขาเทียนปี้ให้กับหลานเยี่ย ตอนนี้ในมือของหลานเยี่ยมีทุกที่นอกจากราชสำนัก แต่เขากลับไม่ใช่คนที่สามารถนั่งนิ่งอยู่เฉยคอยดูแลจัดการเรื่องราวใต้หล้าที่ตระกูลหลานได้
“เจ้าว่าอวี่มั่วจะมีปฏิกิริยาเช่นไร”
“คงจะระเบิดเลยกระมัง” หลังจากที่หลานเฟิงและหลานเยี่ยจัดการเรื่องทุกอย่างจนเสร็จสิ้น ให้เจียงหลิงและหลานอีเป็นจู่จื๋อซือ โดยแบ่งออกเป็นเชียนจื๋อซือและเซ่าจื๋อซือ แต่คาดว่าคงไม่มีเรื่องอะไรอีกแล้ว เพียงแค่ดูแลตระกูลหลานเท่านั้นเอง
จากนั้นหลานเยี่ยก็ให้คนเอาสิทธฺอำนาจของตระกูลหลาน เขาเทียนปี้และตระกูลเยี่ยรวมถึงสิ่งยุ่งเหยิงวุ่นวายบางอย่างมอบให้อวี่มั่ว จากนั้นพวกเขาสองคนก็ออกท่องเที่ยวไปทั่วใต้หล้า
“เจ้าเด็กนี้ได้คืบจะเอาศอก เอาเรื่องเลอะเทอะทั้งหมดมาให้ข้า รอดูซิว่าข้าจะไม่กำจัดเขา” ตอนนี้อวี่มั่วใกล้จะระเบิดแล้วจริง หลังจากได้รับสิ่งของที่หลานเยี่ยส่งคนมามอบให้เขาแล้ว อวี่มั่วก็แทบจะทำลายราชวังลง
“เสี่ยวซี เจ้าอย่าห้ามข้า ข้าจะไปจัดการเจ้าเด็กนั่น” แต่เทียนซีเพียงแค่นั่งอยู่อีกด้านอมยิ้มมองเขาอยู่ ในมือก็ถือหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง
“เสี่ยวซี เจ้าไม่ห้ามข้าเลยหรือ”
“ไม่ห้าม อย่างไรเจ้าก็ไม่ไป”
“เสี่ยวซีเจ้าทำเช่นนี้ไม่ได้ ข้ารักเจ้าที่สุดแล้ว” อวี่มั่ววิ่งมาหาเทียนซีพลางงัดวิทยายุทธ์สิบแปดประเภทออกมา
“ข้ายังอยากจะอัดเจ้าอยู่เลย! เจ้าพูดซิว่า ที่เจ้าให้ลูกสาวของหลานอวี่แต่งงานกับหลิวฮั่นหลินหมายความว่าอะไร”เทียนซีกระแทกปิดหนังสือในมือพลางตีไปยังศีรษะของอวี่มั่ว
“ข้าทำไปไม่ใช่เพราะว่าพวกเขามีใจต้องกันเช่นนั้นหรือ”
“เขาให้หลิวฮั่นหลินส่งจดหมายให้กับคนผู้หนึ่งในสำนักฮั่นหลิน เจ้ากลับดี เจ้าลองบอกซิว่าเจ้าสร้างเรื่องวุ่นวายให้ข้ามากเพียงใด วังหลังตอนนี้มีคนใหม่กว่าสองร้อยคู่ เจ้าจับคู่มั่วซั่วไม่น้อยกว่าร้อยคู่ ทุกครั้งล้วนเป็นข้าต้องมาเก็บกวาด เจ้าทำให้ข้าสบายใจเสียหน่อยได้หรือไม่เล่า”
“เสี่ยวซี ข้าผิดไปแล้ว ฮือๆๆ”
“ฮือๆๆ”
“ตอนนี้ตระกูลหลาน เขาเทียนปี้และตระกูลเยี่ยก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว เจ้าก็รับไปเถิด รอวันใดเจ้าสามารถสู้กับหลานเฟิงได้ ค่อยไปจัดการหลานเยี่ยก็ยังไม่สาย เจ้าว่าใช่หรือไม่” เทียนซีลูบผมอวี่มั่ว
“แต่ข้าสู้เขาไม่ได้” อวี่มั่วพูดตัดพ้อ
“สู้ไม่ได้ก็ไปจัดการเรื่องฎีกาซะ อย่าสร้างเรื่องวุ่นวายให้ข้า เชื่อฟัง” เทียนซีจุมพิตหน้าผากอวี่มั่วทีหนึ่งเป็นการให้กำลังใจ
“ฮือๆๆ”
“…”
สิ่งเหล่านี้ หลานเฟิงและหลานเยี่ยไม่อาจมีโอกาสรับรู้ได้อีกแล้ว เพราะตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนเที่ยวไปทั่วใต้หล้า นับรวมๆ กันแล้วก็เป็นเวลากว่าครึ่งปี ทั้งสองคนก็ไปมาหลายที่เช่นกัน
ทุกที่ที่ไปถึงหลานเยี่ยจะไปที่โรงเหล้าในที่แห่งนั้นก่อน กินอย่างอิ่มหนำสำราญมื้อหนึ่ง หาของอร่อยของพื้นที่กินให้ครบ ตอนนี้หลานเฟิงยังรู้สึกว่าเมื่อลูบหลานเยี่ยแล้วยิ่งให้สัมผัสที่ดีขึ้น
วันนี้ทั้งสองคนมาถึงสถานที่แห่งใหม่ ที่นี่ถือเป็นชุมชนเล็กแห่งหนึ่งในเมืองหลวง มีความรู้สึกเหมือนดินแดนสุขาวดี ที่แห่งนี้แม้จะมีครอบครัวไม่เยอะ แต่สภาพแวดล้อมกลับงดงามอย่างมาก เขาสวยน้ำใส ต้นไม้เขียวขจี ทำให้หลานเยี่ยรู้สึกเสียดายมากที่พวกเขาไม่พบที่แห่งนี้ให้เร็วกว่านี้
ณ ที่แห่งนี้พวกเขาได้พบสองคนที่คาดคิดไม่ถึง
ตอนที่ 210 คนที่คาดคิดไม่ถึง
“หลานเฟิง ข้ากระหายแล้ว” หลานเยี่ยที่กำลังเดินอยู่ จู่ๆ ก็พูดกับหลานเฟิง
“ข้างหน้ามีอยู่ครอบครัวหนึ่ง พวกเราไปขอน้ำดื่มเสียหน่อย”
ทั้งสองคนมาถึงหน้าประตูบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านหลังเล็กแสนธรรมดา เงียบสงบและสวยงาม สมุนไพรและอุปกรณ์บดยาหลากหลายประเภทที่อยู่ในสวนดึงดูดความสนใจของหลานเยี่ย
“มีคนหรือไม่ พวกข้าเดินผ่านที่แห่งนี้ อยากจะขอน้ำดื่มเสียหน่อย” หลานเยี่ยตะโกนอยู่ด้านนอก ไม่นานก็มีชายผู้หนึ่งเดินออกมา กลับทำให้หลานเยี่ยตกใจไป
“มี เชิญเข้ามาเถิด” คนที่ออกมาคือชิวอวี้ เขายิ้มและต้อนรับทักทายพวกเขา เหมือนไม่รู้จักพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น
“ชิวอวี้”
“ข้ามีนามว่าชิวอวี้ ท่านรู้ได้อย่างไร” ชิวอวี้ยิ้มถามหลานเยี่ย
“ชิวอวี้ ใครหรือ” เสียงของผู้ชายอีกคนดังมาจากข้างใน ไม่นานฉีเย่ว์ก็ออกมา
“เข้ามานั่งก่อนเถิด” เมื่อเห็นว่าเป็นพวกหลานเยี่ย ฉีเย่ว์ต้อนรับดูแลพวกเขา
หลานเยี่ยและหลานเฟิงเข้าไป ภายในห้องเรียบง่ายอย่างมาก แต่กลับอบอุ่นเป็นอย่างมาก จากทุกที่สามารถเห็นได้ว่าฉีเย่ว์ใช้ใจในการตกแต่งให้อบอุ่นและสบายอย่างมาก
“นั่งเถิด อวี้เอ๋อร์ ไปเอาของว่างมาให้แขกซิ” ฉีเย่ว์ตะโกนบอกชิวอวี้
“รับทราบ”
“ฉีเย่ว์?” หลานเยี่ยถามออกมาด้วยความไม่มั่นใจ ฉีเย่ว์หัวเราะออกมาเล็กน้อย
“ข้ายังจำพวกเจ้าได้ ไม่ต้องสงสัยขนาดนี้” ฉีเย่ว์เอ่ยปากขจัดความกังวลของหลานเยี่ย
“ชิวอวี้เขา?” หลานเฟิงเอ่ยปาก
“เขาให้ข้าลบความทรงจำของเขา ตอนนี้เขามีความสุขอย่างมาก สิ่งที่ขาดไปตั้งแต่เกิดและปัญหาด้านจิตใจก็ใกล้จะรักษาหายแล้ว เขาใกล้จะเป็นเหมือนคนธรรมดาแล้ว”
“ดีแล้ว”
หลานเฟิงเอ่ยปาก หลังจากที่นั่งพักสักครู่หนึ่ง พวกเขาก็ออกเดินทาง
ก่อนที่จะไป ฉีเย่ว์ยังตั้งใจเอ่ยขอบคุณพวกเขา
“ขอบคุณพวกเจ้าที่ไม่ฆ่าเสด็จพ่อ”
“เขาไม่ได้ทำเรื่องอะไรผิด สำหรับเสด็จแม่ของเจ้า ข้าขอโทษยิ่งนัก มีเวลาก็กลับไปเยี่ยมหน่อยเถิด” หลานเยี่ยเอ่ย
“ไม่ต้องแล้ว เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว”
“หวังว่ายังมีโอกาสได้เจอกันอีก”
“หวังว่ายังมีโอกาสได้เจอกันอีก”
หลังจากพวกหลานเยี่ยจากไป ฉีเย่ว์และชิวอวี้ก็ไปเก็บสมุนไพรในสวน
“เหตุใดถึงไม่พูดคุยกับพวกเขาเล่า” ฉีเย่ว์ถามชิวอวี้
“แสร้งทำเป็นไม่รู้จักเช่นนี้ที่จริงก็ดีแล้ว” ความทรงจำของชิวอวี้ไม่ได้ถูกลบ การที่แสร้งทำเป็นไม่รู้จัก สำหรับทั้งสองฝ่ายแล้วถือว่าดียิ่งนัก
เช่นนี้เขาก็จะกลายเป็นคนที่หลบหนีคนนั้น แต่เป็นการทำให้ทั้งสี่คนสมหวัง
“รอเจ้ารักษาจนหายดีแล้ว จะออกไปดูเสียหน่อยหรือไม่ ใต้หล้ากว้างใหญ่ไพศาลถึงเพียงนี้ คงจะต้องมีที่ที่เจ้าอยากไป”
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย” ชิวอวี้ไม่ได้ตอบคำถามของเขา พูดขัดเขาขึ้นมา
“เช่นนั้นเจ้าพูด” ฉีเย่ว์มองชิวอวี้ด้วยความเอ็นดู
“รออาการป่วยของข้าดีแล้ว เจ้าคิดจะร่วมหอกับข้าหรือไม่ พวกเราไหว้ฟ้าดินกันมาแล้ว”
ฉีเย่ว์หัวเราะ
“อวี้เอ๋อร์รอไม่ไหวแล้วใช่หรือไม่ รอเจ้าหายดีแล้ว จะต้องทำตามความตั้งใจเจ้าเป็นแน่” ฉีเย่ว์ลูบใบหน้าชิวอวี้
หลานเฟิงและหลานเยี่ยสองคนที่กำลังเดินเล่นอย่างเพลิดเพลิน จู่ๆ ก็ถูกจดหมายฉบับหนึ่งเรียกตัวกลับมา มองดูนกพิราบส่งสารที่คุ้นเคยในมือ หลานเยี่ยก็ทอดถอนออกมา
“เขาเองก็ถึงเวลาต้องเกษียณแล้ว”
“ยังคิดจะกินมันหรือไม่” หลานเฟิงพูดเย้าหลานเยี่ย
“ไม่ได้นะ ตอนนี้เขากลายเป็นครอบครัวของเราแล้ว”
“ชาติหน้ากลับมาเกิด ไม่แน่ว่ามันอาจกลายเป็นน้องชายของเจ้า”
“แล้วเจ้าเล่า” หลานเยี่ยเงยหน้าถามหลานเฟิง
“พ่อเจ้า”
“ดีนี่ เจ้าเอาเปรียบข้า เชื่อหรือไม่ว่าชาติหน้ากลับไปเกิดให้เจ้ากลายเป็นนกพิราบส่งสาร” หลานเยี่ยหยอกเย้าตีหน้าอกหลานเฟิง
ทุกภพทุกชาติยาวเกินไป แค่ชีวิตนี้ก็พอแล้ว ขอเพียงมีเจ้า ก็เป็นทุกภพทุกชาติแล้ว
ตอนที่ 211 จบบริบูรณ์
“โอ๊ยยย” ภายในห้องมีสตรีนางหนึ่งตะโกนร้องด้วยความเจ็บปวด ด้านนอกห้องมีหลายคนเดินกลับไปกลับมาและบางคนที่แข็งทื่อเป็นท่อนไม้
หลังจากพวกเขาแต่งงานได้สามเดือนอวิ๋นหรูก็ตั้งครรภ์ บัดนี้กำลังให้กำเนิดด้วยความลำบาก ผู้คนทั้งหลายที่ตอนนั้นได้จัดงานแต่งพร้อมกัน วันนี้ที่มาถึงมีอวี่มั่ว เทียนซี มู่หลีและชิวลั่วพวกเขาที่เป็นคนรุ่นหลังสองสามคน
“หลานเยี่ยเจ้าอย่าเดินอีกเลยดีหรือไม่ เดินไปมาจนข้าปวดหัวแล้ว เหตุใดจึงร้อนใจกว่าลูกเจ้าเองอีก” อวี่มั่วอยากให้หลานเยี่ยหยุดเดินไปมาเสียที
“ใช่แล้ว เจ้าดูซิว่าหลานเม่ยยังไม่ร้อนใจเท่าเจ้าเลย” หลานเม่ยที่อยู่อีกฝั่งนั่งแข็งทื่อเป็นท่อนไม้อยู่บนเก้าอี้ หลานเยี่ยประหลาดใจเล็กน้อย เดินไปจิ้มหลานเม่ยทีหนึ่ง
คิดไม่ถึงว่าเจ้าคนนี้จะล้มลงไปโดยไม่มีลางสังหรณ์มาก่อน
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” หลานเยี่ยหัวเราะอย่างหนัก เสียงหัวเราะดังของหลานเยี่ยถึงทำให้หลานเม่ยถูกดึงกลับมาสู่ความเป็นจริง หลานเม่ยรีบปีนขึ้นมาจากพื้น ปัดเศษฝุ่นเศษดินบนตัว
“ใครบอกว่าเขาไม่ตื่นเต้น เจ้าดูซิว่าเขาตื่นเต้นกว่าข้าเสียอีก ฮ่าๆๆๆๆ” หลานเยี่ยหัวเราะจนสำลัก หลานเฟิงเดินเข้าตบหลังเขา ในที่สุดหลานเยี่ยก็สงบลง
ตอนที่หลานเม่ยสีหน้าร้อนรน ร้อนใจอย่างไม่มีที่เปรียบ ภายในห้องก็มีเสียงเด็กทารกร้องดังออกมา หลานเม่ยรีบเดินไปที่ประตูห้อง หมอตำแยเปิดประตูให้หลานเม่ยเข้าไป ด้านนอกลมแรง ไม่เหมาะที่จะอุ้มเด็กออกมา
หลานเม่ยเข้าไปแล้ว คนที่เหลือรออยู่ข้างนอก รอไม่นานหลานเม่ยก็เปิดประตูออกมาให้พวกเขาเข้าไป
ผู้ชายร่างใหญ่หลายคนล้อมรอบเด็กทารกคนหนึ่งเอาไว้ หลานเม่ยดูมือไม้พันกันอย่างเห็นได้ชัด
“เป็นคุณชายนี่!” เทียนซีเอ่ยปาก มองดูแล้วชอบเด็กมากยิ่งนัก
“ท่านประมุข ท่านตั้งชื่อให้เถิด” หลานเม่ยพูดกับหลานเยี่ย
“ห๋า ให้ข้าตั้งหรือ เจ้าตั้งเองเถิด ข้าตั้งแล้วรู้สึกเกรงใจจัง” เป็นครั้งแรกที่หลานเยี่ยแสดงท่าทำอะไรไม่ถูกออกมา มองหลานเฟิงขอความช่วยเหลือ
“รอพวกเรามีลูกคนที่สอง ค่อยตั้ง ท่านประมุขไม่ต้องถ่อมตนไป” หลานเม่ยเอ่ยเร่งหลานเยี่ย
“เช่นนั้นก็ช่างเถิด ข้าคิดเสียหน่อย” หลานเยี่ยเอ่ยปาก คิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“เช่นนั้นก็ชื่อว่าหลานจิ่นเหอก็แล้วกัน ใต้หล้าที่สงบสุขรุ่งเรือง เด็กรุ่นใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว” หลานเยี่ยเอ่ยวิเคราะห์
“ดี เรียกว่าจิ่นเหอแล้วกัน”
เดินผ่านไปมา ไปมาหาสู่ วันเวลาผ่านไปเรื่อยทุกวัน คนครองคู่ใหม่หลายคู่เช่นพวกเขาเองก็มักจะคิดถึงเรื่องวันเวลาที่ไม่สงบสุขในตอนนั้น
ไม่สนรสชาติของชีวิต ไม่สนการฟันฝ่าขวากหนาม สถานการณ์ในใต้หล้ารักษาสภาพความเป็นหนึ่งเดียวไว้ ไม่มีแล้วซึ่งการแย่งชิง ไม่มีแล้วซึ่งความเจ็บปวด ต่อให้นี่เป็นใต้หล้าที่อยู่ในอุดมคติ หลานเยี่ยเองก็เชื่อว่าใต้หล้าที่เขารู้จักนั้นก็เป็นเช่นนี้
ตอนที่พวกเขาเข้าสู่วัยชรา ไม่ได้วิ่งวนไปทั่วใต้หล้าอีก หลานเฟิงและหลานเยี่ยกลับไปยังหอเฟิงเยี่ย หลานเยี่ยนั่งอยู่บนเก้าอี้ ในมืออุ้มลูกกระต่ายที่เพิ่งคลอดออกมา
หลานเฟิงอยู่ภายในห้องเตรียมทำอาหาร
อากาศแจ่มใสอย่างมาก แสงอาทิตย์ส่องสว่าง มีบางครั้งที่ยังคงรำพันถึงตนเองยามอายุน้อยวัยใส ชีวิตยามแก่เฒ่าที่หลานเยี่ยเคยคาดฝันในตอนนั้น ตอนนี้ก็ได้กลายเป็นความจริงแล้ว สิ่งที่งดงามที่สุดก็ไม่อาจสู้สิ่งนี้ได้
“ท่านพ่อบุญธรรม พวกข้ามาแล้ว” หลานจิ่นเหอนำลูกของตนเองมาหาหลานเยี่ยและหลานเฟิง
“มาแล้ว เสี่ยวจิ้งชูเองก็มาด้วย ให้ปู่อุ้มหน่อยซิ ตาเฒ่า อาหารเตรียมพร้อมหรือยัง”
“พร้อมแล้ว รีบเข้ามากินเร็วเข้า” หลานเฟิงออกมาพูดกับพวกเขา
“ไป ไปกินข้าวกัน”
ลมฝนทำให้พวกเขามีร่องรอยของลมฝน พวกเขาเองก็มีผมขาว มีรอยย่น แต่จิตใจที่รักอีกฝ่ายอย่างลึกล้ำกลับไม่เปลี่ยนแปลง
-จบบริบูรณ์-
ขอให้คนที่มีความรักบนโลกนี้ได้ครองคู่สมหวัง