https://ufanance.com ufafat Lockdown168 hydra888 lotto432 KINGDOM66 panama888 sexygame1688 1688sagame Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ lotto77 SAGAME1688 SEXYGAME1688 Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ สล็อต เกมสล็อต slot game

ตอนที่ 248.2 จากลากันตรงนี้ ภูเขาสูงน้ำไหลยาว

ufac4

เฉินผิงอันย่อมไม่รู้ว่าวิชาอภินิหารนั้นของนักปราชญ์โจวจวี่ทำให้เขามองเห็นความลับของตัวเองมากมายถึงปานนั้น

การที่อริยะของสำนักศึกษากวานหูมาเยือนถึงที่ บางทีอาจเป็นภาพเหตุการณ์มหัศจรรย์ที่หนึ่งร้อยปีจะพานพบสักครั้งสำหรับผู้คนในยุทธภพแคว้นซูสุ่ย แต่สำหรับเฉินผิงอันแล้ว อันที่จริงนี่ไม่ใช่เรื่องน่าตื่นตะลึงสักเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าจะที่ถ้ำสวรรค์หลีจูบ้านเกิด หรือที่ต้าสุยที่เคยเดินทางไปเยือนในภายหลัง เฉินผิงอันก็ล้วนเคยเห็นเรื่องน่าเหลือเชื่อมามากมาย แม้แต่ในม้วนภาพวาดแม่น้ำและภูเขาของซิ่วไฉเฒ่า เฉินผิงอันก็ยังเคยเห็นภูเขาเทพสุ้ยซานของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางมาแล้ว ตนยังถึงขั้นส่งกระบี่ผ่าภูเขาไปด้วยตัวเองครั้งหนึ่ง

เฉินผิงอันไม่ได้หยุดอยู่ในห้องโถงใหญ่ของหมู่บ้านนานนัก เพราะหลังจากที่ซ่งอวี่เซาเอ่ยประโยคหนึ่งแล้วก็รีบจากไปอย่างรวดเร็ว

ประโยคนั้นของผู้เฒ่าสร้างลูกคลื่นที่โถมตัวสูงนับหมื่นจั้งอยู่ในใจของทุกคน

“ทหารนับหมื่นของราชสำนักที่มาล้อมหมู่บ้านได้ถอยจากไปเองแล้ว”

อันที่จริงหมัวมัวเด็กสาวหนึ่งในสี่พิฆาตของแคว้นซูสุ่ยก็ตามพวกเขากลับมาที่หมู่บ้านด้วย แต่เพราะไม่กล้าเผชิญหน้ากับนักปราชญ์ของสำนักศึกษา ตอนนั้นจึงไปหลบอยู่ในมุมมืด ยังดีที่ทั้งอริยะและนักปราชญ์ต่างก็ไม่ถือสา นี่ทำให้นางรู้สึกลิงโลดที่ตัวเองรอดพ้นหายนะครั้งใหญ่มาได้ หลังจากแน่ใจว่าคนจากสำนักศึกษาสองคนนั้นไปจากหมู่บ้านแล้วจริงๆ นางถึงได้เข้ามาในห้องโถงใหญ่ พอนั่งลงเรียบร้อยก็ใช้เสียงในใจสื่อสารกับซ่งเฟิ่งซาน เพียงแต่ว่าเด็กสาวใช้เวทลับของผู้ฝึกลมปราณ ชักนำทะเลสาบในหัวใจ ส่วนซ่งเฟิ่งซานนั้นใช้วิชายุทธ์ รวมเสียงร้อยเรียงเป็นถ้อยคำ คนหนึ่งต้องเป็นผู้ฝึกลมปราณขอบเขตห้า อีกคนหนึ่งต้องมีวิถีวรยุทธ์ขอบเขตสี่

ภรรยาของซ่งเฟิ่งซานเริ่มใช้แผนกลยุทธสร้างผลประโยชน์โดยการปลอบใจเหล่าผู้กล้า

ซ่งเฟิ่งซานที่ไม่เอ่ยคำใดมีสีหน้ามาดมั่น

นอกจากจะโล่งอกแล้ว ซ่งเฟิ่งซานยังรู้สึกซับซ้อนเล็กน้อย

ซ่งอวี่เซาท่านปู่ของเขาใช้หนึ่งกระบี่หนึ่งคนไปสกัดขวางอยู่หน้ากองทัพใหญ่จริงๆ อีกทั้งยังเจาะขบวนรบไปจับตัวแม่ทัพใหญ่ฉู่หาวมาได้ ช่วยลดแผนการอีกหลายอย่างให้กับเขาซ่งเฟิ่งซาน ไม่เพียงเท่านี้ ท่านปู่และเซียนกระบี่เด็กหนุ่มที่ลึกลับผู้นั้นยังร่วมมือกับซูหลางเซียนกระบี่ไผ่เขียวที่ได้รับจดหมายลับจากตนจึงย้อนกลับมาสังหารหลินกูซานราชันกระบี่แคว้นกู่อวี๋และเจ้าของหอหม่ายตู๋ในป่าลึก หลินกูซานถูกซูหลางใช้หนึ่งกระบี่ตัดศีรษะ ไข่มุกมรกตเล่มนั้นกลายเป็นหลักฐานที่ดีที่สุดซึ่งบอกว่า ‘เซียนกระบี่สังหารราชันกระบี่’ น่าเสียดายที่นักฆ่าหอหม่ายตู๋ใช้เวทลับหนีไปทั้งที่บาดเจ็บ และนี่อาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

ซ่งเฟิ่งซานเอ่ยด้วยรอยยิ้มกับเด็กสาวผู้นั้น “ตามข้อตกลง หลังทำสำเร็จ ข้าจะช่วยให้เจ้าได้กลายเป็นเทพภูเขาที่ได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนักแคว้นซูสุ่ย ได้ครอบครองร่างทอง เสวยสุขอยู่กับควันธูป แต่คำพูดไม่น่าฟังเอามาพูดกันก่อน พอกลายเป็นองค์เทพร่างทองแล้ว หากเจ้าอยากให้ขอบเขตเพิ่มพูน นอนรอเสวยสุข ยังจำเป็นต้องทำตามแผนการของข้า ในอนาคตอีกหลายสิบปีข้างหน้า ต้องฝืนใจทำเรื่องดีที่ขัดต่อนิสัยดั้งเดิมของเจ้า เพื่อสะดวกในการช่วงชิงใจคน หากเจ้าละเมิดข้อตกลง ยากที่จะเปลี่ยนนิสัยอำมหิต ทำลายงานใหญ่ของข้าเพียงแค่เพื่อผลประโยชน์เล็กน้อยเท่าแมลงวันตัวหนึ่ง ถึงเวลานั้นเจ้ากับข้าก็คงได้แต่หันหน้าเข้าห้ำหั่นกันเองแล้ว”

เด็กสาวหัวเราะเสียงหวานผ่านเสียงในใจ “นายน้อยวางแผนได้อย่างรอบคอบรัดกุม ข้าน้อยมิกล้าหาเรื่องใส่ตัวหรอก”

ซ่งเฟิ่งซานรวบเสียงกล่าวว่า “ยังต้องรบกวนเจ้าไปแจ้งหานหยวนซ่านที่เมืองใหญ่อีกรอบหนึ่งว่าสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง ตามหลังโจวจวี่แห่งสำนักศึกษายังต้องมีคนอื่นมาหาเรื่องเขาอีก ส่วนเขาจะยังใช้ตัวตนของฉู่หาวเบียดแทรกเข้าไปในราชสำนักแคว้นซูสุ่ยหรือไม่ ก็อยู่ที่การตัดสินใจของเขาเองแล้ว”

เด็กสาวถอนหายใจหนึ่งที แล้วจึงลุกขึ้นยืนเตรียมจะไปเตือนหานหยวนซ่านที่เมืองใหญ่ “เดี๋ยวก็บนเตียง เดี๋ยวก็ล่างเตียง ข้านี่ยุ่งจริงๆ อ้อ ใช่แล้ว เจ้าอย่าลืมทวงเม็ดเสื้อเกราะที่อยู่บนร่างของฉู่หาวมาจากเด็กหนุ่มที่ชื่อเฉินผิงอันด้วยล่ะ ไม่ว่านายน้อยต้องจ่ายเงินซื้อมา หรือจะแลกเปลี่ยนของเป็นสินน้ำใจ ก็ต้องเอาของชิ้นนั้นมาให้ได้ วันหน้าหากหยวนซ่านของข้าดึงดันจะเสี่ยงอันตรายหวังความร่ำรวย ปลอมตัวเป็นฉู่หาว เสื้อเกราะน้ำค้างหวานชิ้นนั้นก็คือวัตถุสำคัญ”

ซ่งเฟิ่งซานตอบกลับ “ข้าจะจัดการเอง”

เด็กสาวรู้ดีถึงนิสัยเลือดเย็นอำมหิตของคนผู้นี้จึงออกไปจากห้องโถงใหญ่ ไม่วาดงูเติมหางพูดอะไรให้มากความ

หนึ่งคนหนุ่มหนึ่งคนแก่เดินไปยังเรือนพักที่ทางหมู่บ้านจัดไว้ให้เฉินผิงอัน

ก่อนหน้านี้ระหว่างเส้นทางภูเขาที่กลับมายังหมู่บ้าน เจ้าหอหม่ายตู๋ที่แฝงตัวมานานได้ลอบโจมตีเฉินผิงอันก่อน จากนั้นหลินกูซานราชันกระบี่ที่ตามมาทีหลังถึงเข้ามาโรมรันกับซ่งอวี่เซา

หากเฉินผิงอันกับซ่งอวี่เซาอยู่ในสภาวะสูงสุดย่อมชนะได้อย่างไม่ต้องสงสัย และต้องสามารถบดขยี้นักฆ่าที่ได้รับคำสั่งมาจากแคว้นกู่อวี่สองคนนั้นได้อย่างง่ายดาย แต่จิตวิญญาณของเฉินผิงอันถูกเผาผลาญไปมาก การควบคุมชูอีกับสืออู่จึงไม่คล่องแคล่วสมใจปรารถนาเหมือนตอนที่ทะลวงขบวนรบ เป็นเหตุให้ครั้งที่สองที่ประมือกับเจ้าของหอหม่ายตู๋ ฝีมือคนทั้งสองทัดเทียมกัน ซ่งอวี่เซาได้เปรียบเล็กน้อย แต่พลังอำนาจของหลินกูซานเปี่ยมล้น จึงยังไม่สามารถสลัดตัวออกมาช่วยเฉินผิงอันสังหารนักฆ่าอันดับหนึ่งที่ทำตัวลึกลับคนนั้นได้

หลังจากนั้นเซียนกระบี่ไผ่เขียวและหมัวมัวเด็กสาวก็ทยอยกันปรากฏตัว ทั้งสองฝ่ายต่างก็เหมือนมีพันธมิตรคนหนึ่งมาช่วย ตามหลักแล้วโอกาสที่ฝ่ายของหลินกูซานจะชนะนั้นย่อมมีมากกว่า

ซูหลางกับหลินกูซานร่วมมือกันออกกระบี่รับมือกับซ่งอวี่เซา ส่วนเด็กสาวก็ร่วมมือกับเฉินผิงอันเล่นงานเจ้าของหอหม่ายตู๋

แต่หลังจากนั้นสถานการณ์ก็เปลี่ยนไป ซูหลางตัดหัวหลินกูซานด้วยหนึ่งกระบี่ เจ้าหอหม่ายตู๋เห็นท่าไม่ดีจึงเผ่นหนีไปอีกครั้ง ถูกเฉินผิงอันที่พยายามสุดกำลังบังคับกระบี่บินสืออู่ให้แทงทะลุหน้าท้องของอีกฝ่าย แต่นักฆ่าคนนี้ก็ยังหนีไปได้สำเร็จ มองดูเหมือนเด็กสาวหมัวมัวลงแรงเต็มที่ ตบะวิถีมารของทั้งร่างถูกนำมาใช้ต่อสู้จนฟ้าดินสะท้านสะเทือน แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะถึงอย่างไรเด็กหนุ่มต่างถิ่นคนหนึ่งจะเป็นหรือตายก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ใหญ่ของแคว้นซูสุ่ยสักเท่าไหร่ อีกทั้งหากเขาตายอยู่ในป่าลึก คนที่รู้เรื่องวงในซึ่งยากจะควบคุมได้ก็จะลดน้อยไปหนึ่งคน ไม่แน่ว่าอาจส่งผลดีต่อสถานการณ์ของทางฝ่ายนางมากกว่าเดิม

เมื่อมาถึงเรือนพัก วันนี้ชายฉกรรจ์เคราดกและนักพรตหนุ่มต่างก็ไม่ได้อยู่ในหมู่บ้าน พวกเขาถูกเฉินผิงอันเกลี้ยกล่อมให้ไปที่เมืองเล็กล่วงหน้าก่อนนานแล้ว บอกว่าวันนี้ต้องไปจากที่นี่ เดินทางไปยังท่าเรือตระกูลเซียนที่อยู่ริมชายแดน เฉินผิงอันเล่าต้นสายปลายเหตุทั้งหมดให้สหายทั้งสองฟังตามตรงอย่างไม่มีปิดบัง จางซานเฟิงจะตามมาให้ได้ แต่ถูกสวีหย่วนเสียห้ามไว้แล้วลากไปที่เมืองเล็กด้วยกัน

หลังจากนั่งลงข้างโต๊ะหิน ซ่งอวี่เซาก็เอ่ยเบาๆ ว่า “มีความเป็นไปได้เกินครึ่งว่าแม่ทัพใหญ่ฉู่หาวจะตายแล้ว”

สำหรับเรื่องนี้เฉินผิงอันไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ

ก็เหมือนก่อนหน้านี้ตอนอยู่ศาลาริมน้ำที่สตรีสะพายดาบใช้ปลายฝักดาบชี้มาที่ตน นั่นก็คือการท่องอยู่ในยุทธภพของชาวยุทธ์

ถ้าเช่นนั้นการที่ครั้งนี้ฉู่หาวนำทัพลงใต้มาบุกหมู่บ้านวารีกระบี่ก็เท่ากับแม่ทัพฝ่ายบู๊ที่อยู่ในสมรภูมิรบ

เฉินผิงอันหยิบเม็ดเสื้อเกราะเทพรับน้ำค้างออกจากชายแขนเสื้อมาส่งมอบให้กับผู้เฒ่า ก่อนหน้านี้หมัวมัวเด็กสาวต้องการของสิ่งนี้ แต่เฉินผิงอันไม่เต็มใจเอาออกมาให้

ซ่งอวี่เซาโบกมือกล่าวว่า “เจ้าเป็นคนจับตัวฉู่หาวได้ เม็ดเสื้อเกราะชิ้นนี้ย่อมต้องเป็นของเจ้า”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “ผู้อาวุโสรับไปเถอะ ในเมื่อมารหญิงผู้นั้นต้องการเม็ดเสื้อเกราะเม็ดนี้ แสดงว่าต้องไม่ใช่แค่เรื่องของเงิน ข้าก็แค่ไม่ชอบการกระทำของนางถึงได้ไม่อยากมอบให้นาง”

ซ่งอวี่เซายิ้ม “ถ้าอย่างนั้นข้าจะยกเงินหิมะน้อยทั้งหมดที่เก็บสะสมไว้ในหมู่บ้านให้กับเจ้า? ไม่อย่างนั้นจะผิดกฎเกณฑ์แล้ว ข้าคงไม่สบายใจ ทั้งติดค้างน้ำใจทั้งติดเงิน ส่วนเฟิ่งซานจะมีเรื่องให้ต้องใช้เงินหรือไม่ก็ปล่อยให้เขาหาวิธีไปเองเถอะ ถึงอย่างไรเจ้าเด็กนี่ก็มีความสามารถยิ่งใหญ่เทียมฟ้าเทียมดินอยู่แล้ว ข้าไม่เชื่อหรอกว่าแค่เงินหิมะน้อยไม่กี่พันเหรียญ เขาจะหาไม่ได้”

เฉินผิงอันยิ้มกว้าง “หากเป็นเพื่อนกันจริงๆ ต่อให้ติดค้างน้ำใจกันก็ไม่เป็นไร ครั้งหน้าที่ข้ามาเยือนหมู่บ้าน ท่านผู้อาวุโสเลี้ยงเหล้าข้าก็พอแล้ว”

ซ่งอวี่เซาจุ๊ปากพูด “ติดค้างน้ำใจไม่สบายใจยิ่งกว่าติดเงิน เจ้าเป็นคนพูดเอง ตอนนี้เจ้ายังพูดว่าเป็นเพื่อนกันติดค้างน้ำใจก็ไม่เป็นไร ทำไม เหตุผลใต้หล้านี้ล้วนเป็นของเจ้าเฉินผิงอันทั้งหมดงั้นหรือ?”

เฉินผิงอันปลดน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ ดื่มเหล้าอย่างผ่อนคลายสบายใจ ไร้ความกังวล แล้วก็ไร้ซึ่งความกดดัน หลังจากท่องอยู่ในยุทธภพ ได้ดื่มเหล้ารสเลิศอย่างสาแก่ใจ โดยที่ไม่ใช่เพื่ออำพรางหูตาของใครขณะที่เปลี่ยนลมปราณในสนามรบ รสชาติของเหล้าก็ช่างดีเยี่ยมจริงๆ “หากผู้อาวุโสซ่งไม่เห็นข้าเป็นเพื่อนก็เชิญคืนเงิน คืนน้ำใจข้าได้ตามสบาย คืนให้หมดรวดเดียว เอาให้เกลี้ยงเกลา อย่างมากวันหน้าเมื่อข้าเดินทางผ่านแคว้นซูสุ่ยก็จะไม่มาดื่มเหล้าฮวาเตียว กินหม้อไฟที่หมู่บ้านอีกแล้ว”

ซ่งอวี่เซาลังเลอยู่เล็กน้อย ด้วยความจนใจจึงได้แต่รับเม็ดเสื้อเกราะของสำนักการทหารชิ้นนั้นมา พลางเอ่ยหยอกเย้าว่า “เจ้านี่เป็นคนยังไงกันแน่ ข้าเริ่มจะสับสนแล้วนะ”

เฉินผิงอันกะพริบตาปริบๆ “ตอนเป็นลูกศิษย์เตาเผามังกรที่บ้านเกิด อาจารย์ที่สอนข้าเผาเครื่องปั้นเคยพูดหลักการข้อหนึ่งว่า หากเป็นน้ำใจ ยกวัวให้ไม่มีปัญหา หากเป็นการค้า เข็มเล่มหนึ่งต้องคิดราคา”

ซ่งอวี่เซาอึ้งตะลึง “หมายความว่าอะไร?”

เฉินผิงอันกล่าวอย่างเขินๆ ว่า “ความหมายคือบอกว่าหากสนิทสนมกัน จะยกวัวให้เพื่อนเปล่าๆ ก็ไม่เป็นไร แต่หากเป็นการค้า แม้แต่เข็มเล่มหนึ่งก็ยังต้องจดลงในบัญชี”

หลักการที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายบ้านนอกบ้านนานี้ของหยางเหล่าโถวไม่มีบอกในตำรา แต่ตอนอยู่เมืองแยนจือแคว้นไฉ่อี ก่อนตายนักพรตจงเมี่ยวเคยได้พูดประโยคทำนองเดียวกันนี้

ดังนั้นเฉินผิงอันจึงรู้สึกว่าหลักการที่ค่อนข้างเรียบง่ายนี้ น่าจะไม่ผิด

ซ่งอวี่เซาหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี ชี้หน้าเด็กหนุ่ม “เจ้าเด็กน้อย วันหน้าเจ้าต้องรวยมากแน่ๆ”

เฉินผิงอันยกสองมือกุมเป็นหมัด คลี่ยิ้มสดใส “หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”

ซ่งอวี่เซาลุกขึ้นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ทางหมู่บ้านคงไม่รั้งตัวเจ้าไว้แล้ว ข้าจะไปสั่งความบางอย่าง จากนั้นไปที่เมืองเล็กด้วยกัน จะเลี้ยงหม้อไฟเจ้า หลังจากนั้นเจ้ากับเพื่อนก็ไปที่ท่าเรือเถอะ”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ หลังจากผู้เฒ่าไปหาผู้ดูแลฉู่ เขาก็กลับไปที่ห้องของตัวเองในเรือนหลังเล็ก เปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าสะอาดชุดใหม่ ทิ้งยันต์สีทองที่เขียนไว้เรียบร้อยแล้วไว้บนโต๊ะแผ่นหนึ่ง คือยันต์เจดีย์วิเศษสยบปีศาจ เด็กหนุ่มใช้จอกเหล้าวางทับมันเอาไว้

ตอนนั้นที่คนทั้งสองออกมาจากสนามรบ ยอมรับเงินหิมะน้อยจากผู้เฒ่าไว้สามร้อยเหรียญก็เพราะเฉินผิงอันต้องการให้ผู้เฒ่าสบายใจเท่านั้น

ไม่ว่าตอนนี้นิสัยของเด็กหนุ่มจะเปลี่ยนไปมากน้อยเท่าไหร่ ยกตัวอย่างเช่นเปลี่ยนจากเด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่ไม่เคยแตะเหล้าสักหยดมาเป็นผีขี้เหล้าน้อยที่รู้ว่าสุราแบบไหนดีหรือไม่ดี ระดับสูงหรือต่ำ แต่เรื่องบางเรื่องก็ยังคงตรงกับคำว่าแผ่นดินเปลี่ยนง่าย สันดานคนเปลี่ยนยาก บางทีต่อให้ผ่านไปอีกร้อยปีหรือพันปีก็ยังอาจจะเป็นเช่นนี้

เสียเปรียบคือโชคอย่างหนึ่ง ความโลภคือการเสียผลประโยชน์ หลักการเหล่านี้ล้วนมีอยู่ในตำรา อีกทั้งยังไม่ใช่แค่ในตำราเล่มเดียวด้วย

สุดท้ายอริยะกระบี่ผู้เฒ่าของแคว้นซูสุ่ยก็หิ้วห่อเล็กๆ หนึ่งห่อและเหล้ารสเลิศมาสองไห คนทั้งสองมาเจอกันในลานบ้าน เฉินผิงอันบรรจุเหล้าใส่ไว้ในน้ำเต้าบรรจุเหล้าอีกครั้ง ยังเหลืออีกไหหนึ่งให้เอาไปกินที่ร้านหม้อไฟได้พอดี ผู้เฒ่าบอกว่าจะช่วยเขาถือห่อผ้าที่บรรจุเงินหิมะน้อยและของเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างเอาไว้ก่อน

หลังออกมาจากลานบ้านของเรือนหลังเล็ก ผู้ดูแลเฒ่าที่มีเส้นผมขาวโพลนยืนอยู่ตรงหน้าประตู กุมหมัดเอ่ยกับเฉินผิงอันยิ้มๆ ว่า “จอมยุทธ์น้อยเฉิน วันหน้ามาเป็นแขกที่หมู่บ้านบ่อยๆ นะขอรับ นับจากปีนี้ไป หมู่บ้านวารีกระบี่ของพวกเราจะเตรียมเหล้าฮวาเตียวไว้ให้มากๆ หมักเก็บไว้เพื่อจอมยุทธ์น้อยโดยเฉพาะ รับรองว่าทุกครั้งที่มาจะได้ดื่มเหล้าหมักหลายปีที่มีรสชาติดั้งเดิมที่สุด”

เฉินผิงอันกุมหมัดคารวะตอบ “จะไม่เกรงใจแน่นอน!”

ซ่งอวี่เซากับเฉินผิงอันพุ่งทะยานออกจากหมู่บ้านอีกครั้ง

ผู้ดูแลเฒ่ายืนอยู่ที่เดิมไม่ยอมขยับไปไหนเป็นนาน รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม หัวหน้าหมู่บ้านผู้เฒ่าวันนี้ช่างแตกต่างไปจากความเซื่องซึมของเมื่อหลายปีก่อนจริงๆ หัวหน้าหมู่บ้านผู้เฒ่าในตอนนี้เปี่ยมไปด้วยความฮึกเหิม มีชีวิตชีวาสดใสไม่ต่างจากในปีนั้นที่ท่องไปในยุทธภพ

ดังนั้นยุทธภพของแคว้นซูสุ่ยเราจะต้องยังรุ่งโรจน์ไปอีกหลายสิบปีแน่นอน

ผู้เฒ่าเดินทอดน่องกลับไป ระหว่างทางได้เจอกับสาวใช้สองคนที่รับผิดชอบดูแลบ้านหลังนั้น ผู้ดูแลเฒ่าที่เดิมทีไม่ค่อยชอบพูดคุยยิ้มแย้ม เวลานี้กลับมีรอยยิ้มประดับใบหน้า ทำให้สาวใช้พกกระบี่คู่นั้นตกใจที่ได้รับความปราณีอย่างไม่คาดฝัน รู้สึกว่าพระอาทิตย์คงขึ้นทางทิศตะวันตก

คนทั้งสองมาถึงเมืองเล็ก พอได้ข่าวพวกสายลับที่ราชสำนักสั่งให้แฝงตัวมาอยู่ที่นี่ก็ถอยกันออกไปเอง

ไปพบกับสวีหย่วนเสียและจางซานเฟิงที่ภัตตาคารแห่งนั้น คนทั้งสี่ยังคงมานั่งอยู่ที่ชั้นสอง กินหม้อไฟด้วยกัน เพราะคราวก่อนซ่งอวี่เซาป่าวประกาศชื่อแซ่ เจ้าของร้านจึงค่อนข้างมีท่าทีระมัดระวัง ถูกผู้เฒ่าด่ายิ้มๆ ด้วยคำพูดติดปากว่าเจ้าทึ่ม ถึงได้กลับมาเป็นตัวของตัวเองสองสามส่วน จางซานเฟิงกินเผ็ดไม่ค่อยเก่ง แต่ก็ไม่อยากทำให้เสียบรรยากาศ จึงกินพลางน้ำตาไหลไปด้วย เฉินผิงอันพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่ากินเหล้าช่วยแก้เผ็ดได้ ผลคือนักพรตหนุ่มพ่นเหล้าพรวดใส่เฉินผิงอันเต็มตัว

บนโต๊ะอาหาร ผู้เฒ่าเองก็ดื่มจนเมามาย ไม่ได้ใช้วรยุทธ์ขับไล่ฤทธิ์สุราที่อัดแน่นอยู่เต็มท้อง คอยยกจอกเหล้าชนกับเฉินผิงอันและอีกสองคนไม่หยุด

แถมยังพูดความในใจกับเฉินผิงอันมากมายไม่จบไม่สิ้น คิดถึงเรื่องไหนได้ก็พูดเรื่องนั้น

“เฉินผิงอันเอ๋ย เรื่องการพูดคุยด้วยเหตุผลนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนชื่นชอบนัก เด็กสาวไม่ชอบฟัง กับบุรุษก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่ โลกนี้อยู่ยาก ความอัดอั้นสุมใจจนกลายเป็นไฟโทสะ ถึงเวลายังต้องฟังคนบ่น เจ้าว่าน่ารำคาญหรือไม่ล่ะ? เหตุผลไม่ถูกก็ยังพอทำเนา ทั้งๆ ที่รู้ว่าถูกแล้ว ทว่าตัวเองกลับทำไม่ได้ นั่นจะไม่ยิ่งทิ่มแทงใจกว่าหรอกหรือ?”

เด็กหนุ่มดื่มเหล้าบวกกับกินเผ็ดจนลิ้มเริ่มพันกันแล้ว เขาโต้กลับไปว่า “มีบางครั้งที่ข้าอาจจะยกเหตุผลมาพูด แต่ไม่เคยทะเลาะกับใครมาก่อนจริงๆ อย่างมากสุดก็แค่ตีกันเท่านั้น!”

ผู้เฒ่ายังกล่าวต่อว่า “หากวันหน้ามีแม่นางคนหนึ่งพูดกับเจ้าว่า เฉินผิงอัน เจ้าเป็นคนดี…”

สีหน้าของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความรอคอย “แบบนั้นก็สำเร็จแล้วไม่ใช่หรือ?”

ผู้เฒ่าตบโต๊ะ กล่าวอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น “เจ้าโง่หรือไง! สำเร็จกะผีน่ะสิ นั่นแสดงว่าความสัมพันธ์ของพวกเจ้าสองคนจบเห่แน่แล้ว!”

เด็กหนุ่มอึ้งงันเป็นไก่ไม้ จากนั้นก็รีบดื่มเหล้าระงับความตกใจ

หลังจากกินดื่มกันอิ่มหนำแล้ว คนทั้งสามก็บอกลากับซ่งอวี่เซาที่ปลายทางของถนนสายเล็ก

หลังจากที่เงาร่างของคนทั้งสามค่อยๆ จากไปไกล ซ่งเฟิ่งซานที่ตรงเอวมีกระบี่เหล็กเล่มหนึ่งเพิ่มขึ้นมาก็มาปรากฏกายอยู่ข้างกายผู้เฒ่าเงียบๆ

ผู้เฒ่าทอดสายตามองไปไกล ถอนหายใจหนึ่งที

ซ่งเฟิ่งซานพูดเสียงเย็น “สรุปว่าข้าหรือเขากันแน่ที่เป็นหลานของท่าน?”

ผู้เฒ่าหัวเราะฮ่าๆ

แม้คำพูดของซ่งเฟิ่งซานจะฟังดูคล้ายขุ่นเคือง แต่มุมปากกลับยกยิ้ม

ที่แท้ในห่อผ้าห่อนั้นของผู้เฒ่าบรรจุเงินหิมะน้อยเกือบสองพันเหรียญของหมู่บ้านวารีกระบี่ โดยที่ไม่มีเหลือไว้ในหมู่บ้านแม้แต่เหรียญเดียว

ตอนที่นั่งกินอาหาร เฉินผิงอันถูกผู้เฒ่าคะยั้นคะยอให้ดื่มเหล้าตลอดเวลา ดื่มจนเมาแปล้ ตอนที่เดินฝีเท้ายังโซเซ ทั่วร่างคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้า ไหนเลยจะมีเวลามาสนใจห่อผ้าใบเล็กที่สะพายเอียงๆ อยู่ด้านหลัง

คนเก่าแก่ในยุทธภพก็ยังเป็นคนเก่าแก่ในยุทธภพ เด็กหนุ่มยังอ่อนหัดนัก

—–

Sword of Coming กระบี่จงมา

Sword of Coming กระบี่จงมา

อ่านนิยายเรื่อง Sword of Coming กระบี่จงมา ” หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความลี้ลับมหัศจรรย์ ใจกลางฟ้าดิน เคยมีปัญญาชนผู้หนึ่งใช้หนึ่งกระบี่ฟาดฟันให้เกิดน้ำตกธารสวรรค์ คือความภาคภูมิใจสูงสุดของโลกมนุษย์ หน้าผาทะเลบูรพา มีนักพรตไร้นามผู้หนึ่งที่ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด หวังเพียงให้ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้า แดนสุขาวดีปัจฉิมทิศ มีหลวงจีนเฒ่าที่ชอบเล่าเรื่องราวให้ผู้คนฟัง เลี้ยงมังกรสวรรค์ไว้เก้าตัว พื้นที่กันดารแดนใต้ มีจิตรกรตาบอดควบคุมหุ่นเชิดเกราะทองสูงเท่าเนินเขาให้เคลื่อนย้ายภูเขาใหญ่หนึ่งแสนลูก ปูแผ่เป็นภาพลายปัก เมื่อวันหนึ่งเด็กหนุ่มยากจนที่เติบโตทางทิศเหนือได้พบกับเซียนที่เหนือศีรษะมีกระบี่บินนับพันนับหมื่นประดุจฝูงตั๊กแตน “ เขาจึงอยากจะไปเห็นปัญญาชนคนนั้น เห็นคลื่นยักษ์ที่โถมตัวเทียมฟ้าของทะเลบูรพา เห็นทะเลทรายสีเหลืองทองกว้างไกลนับหมื่นลี้ของแดนประจิม และอยากไปเห็นภูเขาลูกโอฬารของแดนกันดารทางใต้ที่นักเล่านิทานเอ่ยถึงกับตาตัวเอง ดังนั้น ในที่สุดวันหนึ่ง เด็กหนุ่มจึงสะพายกระบี่ไม้พาดหลัง มุ่งหน้าไปทางทิศใต้ –ข้ามีนามว่าเฉินผิงอัน ผิงอันที่แปลว่าสงบสุข สันติ ข้าคือมือกระบี่คนหนึ่ง–

Comment

Options

not work with dark mode
Reset