https://ufanance.com ufafat Lockdown168 hydra888 lotto432 KINGDOM66 panama888 sexygame1688 1688sagame Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ lotto77 SAGAME1688 SEXYGAME1688 Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ สล็อต เกมสล็อต slot game

ตอนที่ 366.3 จะฟังเหตุผลหรือไม่ กระบี่ก็อยู่ตรงนี้

ufac4

คราวนี้ตู้เม่าถึงเริ่มตระหนกลนขึ้นมาบ้างแล้ว เพียงแต่ว่าแววดุร้ายบนใบหน้ากลับไม่ลดน้อยลง “ในเมื่อให้ความสำคัญกับคนหนุ่มผู้นั้นขนาดนี้ เจ้าจะยอมตัดใจแลกตบะกับข้าได้ลงจริงๆ หรือ?”

สตรีร่างสูงใหญ่พูดกลั้วหัวเราะ “ตอนนี้เริ่มคุยกับข้าด้วยเหตุผลแล้วรึ?”

 ผู้รู้สถานการณ์ คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ

ตู้เม่าเดินทางขึ้นเหนือในครั้งนี้มีจุดประสงค์อยู่สามอย่าง มีโอกาสจะสะบั้นควันธูปสายของเหวินเซิ่ง แล้วถือโอกาสขอความรู้จากกระบี่บินของผู้ฝึกกระบี่จั่วโย่วสักหน่อย สองคือมีคนคิดจะหยั่งเชิงขีดจำกัดของเสินจวินเฒ่าของถ้ำสวรรค์หลีจูผู้นั้น สามก็เพื่อให้สำนักใบถงแทรกซึมเข้ามาในแผ่นดินครึ่งหนึ่งของแจกันสมบัติทวีป

ตอนนี้เขาทำสำเร็จไปสองเป้าหมายแล้ว ข้อแรกจะมีหรือไม่มีก็ได้ เดิมทีเขาก็ไม่ใช่ลูกศิษย์ของลัทธิขงจื๊อ ไม่จำเป็นต้องเผาผลาญตบะของตัวเองเพื่อสิ่งนี้

การฝึกตนบนภูเขา เคารพในผู้แข็งแกร่ง

อย่างน้อยที่สุดเขาตู้เม่าก็ยึดมั่นในความคิดนี้มาโดยตลอด

ผู้ชนะเรืองอำนาจ ผู้ชนะตนเองบรรลุมรรคา

ข้อแรกคือของจริงแท้แน่นอน หากได้เข้ามาอยู่ในกระเป๋าย่อมสบายใจ ส่วนข้อหลัง ในสายตาของตู้เม่าคือคำพูดเหลวไหลที่ยิ่งใหญ่แต่กลับไม่อาจเป็นจริงได้ ขอแค่ตายอยู่บนมหามรรคา ต่อให้จะคู่ควรกับคำว่าสละตนเพื่อคุณธรรม แต่สุดท้ายก็ยังตายอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

นางกำกระบี่โบราณเล่มนั้นเบาๆ “ก่อนหน้านี้ตอนที่เจ้านายของข้าอยู่ต่อหน้าเจ้า เจ้าได้ใช้เหตุผลพูดคุยกับเขาหรือไม่?”

ตู้เม่าสมกับเป็นคนถ่อยอย่างแท้จริง “ตบะของเขาในตอนนี้ก็คือเศษสวะคนหนึ่ง หากไม่เป็นเพราะต้องการล่อให้ผู้ฝึกกระบี่จั่วโย่วปรากฎตัว เขายังไม่มีคุณสมบัติจะพูดกับข้าแม้แต่คำเดียวด้วยซ้ำ แต่เจ้ามี!”

สตรีร่างสูงใหญ่มือหนึ่งถือกระบี่ มือหนึ่งยกขึ้นทำสัญญาณมืออย่างหนึ่ง

ซิ่วไฉเฒ่าหยิบม้วนภาพวาดแม่น้ำและภูเขาม้วนนั้นออกมาอย่างน่าสงสาร “อย่ารุนแรงนักล่ะ”

พอตู้เม่าเห็นม้วนภาพวาดที่ไม่ธรรมดาม้วนนั้นก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เก็บอาวุธเซียนแห่งชะตาชีวิตที่ไม่มีพื้นที่ให้ใช้กลับเข้าไปในช่องโพรงลมปราณ ขณะเดียวกันก็ร่ายกายธรรมร่างทอง ไหล่ข้างหนึ่งชนกระแทกให้ฟ้าดินขนาดเล็กแห่งนี้เปิดอ้า แล้วบินทะยานไปทางทะเลทิศใต้

นางไม่ได้ไล่ตามไป

ซิ่วไฉเฒ่าคลี่ยิ้มแล้วโยนม้วนภาพวาดนั้นออกไปอย่างง่ายๆ

ร่างของสตรีสูงใหญ่หายไปตามหลังกายธรรมร่างทองของตู้เม่า

จากนั้นม้วนภาพภูเขาและแม่น้ำก็มาลอยอยู่ตรงหน้าซิ่วไฉเฒ่า ส่วนฟ้าดินขนาดเล็กในนครมังกรเฒ่าแห่งนี้ก็ปิดประกบเข้าหากันอย่างไร้รอยต่ออีกครั้ง นอกนครมังกรเฒ่า นอกจากหมัวมัวผู้อบรมมารยาทที่พอจะกะพริบตาได้เล็กน้อยแล้ว คนอื่นๆ ล้วนยังอยู่ในสภาพแน่นิ่งไม่ขยับ

บนม้วนภาพมีเสียงผ้าฉีกขาดดังขึ้นมาเป็นระลอก เป็นกายธรรมร่างทองของตู้เม่าที่พยายามดันให้ฟ้าดินของม้วนภาพอ้าขยาย และยิ่งเป็นเพราะถูกกระบี่แล้วกระบี่เล่าพุ่งแหวกอากาศมาโดน

ทำเอาซิ่วไฉเฒ่าที่มองดูอยู่เจ็บปวดหัวใจอย่างถึงที่สุด

เวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ซิ่วไฉเฒ่าที่พอจะแน่ใจได้แล้วจึงงอนิ้วเคาะไปมุมหนึ่งของม้วนภาพ จากนั้นก็เก็บม้วนภาพไว้ในชายแขนเสื้อ

สตรีร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากความว่างเปล่าช้าๆ กระบี่โบราณห้อยอยู่ที่เอว ปลายกระบี่เล็กๆ ที่ถูกลับจนแหลมคมหม่นแสงลงหลายส่วน

นางอ้าปากหาว ในมือลากขาข้างหนึ่งมาด้วย

ตู้เม่าผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตบินทะยานของใบถงทวีปถูกนางกระชากลากถูออกมาจากม้วนภาพวาดเหมือนหมาตายตัวหนึ่งทั้งอย่างนี้

นางเอ่ยถาม “เพียงแต่ว่าเจ้านี่…ชื่ออะไรแล้วนะ?”

ซิ่วไฉเฒ่าเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก “ตู้เม่า ใบถงทวีปนอกจากนักพรตเฒ่าตงไห่แล้วก็คือเขาที่แข็งแกร่งที่สุด”

นางร้องอ้อหนึ่งที โยน ‘ศพ’ นั้นไว้ด้านข้างอย่างไม่ใส่ใจ “เขาพอจะมีวิชาอภินิหารนอกรีตติดตัวอยู่บ้าง วินาทีที่กระแทกชนให้ม่านฟ้าเปิด จิตหยินก็น่าจะกลับคืนสู่ตำแหน่งแล้ว ศพนี้เป็นเพียงแค่…กายนอกกายของจิตหยางใครสักคนเท่านั้น”

ซิ่วไฉเฒ่ากระจ่างแจ้งทันควัน “เป็นเพียงกายนอกกายเท่านั้นหรือ มิน่าเล่าคนของลัทธิขงจื๊อที่พิทักษ์แผ่นฟ้าถึงได้ยอมพยักหน้าตอบรับ หากพวกเราไม่ได้โวยวายจนเกิดเรื่องครั้งนี้ เกรงว่าคงพอจะอุดปากสถานศึกษาให้ผ่านไปได้”

เพียงแต่ไม่นานซิ่วไฉเฒ่าก็ทำสีหน้าจนคำพูด “แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ตู้เม่าก็มีตบะขอบเขตสิบสองไม่ใช่หรือ”

นางนั่งขัดสมาธินั่งลงข้างกายเฉินผิงอัน โอบกอดเฉินผิงอันไว้ในอ้อมกอดอย่างระมัดระวังอีกครั้ง นางเงยหน้ามองทิศไกล เอ่ยอย่างเนิบช้าว่า “อยู่ต่อหน้ากระบี่ของข้า สิบสอง สิบสาม ต่างกันตรงไหนหรือ?”

ซิ่วไฉเฒ่าถามเสียงเบา “เรือกลืนกระบี่ลำนั้นล่ะ?”

นางตอบอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “ข้าสลายพันธนาการที่มีมาตั้งแต่กำเนิดของมันเอาไว้แล้ว ปล่อยให้จิตหยางของเขาใช้อาวุธชิ้นนี้ จากนั้นข้าก็ทำลายจนระเบิดแตก ไม่อย่างนั้นข้าก็ออกมาตั้งนานแล้ว ข้าก็แค่อยากรู้ว่าสิ่งที่เรียกว่า ‘อาวุธเซียน’ ในทุกวันนี้ ร้ายกาจแค่ไหนกันแน่”

ซิ่วไฉเฒ่าปาดเหงื่อบนหน้าผาก “ตัวเจ้าล่ะเป็นอย่างไร?”

สตรีร่างสูงใหญ่ก้มหน้าลงเพ่งพิศดวงหน้าของคนหนุ่มที่ค่อนข้างจะซีดขาวราวกับกำลังตกอยู่ในฝันร้าย แม้ว่าจะถูกซิ่วไฉเฒ่าช่วยหยุดอาการบาดเจ็บไว้ก่อนแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ยังทุกข์ทรมาน นางยื่นนิ้วออกมานวดคลึงตรงหว่างคิ้วของเขาเบาๆ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หน้าผาหินกลางภูเขาใหญ่ของถ้ำสวรรค์หลีจูแห่งนั้น คือการแข็งตัวของปณิธานกระบี่เจ้านายคนเดิมข้า ซึ่งเดิมทีก็คือของของข้า เพียงแต่ว่าผ่านไปนานหลายปีขนาดนี้แล้ว ข้าคร้านจะคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องพวกนี้ ภายหลังข้าทำการค้าเล็กๆ น้อยๆ กับหร่วนอะไรสักอย่างนั่น เขาจึงยึดครองแท่นสังหารมังกรก้อนนั้นไปสามส่วน”

ซิ่วไฉเฒ่าชำเลืองตามองปลายกระบี่ของกระบี่โบราณที่ห้อยอยู่ตรงเอวนาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดังนั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้เจ้าจึงใช้แท่นสังหารมังกรของหร่วนฉงมาลับกระบี่?”

นางเอ่ยอย่างเฉยเมย “ใช้แถบของภูเขาเจินอู่ แถบของหร่วนฉงนี้ต้องเก็บไว้ให้ผิงอันน้อยของข้า”

ซิ่วไฉเฒ่าเหงื่อไหลราวกับฝนตก

นางมองไปทางทิศใต้ “เรื่องนี้ยังไม่จบ”

ซิ่วไฉเฒ่าส่ายหน้า “อย่า อย่าเด็ดขาดเชียว ยังไม่จบก็ยังไม่จบ แต่เจ้าจะลงมืออีกไม่ได้แล้ว ปล่อยให้ข้าจัดการเถอะ ทำอย่างนี้ก็เพราะหวังดีต่อผิงอันน้อย”

นางพยักหน้ารับ “ข้ากลับไปคราวนี้คงออกมาไม่ได้ชั่วคราว หากออกมาคราวหน้าแล้วพบว่าคำว่าหวังดีของเจ้า ดีแค่นิดเดียว ข้าจะไปหาเจ้า เจ้าน่าจะรู้ดีว่า เมื่อเจ้ากับมหามรรคาของใต้หล้าไพศาลผสานรวมเป็นหนึ่ง บนโลกนี้มีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถสังหารเจ้าได้”

ซิ่วไฉเฒ่าหัวเราะแห้งๆ “พวกเราเป็นคนกันเองนี่นา จะต้องทำท่าดุร้ายแบบนี้ไปไย?”

สตรีร่างสูงใหญ่ที่ชายแขนเสื้อสีขาวโบกไสวแม้ไร้ลม ส่ายหน้า “เดิมทีก็ดีอยู่หรอก แต่เป็นเพราะเจ้ายืนกรานจะรับเขาเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายให้ได้ ถึงได้มีหายนะอย่างในวันนี้ หากไม่ถือว่าเป็นคนกันเองครึ่งตัว เจ้าก็คือคนแรกที่ต้องตาย”

ซิ่วไฉเฒ่าถลึงตาใส่ “อย่าพูดจาใส่อารมณ์อย่างนี้สิ อีกอย่าง เจ้ากล้าพูดจาเหลวไหลแบบนี้ต่อหน้าเจ้านายของเจ้าด้วยหรือ?”

นางตอบอย่างตรงไปตรงมา “ไม่พูด แต่จะแอบทำ ถึงเวลานั้นเฉินผิงอันจะยอมรับข้าหรือไม่ เขาก็ยังเป็นเจ้านายของข้าอยู่ดีไม่ใช่หรือ”

ซิ่วไฉเฒ่าบื้อใบ้พูดไม่ออก

นางกวักมือหนึ่งครั้ง หลังจากของขวัญชิ้นเล็กที่นางมอบให้เฉินผิงอันในปีนั้นแตกออก ก็มีก้อนหินสีดำรูปทรงยาวสามก้อนร่วงลงมาจากข้างใน ล้วนเป็นแท่นสังหารมังกรที่ผู้ฝึกกระบี่ในโลกใฝ่หาแม้ในยามหลับฝัน ขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน ก้อนเล็กเหมือนไม้บรรทัด ก้อนใหญ่เหมือนแผ่นอิฐที่ปูลงบนพื้นของพระราชวัง นางส่งตัวเฉินผิงอันให้แก่ซิ่วไฉเฒ่า “ข้าจะออกไปจัดการเรื่องเล็กๆ น้อยๆ สักหน่อย”

ซิ่วไฉเฒ่ากล่าวอย่างขลาดๆ “มีอะไรก็ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากัน”

คราวนี้สตรีร่างสูงใหญ่ไม่ได้เดินหายไปที่ไหน นางแค่ก้าวเดินออกไปหนึ่งก้าว มาหยุดอยู่ตรงหน้าคนบางคน

ก็คือหมัวมัวผู้อบรมมารยาทซึ่งเป็นเซียนกระบี่ก่อกำเนิดท่านนั้น

สตรีร่างสูงใหญ่ยื่นนิ้วออกมาสองนิ้ว กระชากดึงกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตเล่มหนึ่งออกมาจากช่องโพรงหัวใจของหมัวมัวผู้อบรมมารยาท สองนิ้วคีบไว้ตรงหัวและปลายของกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตเล่มนั้น ออกแรงเล็กน้อยก็บีบให้กระบี่บินโค้งงอ

ในฟ้าดินขนาดเล็กแห่งนี้ สายตาของหญิงชราที่ร่างกายมิอาจขยับเขยื้อนได้เต็มไปด้วยแวววิงวอน

สตรีร่างสูงใหญ่เบี่ยงหน้ามามอง “ขอร้องข้า? ไม่อย่างนั้นก็ทำเหมือนเจ้านายข้า พูดเหตุผลที่ถูกต้องให้ข้าฟัง แล้วข้าจะรับปากว่าจะไม่บีบกระบี่บินเล่มนี้ให้หัก”

นี่เห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะใช้เหตุผลแล้ว

รออยู่ครู่หนึ่ง หมัวมัวผู้อบรมมารยาทของสกุลเจียงอวิ๋นหลินผู้นี้จะไปหาวิชาอภินิหารขอบเขตเซียนเหรินจากที่ไหนมาทำให้ตัวเองเอ่ยคำพูดในฟ้าดินขนาดเล็กแห่งนี้ได้ ดังนั้นสตรีร่างสูงใหญ่จึงเพิ่มแรงขึ้นอีก กระบี่โค้งงอมากขึ้นทุกที เสียงเปาะหนึ่งทีก็หักครึ่ง

เลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดของหมัวมัวผู้อบรมมารยาท โอสถทองเกิดรอยปริร้าว ทารกก่อกำเนิดก็ยิ่งร้องโหยหวนไม่หยุด

สตรีร่างสูงใหญ่หลุดหัวเราะพรืด “อันที่จริงข้าชอบหลักการเหตุผลของพวกเจ้ามาโดยตลอด ฉวยโอกาสตอนที่ผิงอันน้อยของข้ายังไม่ฟื้นขึ้นมา ข้าต้องรีบทำก่อนแล้วค่อยบอกทีหลัง เพราะวันหน้าอาจจะไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้ว”

พอนางพูดจบก็บินทะยานเป็นเส้นตรงขึ้นไปบนทะเลเมฆที่ลอยอยู่เหนือนครมังกรเฒ่า

ฟ่านจวิ้นเม่าหญิงสาวที่สวมชุดกระโปรงสีเขียวยังคงค้างอยู่ในท่านั่งประหลาดนั้น พอเงยหน้าขึ้น สายตาก็ฉายประกายเร่าร้อน อีกทั้งจิตใจยังเต็มไปด้วยความเคารพยำเกรง ประโยคแรกของฟ่านจวิ้นเม่าก็คือ “ข้าไม่รู้มาก่อนว่าคนหนุ่มผู้นั้นคือเจ้านายคนใหม่ของเจ้า!”

หญิงสาวสูงใหญ่ห้อยกระบี่โบราณไว้ตรงเอว ยืนอยู่ตรงหน้าฟ่านจวิ้นเม่า ถามด้วยรอยยิ้ม “คนไม่รู้คือคนไม่ผิด?”

ฟ่านจวิ้นเม่าส่ายหน้า “ไม่รู้ก็คือผิดมหันต์ ข้ายอมรับผิด!”

สตรีสูงใหญ่ยื่นมือมานวดคลึงหว่างคิ้ว “เหตุใดเจ้าถึงเหมือนเมื่อก่อนเปี๊ยบ วันๆ เอาแต่ทำตัวน่าสงสาร? หากไม่แอบไปร้องไห้บนทะเลเมฆที่อยู่ตรงข้ามกับสะพานโค้งก็มานั่งคุกเข่าอยู่บนทะเลเมฆอย่างวันนี้ แล้วจะให้ข้าฆ่าเจ้าอย่างไร?”

สีหน้าของฟ่านจวิ้นเม่ามีชีวิตชีวา “ฆ่าข้าก็ฆ่าสิ มีเจ้าอยู่ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว!”

สตรีร่างสูงใหญ่ร้องอ้อหนึ่งที ใช้ฝ่ามือตบช่วงปลายของกระบี่โบราณเบาๆ หนึ่งที ปลายกระบี่ดีดขึ้นสูง หมุนตวัดกลับมาหนึ่งรอบ จากนั้นปลายกระบี่ก็แทงเข้าที่หัวใจของฟ่านจวิ้นเม่า ยกตัวนางลอยขึ้นกลางอากาศช้าๆ “พอไหม? เจ้าไม่รู้หรือว่าปีนั้นข้าฆ่าคนที่เป็นแบบเจ้าไปมากน้อยเท่าไหร่?”

เลือดสดไหลซึมลงมาจากมุมปากของฟ่านจวิ้นเม่า ทว่าดวงตาทั้งคู่กลับมีเพียงความสุข “เจ้าไม่ได้เปลี่ยน เจ้าไม่เปลี่ยนไปเลย ข้ารู้ดี หนึ่งหมื่นปีแล้ว ยังคงเป็นเช่นนี้ ต่อให้ผ่านไปอีกหนึ่งหมื่นปี เจ้าก็จะไม่เปลี่ยนแปลงไป…ขอแค่เจ้ายินดีเอาจิตวิญญาณนี้ออกมา ใต้หล้าก็จะ…”

สตรีร่างสูงใหญ่หันหน้าไปมองตรงกำแพงเมืองของนครมังกรเฒ่า พลิ้วกายจากทะเลเมฆกลับลงไปบนพื้นดิน กระบี่โบราณก็ดึงตัวออกจากหัวใจของฟ่านจวิ้นเม่า กลับมาอยู่ที่เอวของนาง

ฟ่านจวิ้นเม่าเซล้มลงบนทะเลเมฆ ยกมืออุดตรงหัวใจ หมดสติไปทันที ทว่าทะเลเมฆกลับเริ่มไหลกรูเข้าหาร่างกายนางอย่างบ้าคลั่ง

ตรงช่องโพรงกำแพงเมืองของนครมังกรเฒ่า เฉินผิงอันฟื้นคืนสติกลับมาแล้ว เขายังคงเลื่อนลอยอยู่เล็กน้อย

ซิ่วไฉเฒ่าไม่รู้ว่าหายไปไหน

แต่จากนั้นเขาก็มองเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยค่อยๆ พลิ้วกายลงมาตรงหน้าของเขา หยุดลอยอยู่กลางอากาศสูงนอกช่องโพรงของกำแพง

คนหนุ่มที่ไม่ใช่เด็กหนุ่มผอมแห้งยากจนแห่งตรอกหนีผิงอีกต่อไปถามเบาๆ ว่า “ข้าทำผิดใช่ไหม?”

นางส่ายหน้า

คนหนุ่มพูดรับรอง “คราวหน้าข้าจะระวังให้มากกว่านี้ ยกตัวอย่างเช่นจะหัดเรียนวิชาคำนวณของสำนักหยินหยาง เดิมทีนึกว่าตัวเองสามารถแก้ไขปัญหาได้ คิดไม่ถึงว่าขอบเขตของผู้ฝึกตนคนนั้นจะสูงขนาดนี้…”

นางยังคงส่ายหน้า

คนหนุ่มถาม “ไม่ผิดหวังในตัวข้าหรือ?”

นางส่ายหน้าอีกครั้ง

ดังนั้น

เฉินผิงอันจึงยิ้มตาหยี

สตรีร่างสูงใหญ่ก็ทำแบบเดียวกัน

—–

Sword of Coming กระบี่จงมา

Sword of Coming กระบี่จงมา

อ่านนิยายเรื่อง Sword of Coming กระบี่จงมา ” หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความลี้ลับมหัศจรรย์ ใจกลางฟ้าดิน เคยมีปัญญาชนผู้หนึ่งใช้หนึ่งกระบี่ฟาดฟันให้เกิดน้ำตกธารสวรรค์ คือความภาคภูมิใจสูงสุดของโลกมนุษย์ หน้าผาทะเลบูรพา มีนักพรตไร้นามผู้หนึ่งที่ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด หวังเพียงให้ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้า แดนสุขาวดีปัจฉิมทิศ มีหลวงจีนเฒ่าที่ชอบเล่าเรื่องราวให้ผู้คนฟัง เลี้ยงมังกรสวรรค์ไว้เก้าตัว พื้นที่กันดารแดนใต้ มีจิตรกรตาบอดควบคุมหุ่นเชิดเกราะทองสูงเท่าเนินเขาให้เคลื่อนย้ายภูเขาใหญ่หนึ่งแสนลูก ปูแผ่เป็นภาพลายปัก เมื่อวันหนึ่งเด็กหนุ่มยากจนที่เติบโตทางทิศเหนือได้พบกับเซียนที่เหนือศีรษะมีกระบี่บินนับพันนับหมื่นประดุจฝูงตั๊กแตน “ เขาจึงอยากจะไปเห็นปัญญาชนคนนั้น เห็นคลื่นยักษ์ที่โถมตัวเทียมฟ้าของทะเลบูรพา เห็นทะเลทรายสีเหลืองทองกว้างไกลนับหมื่นลี้ของแดนประจิม และอยากไปเห็นภูเขาลูกโอฬารของแดนกันดารทางใต้ที่นักเล่านิทานเอ่ยถึงกับตาตัวเอง ดังนั้น ในที่สุดวันหนึ่ง เด็กหนุ่มจึงสะพายกระบี่ไม้พาดหลัง มุ่งหน้าไปทางทิศใต้ –ข้ามีนามว่าเฉินผิงอัน ผิงอันที่แปลว่าสงบสุข สันติ ข้าคือมือกระบี่คนหนึ่ง–

Comment

Options

not work with dark mode
Reset