รถของไป๋ยิ่นหนิงถูกผ่านการดัดแปลงมาแล้ว ดังนั้นแค่เห็นเพียงแวบเดียวพวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร
หลินซินเหยียนรู้ตัวดีเธอหันไปมองจงจิ่งห้าว เมื่อเห็นว่ารถของไป๋ยิ่นหนิงจอดอยู่สีหน้าของเขาก็นิ่งสุขุมลงอย่างที่คิดไว้จริงๆ
เธอยื่นมือไปจับมือเขาไว้“พวกเราลงไปพร้อมกันนะ”
จงจิ่งห้าวหันมาสบตาเธอ หลินซินเหยียนฝืนยิ้มให้เขา“เดี๋ยวฉันจะไปพูดกับเขาให้รู้เรื่อง”
“เขาจะฟังหรอ?”จงจิ่งห้าวแค่นเสียงหึออกมาก“เขามันคนปลิ้นปล้อน”
เธอหลุดขำออกมานิดหน่อยเพราะรู้สึกว่าเวลาที่จงจิ่งห้าวโกรธแล้วพ่นคำหยาบออกมานั้นน่ารักมาก
เธอจับมือจงจิ่งห้าวไว้แน่นแล้วพูดด้วยท่าทางจริงจัง“เชื่อฉันสิ”
จงจิ่งห้าวมองเธอโดยไม่พูดอะไรออกมา นี่ถือเป็นการยอมรับเป็นนัยๆแล้ว
เขาเปิดประตูลงรถไปก่อน จากนั้นก็เดินมาเปิดประตูให้เธอ หลินซินเหยียนก้มหัวลงแล้วคว้าแขนเขาไว้
“พวกเขากลับมาแล้ว”โจวฉุนฉุนยืนอยู่ข้างหลังไป๋ยิ่นหนิง พอเธอเห็นพวกเขาลงรถก็เลยพูดขึ้น
ไป๋ยิ่นหนิงเห็นอยู่ ที่จริงในใจเขาก็รู้สึกหวั่นไหวแต่ทว่าใบหน้าของกลับนิ่งสงบ และมักจะมีรอยยิ้มบางๆอยู่บนใบหน้าเสมอ“ฉุนฉุนเข็นผมไปหน่อย”
โจวฉุนฉุนเข็นไป๋ยิ่นหนิงไปอย่างว่านอนสอนง่าย
“พวกเรามาขอโทษ”เมื่อมาถึงตรงหน้าของพวกเขาไป๋ยิ่นหนิงก็เอ่ยปากพูดก่อน
ไม่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของหลินซินเหยียนเลย แถมเธอยังดูโกรธมากๆด้วย“ที่จริงคุณก็ควรขอโทษ คุณสร้างปัญหาให้ฉันมากมาย และวันนี้คุณก็ทำให้ฉันอับอายขายหน้าจนถึงที่สุด ถูกคนเข้าใจว่าเป็นมือที่สาม ความรู้สึกแบบนี้มันแย่เป็นบ้าเลย”
“ขอโทษ……”
“ถ้าเกิดว่าอยากจะขอโทษที่สร้างปัญหาให้กับฉันจริงๆล่ะก็ คุณก็ไม่ควรจะมาให้ฉันเห็นหน้าอีก”หลินซินเหยียนพูดอย่างชัดเจน ถึงแม้จะดูไม่ไว้หน้าไปหน่อย แต่แบบนี้แหละมันถึงจะดีต่อทั้งสองฝ่าย
ยังไงต่างคนก็ต่างแต่งงานแล้ว เพราะงั้นทุกคนจำเป็นต้องให้เกียรติกับคู่ของตัวเอง!
ไป๋ยิ่นหนิงก็แต่งงานแล้ว เขาควรจะดูแลและทำตัวดีๆกับภรรยา ไม่ใช่ว่ามาคิดเรื่องอื่นอยู่ในใจ เธอไม่ชอบไป๋ยิ่นหนิงที่เป็นแบบนี้เลย
ไป๋ยิ่นหนิงรู้ตั้งแต่ตอนที่เธอกดวางสายแล้วว่าครั้งนี้เธอคงโกรธจริงๆ“ผมสัญญาว่าจะไม่มีครั้งหน้าอีก ที่ผมกับฉุนฉุนมาก็เพราะตั้งใจจะมาขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้นในห้างวันนี้”
ท่าทางและคำพูดของหลินซินเหยียนเด็ดขาดมาก“ฉันรับคำขอโทษแล้ว และเรื่องในวันนี้ก็ถือเป็นสัญญาณเตือนอย่างหนึ่งสำหรับพวกเราว่าพวกเราต่างก็แต่งงานแล้ว ต่างคนต่างก็มีครอบครัวของตัวเอง และเพื่อคู่ของเรา พวกเราจำเป็นต้องมีเส้นแบ่ง ถือว่านี่เป็นบทเรียนเตือนใจของทุกคนนะ”
พูดจบเธอก็เงยหน้ามองจงจิ่งห้าว ใบหน้าที่เคร่งขรึมเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนลงทันที“พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ”
จงจิ่งห้าวโอบเอวเธอไว้พลางพูดเสียงหวาน“ได้เลยครับ”
เขาไม่แม้แต่จะมองไป๋ยิ่นหนิงเลยด้วยซ้ำ ทำเหมือนกับว่าไป๋ยิ่นหนิงเป็นเพียงแค่อากาศ
“เดี๋ยวก่อน”
ขณะที่พวกเขากำลังจะเดินออกไป โจวฉุนฉุนก็เรียกพวกเขาไว้ เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลินซินเหยียน“แม่ของฉันทำโทรศัพท์ของคุณพัง เพื่อเป็นการขอโทษฉันเอามาคืนค่ะ หวังว่าคุณจะรับคำขอโทษของพวกเราไว้และรับโทรศัพท์เครื่องนี้ไป”
เธอกะพริบตาปริบปริบมองมาที่หลินซินเหยียน“วันนี้ต้องขอโทษจริงๆนะคะ แม่ของฉันคงรักฉันมากเกินไปถึงได้ทำตัวไร้เหตุผลแบบนั้น และตอนนี้หล่อนก็รู้แล้วว่าตัวเองใจร้อนเกินไป”
เธอถือถุงโทรศัพท์ยื่นให้หลินซินเหยียน“ได้โปรดรับไว้เถอะนะคะ”
หลินซินเหยียนไม่ได้รับมาในทันที อันที่จริงเธอไม่อยากรับไว้
เพราะว่าเธอต้องแบ่งเส้นระหว่างตัวเองกับไป๋ยิ่นหนิง เพื่อที่ทุกคนจะได้สบายใจ
“พี่คะรับไว้เถอะนะ ไม่งั้นฉันคงไม่สบายใจแน่ๆ”โจวฉุนฉุนพูดด้วยความจริงใจ“ใครๆก็ว่าฉันโง่ ไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนกับฉันเลย แต่ว่าพี่เป็นเพื่อนของไป๋ยิ่นหนิง เพาะงั้นก็เลยถือว่าเป็นเพื่อนฉันด้วย หวังว่าพี่จะยกโทษให้พวกเรานะคะ”
ถึงหลินซินเหยียนจะใจร้ายกับไป๋ยิ่นหนิง แต่เธอก็ไม่อาจใจร้ายกับโจวฉุนฉุนได้ เธอยื่นมือออกไปรับโทรศัพท์มา“ฉันบอกว่าฉันรับคำขอโทษแล้ว”
โจวฉุนฉุนยิ้มออกมา“ขอบคุณค่ะพี่”
“พวกเรายังไม่ได้ทานข้าวเลย ขออยู่ทานข้าวกับพี่ที่นี่ได้ไหมคะ?”โจวฉุนฉุนพูดตามที่ไป๋ยิ่นหนิงเคยสอนไว้ว่าให้พูดยังไงกับหลินซินหยียน
จงจิ่งห้าวโอบเอวหลินซินเหยียนแน่นขึ้น เขารู้ว่าเธอใจดี เพราะงั้นจึงกลัวว่าจะปฏิเสธเด็กผู้หญิงที่ไร้เดียงสาคนนี้ไม่ได้ ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธหล่อน หลินซินเหยียนก็พูดขึ้น“ได้สิ อยู่กินข้าวก่อนก็ได้”
หลินซินเหยียนรู้ว่าเด็กผู้หญิงไร้เดียงสาคนนี้คงไม่คิดจะขออะไรแบบนี้เองได้หรอก ต้องมีคนอื่นสอนเธอแน่ๆ และในเมื่อเธอพูดอย่างชัดเจนว่าเธอคนเดียว
“ไป๋ยิ่นหนิงก็ยังไม่ได้ทานข้าวเย็นเหมือนกัน”โจวฉุนฉุนหันไปมองเขา
หลินซินเหยียนพูดโดยไม่หันไปมองไป๋ยิ่นหนิง“พื้นที่บ้านเราค่อนข้างเล็ก จุคนได้ไม่มาก ถ้าเธอไม่คิดอะไรฉันก็จะให้เธออยู่ทานข้าวที่นี่ แต่ว่าต้องเธอคนเดียวนะ โต๊ะทานข้าวที่บ้านของเราไม่มีที่ว่างแล้ว”
โจวฉุนฉุนทำท่าลังเล ถ้าไป๋ยิ่นหนิงไม่อยู่แล้วจะทำไงดี
“ถ้างั้นถือว่า……”
“ฉุนฉุนไปเถอะ ผมมีธุระต้องไปทำนิดหน่อย เดี๋ยวผมกลับมารับแล้วกัน”ไป๋ยิ่นหนิงพูดขัดจังหวะโจวฉุนฉุนด้วยรอยยิ้ม เขารู้ดีว่าทำไมหลินซินเหยียนถึงทำแบบนี้ ตอนนี้จึงทำได้แค่ปล่อยให้โจวฉุนฉุนไปสนิทเธอเท่านั้น ตัวเขาเองถึงจะได้มีโอกาสเจอหน้าเธอ
แม้จะไม่ได้คุยด้วย แต่ได้แค่มองหน้ามันก็ดีแล้ว
โจวฉุนฉุนไม่ได้เกลียดหลินซินเหยียน กลับกันกับชอบหล่อนมากกว่า แต่ว่าพอไป๋ยิ่นหนิงไม่อยู่ด้วย เธอก็เลยรู้สึกกลัวนิดหน่อย ดังนั้นก็เลยลังเล
“เป็นเด็กดีนะ”ไป๋ยิ่นหนิงมองเธอด้วยสายตาที่อบอุ่น โจวฉุนฉุนมองตาเขาแล้วพยักหน้าลง“ฉันจะเป็นเด็กดีค่ะ”
พูดจบก็หันหน้าไปหาหลินซินเหยียน“ถ้างั้นขอบคุณพี่มากนะคะที่ให้ฉันทานข้าวที่นี่”
หลินซินเหยียนบอกว่าไม่ต้องเกรงใจ“เข้ามาสิ”
โจวฉุนฉุนเดิมตามอยู่ข้างๆหลินซินเหยียน จงจิ่งห้าวผละออกจากหลินซินเหยียนแล้วเดินตามหลัง เมื่อเข้าไปในคฤหาสน์เขาก็หันหลังปิดประตูพร้อมกับเหลือบมองไปที่ไป๋ยิ่นหนิงอย่างเย็นชา
ไป๋ยิ่นหนิงไม่ถือสา เขายิ้มตอบ“ขอบคุณประธานจงที่ต้อนรับภรรยาของผมครับ”
จงจิ่งห้าวแค่นเสียงหึออกมาพร้อมกับปิดประตูลงทันที
“คุณพ่อ”เมื่อจงเหยียนซีที่กำลังเล่นอยู่กับเจ้าขาวเห็นจงจิ่งห้าวก็รีบไถลตัวลงมาจากโซฟาแล้ววิ่งตรงไปหาเขา
จงจิ่งห้าวก้มลงอ้าแขนรับลูกสาว
“ในที่สุดก็กลับมาซักที”จงเหยียนซีพุ่งตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเขาแล้วกอดคอเขาไว้พร้อมกับทำสีหน้าน้อยใจ
จงจิ่งห้าวอุ้มเธอขึ้นมาแล้วเดินไปนั่งที่โซฟา จากนั้นก็แตะปลายจมูกของหนูน้อยเบาๆ“คิดถึงพ่อแล้วใช่ไหมคะ?”
จงเหยียนซีพยักหน้าหงึกๆ“หนูได้แต่นั่งดูเวลาผ่านไป”พูดจบก็เริ่มฟ้อง“หม่ามี๊ไม่ให้หนูออกไปไหน แต่หม่ามี๊กลับออกไปเล่นข้างนอกเองทั้งวัน”
เมื่อหลินซินเหยียนได้ยินที่ลูกสาวตัวเองพูดก็หันมอง เธอรีบเอาหน้ามุดเข้าไปในอกของจงจิ่งห้าวทันที
“ดื่มอะไรไหม?”หลินซินเหยียนถามโจวฉุนฉุน
โจวฉุนฉุนส่ายหน้า“ไม่เป็นไรค่ะ”
“นั่งก่อนสิ ไม่ต้องเกรงใจหรอก”หลินซินเหยียนยิ้มพลางพูดขึ้น
โจวฉุนฉุนนั่งลงบนโซฟา หลินซินเหยียนเข้าไปในครัวเพื่อบอกให้ป้าหยูทำอาหารเยอะๆหน่อย
เจ้าขาวที่อยู่ข้างๆจ้องมาที่โจวฉุนฉุนพร้อมกับส่งเสียงขู่
ถึงแม้เจ้าขาวจะอ่อนโยนมาก แต่ว่ามันก็ไม่ถูกกับคนแปลกหน้า
โจวฉุนฉุนรู้สึกกลัวนิดหน่อย
จงเหยียนซีสังเกตเห็นโจวฉุนฉุนก็เมื่อตอนได้ยินเสียงเจ้าขาว เธอตะโกนออกมา“เจ้าขาวเลิกขู่ได้แล้ว”
เจ้าขาวหยุดแล้วรีบกระดิกหางวิ่งมาอย่างไว จากนั้นก็หมอบลงข้างๆ
จงจิ่งห้าววางลูกสาวลง“เดี๋ยวพ่อขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าข้างบนก่อน”
จงเหยียนซีพูด“ค่ะ”
จงจิ่งห้าวไม่ได้ขึ้นไปชั้นบนทันที เขาเดินออกไปข้างนอกเพื่อไปเอาของที่ซื้อให้หลินซินเหยียนเข้ามาจากนั้นถึงได้ขึ้นไปชั้นบน
“คุณป้าคือใครหรอคะ?”จงเหยียนซีมองสำรวจโจวฉุนฉุน
ไม่เคยเห็นคุณป้าคนนี้มาก่อนเลย
โจวฉุนฉุนยิ้มพูดขึ้น“ป้าชื่อโจวฉุนฉุน หนูชื่ออะไรคะ?”
“หนูชื่อจงเหยียนซี หรือจะเรียกหนูว่าเสี่ยวลุ่ยก็ได้คือเรื่องชื่อของหนูมันยาวน่ะ หนูไม่พูดดีกว่า”
จงเหยียนซีทำหน้าเบื่อหน่าย
“คุณป้าไม่ต้องกลัวเจ้าขาวนะคะ มันไม่กัดใคร”จงเหยียนซีลูบเจ้าขาว แล้วบอกให้โจวฉุนฉุนลองลูบดู“คุณผ้าลองลูบดูสิคะ มันเชื่องมาก”
โจวฉุนฉุนไม่กล้าลูบ เพราะในใจยังนึกภาพที่มันขู่เมื่อกี้อยู่
จงเหยียนซีจับมือของโจวฉุนฉุนวางลงไปบนตัวเจ้าขาว