เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินยาก็ไปที่โรงพยาบาล แถมยังซื้อกระเช้าผลไม้ไปด้วย การไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมผู้อาวุโสนั้น ไปมือเปล่ามันก็คงไม่ดีเท่าไหร่
ต้องมีมารยาทอย่างเพียบพร้อม
ท่านย่านอนไม่ค่อยจะหลับตลอดทั้งคืน คือยังคงครุ่นคิดอยู่เช่นนั้น จะพูดได้ยังไงว่าคิดได้แล้วก็ตามนั้นไปเลย
การที่เห็นด้วยก็เป็นเพราะว่าเธอรู้สึกว่าฉินยาบาดเจ็บก็เป็นเพราะว่าพวกเขา จึงจำใจต้องตกปากรับคำ อีกอย่าง ก็รู้สึกว่าไม่สามารถท้องได้ มันก็มีวิธีที่จะรักษาได้
สิ่งที่มองข้ามไปอย่างสิ้นเชิงคือ หลังจากที่เธอศัลยกรรมทำหน้ายกเครื่องมาทั้งหมดแล้วจนมองเบ้าหน้าเดิมไม่ออก เป็นคุณหมอฝีมือที่ล้ำเลิศมากถึงมาได้ถึงขั้นนี้แล้ว ยังรู้สึกว่าเธอไม่สามารถมีลูกได้ก็เป็นเพราะว่าไปเจอกับหมอฝีมือไม่ถึงขั้นต่างหาก
การที่เธอให้ฉินยามาโรงพยาบาล ก็คือกำลังคิดให้เธอมาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล
มีลูกไม่ได้ก็รักษาได้?
เพราะว่าตอนนี้พัฒนาทางการแพทย์ไปไกลมากขนาดนั้น เธอคิดว่าอย่างไรก็ต้องมีลูกได้แน่
ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ลองทำเด็กหลอดแก้วดูเธอก็ยังรับได้ ขอแค่ซูจ้านมีลูกก็พอแล้ว
ฉินยาเคาะประตู ซูจ้านเป็นคนเปิด เมื่อเห็นเธอแล้ว จึงรีบรับของที่อยู่ในมือทันที พลางเอ่ยถามเสียงอ่อนเสียงหวาน “กินข้าวกันมาหรือยังเนี่ย?”
ฉินยาตอบ “กินกันมาแล้วค่ะ”
ซูจ้านเดินนำหน้ามาก่อนเธอ “รีบเข้ามาเร็ว”
“เสี่ยวยา มานั่งข้างย่าเร็ว” ท่านย่ากวักมือมาทางเธอ
ฉินยาเดินเข้ามา การที่ท่านย่ายอมรับตนเองแล้ว เธอเองก็แปลกใจมากเช่นเดียวกัน จนในใจยังรู้สึกซาบซึ้งอยู่บ้าง ด้วยเพราะว่าเธอรู้ดีว่าท่านย่านั้นต้องการที่อยากจะมีเหลนมาก
“คุณย่าคะ”
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินยาก็ไปที่โรงพยาบาล แถมยังซื้อกระเช้าผลไม้ไปด้วย การไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมผู้อาวุโสนั้น ไปมือเปล่ามันก็คงไม่ดีเท่าไหร่
ต้องมีมารยาทอย่างเพียบพร้อม
ท่านย่านอนไม่ค่อยจะหลับตลอดทั้งคืน คือยังคงครุ่นคิดอยู่เช่นนั้น จะพูดได้ยังไงว่าคิดได้แล้วก็ตามนั้นไปเลย
การที่เห็นด้วยก็เป็นเพราะว่าเธอรู้สึกว่าฉินยาบาดเจ็บก็เป็นเพราะว่าพวกเขา จึงจำใจต้องตกปากรับคำ อีกอย่าง ก็รู้สึกว่าไม่สามารถท้องได้ มันก็มีวิธีที่จะรักษาได้
สิ่งที่มองข้ามไปอย่างสิ้นเชิงคือ หลังจากที่เธอศัลยกรรมทำหน้ายกเครื่องมาทั้งหมดแล้วจนมองเบ้าหน้าเดิมไม่ออก เป็นคุณหมอฝีมือที่ล้ำเลิศมากถึงมาได้ถึงขั้นนี้แล้ว ยังรู้สึกว่าเธอไม่สามารถมีลูกได้ก็เป็นเพราะว่าไปเจอกับหมอฝีมือไม่ถึงขั้นต่างหาก
การที่เธอให้ฉินยามาโรงพยาบาล ก็คือกำลังคิดให้เธอมาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล
มีลูกไม่ได้ก็รักษาได้?
เพราะว่าตอนนี้พัฒนาทางการแพทย์ไปไกลมากขนาดนั้น เธอคิดว่าอย่างไรก็ต้องมีลูกได้แน่
ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ลองทำเด็กหลอดแก้วดูเธอก็ยังรับได้ ขอแค่ซูจ้านมีลูกก็พอแล้ว
ฉินยาเคาะประตู ซูจ้านเป็นคนเปิด เมื่อเห็นเธอแล้ว จึงรีบรับของที่อยู่ในมือทันที พลางเอ่ยถามเสียงอ่อนเสียงหวาน “กินข้าวกันมาหรือยังเนี่ย?”
ฉินยาตอบ “กินกันมาแล้วค่ะ”
ซูจ้านเดินนำหน้ามาก่อนเธอ “รีบเข้ามาเร็ว”
“เสี่ยวยา มานั่งข้างย่าเร็ว” ท่านย่ากวักมือมาทางเธอ
ฉินยาเดินเข้ามา การที่ท่านย่ายอมรับตนเองแล้ว เธอเองก็แปลกใจมากเช่นเดียวกัน จนในใจยังรู้สึกซาบซึ้งอยู่บ้าง ด้วยเพราะว่าเธอรู้ดีว่าท่านย่านั้นต้องการที่อยากจะมีเหลนมาก
“คุณย่าคะ”
สีหน้าของซูจ้านก็ย่ำแย่ในชั่วขณะนั้นทันที พลางพูดกับคุณหมอเสียงแข็ง “ผมไม่ต้องการ ขอบคุณมาก รบกวนคุณช่วยออกไปเถอะ”
“จะไม่ตรวจได้ยังไง ใช่ว่าเสี่ยวยาจะมีลูกไม่ได้ที่ไหนล่ะ? คุณหมอเฉินเป็นหมอที่จบมาจากต่างประเทศ ฝีมือการรักษาก็ยอดเยี่ยม ไม่แน่การที่เสี่ยวยาไม่ท้องนั้น เขาก็สามารถรักษาจนหายได้” ท่านย่ารีบพูดทันควัน “ฉันทำเพื่อพวกเธอทั้งสองคน แกไม่อยากมีลูกไปตลอดทั้งชีวิตใช่ไหม?”
“ผมบอกแล้วนะ ว่าผมไม่อยากจะมีลูก….”
“แกอย่าเพิ่งตีตัวไปก่อนไข้ ถ้าเกิดไม่ท้องขึ้นมาจริงๆ ฉันช่วยพวกแกไว้ได้ เทคนิคการทำเด็กหลอดแก้วในปัจจุบันถือว่าเป็นเรื่องที่ล้ำเลิศมาก…”
ฉินยาลุกขึ้นยืน เธอจ้องมองคุณหมอที่ยังหนุ่มยังแน่นคนนั้นด้วยสีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ “ถ้าไม่มีมดลูก จะทำเด็กหลอดแก้วได้ไหม?”
“เอ่อ คือไม่ได้” เด็กหลอดแก้ว เป็นสถานที่เพาะเลี้ยงจนมีอายุ ประเด็นหลักคือการต้องเจริญเติบโตในมดลูกในร่างกายของมารดา การที่ไม่มีมดลูก ก็ไม่สามารถตั้งท้องได้
นอกจากการเอาเชื้อไปฝากท้องคนอื่นหรืออุ้มบุญ คือการไปเติบโตในมดลูกของคนอื่น
“ดังนั้นคุณไม่สามารถรักษาได้” ฉินยาลุกขึ้นจนร่างกายโซเซ ทุกครั้งที่เอ่ยเรื่องนี้ออกมา ก็เหมือนมีมีดมาทิ่มแทง เจ็บปวดรวดร้าวเพิ่มขึ้น
เธอพยายามบังคับใบหน้าเล็กๆของตนเอง ให้หันหน้ากลับไปหาท่านย่า “คุณย่าคะหนูขอตัวกลับก่อน หนูเพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าหนูยังมีเรื่องที่ต้องทำ”
พูดจบก็เดินจ้ำอ้าวมุ่งหน้าไปยังประตูทันที ซูจ้านก็รีบตามในเวลานั้นเลย เมื่อคว้ามือของเธอเอาไว้ “เสี่ยวยา….”
ฉินยาสะบัดมือของเขาออกอย่างแรง จากนั้น เธอก็รู้สึกว่าตนเองทำเกินเหตุไปหน่อย ไม่ควรจะโมโหอีกคนแล้วเอามาลงที่คนอื่น ทว่าทุกข์อยู่ในใจ การที่ต้องมาถูกเปิดเผยข้อด้อยต่อหน้าคนอื่น จนทำให้เธอรู้สึกว่าตนเองนั้นช่าง “ทุเรศ” เพราะว่ามันน่าเกลียดกับการที่บางอย่างขาดหายไปมันจึงส่งผลให้ไม่สมบูรณ์แบบ
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินยาก็ไปที่โรงพยาบาล แถมยังซื้อกระเช้าผลไม้ไปด้วย การไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมผู้อาวุโสนั้น ไปมือเปล่ามันก็คงไม่ดีเท่าไหร่
ต้องมีมารยาทอย่างเพียบพร้อม
ท่านย่านอนไม่ค่อยจะหลับตลอดทั้งคืน คือยังคงครุ่นคิดอยู่เช่นนั้น จะพูดได้ยังไงว่าคิดได้แล้วก็ตามนั้นไปเลย
การที่เห็นด้วยก็เป็นเพราะว่าเธอรู้สึกว่าฉินยาบาดเจ็บก็เป็นเพราะว่าพวกเขา จึงจำใจต้องตกปากรับคำ อีกอย่าง ก็รู้สึกว่าไม่สามารถท้องได้ มันก็มีวิธีที่จะรักษาได้
สิ่งที่มองข้ามไปอย่างสิ้นเชิงคือ หลังจากที่เธอศัลยกรรมทำหน้ายกเครื่องมาทั้งหมดแล้วจนมองเบ้าหน้าเดิมไม่ออก เป็นคุณหมอฝีมือที่ล้ำเลิศมากถึงมาได้ถึงขั้นนี้แล้ว ยังรู้สึกว่าเธอไม่สามารถมีลูกได้ก็เป็นเพราะว่าไปเจอกับหมอฝีมือไม่ถึงขั้นต่างหาก
การที่เธอให้ฉินยามาโรงพยาบาล ก็คือกำลังคิดให้เธอมาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล
มีลูกไม่ได้ก็รักษาได้?
เพราะว่าตอนนี้พัฒนาทางการแพทย์ไปไกลมากขนาดนั้น เธอคิดว่าอย่างไรก็ต้องมีลูกได้แน่
ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ลองทำเด็กหลอดแก้วดูเธอก็ยังรับได้ ขอแค่ซูจ้านมีลูกก็พอแล้ว
ฉินยาเคาะประตู ซูจ้านเป็นคนเปิด เมื่อเห็นเธอแล้ว จึงรีบรับของที่อยู่ในมือทันที พลางเอ่ยถามเสียงอ่อนเสียงหวาน “กินข้าวกันมาหรือยังเนี่ย?”
ฉินยาตอบ “กินกันมาแล้วค่ะ”
ซูจ้านเดินนำหน้ามาก่อนเธอ “รีบเข้ามาเร็ว”
“เสี่ยวยา มานั่งข้างย่าเร็ว” ท่านย่ากวักมือมาทางเธอ
ฉินยาเดินเข้ามา การที่ท่านย่ายอมรับตนเองแล้ว เธอเองก็แปลกใจมากเช่นเดียวกัน จนในใจยังรู้สึกซาบซึ้งอยู่บ้าง ด้วยเพราะว่าเธอรู้ดีว่าท่านย่านั้นต้องการที่อยากจะมีเหลนมาก
“คุณย่าคะ”